ตอนที่แล้วตอนที่ 396 ตัวอักษรอมตะ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 398 ภูเขาโครงกระดูก

ตอนที่ 397 บันทึกลับแห่งการสรรค์สร้าง


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

“สิ่งมีค่าที่สุดคืออะไร? เป็นทักษะยุทธ์หรือเคล็ดวิชาการต่อสู้”

  

หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สั่นเล็กน้อย เพราะถ้าหากสิ่งนี้เป็นทักษะยุทธ์หรือเคล็ดวิชาจากยุคอมตะแล้วล่ะก็ มันคงจะเป็นวิชาที่สามารถพิชิตสวรรค์ได้เลย

  

“บันทึกนี้้มีชื่อว่าบันทึกลับแห่งการสรรค์สร้าง มันถือเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายจากยุคอมตะ” เยว่เสี่ยวเฉียนมองหน้าบันทึกสีทอง ดวงตาทั้งคู่ก็ปรากฎอาการตกใจ

  

“เว่ยเว่ย อย่าแสร้งสร้างสถานการณ์เพื่อให้ผู้อื่นเกิดความสงสัยอยู่เลย เคล็ดลับที่จริงแล้วคือทักษะการต่อสู้อะไรกันแน่?” หลงเฉินกล่าวด้วยแววตาเป็นประกาย

  

แต่เมื่อหลงเฉินเห็นสายตาของนางที่เต็มไปด้วยความสบประมาทเขาก็เริ่มคิด นี่ข้าพูดอะไรผิดไปงั้นหรือ?

  

“บันทึกลับแห่งการสรรค์สร้างไม่ใช่เรื่องของทักษะยุทธ์หรือเคล็ดวิชา หากแต่เป็นหลักและวิธีการสร้างอุปกรณ์ศักดิ์สิทธิ์” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าว

  

“สร้างอุปกรณ์ ? นี่เจ้ากำลังล้อข้าเล่นใช่หรือไม่?” สีหน้าของหลงเฉินดูผิดไปจากปกติ สิ่งนี้หรือถูกเรียกว่าล้ำค่า เขารู้สึกเหมือนถูกหลอกหลวง

  

“เจ้า...เจ้ามันไร้เหตุผลจริงๆ” จู่ๆเยว่เสี่ยวเฉียนก็โกรธขึ้นมาอีกครั้ง

  

“บันทึกลับแห่งการสรรค์สร้างที่มาจากยุคอมตะ ล้วนเป็นประสบการณ์ทั้งชีวิตจากปรมาจารย์หลอมอุปกรณ์ ในนั้นเป็นเคล็ดลับขั้นตอนและวิธีการหลอมอาวุธนับไม่ถ้วน นี่เป็นสิ่งที่หายสาบสูญไปนานซึ่งมันไม่สามารถประมาณค่าได้ หากเคล็ดลับนี้เผยแพร่ออกไปทั้งโลกจะบ้าคลั่ง สวรรค์พื้นพิภพไร้พลังอานุภาพ”

  

“มีค่าขนาดนั้นเชียวหรือ?” หลงเฉินชะงัก ทันใดนั้นเขาก็ตบที่ขาตัวเอง สิ่งนี่มันไม่ใช่สิ่งที่ล้ำค่าสำหรับเจ้าหนูกัวเหรินนั่นหรอกหรือ ? ข้าเกือบจะลืมเจ้าหนูนั่นไปเลย

แต่ก่อนหลงเฉินสู้รบอย่างดุเดือดเพื่อบันทึกแผ่นทอง จิตใต้สำนึกคิดว่าสิ่งที่จารึกไว้ข้างในมันจะต้องเกี่ยวกับการต่อสู้ซึ่งเขาคงเข้าใจผิดไปเอง

  

“ข้าขี้เกียจจะพูดกับเจ้า” เยว่เสี่ยวเฉียนรู้สึกว่าความฉลาดของหลงเฉินนั้นไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกับนาง เขาถึงได้กล้าดูหมิ่นสมบัติล้ำค่าเช่นนี้

  

“มานี่” ทันใดนั้นเยว่เสี่ยวเฉียนก็กล่าวด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

 

“ทำไมหรือ? เจ้าคิดจะตีข้างั้นหรือ?” หลงเฉินกล่าวถามด้วยความตกใจ

  

ในเวลานี้เมื่อได้เห็นว่าเยว่เสี่ยวเฉียนที่มีท่าทางไม่เหมือนก่อนหน้า ก็ทำให้เขารู้สึกว่าสตรีผู้นี้ยิ่งอันตรายมากขึ้นเรื่อยๆ

  

“คริๆ”

  

เยว่เสี่ยวเฉียนทำสีหน้าเดิมมองไปที่หลงเฉิน เห็นสีหน้าของเขาที่ดูระมัดระวัง ก็อดไม่ได้ที่จะหลุดขำออกมา

  

“ข้าจะตีเจ้าทำไหม? เจ้ามานี่ ข้าจะถ่ายทอดภาพของอักษรอมตะให้แก้เจ้า” เยว่เสี่ยวเฉียนอดหัวเราะไม่ได้

  

แม้ว่านางจะเผยให้เห็นแค่นัยน์ตา แต่เมื่อได้มองดวงตาที่งดงามของเยว่เสี่ยวเฉียน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะใจสั่น จึงต้องรีบทำให้จิตใจกลับมามั่นคง

 

เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าว “อักษรอมตะกับอักษรปัจจุบันไม่เหมือนกัน ทุกอักษรท่วงทำนองเป็นบทประพันธ์ หลังจากเข้าใจอักษรอมตะอย่างทะลุปรุโปร่งก็จะปรากฏภาพอย่างต่อเนื่อง

  

อักษรอมตะแบบนี้ไม่มีได้บันทึกลงในแผ่นหนังหรือแผ่นกระดาษเพียงอย่างเดียว แต่จะจารึกด้วยวัสดุจิตวิญญาณอย่างเช่นทองคำแห่งจิตวิญญาณเหมือนอย่างบันทึกนี้ ดังนั้นตอนนี้ข้าจะถ่ายทอดภาพในบันทึกให้แก่เจ้าทางจิตวิญญาณ เจ้าอย่าขยับ” เมื่อเยว่เสี่ยวเฉียนพูดจบมือค่อยๆเหยียดออกเบาๆ และชี้ไปทางหน้าผากของหลงเฉิน

  

เวลานี้หลงเฉินและเยว่เสี่ยวเฉียนอยู่ใกล้กันมากจนสามารถได้กลิ่นกายและสัมผัสได้ถึงลมหายใจของนาง 

โดยเฉพาะมือของเยว่เสี่ยวเฉียนที่ชี้ไปที่หน้าผากของหลงเฉิน สัมผัสที่นุ่มแบบนี้ทำให้หลงเฉินใบหน้าร้อนผ่าว

  

“เจ้าเชื่อใจข้ามากขนาดนี้เลยหรือ?” เยว่เสี่ยวเฉียนเห็นหลงเฉินไม่ได้เตรียมการป้องกันแต่อย่างใด ปล่อยให้มือของนางชี้ไปที่หน้าผากของเขาก็อดไม่ได้ที่จะถามขึ้น

  

ในระยะเช่นนั้นหากเยว่เสี่ยวเฉียนคิดจะทำอะไร หลงเฉินคงต้องตายในกำมือเยว่เสี่ยวเฉียนอย่างแน่นอน

  

หลงเฉินยิ้มเล็กน้อยไม่ได้พูดอะไร ตั้งแต่หลงเฉินฝึกยุทธ์ถึงเคล็ดกายานวดารา เขาก็ไม่เชื่อสายตาอีกต่อไป แต่จะเชื่อในสัญชาตญาณของตัวเองเท่านั้น

  

จนถึงตอนนี้สัญชาตญาณของเขาก็ไม่เคยหลอกเขา เขาเชื่อความรู้สึกมากกว่าใช้ตามอง แยกแยะระหว่างความดีและความชั่วได้อย่างชัดเจน คนที่อยู่ตรงหน้าไม่มีจิตคิดมุุ่งร้ายกับเขาเเม้เเต่น้อย

  

“ขอบใจเจ้า”

  

เยว่เสี่ยวเฉียนพูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาจากนั้นก็หลับตาลง พลังแห่งจิตวิญญาณที่เเข็งเเกร่งค่อยๆไหลจากนิ้วของนางไปที่ระหว่างคิ้วของหลงเฉิน

  

เมื่อเยว่เสี่ยวเฉียนปล่อยพลังจิตวิญญาณเข้าไปที่หลงเฉิน ภาพก็ค่อยๆปรากฏขึ้นมาอย่างช้าๆ

  

เป็นภาพของผู้อาวุโสคนหนึ่งปรากฎขึ้นมา ในมือนั้นถือค้อนที่ดูทรงพลังไว้อยู่และเขาก็กำลังตีของบางอย่างเขาทุบตีด้วยความหนักเเน่นรุนแรง การแกว่งยกค้อนของเขาทำให้เกิดเป็นเส้นโค้งประหลาด ซึ่งหลงเฉินเองก็ไม่เข้าใจความหมายของภาพนี้

  

ภาพยังคงดำเนินต่อไปโดยส่วนมากจะเป็นภาพเกี่ยวกับการสร้างสิ่งของบางอย่าง รวมไปถึงเครื่องมือขนาดใหญ่และอุปกรณ์เเปลกๆอีกหลายอย่างที่ถูกผู้อาวุโสท่านนี้สร้างขึ้นมา

  

“ชิ้ง”

  

ในภาพผู้อาวุโสกำลังใช้ดาบแทงจากนั้นก็ใช้ดาบวาดเส้นโค้งลึกลับบนท้องฟ้า ราวกับว่าดาบของเขาตัดฟ้าให้เเยกออกเผยให้เห็นดวงดวงระยิบระยับนับล้านดวงอยู่เต็มท้องฟ้า 

“อักษรอมตะ?”

  

หลงเฉินตกใจ ในที่สุดเขาก็รู้แล้วว่าทำไมเยว่เสี่ยวเฉียนจึงมองเขาด้วยสายตาดูถูก

 

เขามองดูวิธีการหล่อโลหะเหล่านั้น เป็นวิชาความรู้การหล่อโลหะขั้นสูงเกินกว่าที่เขาจิตนาการไว้มาก

  

ภาพของดาบที่อยู่ในบันทึกแผ่นทองเป็นดาบที่ราวกับมีชีวิต และยังมีแรงกดดันที่น่าหวาดกลัว การโจมตีเปียมไปด้วยความเเน่วเเน่ของผู้ใช้

 

“ตูม”

  

ภาพในหัวหายไป หูของเขาได้ยินเสียงของเยว่เสี่ยวเฉียนลอยมา “ใช้พลังแห่งจิตวิญญาณผนึกภาพเหล่านั้นไว้ในหัวของเจ้า อย่าให้พวกเขาหนีไปไม่เช่นนั้น ถ้าเจ้าอ่านมันอีกครั้งจะเกิดความยุ่งยากขึ้นอย่างมาก”

  

หลงเฉินรีบใช้พลังจิตวิญญาณปิดผนึกและเก็บรักษาความทรงจำเหล่านี้ไว้ มันเป็นเรื่องง่ายมากที่ผู้ฝึกยุทธ์วิถีโอสถเช่นเขาจะสามารถผนึกภาพเหล่านี้ไว้ในจิตใจ

  

“ขอบคุณ ของสิ่งนี้ล้ำ.....แค่กๆ ดีมากจริงๆ!” หลงเฉินเกือบจะหลุดพูดว่ามันล้ำค่าออกไป

  

เยว่เสี่ยวเฉียนส่ายหน้านางรู้ว่าหลงเฉินจะพูดอะไร นางลังเลครู่หนึ่งทันใดนั้นก็กล่าวขึ้นอย่างลำบากใจ

“หลงเฉินข้างมีเรื่องจะปรึกษากับเจ้า”

  

“พูดมาเถิด” หลงเฉินกล่าวด้วยน้ำเสียงสบายๆ

  

“อันนี้...บันทึกลับนี้ ข้าสามารถนำไปถ่ายทอดให้คนในเผ่าของข้าได้หรือไม่?” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวอย่างอึดอัดใจ

  

“ได้แน่นอน” สีหน้าหลงเฉินไม่สามารถอธิบายได้

  

“จริงหรือ?” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวอย่างแปลกใจ 

 

“จริงแน่นอน จะว่าไปเจ้าก็รู้ภาพในบันทึกลับนี้ไปแล้ว หากเจ้าอยากถ่ายทอดให้ใคร ข้าก็คงจะไม่ไปรับรู้ได้” หลงเฉินกล่าวและยิ้ม

  

ได้ฟังคำพูดของหลงเฉินแล้ว สีหน้าประหลาดใจของเยว่เสี่ยวเฉียนก็ได้หายไปแล้วเกิดเป็นความเลื่อมใสเข้ามาแทนที่ “หลงเฉิน แม้ว่าข้าจะรู้เนื้อหาที่อยู่ในเทคนิคลับ แต่ข้าก็จะไม่บอกใครหากเจ้าไม่อนุญาติ”

  

“ไม่จำเป็นต้องจริงจังขนาดนั้น” หลงเฉินกล่าว เมื่อเห็นใบหน้าของเยว่เสี่ยวเฉียนดูมีความเกรงใจเยี่ยงนี้

  

“นี้ถือเป็นความเชื่อในเผ่าของข้า” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าว

  

“เอาเถอะ หยุดเถิด การพูดคุยที่จริงจังมากขนาดนี้มันไม่เหมาะกับข้า บันทึกลับนี้ถ้าหากไม่ได้เจ้าช่วยแปล มันก็ไม่มีประโยชน์อะไรสำหรับข้าตั้งแต่แรกแล้ว

  

ตอนนี้เราสองคนต่างก็รู้ความลับกันอย่างเท่าเทียมและสมัครใจโดยมีผลประโยชน์ร่วมกัน พวกเราต่างได้รับประโยชน์จากเรื่องนี้” หลงเฉินไม่ชอบพูดคุยอะไรที่จริงจังขนาดนี้โดยเฉพาะกับหญิงสาวสวยๆ

  

“ขอบคุณเจ้ามากหลงเฉิน พูดจริงๆนะเคล็ดลับนี้จะต้องทำให้เผ่าของข้ารุ่งเรืองขึ้นมาอีกครั้งเป็นแน่ มันจะมีบทบาทสำคัญมาก ต้องขอบใจเจ้าจริงๆ” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวอย่างจริงใจ

  

“อย่าได้เกรงใจขนาดนี้ อ่อใช่แล้ว เจ้าบอกว่าบันทึกสีทองแผ่นนี้ ทำมาจากทองคำแห่งจิตวิญญาณใช่หรือไม่ ?” หลงเฉินถาม

  

“อืม มีวัสดุไม่กี่ชนิดหรอกที่สามาถควบคุมด้วยจิตวิญญาณ อย่างบันทึกเล่มนี้มันต้องเป็นทองคำแห่งจิตวิญญาณที่มีคุณภาพสูง

  

ทว่าน่าเสียดายที่มันยังไม่ได้ผ่านการกรรมวิธีใดๆและไม่ได้ลงอักขระ ดังนั้นมันยังไม่นับว่าเป็นอุปกรณ์วิญญาณ ถ้าหากเป็นอุปกรณ์วิญญาณล่ะก็ ผู้ฝึกจิตวิญญาณจะสามารถใช้มันฆ่าผู้มีฝีมือในระดับเดียวกันได้อย่างง่ายดายเลยล่ะ

แม้กระนั้นบันทึกนี้ก็ยังสามารถปลดปล่อยพลังออกมาได้ หากเจ้ามีพลังแห่งจิตวิญญาณแข็งเเกร่งพอที่จะควบคุมมัน แต่อย่างไรก็ตามพลังของมันก็มีขีดจำกัด 

และเมื่อมันเข้าไปภายในเนื้อของสิ่งมีชีวิตแล้ว มันจะไม่สามารถเชื่อมต่อจิตวิญญาณได้ เนื่องจากพลังของมันมีจำกัดจึงไม่สามารถต้านทานพลังของสัตว์มายาได้

  

แม้ว่าจะใช้ต่อสู้กับคนมันก็ยังถือว่าไม่มีประโยชน์ เนื่องจากของสิ่งนี้ไม่ใช่อุปกรณ์วิญญาณจริงๆ มันจึงมีโอกาสที่ผู้อื่นจะใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเข้าเเทรกเเซงมันได้” เยว่เสี่ยวเฉียนอธิบาย

หลงเฉินรู้สึกประหลาดใจกับความรู้ของเยว่เสี่ยวเฉียน นางรู้ทุกอย่างถือเป็นคลังความรู้ของผู้ฝึกยุทธ์ได้เลย

  

“ทว่าตอนต่อสู้กับคน ถ้าหากพวกเขาไม่มีการเตรียมการป้องกันที่ดี หรือถูกโจมตีโดยไม่ทันคาดคิด ก็คงจะไม่มีใครสามารถป้องกันได้แน่ หากจะป้องกันคงมีเพียงแต่อาวุธระดับก่อฟ้าเท่านั้นถึงจะสามารถป้องกันได้” เยว่เสี่ยวเฉียนส่งบันทึกแผ่นทองคืนให้หลงเฉิน

  

หลงเฉินเก็บบันทึกนั้น แล้วก็อดไม่ได้ที่จะชื่นชมความรู้ของนางทำให้หลงเฉินเลื่อมใสนางอย่างเต็มที่

  

อาวุธระดับก่อฟ้าที่นางพูดถึง ถือเป็นอาวุธเฉพาะสำหรับผู้ทีอยู่ในขอบเขตขั้นก่อฟ้า อาวุธเหล่านั้นสามารถรองรับพลังแห่งฟ้าดินและสามารถปลดปล่อยพลังที่ทำลายได้แม้เเต่ขุนเขา มีเพียงผู้ที่อยู่ในขอบเขตก่อฟ้าเท่านั้นจึงจะสามารถใช้มันได้ 

  

จนถึงตอนนี้ความคมราวกับดาบของหน้าบันทึกแผ่นทอง ก็ยังไม่มีสิ่งใดที่มันไม่สามารถตัดได้เลย แม้เเต่เนื้อของสัตว์มายาระดับสูงก็ตาม

  

“พวกเรามุ่งหน้าต่อไปข้างหน้ากันเถอะ ดูท่าในนี้ยังมีปีศาจสองปีกตัวอื่นอีกและภายในต้องมีมีผลึกปีศาจอยู่” หลงเฉินกล่าว

 

เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวอย่างซาบซึ้ง “ผลึกปีศาจนี้มันสำคัญต่อข้ามาก ข้าทำให้เจ้าลำบากแล้ว”

  

หากหลงเฉินไม่มีบันทึกแผ่นทอง นางก็คงทำอะไรไม่ได้จริงๆจากปีศาจโครงกระดูกสองปีกตัวเมื่อครู่นี้  ถึงแม้ว่านางจะฟันจนหัวของมันหลุดได้ เเต่ถ้าไม่มีบันทึกแผ่นทอง นางคงจะไม่มีทางเอาผลึกปีศาจออกมาได้

  

ตอนนี้ด้วยความช่วยเหลือของหลงเฉิน นางจึงไม่มีความทุกข์อีกต่อไปและผ่อนคลายมากขึ้น

  

เมื่อทั้งสองเดินไปได้ร้อยกว่าลี้ ก็พบโครงกระดูกปีศาจสองปีกขนาดใหญ่อยู่ข้างหน้า ครั้งนี้พวกเขาเจอโครงกระดูกปีศาจที่มีปีกสมบรูณ์ พลังการต่อสู้นั้นยากกว่าการจัดการเช่นครั้งก่อน เยว่เสี่ยวเฉียนเกิดความกังวลขึ้นมา

  

“ยังคงทำตามแผนเดิมใช่หรือไม่?” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวเสียงต่ำ

  

ทว่าพอจบประโยคนี้ เยว่เสี่ยวเฉียนเห็นหลงเฉินมองนางแปลกๆด้วยสายตาแปลกๆ นางจึงกล่าวถามขึ้นมา "มีปัญหาอะไรหรือ?"

  

“พลังฝีมือในการต่อสู้และระดับสติปัญญาของเจ้าช่างไม่เข้ากันเเสียเลย ข้าล่ะไม่เข้าใจเจ้าจริงๆ” หลงเฉินส่ายหน้า

  

“เจ้า...” เยว่เสี่ยวเฉียนโกรธขึ้นมาเล็กน้อย

 

“เจ้าอย่าเข้าใจผิด ข้าไม่ได้ดูหมิ่นอย่างที่เจ้าคิด เพียงแค่รู้สึกแปลกใจเท่านั้น” เมื่อเห็นเยว่เสี่ยวเฉียนโกรธ หลงเฉินก็รีบโบกไม้โบกมืออธิบาย

  

“เจ้ามีวิธีที่ดีอะไรก็พูดออกมา ทำไหมต้องชักแม่น้ำทั้งห้ามาด่าข้าด้วย” เยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวด้วยความโกรธ

  

“นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้ามีประสบการณ์การต่อสู้แบบเสี่ยงชีวิตใช่หรือไม่?” ทันใดนั้นหลงเฉินก็ถามขึ้นมา

  

“เจ้ารู้ได้อย่างไร?” เยว่เสี่ยวเฉียนอดสงสัยไม่ได้

  

“...”

  

หลงเฉินไม่มีคำพูดใดจะกล่าวต่อ นี่คือการผจญภัยครั้งแรกของนางไม่ผิดแน่ นางเข้ามาในสถานที่อันตรายอย่างขอบเขตเเดนลับนพเก้า เขาไม่อยากจะเชื่อเลยว่าประสบการณ์การต่อสู้ของนางเเทบจะเป็นศูนย์

ระยะห่างจากโครงกระดูกประมาณพันจั้ง หลงเฉินใช้พลังแห่งจิตวิญญาณเรียกบันทึกแผ่นทองออกมาแล้วพุ่งไปที่โครงกระดูก  

“ไม่มีประโยชน์ หากพวกเราไม่เข้าไปใกล้ ผลึกปีศาจก็จะไม่กระตุ้นให้โครงกระดูกตื่นขึ้นมา หน้าหนังสือของเจ้ายังไม่ถือว่าเป็นอุปกรณ์วิญญาณ มันไม่มีทางที่จะตัดกะโหลกของมันได้เพราะกระโหลกของมันเเข็งพอๆกับอาวุธระดับก่อฟ้า”

  

หลงเฉินไม่สนใจ ส่งหน้าบันทึกแผ่นทองไปที่ด้านหน้าหัวกะโหลกของปีศาจ หยุดอยู่ที่ตาของมันหมุนราวกับกังหันลมที่หมุนอย่างต่อเนื่อง

  

หลงเฉินเข้าไปใกล้อย่างช้าๆ เขาพอจะรู้ว่าต่อไปจะเกิดอะไรขึ้น โครงกระดูกเริ่มขยับเมื่อเขาเข้าไปใกล้ในระยะห้าร้อยจั้ง ช่องว่างตรงระหว่างคิ้วของมันเปิดออกเผยให้เห็นผลึกปีศาจ ในเวลาเดียวกันโครงกระดูกก็เริ่มยืนขึ้นมา

“ตัด”  

หลังเฉินใช้พลังแห่งจิตวิญญาณควบคุมบันทึกแผ่นทองให้ตัดไปยังจุดที่ผลึกปีศาจปรากฎออกมา

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด