ตอนที่แล้วตอนที่ 392 เพลิงโทสะที่แผดเผา
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 394 เยว่เสี่ยวเฉียน

ตอนที่ 393 หุบเหวปีศาจ


* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

จากคำอธิบายของป่ายหลิง พื้นที่ในโลกภายนอกที่ประกอบไปด้วยเจ็ดรัฐนั้น ในทุกรัฐจะมีเขตแดนที่เชื่อมต่อกับขอบเขตแดนลับนพเก้า และในแต่ละรัฐนั้นก็จะมีทางเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนพเก้าประจำอยู่ ซึ่งนับเป็นทางเข้าหลักที่เป็นที่รู้จักกันดี

รัฐทั้งเจ็ดนั้นมีดินแดนอันกว้างใหญ่ไพศาล พื้นที่ของแต่ละรัฐมีอาณาเขตกว้างกว่าร้อยหมื่นลี้ และในทุกรัฐจะมีสำนักฝึกยุทธ์จำนวนมากมายนับไม่ถ้วนตั้งอยู่ หมู่ตึกพลิกสวรรค์ของหลงเฉินเองก็ตั้งอยู่ในพื้นที่ของหนึ่งในเจ็ดรัฐนี้เช่นกัน

นอกจากประตูทางเข้าหลักที่ประจำอยู่ในแต่ละรัฐแล้ว ก็ยังมีทางเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนพเก้าอยู่อีกมากมายนับไม่ถ้วน โดยส่วนมากการมีอยู่ของทางเข้าเหล่านี้มักถูกเก็บเป็นความลับและถูกครอบครองโดยตระกูลเก่าแก่ หรือสำนักขนาดเล็ก

ในทุกๆหนึ่งร้อยปีที่ขอบเขตแดนลับนพเก้าเปิดออก ก็หมายถึงการเปิดออกของทางเข้าทั้งหมด ดังนั้นยอดฝีมือที่เข้าสู่ขอบเขตแดนลับจึงไม่ได้มาจากสำนักต่างๆที่ส่งเหล่าศิษย์ทั้งหลายผ่านเข้ามาจากทางเข้าหลักทั้งเจ็ดเท่านั้น แต่ยังรวมถึงยอดฝีมือที่เข้าผ่านทางเข้าลับๆอีกมากมายนับไม่ถ้วนนั้นด้วย ซึ่งก็ทำให้การเปิดออกของขอบเขตแดนลับนพเก้าในแต่ละครั้งมียอดฝีมือที่หลั่งไหลเข้าไปแสวงหาวาสนาภายในนั้นมากกว่าจำนวนที่ได้มีการบันทึกไว้จากทางเข้าหลักทั้งเจ็ดเสมอ

  

ป่ายหลิงเล่าว่าสำนักฮวาหวินของนางแม้จะไม่ได้เป็นสำนักที่ใหญ่โต แต่พวกนางก็มั่งคั่งด้วยทรัพย์สิน

ก่อนหน้านี้ที่ป่ายหลิงถูกส่งไปยังจักรวรรดิเฟิงหมิงเพื่อเป็นหัวหน้าของตึกฮวาหวิน หลังจากทางสำนักได้มอบหมายหน้าที่ให้แก่ป่ายหลิงในครั้งนั้นแล้ว ก็เห็นว่านางมีสมองที่เฉลียวฉลาดมีความสามารถในด้านที่จะสร้างความมั่งคั่งได้

ป่ายหลิงบอกแก่หลงเฉินอีกด้วยว่า ศิษย์น้องผู้หนึ่งของนาง"หยาวนีเชียน" ผู้ซึ่งยังเป็นศิษย์สายนอกนั้น หลังจากไปทำการค้าตามที่ได้รับมอบหมาย ทว่ากลับสามารถประสบความสำเร็จได้อย่างรวดเร็ว หลังเดินทางกลับที่ไปสำนักก็ได้รับสวัสดิการจำนวนมาก

 

การฝึกอบรมของศิษย์สำนักฮวาหยินค่อนข้างพิเศษ แตกต่างจากสำนักอื่นๆโดยทั่วไป หากอยากเข้ามาเป็นศิษย์สายตรงของสำนัก ก่อนอื่นต้องมีความสามารถในการสร้างความมั่งคั่งเสียก่อน

  

การฝึกอบรมเหล่าศิษย์ของสำนักฮวาหยินแปลกประหลาดเป็นอย่างมาก โดยพวกเขาจะอ้างอิงเวลาที่ศิษย์ฝึกฝน และอ้างอิงความเร็วในการสะสมความมั่งคั่งของเหล่าศิษย์ นำมาเป็นข้อมูลในการจัดอันดับความสามารถของศิษย์แต่ละคน แล้วจึงจะแบ่งทรัพยากรให้ตามความสามารถนั้น

หลงเฉินฟังแล้วก็ถึงกับอึ้งไป ไม่น่าเชื่อว่าจะมีสำนักผู้ฝึกยุทธ์ที่ทำเช่นนี้ การทำเช่นนี้นั้น แทบไม่ต่างอะไรไปจากการแข่งขันกันของกิจการห้างร้านทั่วๆไปเลยแม้แต่น้อย เช่นนั้นแล้วพวกเขาจะฝึกยุทธ์ไปเพื่ออะไรกัน ?

ป่ายหลิงบอกหลงเฉินว่า พวกนางนั้นเชื่อมั่นและศรัทธาในเทพเจ้าแห่งความมั่งคั่ง เมื่อได้ฟังเช่นนั้นหลงเฉินก็สำลักลมหายใจไปครั้งหนึ่ง เขาแทบหลุดหัวเราะออกมา เทพแห่งความมั่งคั่ง!?

ป่ายหลิงกล่าวต่ออีกว่า ผู้ฝึกยุทธ์นั้น ต่อให้เป็นยอดฝีมือที่มีพรสวรรค์สูงส่งอย่างไร ถ้าหากไร้ซึ่งกำลังทรัพย์คอยสนับสนุน ก็จะไม่มีวันที่จะประสบความสำเร็จได้อย่างแน่นอน และนั่นก็ทำให้หลงเฉินอดไม่ได้ หลุดเสียงหัวเราะออกมาเล็กน้อยจนได้

  

ป่ายหลิงจึงกล่าวอธิบายเพิ่มขึ้นอีกว่า สำนักฮวาหวินนั้น จะยินยอมให้ศิษย์ของตนลงสนาม และได้ใช้ความสามารถรวมถึงทรัพยากรที่มีอยู่อย่างเต็มที่ ตราบใดที่พวกเขาทำงานอย่างหนักสะสมความมั่งคั่งของตนเอง ไม่ว่าภูมิหลังของคนผู้นั้นจะเป็นเช่นไร ไม่ว่าจะมาจากตระกูลที่ยิ่งใหญ่หรือไม่ หรือมีพรสวรรค์มากน้อยเพียงใด คนผู้นั้นก็ยังคงมีโอกาสที่จะก้าวเข้าสู่เส้นทางของผู้ฝึกยุทธ์ได้

 

แตกต่างจากสำนักอื่น ที่จะต้องคัดกรองทั้งความสามารถและพรสวรรค์ของผู้ที่จะรับเข้ามาเป็นศิษย์อย่างเข้มงวด สำนักฮวาหวินจะไม่ปฏิเสธผู้ฝึกยุทธ์คนใดเลย แม้คนผู้นั้นจะถูกนับว่าเป็นเศษสวะของการฝึกยุทธ์ ก็ยังสามารถเข้าร่วมสำนักฮวาหวินได้

ทว่าผู้ที่จะมาเป็นศิษย์ของสำนักฮวาหวินจะต้องมีความขยัน ในการสร้างความมั่งคั่งให้กับตนเอง เพื่อให้ได้รับทรัพยากรในการฝึกยุทธ์ และหากมีคุณสมบัติที่เพียบพร้อมและพรสวรรค์ในด้านการฝึกยุทธ์สูง ก็อาจจะเริ่มต้นได้รวดเร็วกว่าผู้อื่นเล็กน้อย แต่หากไม่มีคุณสมบัติใดๆเลย ก็ยังสามารถที่จะไขว่ขว้าเพื่อให้ซึ่งทรัพยากรในการฝึกยุทธ์ของตนเองได้

  

ศิษย์ของสำนักฮวาหวินมีอยู่ในทุกมุมโลก และแม้ว่าจะถูกสำนักอื่นหัวเราะเยาะกับแนวทางเช่นนี้ แต่ก็ต้องยอมรับว่า สำนักฮวาหวินยังคงถือเป็นสำนักชั้นสูง และเป็นที่เคารพนับถือ พลังของสำนักฮวาหวินนั้นแข็งแกร่งมาก ศิษย์ของพวกเขาก็มีจำนวนมากมายนับไม่ถ้วน ศิษย์ที่มีพรสวรรค์ของสำนักฮวาหวินนั้น ก็มักจะมีความอุดมสมบูรณ์จากความสามารถในการสะสมความมั่งคั่งของพวกเขา ซึ่งก็ยิ่งส่งเสริมให้พวกเขาพัฒนาพลังฝีมือไปได้อย่างก้าวหน้า

ศิษย์ทั้งหลายนั้น เมื่อผ่านระดับต่ำไปได้แล้วและค่อยๆเลื่อนขั้นขึ้นมา สำนักฮวาหวิน ก็จะให้โอกาสที่ดีเเก่พวกเขาเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เพื่อที่จะได้เติบโต

  

สิ่งที่แตกต่างอย่างชัดเจนกับสำนักอื่นก็คือ ทางสำนักไม่มีการลำเอียง หากอยากจะได้โอกาสและทรัพยากรที่ดี ตัวพวกเขาเองก็ต้องมีประสิทธิภาพเพียงพอด้วย

กล่าวถึงความเป็นธรรมของสำนักฮวาหวินแล้ว ใบหน้าของป่ายหลิงก็เต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณและเคารพนับถือ นางบอกว่านางเคยเป็นเด็กกำพร้าอาศัยอยู่ข้างถนน ในวัยเด็กถูกศิษย์ในสำนักฮวาหวินท่านหนึ่งเก็บมาเลี้ยง หลังจากนั้นความสามารถของนางก็ค่อยๆเฉิดฉายออกมาให้เห็นมากขึ้นเรื่อยๆ และในที่สุดก็สามารถเข้าถึงวิธีการแลกเปลี่ยนทรัพยากรเพื่อการฝึกยุทธ์ได้สำเร็จ

หากไม่ได้รับการช่วยเหลือจากหมู่ตึกฮวาหยิน ก็คงจะหิวตายอยู่ข้างถนน และก็คงจะไม่ได้มีชีวิตที่ดีเช่นนี้ ผู้ที่มีชะตากรรมเช่นเดียวกับป่ายหลิงในสำนักฮวาหวินนั้น มีอยู่มากมาย พวกนางเต็มไปด้วยความรู้สึกขอบคุณต่อสำนักฮวาหวิน และเทพแห่งความมั่งคั่งที่อยู่ในใจของพวกนาง

“ข้าต้องขอโทษเจ้าด้วย เมื่อครู่ข้าไม่ควรจะแสดงอาการแบบนั้นออกไปเลย” ฟังมาจนถึงตรงนี้ หลงเฉินก็เกิดความรู้สึกที่ดีต่อสำนักฮวาหวินขึ้นมาอย่างมาก เขาจึงกล่าวขอโทษป่ายหลิงอย่างจริงใจ

หลงเฉินเข้าใจขึ้นมาได้ว่า ในโลกใบนี้ผู้ที่อ่อนเเอมักจะเป็นเหยื่อของผู้ที่เเข็งเเกร่ง บนโลกเบี้ยวๆที่เต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดนี้ การสร้างความมั่งคั่งก็นับได้ว่าเป็นการต่อสู้อย่างหนึ่ง นั่นเองจึงทำให้หลงเฉินรู้สึกไม่ดีที่ก่อนหน้านี้เขาเคยหัวเราะเยาะสำนักฮวาหวิน

“หึหึ ไม่เป็นไร ศิษย์ของสำนักฮวาหวิน มักจะถูกหัวเราะเยาเช่นนี้เสมอนั่นแหละ พวกข้าเคยชินเสียแล้ว แต่ข้าก็รู้นะว่า เจ้าไม่ได้ตั้งใจจะหัวเราะเยาะ แค่เจ้ารู้สึกขำเพียงเท่านั้น ยิ่งไปกว่านั้น หลงเฉิน เจ้าน่ะสามารถก้มหัวให้กับสตรีในยามที่เจ้าคิดว่าทำผิดต่อนาง และยังกล้าหาญที่จะขอโทษผู้อื่นก่อนอย่างจริงใจ นั่นถือว่าเป็นผู้ที่ใจกว้างอย่างยิ่ง ผู้หนึ่งเลยหล่ะ” ป่ายหลิงกล่าวแล้วยิ้มส่งให้หลงเฉิน

“สำนักฮวาหยินมีจุดเด่นสำคัญสองข้อ ข้อแรกคือกำลังทรัพย์สิน การสร้างความมั่งคั่งในเรื่องของกำลังทรัพย์สินนั้นเราไม่เป็นรองผู้ใดในโลกอย่างแน่นอน สำนักของข้าถือได้ว่าเป็นสำนักที่มั่งคั่งที่สุดเลยล่ะ

ในแต่ละวันก็จะมีศิษย์ใหม่จำนวนนับไม่ถ้วนเข้ามาเพิ่มเรื่อยๆ และศิษย์เหล่านั้นก็จะสร้างความมั่งคั่งให้เรา แตกต่างจากศิษย์ในสำนักอื่นที่วันๆเอาแต่เผาผลาญทรัพยากรของตัวเอง

  

ข้อที่สองก็คือการเข้าถึงข้อมูลจากทุกมุมโลก พวกเราสร้างความมั่งคั่งจากการประมูลจากทั่วทุกมุมโลก เราสามารถใช้ข้อมูลแลกเปลี่ยนเป็นทรัพย์สิน ในขณะเดียวกันการที่มีข้อมูลมากมายอยู่ในมือนั้นจึงทำให้ได้เปรียบกว่าผู้อื่น และนั่นก็เป็นประโยชน์ในการพัฒนาพลังฝีมือและแสวงหาทรัพยากรอื่นๆเป็นอย่างมากอีกด้วย

  

ดังนั้นที่ข้ารู้เรื่องมากมายที่เล่าให้เจ้าฟังนี้ ก็ไม่แปลกอะไร แต่ข้อมูลพวกนี้ก็เป็นเพียงคำกล่าวอ้างเท่านั้นไม่ได้เป็นข้อเท็จจริงไปเสียทั้งหมด เพราะทุกๆสำนักล้วนมีความลับของตัวเองทั้งนั้น และแน่นอนว่าภายในทั้งเจ็ดรัฐ ต่างก็ซ่อน ‘สัตว์ประหลาด’ เอาไว้ และไม่มีผู้ใดสามารถล่วงรู้ได้ทั้งหมด

เหมือนอย่างเจ้า ที่สามารถทำให้คนจำนวนไม่น้อยตกตะลึงจนต้องอ้าปากค้าง ข้าเชื่อว่าหานเทียนหวู่ หยินหลอ และคนอื่นๆ จะต้องคอยจับตาดูเจ้าอยู่อย่างแน่นอน”

  

ได้ยินป่ายหลิงกล่าวแล้ว หลงเฉินก็รู้สึกได้ทันทีว่าตนเองนั้นช่างเหมือนกบในกะลา เจ็ดรัฐอย่างนั้นรึ อย่างที่ป่ายหลิงบอกจริงๆ ไม่สามารถที่จะล่วงรู้ได้เลยว่ายอดฝีมือเหล่านั้นในแต่ละรัฐ จะปรากฏตัวขึ้นในตอนไหน

“ป่ายหลิงเสี่ยวเจี่ย เหตุใดพวกเขาถึงไล่ตามล่าเจ้าล่ะ” ทันใดนั้นหลงเฉินก็ถามขึ้น

  

“เรื่องนี้ คงต้องโทษว่าข้านั้นโชคร้าย ก่อนหน้านี้ข้าอยู่ที่ขอบเขตแดนลับในส่วนที่อันตราย ในตอนนั้นข้าได้เผชิญหน้ากับสัตว์มายาระดับสูงขั้นสี่ที่มีพลังโจมตีแข็งแกร่ง มันต้องการสังหารข้า ข้าจึงต้องใช้ยันต์เคลื่อนย้ายหนีเอาชีวิตรอดออกมา

  

แต่ว่าสถานที่ที่ข้าถูกส่งไปนั้นไม่ค่อยจะดีสักเท่าไหร่ ข้าไปปรากฎตัวในบริเวณที่สามคนนั้นกำลังพักผ่อนอยู่ พวกนั้นเห็นว่าข้าเป็นผู้อยู่เหนือขอบเขต แถมยังมียันต์เคลื่อนย้าย ก็อยากจะฆ่าเพื่อชิงสมบัติ” กล่าวจบ ป่ายหลิงก็ถอนหายใจยาว

การใช้ยันต์เคลื่อนย้ายนั้น ไม่สามารถกำหนดสถานที่ที่จะถูกส่งไปอย่างแน่นอนได้ กล่าวคือเมื่อใช้ยันต์เคลื่อนย้ายแล้วก็จะบอกไม่ได้ว่าจะไปปรากฎตัวในสถานที่ใด และนี่ก็เป็นข้อด้อยของมัน ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ยันต์เคลื่อนย้ายก็ไม่ใช่สิ่งที่ยอดฝีมือผู้แข็งแกร่งทั่วๆไปจะมีได้ ดังนั้นก็ยังถือว่าเป็นสมบัติที่ล้ำค่ามากอย่างหนึ่งอยู่ดี

การที่ป่ายหลิงครอบครองยันต์เคลื่อนย้ายอยู่ถึงสี่ชิ้นนั้น ก็เป็นจำนวนที่ทำให้ผู้คนตกใจได้เป็นอย่างยิ่งเลยทีเดียว ไม่แปลกใจเลยที่ป่ายหลิงกล่าวถึงความร่ำรวยของสำนักฮวาหยินด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยภาคภูมิใจเช่นนั้น

  

“หลงเฉิน ตอนนี้เจ้ามีแผนอะไรไหม ?” ป่ายหลิงถาม ดูท่าทางแล้วเหมือนกับจะขอร่วมทางไปกับเขา

  

หลงเฉินกล่าวขอโทษ “ข้าเกรงว่าจะไม่สามารถไปกับป่ายหลิงเสี่ยวเจี่ยได้ ข้าต้องการจะไป หุบเหวปีศาจ”

หลงเฉินไม่สามารถร่วมทางไปกับป่ายหลิงได้ เนื่องจากเขามีศัตรูไปทั่วแล้วในตอนนี้ หากมีเพียงเขาคนเดียวก็ยังไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

  

ลำพังตัวเขาเอง หากต้องเผชิญหน้ากับหานเทียนหวู่ หยินหลอ หรือเหล่ายอดฝีมือระดับสูงพวกนั้น เขาก็ไม่ได้กังวลแต่อย่างใด ถ้าหากสู้ไม่ได้เขาก็เพียงแค่รีบหนีเท่านั้น แต่ถ้าพาคนอื่นไปด้วย ก็เกรงว่าจะต้องคอยห่วงพะวงความปลอดภัยของเพื่อนร่วมทางไปด้วย

“หุบเหวปีศาจนั่น เป็นสถานที่แห่งความตายเลยไม่ใช่หรือ?” ใบหน้าของป่ายหลิงเต็มไปด้วยความตกตะลึง เมื่อนางทราบถึงจุดหมายของหลงเฉิน

“ข้าเพียงแค่ไปดู ไม่ได้จะลงไป เพียงแค่อยากดูให้หายสงสัยเท่านั้น” หลงเฉินยิ้มแล้วกล่าว

 

“เช่นนั้น เจ้าก็ต้องระวังตัวให้มากนะ” เห็นหลงเฉินตัดสินใจแล้ว ป่ายหลิงก็คิดว่านางคงไม่สามารถทักท้วงอะไรได้

  

“ป่ายหลิงเสียวเจี่ย แล้วเจ้าล่ะ?......”

  

“วางใจเถอะ แม้ว่ายันต์เคลื่อนย้ายจะใช้หมดแล้ว แต่ข้าก็พอมีพลังฝีมืออยู่บ้าง ในขอบเขตแดนลับแห่งนี้ ก็มีศิษย์ของสำนักฮวาหวินอยู่ไม่น้อย พวกเรามีทักษะลับ ซึ่งทำให้สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ ข้าสามารถพึ่งพาพวกเขาได้” ป่ายหลิงเอ่ยเพื่อไม่ให้หลงเฉินเป็นกังวล

  

ได้ยินป่ายหลิงกล่าวเช่นนั้น หลงเฉินก็สบายใจขึ้นไม่น้อย หลังจากสนทนากับป่ายหลิงจบแล้ว ก็แยกย้ายกันไปทำตามเป้าหมายของตนเอง เขาเองก็มุ่งหน้าไปยังหุบเหวปีศาจทันที

  

ยิ่งเดินไป หลงเฉินก็พบว่าบรรยากาศโดยรอบนั้น ยิ่งวังเวงมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนหน้านี้เส้นทางที่เขากำลังเดินอยู่นั้นมีทิวทัศน์ที่สวยงามล้อมรอบไปด้วยภูเขา และเต็มไปด้วยพืชพรรณที่อุดมสมบูรณ์ แต่ทว่าหลังจากผ่านไปได้หนึ่งวัน พืชพรรณนานาชนิดนั้นก็ค่อยๆหายไป ยอดเขาที่ล้อมรอบอยู่ก็โล้นไร้ซึ่งต้นไม้ปกคลุม

  

พื้นดินจากที่เป็นสีน้ำตาลชุ่มชื้น ก็เปลี่ยนเป็นสีดำและแข็งราวกับถ่าน และหลังจากผ่านไปสามวัน เขาก็สามาถมองเห็นหุบเหวปีศาจที่อยู่ห่างออกไปไกลกว่าพันลี้ได้ และเมื่อเข้าใกล้เหวลึกนั้นเข้าไปอีกร้อยลี้ หลงเฉินก็รับรู้ได้ถึงแรงกดดันอันน่ากลัวอย่างยิ่งขุมหนึ่ง

“ช่างเต็มไปด้วยบรรยากาศแห่งความตาย เป็นพลังกดดันที่แข็งแกร่งมากจริงๆ” หลงเฉินอดไม่ได้ที่จะตกตะลึง

ไม่แปลกใจเลยว่าเหตุใดจึงไม่พบผู้คนอยู่บริเวณนี้แม้แต่คนเดียว พลังกดดันอันน่าหวาดกลัวของเหวลึกนี้ รุนแรงในระดับที่สามารถสังหารผู้อยู่เหนือขอบเขตได้อย่างง่ายดายเลยทีเดียว

 

หากเป็นคนธรรมดาแล้ว ไม่ทันได้เข้าไปใกล้เหวลึกก็คงจะถูกควมกดดันหนักหน่วงนั้นกดดันจนตายไปแล้ว ด้านนอกของหุบเหวนั้นไม่มีแม้แต่ต้นหญ้า ไม่มีสิ่งใจที่จะดึดดูดให้ผู้คนเข้ามาหา มีเพียงพลังแรงกดดันที่หนักหน่วงจนแม้แต่จะหายใจยังทำได้อย่างยากลำบาก “พลังกดดันเริ่มแข็งแกร่งมากขึ้นแล้ว”

  

ตอนที่หลงเฉินห่างจากเหวลึกประมาณร้อยกว่าลี้ พลังกดดันนั้นก็แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นมาก ในเวลานี้หลงเฉินรู้สึกราวกับถูกภูเขาทั้งลูกกดทับลงมาที่ตัว

แต่ว่าหลังจากที่สามารถเบิกดาราแปรแสงได้แล้วนั้น พลังของหลงเฉินก็แข็งแกร่งขึ้นมาไม่น้อย แข็งแกร่งราวกับสามารถพลิกผืนแผ่นดินได้ หากว่าเป็นช่วงเวลาที่ยังไม่มีดาราแปรแสง เขาคงต้องใช้พลังทั้งหมดที่มีเพื่อต่อต้านแรงกดดันนี้ แต่ในตอนนี้เขาถึงกับสามารถทำเป็นเพิกเฉยไม่สนใจได้เลยทีเดียว

ยิ่งเดินมุ่งหน้าไปตามเส้นทางข้างหน้า แรงกดดันที่กดทับร่างกายก็ยิ่งสูงมากขึ้นเรื่อยๆ การจะเดินให้ถึงขอบของหุบเหวลึกแห่งนี้แม้แต่ยอดฝีมือระดับสูงก็ยังสามารถถูกกดทับจนตายได้

ในตอนนี้หลงเฉินมาหยุดยืนอยู่ที่ขอบของหุบเหวปีศาจแล้ว เขามองลงไปด้านล่าง ก็พบเห็นเพียงความดำมืด มองไม่เห็นอะไรทั้งสิ้น และไม่สามารถล่วงรู้ได้เลยว่าข้างล่างนั่นลึกเพียงใด

เขากระตุ้นพลังแห่งจิตวิญญาณขึ้นมา และปล่อยให้มันดำดิ่งลงไปเพื่อหยั่งความลึกของหุบเหวและสำรวจเบื้องล่าง แต่ทว่า หลงเฉินกลับพบว่าหลังจากที่พลังแห่งจิตวิญญาณของเขาพุ่งลึกลงไปได้เพียงสิบกว่าจั้ง ก็ถูกทำให้หายไปฉับพลัน ราวกับว่าถูกบางสิ่งกลืนกินเข้าไป โดยไม่มีปฏิกริยาตอบรับใดใด ไม่มีทั้งพลังสะท้อน ไม่มีทั้งแรงต้านทานจากพลังใดใด

หลงเฉินตกตะลึง รีบเก็บพลังแห่งจิตวิญญาณกลับมาในทันที เขาตกใจเป็นอย่างมาก เสียจนคิดว่าจะไม่เสี่ยงทำเช่นนี้อีกแล้ว หุบเหวลึกนี้ช่างแปลกประหลาดเป็นอย่างยิ่ง

หลังจากที่เขาครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลงเฉินก็ตัดสินใจทดสอบความทนทานของหิน แล้วกัดฟันไต่ลงไปตามหน้าผาสูงชันของหุบเหวนั้น

และเมื่อไต่ลึกลงไปได้ร้อยกว่าจั้ง บรรยากาศรอบๆตัวก็ย่ำแย่ลง พลังความกดดันที่ไม่สิ้นสุดนั้นราวกับคลื่นยักษ์ที่พุ่งเข้ามาหาหลงเฉิน เขารู้สึกได้ว่าปอดของเขาถูกบีบรัดจนแทบจะระเบิดออกมา หลงเฉินจึงต้องรีบไหลเวียนพลังขึ้นมาเพื่อต้านมันเอาไว้

“อย่างนี้เอง ที่ว่ากันว่า แม้แต่ยอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูก ที่มาถึงที่นี่ก็ยังรู้สึกถึงแรงกดดันที่บีบอัดรุนแรง ราวกับว่าตัวเองจะระเบิดออกมา”

ร่างกายที่แข็งเเกร่งผิดมนุษย์ของหลงเฉิน ในตอนนี้ก็ได้เริ่มที่จะไม่สามารถต้านทานเเรงกดดันนั้นเอาไว้ได้อีกแล้ว

  

แรงกดดันอันหนักหน่วงเช่นนี้ แม้แต่แท่งเหล็กก็ยังสามารถถูกบีบให้กลายเป็นผุยผงได้ มีหรือร่างกายที่มีเลือดเนื้อจะสามารถต้านทานได้ไหว หากหลงเฉินไม่มีดาราแปรแสง จนระดับความแข็งแกร่งของร่างกายได้รับการเลื่อนขั้นแล้วล่ะก็ เขาคงได้รับบาดเจ็บหรือถูกสังหารไปตั้งแต่แรกแล้วก็เป็นได้

หลงเฉินยังคงไต่ลึกลงไปอย่างต่อเนื่อง และก็พบว่าพลังกดดันนั้นก็ยิ่งแข็งแกร่งมากขึ้นด้วยเช่นกัน เมื่อลงลึกมาถึงสามพันกว่าจั้งแล้ว ร่างกายของหลงเฉินก็เริ่มแสดงอาการบาดเจ็บออกมาแล้ว บนผิวหนังเริ่มมีเลือดไหลออกมาช้าๆ

“ซูม”

  

หลงเฉินเรียกแหวนแห่งเทพออกมา เพื่อต่อต้านพลังกดดันนั้น หลังจากที่แหวนแห่งเทพปรากฎขึ้น หลงเฉินก็รู้สึกว่าพลังกดดันรอบๆตัวนั้นเบาบางลงไปในทันใด

เมื่อหลงเฉินประจักษ์ว่าวงแหวนแห่งเทพนั้นมีพลังที่แข็งแกร่งขึ้น และตอนนี้สามารถผ่อนปรนพลังแรงกดดันอันหนักหน่วงรอบตัวลงไปได้แล้ว หลงเฉินก็กัดฟันไต่ลงไปอย่างต่อเนื่องอีกครั้ง

  

เมื่อปีนลงมาลึกถึงห้าพันจั้ง ในที่สุดก็มาถึงส่วนก้นบึ้งของหุบเหวแล้ว ในตอนนี้พลังกดดันนั้นก็ทวีคูณความแข็งแกร่งขึ้น และพรั่งพรูออกมาเรื่อยๆ หลงเฉินมีความรู้สึกคล้ายกับร่างกายกำลังอยู่ในคลื่นขนาดยักษ์ใหญ่ก้ไม่ปาน

  

เขาไต่ลงไปอย่างระมัดระวัง และได้พบว่าบนพื้นดินด้านล่างนั้น มีพลังแรงกดดันที่น่าหวาดกลัวมากยิ่งกว่าในอากาศ และแข็งแกร่งเป็นอย่างมาก มากจนไม่สามารถเปรียบเปรยกับสิ่งใดได้

ที่นี่คล้ายกับหุบเขา รอบกายของหลงเฉินในตอนนี้มีหินรูปร่างแปลกประหลาดมากมาย อีกทั้งยังมีกลิ่นอายของปีศาจร้ายที่น่าหวาดกลัว ทำให้เกิดความรู้สึกขนหัวลุกขึ้นมา

และทั้นใดนั้นเอง ทางด้านหลังของหลงเฉินก็ปรากฎแสงสว่างเจิดจ้าบาดตาขึ้น และกว่าที่หลงเฉินจะรู้สึกตัวมันก็พุ่งตัดอากาศเข้ามาใกล้แล้ว มันพุ่งเข้าใส่กลางหลังของเขาในทันที

.

.

.

* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *

**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด