ตอนที่แล้วตอนที่ 395 โครงกระดูกปีศาจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 397 บันทึกลับแห่งการสรรค์สร้าง

ตอนที่ 396 ตัวอักษรอมตะ


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

ศีรษะใหญ่โตตกกระทบพื้นดินพร้อมกับคล้ายเสียงระเบิดดังขึ้น แต่สิ่งที่ทำให้หลงเฉินตกตะลึงนั้นคือ ศีรษะที่ไร้ซึ่งร่างกายนั้นกลับยังคงโจมตีใส่หลงเฉินอย่างบ้าคลั่ง

“ผั๊วะ ผั๊วะ ผั๊วะ”

ฟันอันแหลมคมนั้นไล่กัดไปทั่วอย่างบ้าคลั่ง ตอนนี้มันไม่มีร่างกายค่อยค้ำจุนอยู่ ดูไปแล้วคล้ายกบ ที่กระโดดสะเปะสะปะไปทั่วพื้นที่ มองดูแล้วก็ทั้งชวนให้หวาดกลัวและทั้งน่าขบขัน

เพียงแค่มองดูฟันอันแหลมคมนั้น หลงเฉินก็ปฏิญาณกับร่างกายตนเองว่าจะต้องไม่ให้โดนมันกัดเด็ดขาด เมื่อเห็นปากใหญ่น่าเกลียดน่ากลัวนั้น หลงเฉินก็ยังรีบถอยหนีไปด้านหลัง ถ้าหากโดนกัดร่างกายต้องแหลกละเอียดเป็นผงกระดูกเป็นแน่

“แล้วตอนนี้จะทำอย่างไรต่อ” หลงเฉินมองไปยังหัวอสูรที่ไล่กัดอย่างบ้าคลั่งแล้วถามขึ้น

“ข้า... ก็ไม่รู้” เยว่เสี่ยวเฉียนตอบกลับมาอย่างรู้สึกผิด เมื่อกล่าวจบ นางก็ไม่กล้าหันไปมองใบหน้าของหลงเฉินอีกเลย

สีหน้าของหลงเฉินในตอนนี้ ไร้ความรู้สึกไปแล้ว เขามองไปยังเยว่เสี่ยวเฉียน พยายามมองลึกเข้าไปในดวงตาคู่นั้น แล้วปั้นหน้ายาก และกล่าวว่า “เป็นไปได้อย่างไร เจ้าไม่ได้เตรียมตัวมา แล้วจะมาเอาผลึกปีศาจอย่างนั้นหรือ?”

“เรื่องนี้ไม่ต้องมาตำหนิข้า แท้จริงแล้วข้าเองก็ออกมาเพื่อเสาะหาวาสนาเท่านั้น ใครจะไปรู้กันว่า ที่เขตแดนลับแห่งนี้จะมีผลึกปีศาจ” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวด้วยสีหน้าเลิกลั่ก

ในเวลานี้หลงเฉินรู้สึกว่า เยว่เสี่ยวเฉียนไม่มีลักษณะใดที่บ่งบอกถึงผู้มีฝีมือกล้าแกร่งอีกต่อไปแล้ว นางเหมือนเด็กสาวที่ไร้เดียงสาธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น

เยว่เสี่ยวเฉียนมาที่เขตแดนลับนพเก้าแห่งนี้เพียงเพื่อหาประสบการณ์ตามที่ตระกูลของนางมอบหมายให้ พวกเขาคงจะไม่ได้คาดหวังว่านางจะเอาผลึกปีศาจกลับไปได้

“เหตุผลของเจ้าช่างมหัศจรรย์เสียจริง” หลงเฉินกัดฟันกล่าว แล้วยกนิ้วหัวแม่มือสองนิ้วให้กับนาง แท้จริงแล้วในใจเขาต้องการจะกล่าวว่าสติปัญญาของเจ้าช่างไม่สมกับพลังฝีมือของเจ้าเลยจริงๆ

แต่ถึงกล่าวเช่นนั้นออกมาก็ไร้ประโยชน์ อีกทั้งก็จะทำให้นางไม่พอใจเสียเปล่า ยิ่งไปกว่านั้นนางก็เคยช่วยชีวิตเขาไว้ เรื่องการตอบแทนคุณก็เป็นเรื่องสมควรที่จะทำ

เห็นกระโหลกที่ไล่กัดอย่างบ้าคลั่งยังไม่สงบลงไปเลยแม้แต่น้อย เปรียบเสมือนหุ่นเชิดที่บังคับตัวเองไม่ได้ หลงเฉินก็ยิ่งไม่กล้าไปอยู่ตรงหน้ามัน

ในตอนนี้การต่อสู้นั้นยืดเยื้อ ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมอ่อนข้อให้กัน ปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่ดีแน่ และเป็นพวกเขาที่จะย่ำแย่ก่อน ดังนั้นหลงเฉินจึงสูดลมหายใจเข้าลึก ในมือปรากฏทองคำแผ่นบางขนาดเท่าฝ่ามือ -- -- บันทึกแผ่นทอง

“ชู่”

หลงเฉินรวบรวมพลังแห่งจิตวิญญาณ ถ่ายเทเชื่อมต่อเข้าสู่บันทึกแผ่นทอง จนแผ่นทองนั้นเปล่งแสงสีทองเจิดจ้า เคลื่อนที่แหวกอากาศตรงเข้าไปหาหัวกระโหลกปีศาจ พุ่งตรงไปยังตรงกลางของขนคิ้วเพื่อตัดให้ผลึกปีศาจให้หลุดออกมา

“ชืออออ”   

เสียงหนึ่งดังขึ้น บันทึกแผ่นทองหมุนวนไปรอบๆอย่างรวดเร็ว และนั่นก็ทำให้หัวกระโหลกปีศาจเปิดอ้าออก หัวกระโหลกนั้น เดิมทีมันแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก แต่ทว่าเมื่ออยู่เบื้องหน้าบันทึกแผ่นทองแล้ว มันกลับแลดูคล้ายเต้าหู้ไม่มีผิดเพี้ยน เพราะในตอนนี้บันทึกแผ่นทองกำลังตัดผ่ากระโหลกขนาดยักษ์นั้นราวกับตัดเต้าหู้

“ปังงงงงงง”

ผลึกปีศาจขนาดเท่ากำปั้น นั้นหลุดออกจากจุดกึ่งกลางระหว่างคิ้วนั้นในทันที แล้วร่วงหล่นลงมายังพื้นดิน หลังจากนั้นหัวกระโหลกที่กระโดดไม่หยุดก่อนหน้านี้ก็ค่อยๆสงบลงจะหยุดไปในที่สุด

บันทึกแผ่นทองกุมผลึกปีศาจนั้นไว้ แล้วบินกลับมา ร่วงหล่นลงมาในมือของหลงเฉิน

“รับไปสิ”

หลงเฉินยื่นผลึกนั้นส่งให้เยว่เสี่ยวเฉียนที่ยังคงมีสีหน้าตกตะลึง

“เจ้ามีอุปกรณ์วิญญาณด้วยหรือ” เยว่เสี่ยวเฉียนยังคงมองหลงเฉินด้วยความตกใจ

“อุปกรณ์วิญญาณ? คืออะไรกัน” หลงเฉินอึ้งไปชั่วครู่ เขารู้สึกเหมือนกับเคยได้ยินคำนี้ที่ไหนมาก่อน

เยว่เสี่ยวเฉียนรับผลึกนั้นมา รับรู้ได้ถึงพลังมหาศาลที่ยังแข็งแกร่งอยู่ภายใน ดวงตาของนางมองดูมันด้วยความตื่นเต้น

“ขอบใจเจ้ามาก หลงเฉิน”

“เหอะเหอะ สิ่งที่เราได้พูดคุยกัน เจ้าตอบเพียงแค่ครึ่งเดียว ข้าถามว่าอุปกรณ์วิญญาณคือสิ่งใดกัน?” หลงเฉินกล่าว

“ขออภัย ข้าคงจะตื่นเต้นมากไปหน่อย”

เยว่เสี่ยวเฉียนที่ถือผลึกปิศาจนั้นไว้ในมือ ในตอนนี้นางมีดวงตาประกายมองดูด้วยความตื่นเต้น

หลังจากชื่นชมผลึกนั้นอยู่ชั่วครู่ เยว่เสี่ยวเฉียนก็ใช้ม่านแสงของนางอีกครั้ง เพื่อที่พวกเขาทั้งสองจะได้ไม่ต้องเผชิญกับแรงกดดันอันน่าอึดอัดนี้อีก

“อะแฮ่ม” หลงเฉินส่งเสียงกระแอมขึ้นเพื่อให้นางหันมาสนใจ

“เราควรจะหาที่พักสักหน่อย” ทั้งสองผ่านศึกสงครามมาอย่างหนักหน่วง ทั้งคู่ต่างก็สูญเสียพลังกันไปไม่น้อย อีกทั้งยังต้องรับมือกับแรงกดดันรุนแรงนี้อีก การได้พักสักครู่น่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีในเวลานี้

หลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนหามุมเงียบสงบ เยว่เสี่ยวเฉียนหันไปกล่าวกับหลงเฉินว่า “จะเป็นไรไหมถ้าข้าจะขอดูของล้ำค่าของเจ้า”

ถึงแม้จะทราบว่าของล้ำค่าที่นางเอ่ยถึงคือบันทึกแผ่นทอง แต่ก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใดนางจึงสนใจมันนัก แต่พอเขาคิดไปถึงว่านางอาจจะหมายถึงของล้ำค่าอย่างอื่น เขาก็หน้าแดงขึ้นมาทันที

“ตัวบัดซบ คนหยาบคาย!” เยว่เสี่ยวเฉียนด่าทอหลงเฉินทันที

หลงเฉินสะดุ้งตกใจ แล้วจ้องมองนาง เหตุใดหญิงสาวผู้นี้ถึงล่วงรู้ไปถึงความนึกคิดนั้นของเขาได้ นี่ก็ช่างน่าหวาดกลัวมากเกินไปแล้ว

“เอามาให้ข้า” เยว่เสี่ยวเฉียนยื่นมือออกมาตรงหน้าหลงเฉิน

“เอ้า รับไป” หลงเฉินรีบส่งบันทึกแผ่นทองใส่มือของนาง แต่ในใจก็ลอบเป็นกังวลขึ้นมา บันทึกแผ่นทองเป็นของล้ำค่า ถ้าหากนางอยากได้จนตาร้อนแล้วล่ะก็ ก็คงจะเป็นเรื่องยุ่งยากแล้วล่ะ

“วางใจได้ ข้าไม่ใช่คนต่ำช้าไร้ยางอายแบบนั้น” เยว่เสี่ยวเฉียนยื่นมือมารับบันทึกแผ่นทองนั้น แล้วกล่าว

แปลกประหลาดยิ่งนัก หญิงผู้นี้มีบางอย่างที่ไม่ธรรมดา ดูราวกับว่านางสามารถอ่านใจหลงเฉินได้ นี่ก็เป็นอีกเรื่องที่ทำให้หลงเฉินประหลาดใจ เขารู้สึกได้ว่านางมีความสามารถในการล่วงรู้หรือไม่ก็สอดส่องจิตใจผู้อื่นได้

นั่นไม่ใช่พลังแห่งจิตวิญญาณ แล้วก็ไม่ใช่พลังใดๆในแบบที่หลงเฉินเคยรู้จัก ราวกับว่าความคิดของเขามันเปลือยเปล่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวผู้นี้

หลงเฉินแอบไหลเวียนพลังในเคล็ดกายานวดาราอย่างลับๆ ซึ่งมันก็ทำให้เขาต้องประหลาดใจอีกครั้ง เพราะเขารู้สึกได้ว่าเมื่อทำเช่นนั้นแล้ว ความรู้สึกที่ว่าความนึกคิดของเขากำลังถูกนางสอดส่องนั้นจะเบาบางลงไป

“ไม่ต้องกังวลไปหรอก มันไม่มีผู้ใดสอดส่องจิตใจของเจ้าได้หรอก นั่นเพราะความคิดทุกอย่างมันเผยออกมาทางสีหน้าและเเววตาของเจ้าจนหมดแล้ว” เยว่เสี่ยวเฉียนจ้องมองหลงเฉิน พร้อมกับส่ายหน้า

“เหอะเหอะ เรายังคุยกันไม่จบ มาเข้าเรื่องกันดีกว่า อุปกรณ์วิญญาณคืออะไรกันแน่ ?” หลงเฉินรีบเปลี่ยนเรื่อง

สตรีที่ฉลาดเกินไปจะนำปัญหามาให้ได้ หลงเฉินชื่นชอบเยว่เสี่ยวเฉียนในแบบที่นางเป็นก่อนหน้านี้มากกว่า ในตอนนี้นางดูราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่ไม่น่าไว้วางใจ

“อุปกรณ์วิญญาณเป็นอาวุธพิเศษอย่างหนึ่งของผู้ฝึกยุทธ์ในวิถีจิตวิญญาณ พลังของพวกมันน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง แต่วัสดุที่จะเอามาทำนั้นหายากยิ่งกว่ายาก ด้วยเหตุนี้ตัวอุปกรณ์วิญญาณเองจึงหาได้ยากมากไปด้วย ส่วนอุปกรณ์วิญญาณของเจ้า....เอ๊ะ? นี่มันไม่ใช่อปุกรณ์วิญญาณ”

เยว่เสี่ยวเฉียนถือบันทึกแผ่นทองนั้น หลังจากที่นางใช้พลังแห่งจิตวิญญาณสำรวจจนทั่วบันทึกเเผ่นทอง ในดวงตาคู่งามก็บ่งบอกถึงความตื่นตะลึง จับบันทึกแผ่นทองหมุนกลับหัว ในดวงตาของนางยิ่งเป็นประกาย

“อักษรอมตะ?”

“เจ้ารู้จักอักษรนี้หรือ” หลงเฉินทั้งประหลาดใจระคนดีใจ นึกไม่ถึงว่าเยว่เสี่ยวเฉียนจะรู้จักตัวอักษรเหล่านี้

อักษรอมตะ เป็นอักษรจีนยุคอมตะ เล่ากันว่าในยุคนั้นเป็นยุคแห่งเทพและเซียนอมตะ มนุษย์มีพลังแห่งความเป็นอมตะและพลังแห่งสวรรค์ เพียงแค่โบกมือก็สามารถเคลื่อนย้ายภูเขาและทะเล มีพลังมหาศาลสามารถพลิกแผ่นดินได้เลยทีเดียว

แต่ยุคสมัยนั้นก็ผ่านมาเนิ่นนานแล้ว นานจนไม่มีผู้ใดเชื่อถือเรื่องเช่นนี้กันแล้ว อีกทั้งนี่ก็เป็นเพียงตำนานที่เป็นเพียงเทพนิยายเล่าต่อกันมา ไม่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ไม่มีบันทึกประวัติศาสตร์ใดๆ ผู้คนจึงไม่เชื่อถือเรื่องเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว

แม้แต่ยุคที่เข้าใกล้ยุคปัจุบันเพิ่มขึ้น อย่างยุคโบราณนั้น ก็ยังเกือบจะกลายเป็นเพียงตำนานเรื่องเล่าไปแล้วในตอนนี้ มีหลายสิ่งที่คนเล่ากันว่ามีอยู่ในยุคโบราณ แต่มันก็เป็นเพียงเรื่องเล่าเท่านั้น ไม่มีหลักฐานยืนยันใดๆ

จากยุคอมตะจนถึงยุคโบราณ จนถึงตอนนี้ยุคที่กล่าวมาทั้งหมดนั้น ก็มีหลายสิ่งหลายอย่างได้หายสาบสูญไปแล้ว

ราวกลับว่าใต้หล้านี้ ผ่านเรื่องราวมามากมาย เส้นทางแห่งการฝึกตนนั้นไร้ความปรานี ผู้ฝึกตนในโลกวิทยายุทธ์ของยุคนี้ จะต้องพยายามอย่างสุดความสามารถและทิ้งยุคสมัยอดีตไว้เบื้องหลัง

ในยุคปัจจุบันสามารถสืบค้นหรือหาข้อมูลในอดีตได้อย่างเเม่นยำก็ไม่มากไปกว่าล้านปีย้อนหลัง แต่ยุคโบราณคือยุคที่เก่าเเก่กว่าสิบล้านปี ทำให้แทบทุกสิ่งอย่างเลื่อนหายไปจนหมดแล้ว

ยุคอมตะนั้น คือยุคที่เกิดขึ้นเมื่อร้อยหรือพันล้านปีก่อน หรือบางทีอาจจะยาวนานยิ่งกว่านั้น ทำให้หลายคนถึงกับกล่าวว่ายุคนั้นไม่เคยมีอยู่จริงเสียด้วยซ้ำ

แต่ทว่าหลงเฉินก็ยังไม่คาดคิดว่าตัวเองจะมีบันทึกทองคำอันล้ำค่าแห่งยุคสมัยเก่าแก่โบราณในมือ เขายังคงไม่เชื่อว่ายุคสมัยเช่นนั้นจะมีจริง ถึงแม้จะใช้ตัวอักษรอมตะเขียนขึ้นก็ตาม ถึงอย่างนั้นเรื่องเหล่านั้นก็ใช่ว่าเขาจะสนใจมากนัก สิ่งที่ทำให้เขาตกใจนั้นคือเยว่เสี่ยวเฉียนรู้จักอักษรอมตะต่างหาก

เยว่เสี่ยวเฉียนหยุดพิจารณาบันทึกแผ่นทองในมือ นางเงยหน้าขึ้นมองหลงเฉิน กล่าวอย่างเขร่งขึม “หลงเฉิน ตำรานี้ เป็นบันทึกจารึกความลับของฟ้าดิน ถ้าข้าช่วยเจ้าแปล ก็เท่ากับว่าข้าก็จะได้ล่วงรู้ความลับนี้เช่นกัน เจ้าจะยินยอมแปลให้ข้าหรือไหม”

“เจ้าพูดอะไรกัน ไม่ต้องไปสนใจเรื่องเช่นนั้น เราก็เป็นเพื่อนร่วมทุกข์ร่วมสุขมาด้วยกัน ข้าย่อมเชื่อใจเจ้า หากจะให้พูดอีกก็คือ ถ้าเจ้าไม่ช่วยข้าแปล ข้าจะไปเสาะหาคนอื่นมาแปลอยู่ดี นั่นถือได้ว่าเป็นการร่วมทุกข์ร่วมสุขเหมือนกัน” หลงเฉินกล่าวเพื่อให้เยว่เสี่ยวเฉียนคลายกังวล พลางหัวเราะเบาๆ

“เช่นนั้น เจ้าอย่ามาเสียใจภายหลังก็แล้วกัน ความลับของอักษรอมตะ สามารถทำลายทั้งฟ้าดินได้ บรรพบุรุษของเราโหดร้ายบ้าคลั่งก็เพราะมัน” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวเตือนอีกครั้ง น้ำเสียงของนางจริงจังอย่างมาก

“เหว่ยเหว่ยเหว่ย อย่าได้มัวแต่ชักช้ารีรอ รีบๆแปลเร็วเข้าเถอะ” หลงเฉินกล่าวปัดขึ้น

ตัวอักษรอมตะ มีกี่คนกันที่รู้จักมากพอ? ถ้าหากมีคนรู้จักอักษรอมตะนี้ คนเหล่านั้นก็ต้องซักถามด้วยความสงสัย ทว่าอักษรนี้ยังอยู่และผู้คนก็ยังกังขาถึงข้อเท็จจริงของการมีอยู่ของยุคหลายร้อยล้านปีก่อน ถ้าหากมีผู้รู้จักอักษรอมตะจำนวนมากพวกเขาก็จะต้องไขความลับเมื่อพันล้านปีก่อนได้ไปแล้ว เช่นนี้แล้วก็ไม่ใช่ข้อพิสูจน์ว่าการมีอยู่ของทวยเทพเป็นเพียงเทพนิยายได้แล้วหรอกหรือ

ความลึกลับของเยว่เสี่ยวเฉียนนั้นหลงเฉินสามารถสัมผัสได้ นางจะต้องมีภูมิหลังที่น่าตกใจเป็นอย่างมากแน่นอน แม้ว่าน่าจะดูอ่อนประสบการณ์จนเเทบจะเป็นศูนย์ แต่ฝีมือของนางกลับน่าตกใจถึงเพียงนี้

“ดี เช่นนั้นข้าก็จะแปลล่ะ” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวนางมองหลงเฉิน ในดวงตาคู่งามนั้นเปี่ยมไปด้วยความตื่นเต้น แล้วก็เริ่มจมดิ่งอ่านบันทึกนั้นเงียบๆ

หลังจากที่เยว่เสี่ยวเฉียนมองดูแผ่นบันทึกอยู่นาน นางก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวใดๆ ในที่สุดหลงเฉินก็อดไม่ได้เอ่ยถามออกมา

“ไหนว่าเจ้าจะแปล” หลงเฉินเห็นนางอ่านอยู่นานแล้ว เขาคิดว่านางมัวแต่เอียงอาย จึงกล่าวกระตุ้นให้พูด

“อย่าเร่งรัดนักสิ ตัวอักษรอมตะลึกซึ้งอย่างยิ่ง ลายมือของแต่คนที่เป็นผู้สลักก็แตกต่างกัน ยิ่งเอาแต่ละอักษรมาประกอบกัน ก็ยิ่งทำให้ความหมายบิดเบือนไปอีก เจ้าไม่เข้าใจก็เงียบไปเสีย” เยว่เสี่ยวเฉียนรู้สึกโมโหที่ถูกขัดจังหวะ ต่อว่าหลงเฉินแล้วตั้งอกตั้งใจแปลตัวอักษรนั้นต่อ

หลงเฉินนิ่งไปเล็กน้อยเมื่อเห็นเยว่เสี่ยวเฉียนโกรธ เขารีบปิดปากเงียบแม้แต่เสียงก็ไม่ให้เล็ดรอด

สิ่งที่หลงเฉินไม่รู้ก็คือ ตัวอักษรอมตะนั้นไม่เหมือนกับอักษรที่ใช้กันในสมัยนี้ ตัวอักษรหนึ่งตัวจะมีความหมายแฝงมากมาย หากอยากจะแปลให้ถูกต้องแม่นยำก็ค่อยข้างยากลำบาก

จะแปลประโยคหนึ่ง ก็ต้องดูประโยคด้านหลัง แล้วค่อยมาแปลด้านหน้า แล้วค่อยแปลทั้งหมดโดยรวมอีกครั้ง

เยว่เสี่ยวเฉียนแปลไปได้ส่วนนึง ก็ถูกหลงเฉินเอ่ยขัดจัวหวะ นางใช้เวลาอ่านและแปลค่อนข้างนาน เพราะอยากรู้ความหมายของอักษร ความงามของตัวอักษร เปรียบเสมือนบทประพันธิ์ที่กล่าวขานถึงความทรงจำ พอถูกหลงเฉินขัดจังหวะครั้งหนึ่งก็ต้องเริ่มต้นแปลใหม่

หลงเฉินยืนขึ้นเงียบๆ ไม่กล้าส่งเสียง แม้จะหัวเสียบ้างที่ถูกด่าทอ แต่ก็ไม่ได้ขัดจังหวะนางต่อ เพราะในตอนนี้ก็เกรงใจมากแล้ว

ผ่านไปครึ่งชั่วยาม หลงเฉินก็เริ่มเห็นนางผากสะอาดเรียบเนียนดุจหยกเนื้อดีนั้นปรากฏเม็ดเหงื่อ ทำให้เขาได้รู้ว่าการแปลตัวอักษรโบราณนั้นยากมากเพียงใด แตกต่างจากที่เขาคาดคิดไว้ในตอนแรกว่าจะสามารถแปลความหมายข้อความนั้นได้อย่างง่ายดาย

ในตอนนี้ หลงเฉินก็อดตื่นเต้นไม่ได้ เขาอยากทราบเป็นอย่างยิ่ง ว่าบันทึกนั้นกล่าวถึงสิ่งใด

ผ่านไปอีกหนึ่งชั่วยาม เม็ดเหงื่อที่ผุดขึ้นบนหน้าผากของเยว่เสี่ยวเฉียนก็เพิ่มมากยิ่งขึ้น ในตาคู่นั้นปรากฎแววของความเหนื่อยล้า แต่นางก็ยังกัดฟันสู้ต่อไป

นั่นเองทำให้หลงเฉินยิ่งตกใจ และรู้สึกเสียใจ เขาดูออกว่าเยว่เสี่ยวเฉียนนั้นได้ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณไปอย่างหนักหน่วง

หลงเฉินลังเลอยู่ครู่นึง ในที่สุดมือใหญ่ก็ค่อยๆแตะลงไปบนหลังของเยว่เสี่ยวเฉียน ในเวลาเดียวพลังจิตวิญญาณของเขาก็ค่อยๆถูกส่งไปยังเยว่เสี่ยวเฉียนด้วย

ตามปรกติแล้ว ไม่มีผู้ใดยินยอมมอบจิตวิญญาณของตัวเองกับผู้อื่นหรอก ถ้าพาตัวเองเข้าไป เท่ากับฝากชีวิตฝากจิตวิญญาณกับอีกฝ่ายแล้ว

หลงเฉินทำได้แค่ผ่านร่างกาย ถ่ายเทพลังไปให้เยว่เสี่ยวเฉียน นางเองก็สามารถรับพลังส่วนนี้เข้าไปฟื้นฟูพลังแห่งจิตวิญญาณของนาง

เมื่อได้รับพลังจิตวิญญาณ สีหน้าก็เยว่เสี่ยวเฉียนก็ค่อยๆดีขึ้น แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาแปลความหมายของบันทึกนั้นต่อไป

เมื่อผ่านไปสามชั่วยาม หลงเฉินก็เริ่มรู้สึกเหนื่อยล้าเบื่อหน่ายเพิ่มมากขึ้น ในที่สุดเยว่เสี่ยวเฉียนก็ถอนหายใจออกมาแผ่วเบา แล้วหันกลับมาจ้องมองหลงเฉิน

“ครั้งนี้ต้องยินดีกับเจ้าด้วย เจ้าได้รับสิ่งมีค่าที่สุดไม่มีใครเทียบได้”

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด