ตอนที่ 392 เพลิงโทสะที่แผดเผา
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
แม้ว่าหลงเฉินจะไม่เข้าใจว่าทำไมป่ายหลิงถึงให้เขาทำเช่นนั้น แต่หลงเฉินเชื่อว่าป่ายหลิงไม่มีทางทำร้ายตนเองแน่ อีกทั้งท่าทางของนางยังดูกระวนกระวายเป็นอย่างยิ่ง
“ซูม”
หลงเฉินชี้นิ้วออกไป จากนั้นโอสถเพลิงสีม่วงก็พุ่งตรงไปยังสามคนนั้นอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า
ที่หลงเฉินสามารถใช้โอสถเพลิงได้ เป็นเพราะหลงเฉินสามารถควบคุมเพลิงกาฬของนกมายาขนม่วงได้ถึงระดับเดียวกับที่เขาสามารถควบคุมกิ้งก่าเพลิงแล้ว
หลังจากที่ใช้เวลาในการหลอกล่ออยู่นาน จนในที่สุดเพลิงกาฬของนกมายาขนม่วงก็ไม่ปฎิเสธร่างกายของหลงเฉินอีกต่อไป
“ตูม”
โอสถเพลิงที่รวบรวมมาจากเพลิงกาฬสีม่วง ไล่ตามชายทั้งสามคนนั้นไปพร้อมกับพลังระเบิดตูมใหญ่ หลังจากที่เพลิงกาฬสีม่วงระเบิดแล้วรังสีของมันได้แผ่กระจายกลืนกินพื้นที่เป็นวงกว้างกว่าร้อยจั้ง
ยังไม่ทันที่สามคนนั้นจะร้องออกมาก็ได้ถูกไฟเผาจนกลายเป็นเถ้าถ่าน ทำให้ป่ายหลิงถึงกับตกตะลึงขึ้นมา
แม้ว่านางจะเคยเห็นการต่อสู้ที่ดุเดือดของหลงเฉินจากหยกบันทึกภาพ แม้จะรู้ว่าหลงเฉินไม่ใช่คนธรรมดาตั้งแต่ตอนที่อยู่จักรวรรดิ์เฟิงหมิง แต่ทว่าพลังเพียงนิดเดียวนี้ถึงกับทำให้ผู้อยู่เหนือขอบเขตที่แข็งแกร่งทั้งสามกลายเป็นเถ้าถ่าน หากไม่เห็นกับตาว่าร่างของสามคนนั้นหายไปในอากาศก็ต้องคิดว่ามองพลาดไปแน่
“ป่ายหลิงเสี่ยวเจี่ย ไม่ได้เจอนานเลยนะ” หลงเฉินยิ้มพร้อมกับกล่าวขึ้น
โลกกลมจริงๆที่มาพบกับนางในแดนลับแห่งนี้ ตอนนี้หลงเฉินรู้สึกขอบคุณจิตใจแห่งความเป็นธรรมของตัวเองขึ้นมาแล้ว
ถ้าหากเมื่อครู่เขาไม่ยื่นมือเข้าไปช่วยหรือลังเลต่ออีกเพียงนิดเดียว รอให้นางถูกฆ่าตายแล้วมารู้ภายหลังว่าเป็นป่ายหลิงล่ะก็ เขาจะต้องรู้สึกผิดไปอีกนานเป็นแน่
ป่ายหลิงเพิ่งจะรู้สึกตัวจากอาการตกตะลึงก็ถอนหายใจออกมา ใบหน้าที่สับสนงุนงงมองไปยังหลงเฉิน พร้อมกับพูดว่า “ใช่ ไม่เจอนานเลย หลงเฉินเจ้าโตเป็นหนุ่มแล้วช่างน่าทึ่งเสียจริง”
ตอนที่อยู่จักรวรรดิ์เฟิงหมิงป่ายหลิงนั้นไม่ได้สนใจในการฝึกยุทธ์ของเขา แต่สนใจในสถานะผู้หลอมโอสถของเขา
แต่หลงเฉินในตอนนี้ไม่จำเป็นต้องพึ่งสถานะของผู้หลอมโอสถ ความแข็งแกร่งในการฝึกฝนก็สามารถทำให้ทั้งฝ่ายธรรมะและอธรรมหวาดผวาได้
หลงเฉินหัวเราะพร้อมกล่าวว่า “ป่ายหลิงเสียวเจี่ยผ่านด่านแล้ว ใช่สิเหตุใดเจ้าต้องให้ข้าฆ่าเจ้าสามคนนั้นด้วยล่ะ?”
สำหรับผู้อยู่เหนือขอบเขตสามคนนั้นหลงเฉินไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เป็นเพราะป่ายหลิงที่มีใบหน้าตื่นตระหนก จนเขาต้องรีบลงมือตามที่นางบอก
“เจ้าไม่รู้หรือ? ว่าเจ้าถูกตามล่าตัวอยู่หากปล่อยไป พวกมันต้องเปิดเผยตัวเจ้าอย่างแน่นอน หลังจากนั้นไม่นานก็จะมีคนจำนวนมากมาตามฆ่าเจ้า”
“ตามล่า ? ล่าฆ่าข้า ? ใครเป็นคนออกสั่งให้ตามล่า ?” หลงเฉินถามพลางเกาศีรษะ
“เจ้านี่ช่างไม่รู้อะไรเสียเลย เอาเถอะ ข้าจะเล่าให้เจ้าเข้าใจอย่างละเอียด” ป่ายหลิงส่ายหัวด้วยความเอือมระอาพร้อมกับเล่าให้เขาฟังเกี่ยวกับเรื่องการถูกหมายตาตามล่า
หลังจากที่หลงเฉินชนะในการต่อสู้กับยินหวูซวงในคราวก่อนก็ได้ถูกพูดถึงอย่างหนาหู จึงทำให้หานเทียนหวู่ผู้เก่งกาจมือหนึ่งของสำนักพลิกสวรรค์ถึงกับออกประกาศตามล่าหลงเฉินว่า หากมีคนพบเห็นหลงเฉินที่ใดให้รีบมาแจ้งที่สำนัก แล้วจะได้รับรางวัลอย่างงาม
“รางวัลตามล่า ? หานเทียนหวู่ต้องการกำจัดข้า ?” หลงเฉินใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มเย็นเยียบ จะมาก็มาสิ กลัวที่ไหนกันล่ะ
“หลงเฉินเจ้าอย่าประมาทเชียวนะ เพราะข้าได้ยินมาว่าหานเทียนหวู่เข้าถึงขอบเขตปรือกระดูกแล้ว มีคนที่เห็นกับตาเลยว่า หานเทียนยวู่เมื่อเข้าสู่ขอบเขตปรือกระดูกนั้นมีพลังมหาศาลและน่าหวาดกลัวมาก เขาสามารถถล่มภูเขาลูกใหญ่ได้ จนทำให้ผู้คนเกิดความหวาดกลัวไม่กล้าที่จะต่อต้านใดๆ
หานเทียนหวู่เป็นยอดฝีมือคนแรกที่เข้าถึงขอบเขตปรือกระดูกในเขตแดนลับนพเก้า ข้าเดาว่าเขาคงใช้ประโยชน์จากข้อได้เปรียบนี้ ไล่กำจัดศัตรูไม่ยอมให้มีโอกาสได้ก้าวหน้าเป็นแน่
ได้ยินมาว่าหานเทียนยวู่ก็เริ่มตามหาหยินหลอด้วยตัวเองแล้ว เพราะหยินหลอนั้นเป็นคนแรกที่เขาต้องการไล่ล่าตามฆ่า ส่วนหลงเฉินเจ้าคือคนที่เขาตามล่าเป็นอันดับสอง”
“เจ้าคนนี้ช่างหน้าหนาจริงๆ ที่สำคัญยังกล้าให้ข้าหลงเฉินเป็นเพียงอันดับสอง หากเจอกันข้าจะใช้ก้อนอิฐวัดความหนาของหน้ามันให้ดู” หลงเฉินพูดด้วยความเกลียดชัง
เมื่อเห็นหลงเฉินไม่ได้หวาดกลัวต่อการตามล่าของหานเทียนหวู่ก็ทำให้นางแทบจะกัดลิ้นตัวเอง
ทันใดนั้นป่ายหลิงก็นึกขึ้นได้พร้อมกล่าวว่า “อ่อ การตามล่าครั้งนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่เจ้าเพียงคนเดียว แต่รวมไปถึงหมู่ตึกที่หนึ่งร้อยแปดของเจ้าด้วยนะ”
“ว่าอย่างไรนะ?” สีหน้าของหลงเฉินเคร่งเครียดขึ้นมาทันที ดูเหมือนว่าหานเทียนหวู่อยากจะรนหาที่ตายจริงๆเสียแล้ว
“เมื่อครึ่งเดือนก่อนมีคนเห็นคนของหมู่ตึกของเจ้า นางเป็นผู้หญิงแซ่ถัง.......”
“ถังหว่านเอ๋อใช่หรือไม่” ในใจของหลงเฉินเกิดความตื่นตระหนกขึ้น
ป่ายหลิงตอบ “ใช่ๆ ชื่อถังหว่านเอ๋อ มีคนเห็นว่านางกำลังถูกหานเทียนเฟิงน้องของหานเทียนยวู่ไล่ฆ่า”
“พวกมันหาที่ตายกันแล้ว!”
หลงเฉินเปล่งเสียงคำรามออกมาด้วยความโทสะ ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความอาฆาตหวังจะปลิดชีพ เจ้าพวกโง่เง่าให้มันจบๆไป
ป่ายหลิงตกใจกับพลังจิตสังหารของหลงเฉิน ต่อหน้าจิตสังหารหลงเฉินเป็นดั่งเทพแห่งความตาย เพียงแค่คิดก็สามารถที่จะคร่าชีวิตของผู้อื่นได้แล้ว
เป็นรังสีสังหารที่ลึกเข้าไปถึงกระดูก ด้วยพลังรังสีที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ป่ายหลิงถึงกับหน้าถอดสีเปลี่ยนเป็นขาวโพลนซีดราวกับกระดาษ
“ทำไมหานเทียนเฟิงถึงต้องตามไล่ฆ่าถังหวานเอ๋อด้วย?” หลงเฉินกัดฟันถามด้วยความโกรธ ยังไม่ทันที่จะได้คำตอบจากปากของป่ายหลิง ก็ดูเหมือนหลงเฉินจะเดาคำตอบได้แล้ว
ถ้าคนพวกนั้นต้องการอะไรพวกเขาจะทำทุกวิถีทาง พวกเขาคงจะพยายามทำให้หลงเฉินเกิดโทสะจนต้องไปปรากฎตัวและสู้กับหานเทียนหวู่
“หลงเฉินเจ้าอย่าเพิ่งร้อนรนไปฟังข้าให้จบก่อน สหายของเจ้าไม่เป็นอะไร นางสามารถหลบหนีจากการไล่ล่าของหานเทียนเฟิงได้” ป่ายหลิงรีบพูดเพื่อให้หลงเฉินสงบลง
“เป็นไปได้อย่างไร?” หลงเฉินงุนงง
“ดูเหมือนจะมีโชคช่วย ขณะที่หานเทียนเฟิงไล่ล่าถังหว่านเอ๋ออยู่นั้น ก็มีชายที่ชื่อว่าม่อเนี่ยนปรากฎตัวออกมา และหลังจากที่มอเนี่ยนเห็นหานเทียนเฟิง เขาก็เข้าโจมตีหานเทียนเฟิงทันที
สองคนนั้นเกิดการต่อสู้อย่างดุเดือด สุดท้ายหานเทียนเฟิงก็เป็นฝ่ายพ่ายเเพ้ และยังถูกมอเนี่ยนไล่ล่าเอาชีวิต ม่อเนี่ยนยังได้กล่าวอีกว่า : ถ้าหากวันนี้ข้าไม่ทำลายอัณฑะของเจ้า จะไม่ขอใช้ชื่อสกุลม่ออีก”
ป่ายหลิงพูดจบก็อดไม่ได้ที่แสดงสีหน้าละอายออกมา เพราะม่อเนี่ยนพูดแบบนั้นจริงๆนางเพียงแค่ทวนที่เขาพูดเท่านั้น
“ม่อเนี่ยน ?”
ม่อเนี่ยนนั้นเคยต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับเขา สำหรับถังหวานเอ๋อและคนอื่นๆก็ถือว่ารู้จักกันเป็นอย่างดี
ถังหวานเอ๋อไม่เป็นอะไร ก็ทำให้หลงเฉินรู้สึกสบายใจขึ้นมาไม่น้อย หากม่อเนี่ยนอยากจะฆ่าหานเทียนเฟิง เขาก็คงหนีไม่พ้นน้ำมือของม่อเนี่ยนอย่างแน่นอน
เพียงแค่เจ้าบ้านี่กล้าที่จะมาไล่ฆ่าถังหวานเอ๋อ แม้ว่าไม่สำเร็จแต่ว่าหลงเฉินได้จดจำเอาไว้แล้ว การทำสิ่งใดของหลงเฉินนั้นเพียงแค่มองสาเหตุไม่ต้องมองที่ผลลัพธ์
หากเจ้าอยากจะฆ่าคนของข้าก็ต้องเตรียมตัวที่จะถูกฆ่าเอาไว้ให้ดี เพียงแค่เจ้าลงมือก็อย่ามาโทษว่าหลงเฉินไม่มีความเมตตาก็แล้วกัน
หากมีคนต้องการจะมาทำร้ายเขาหลงเฉินพอที่จะยอมรับได้ เพราะเขาเลือกเส้นทางที่ต้องดิ้นรนนี้เอง แต่ถ้าพวกเขาเปลี่ยนเป้าหมายไปที่เพื่อนพ้องหรือพี่น้องของเขา หลงเฉินย่อมไม่สามารถยอมรับได้
“ม่อเนี่ยนคนนั้นเป็นเพื่อนของเจ้าสินะ” ป่ายหลิงถาม
“อือ เขาเป็นสหายที่เหมือนกับพี่น้องเลยล่ะ” หลงเฉินตอบ
“หลงเฉิน แม้แต่ม่อเนี่ยนผู้มีฝีมือชั้นสูงเช่นนั้นยังเป็นเพื่อนกับเจ้า เจ้านี่ช่างน่าทึ่งเสียจริง” ป่ายหลิงกล่าว
ม่อเนี่ยนคือใคร? สุดยอดฝีมือแห่งรัฐชิงโจวและภายในสำนักเดียวกัน เขาก็คือสุดยอดที่ไร้ผู้ต่อต้าน สายตาของเขาเฉียบคมและยังรักสันโดษ นางไม่เคยได้ยินมาก่อนว่าม่อเนี่ยนจะมีสหายด้วย
คนที่หยิ่งยโสเช่นนี้สามารถเป็นเพื่อนกับหลงเฉินได้ เเสดงว่าหลงเฉินเองก็ต้องเป็นระดับเดียวกันกับเขา
“นอกจากหานเทียนหวู่และหยินหลอแล้ว ยังมีอีกหลายคนที่เจ้าต้องระวังให้มาก มีคนหนึ่งชื่อว่าฮั่วอู๋ฟางที่มาจากหอคอยโอสถ ทักษะการหลอมโอสถของเขาถือว่าโดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง ทว่าฝีมือต่อสู้นั้นก็ไม่น้อยไปกว่าสองคนก่อนหน้านี้เลย อีกทั้งประวัติของเขานั้นก็ช่างน่ากลัว หากเจ้าได้พบเขา ก็รีบซ่อนตัวให้ดีอย่าไปเผชิญหน้ากับเขา” ป่ายหลิงกล่าวเตือน
หลงเฉินทำสีหน้าปั้นยากขึ้นมาทันที ข้าเองก็ไม่ได้อยากจะไปมีเรื่องกับเขาหรอกนะ แต่ว่าเจ้านั่นดันมาหาเรื่องข้าก่อน ตอนนี้ข้าก็ได้ตบหน้าเขาไปแล้วด้วย นั่นถือว่าข้ายังไม่ได้ไปล่วงเกินเขาได้หรือไม่นะ?...
“นอกจากฮั่วอู๋ฟางแล้ว ฮวาปี้ลั่วของหมู่ตึกที่สองของสำนักพลิกสวรรค์ เจ้าก็ต้องระวังไว้ด้วย แต่คนนี้ดูเหมือนจะไม่ค่อยหาเรื่องผู้อื่นก่อน นางเเทบจะไม่เคยไปมีเรื่องกับใครเลย ถ้าไม่จำเป็น
ยังมีอีกคนที่เจ้าต้องระวังชื่อว่าเสว่ยอู๋หยามาจากฝ่ายอธรรม แต่ไม่ได้อยู่สำนักเดียวกันกับหยินหลอ มีพลังอันแข็งกล้าและมีฝีมือที่น่ากลัวหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง” ป่ายหลิงกล่าว
ความสันทัดของป่ายหลิงทำให้หลงเฉินรู้สึกประหลาดใจเป็นอย่างมาก ฮวาปี้ลั่วนั้นเขาก็รู้จัก ตอนที่เพิ่งจะเจอกัน แม้ว่าจะเพียงแวบเดียวแต่ก็สามารถรับรู้ได้ว่า สตรีผู้นี้มีพลังซ่อนไว้อยู่ไม่น้อย นางไม่ใช่คนธรรมดาที่จะมองเเค่ภายนอกได้เลย
คิดไม่ถึงว่าป่ายหลิงจะรู้เรื่องของเสว่ยอู๋หยาฝ่ายอธรรมด้วย น่าเเปลกที่สุดยอดฝีมือผู้นี้หลงเฉิน กับไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน
เเต่ถ้าดูจากบุคคลอื่นๆจากที่ป่ายหลิงกล่าวมาก็เป็นข้อมูลที่เเม่นยำ ฉะนั้นเขาก็ต้องระวังเสว่ยอู๋หยาไว้บ้าง
“ตอนนี้ข่าวสารที่ข้าได้รับนั้นมีจำกัดจึงรู้เพียงแค่ยอดฝีมือระดับสูงไม่กี่คน แต่ว่าหลงเฉินเจ้าต้องไม่ประมาท มียอดฝีมือหลายคนที่ชอบเล่นเป็นหมูกินเสือ หากไม่ถึงเวลาเฉียดตาย ก็ไม่เปิดเผยพลังตัวเองออกมา เจ้าก็ต้องระวังตัวด้วย” ป่ายหลิงกล่าวเตือน
*หมูกินเสือ หมายถึงผู้ที่ชอบซ่อนพลังของตัวเองไว้ก่อนถึงเวลาจริง
“ขอบใจมากป่ายหลิงเสี่ยวเจี่ย ข้าจะระวังตัวให้มาก” หลงเฉินกล่าวขอบคุณ
“ขอบคุณอะไรกันข้าต่างหากที่ต้องขอบคุณเจ้า หากไม่มีเจ้าข้าคงจะกลายเป็นศพนอนไร้วิญญาณอยู่ตรงนี้แล้ว ดูเหมือนข้าจะยังเตรียมตัวมาไม่ดีพอกว่าจะมาถึงวันนี้ ข้าใช้ยันต์เคลื่อนย้ายไปถึงสี่ใบ หลังจากนี้ไป ข้าต้องระวังตัวให้มากขึ้นแล้วล่ะ” ป่ายหลิงถอนหายใจ
“ยันต์เคลื่อนย้ายสี่ใบ?” หลงเฉินตกตะลึง
ป่ายหลิงยิ้มพร้อมกับกล่าวว่า “มองจากด้านพลังฝีมือแล้ว ในโลกฝึกยุทธ์ของหมู่ตึกฮวาหยินไม่ได้อยู่ในระดับแนวหน้า แต่ทว่าถ้ามองดูทรัพย์สมบัติ นอกจากหอคอยโอสถแล้วก็ไม่มีใครสามารถเทียบพวกเราได้”
เมื่อพูดถึงทรัพย์สมบัติของหมู่ตึกฮวาหยินใบหน้าของป่ายหลิงก็เต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**