ตอนที่ 394 เยว่เสี่ยวเฉียน
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**
หลงเฉินคาดไม่ถึงเลยว่าจะมีการดักซุ่มโจมตี รออยู่ภายในพื้นที่ที่เป็นหุบเหวลึกและอันตรายเช่นนี้ได้
พลังโจมตีที่พุ่งเข้ามาประชิดตัวแล้วทำให้หลงเฉินต้องรีบเรียกใบมีดเพลิงออกมา แล้วซัดออกไปทางด้านหลังในทิศทางที่สัมผัสได้ถึงพลังนั้นในทันที เพื่อต้านทานอาวุธของฝ่ายตรงข้ามเอาไว้
“ตูม”
เมื่ออาวุธของทั้งสองฝ่ายปะทะกัน ก็เกิดการระเบิดขึ้น แรงระเบิดนั้นทำให้หลงเฉินกระเด็นออกไปหลายก้าว ทันทีที่ทรงตัวได้อย่างมั่นคงเขาก็รีบหันหลังกลับไปมองจุดที่พลังนั้นถูกส่งออกมา แต่ทว่ากลับไม่พบสิ่งใดเลย
ในทันใดนั้นเอง สิ่งที่เป็นอาวุธของอีกฝ่ายที่หลงเฉินก็ยังไม่ทราบว่าคืออะไรนั้น ก็ได้พุ่งเข้ามาหาหลงเฉินจากทางด้านหลังอีกครั้งอย่างมุ่งหมายเอาชีวิต หลงเฉินเบี่ยงตัวหลบในทันที และก็พบว่าหากช้ากว่านี้อีกเสี้ยวลมหายใจ การโจมตีนั้นก็คงจะสัมผัสร่างกายของเขาไปแล้ว
ในตอนนี้หลงเฉิน เริ่มตื่นตระหนกขึ้นมาบ้างแล้ว เขาถูกจู่โจมอย่างหนักหน่วงและต่อเนื่องราวกับถูกไล่ต้อน โดยที่ไม่สามารถมองเห็นฝ่ายตรงข้ามได้ พลังการโจมตีที่ซัดเข้าใส่ก็รวดเร็วจนเขามองตามไม่ทัน นี่ช่างเป็นทักษะการเคลื่อนที่ที่เหนือชั้นเกินไปแล้ว
“โอสถเพลิง”
หลงเฉินแผดเสียงดังก้อง เร่งเร้าให้โอสถเพลิงภายในร่างกายปะทุออกมาอย่างบ้าคลั่ง เปลวไฟสีม่วงลุกโชนขึ้นอาบไล้ ปกคลุมทั่วใบดาบของทลายมาร และกลายเป็นดาบเพลิงไปในพริบตา เขายกทลายมารเข้าต้านการโจมตีที่เข้ามาจากทางด้านหลังนั้นทันที
“ปัง”
หลงเฉินใช้ดาบเพลิงในการรับมือการโจมตีของศัตรู แม้จะมองไม่เห็น แต่ก็สามารถสัมผัสได้ แต่ทว่าสิ่งที่ทำให้เขาต้องตกตะลึงขึ้นมาก็คือ พลังที่อัดแน่นอยูในดาบเพลิงของเขานั้นหายไปส่วนหนึ่ง!
“เอ๊ะ!”
จู่ๆก็มีเสียงที่นุ่มนวลดังขึ้นมาจากทางด้านหลัง หลงเฉินรีบหันกลับไปดู และในตอนนั้นเองเขาก็มองเห็นเงาของอีกฝ่ายเลือนลางอยู่ในความมืด
แต่ทว่าเพียงครู่เดียวเงานั้นก็หายไปต่อหน้าต่อหน้าต่อตา และเกิดเป็นพลังโจมตีพุ่งเข้าหาเขาจากทางด้านหลังอีกครั้งหนึ่งแทน
“หึ”
หลงเฉินเปล่งเสียงเย็นยะเยือก มือทั้งสองกำทลายมารเอาไว้ แล้วฟาดฟันออกไปรอบทิศ หมายจะหลอกล่อให้ศัตรูโจมตี
และก็เป็นไปดังคาด มีพลังโจมตีพุ่งเข้ามาจากด้านหลังของเขา แต่ครั้งนี้หลงเฉินสมารถใช้ทลายมารส่งพลังโจมตีตอบโต้กลับไปต้านทานได้ และก็ทำให้เขาทราบว่าอาวุธที่อีกฝ่ายใช้โจมตีนั้นคือดาบ การปะทะกันของพลังโจมตีจากดาบทั้งสองรุนแรงหนักหน่วง
“ตูม”
เกิดเสียงระเบิดขึ้นกลางอากาศ ร่างกายของหลงเฉินเสียหลักจนถูกผลักให้ถอยหลังไปหลายก้าวอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ฝ่ายตรงข้ามนั้นก็ถูกแรงสะท้อนของการปะทะกันกระแทกเข้าใส่จนลอยกระเด็นออกไปเช่นกัน
“เป็นเจ้าเองหรอ?”
ทันใดนั้น เงาของคนผู้นั้นก็ส่งเสียงออกมาด้วยความประหลาดใจ เสียงนั้นใสกังวาล แท้จริงแล้วเป็นหญิงสาวผู้หนึ่ง แล้วเงาในความมืดนั้นก็ค่อยๆปรากฎเป็นรูปร่างให้หลงเฉินได้เห็นชัดเจนขึ้น
หญิงสาวผู้นั้นมีรูปร่างเพรียวระหงและสูงโปร่ง ท่วงท่ากิริยาดูสง่างาม ในมือถือดาบยาวเล่มหนึ่ง ใบหน้าถูกปิดบังด้วยผ้าคลุมหน้าสีขาว เห็นแต่เพียงส่วนของดวงตา ที่เรียวยาว นัยน์ตาใสกระจ่างราวกับหยดน้ำ และเปล่งประกาย เป็นดวงตางดงามที่หากผู้ใดได้พานพบ ก็สามารถทำให้จิตวิญญาณหลุดลอยออกไปได้เลยทีเดียว
“เจ้าเองรึ?”
หลงเฉินเองก็ประหลาดใจไม่น้อย นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอกับนางในสถานที่เช่นนี้ สาวงามผู้นี้ก็คือ หญิงสาวลึกลับผู้ที่เคยช่วยชีวิตเขา
ในครั้งที่เขาถูกหยินหลอไล่ฆ่า ร่างกายบาดเจ็บสาหัส เป็นนางที่ยื่นมือมาช่วยเขา หากไม่ได้นางในวันนั้น เขาเองก็คงจะตายไปแล้วอย่างแน่นอน
เพียงพบเจอกันสั้นๆในตอนนั้น หลงเฉินก็รู้สึกได้แล้วว่าหญิงสาวลึกลับผู้นี้จะต้องมีพลังแข็งแกร่งมากมายมหาศาลอย่างแน่นอน แต่สิ่งที่ทำให้เขาติดใจสงสัยก็คือ การฝึกยุทธ์ของนางนั้นอยู่แค่ระดับเปลี่ยนเส้นเอ็นขั้นสูงสุดเท่านั้น ยังไม่เข้าถึงขอบเขตปรือกระดูกด้วยซ้ำ แต่กลับมีความเก่งกาจได้มากถึงเพียงนี้
หลงเฉินที่ได้ดาราแปรแสงมาแล้ว คิดว่ายอดฝีมือในขอบเขตเปลี่ยนเส้นเอ็นเช่นเดียวกับเขาคงไม่มีผู้ใดเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างทัดเทียม แต่ทว่าหญิงสาวผู้นี้ยังสามารถจู่โจมเขาได้ถึงสามครั้ง นั่นก็ยืนยันได้แล้วว่า นางนั้นมีพลังอันน่าหวาดกลัวอย่างมากจริงๆ
“ขออภัย ข้าคิดว่าเจ้าเป็นพวกศัตรูเสียอีก” หญิงสาวผู้นั้นกล่าวขอโทษ
“อย่าต้องขอโทษข้าเลย นั่นก็เพียงแค่เกิดความเข้าใจผิดเท่านั้น” หลงเฉินยิ้มอย่างยินดี แล้วกล่าว
หากเป็นหญิงสาวลึกลับผู้นี้ หลงเฉินก็รู้สึกว่าไม่ต้องระวังตัวใดๆอีกแล้ว ซึ่งนั่นอาจจะเพราะนางเคยช่วยชีวิตเขามาแล้วครั้งหนึ่ง
“ข้าเข้าใจผิดจริงๆ สภาวะพลังของเจ้าในตอนนี้คล้ายกับศัตรูของข้า จนข้านึกว่าเจ้ามาตามล่าข้าเสียอีก” หญิงสาวเอ่ยออกมาด้วยความรู้สึกผิด
“ศัตรู? ศัตรูเจ้ามีสภาวะพลังที่คล้ายกับข้า?” หลงเฉินสงสัย
“ทักษะยุทธ์และท่าร่างที่ใช้ไม่เหมือนกัน แต่สภาวะพลังคล้ายกันมาก ร่างกายของพวกนั้นมีพลังลมปรากฎที่เกรี้ยวกราดราวกับมังกร และยังมีร่างกายที่แข้งเเกร่งราวกับปีศาจ” หญิงสาวคนนั้นพยักหน้า พร้อมทั้งเอ่ยอธิบายออกมา
“คนพวกนั้นเป็นใคร?” หลงเฉินถาม เขารู้สึกสนใจกับคนกลุ่มนี้ขึ้นมา ฟังจากที่นางพูดแล้ว คนพวกนั้นคงเป็นยอดฝีมือที่มีพลังไม่ธรรมดาเป็นแน่
หญิงสาวผู้นั้นยิ้มน้อยๆ แต่ไม่ได้ตอบคำถามของหลงเฉิน นางกล่าวต่อไปว่า “คิดไม่ถึงเลยนะ ว่าเจ้าจะแข็งแกร่งเช่นนี้ แม้ไม่มีสมบัติลับ แต่ก็สามารถทนรับแรงกดดันของที่นี่ได้”
เมื่อเห็นว่าหญิงสาวไม่ตอบคำถาม หลงเฉินก็ไม่กล้าที่จะซักไซ้ และเมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้น เขาก็เริ่มสังเกตเห็นบางสิ่ง หลงเฉินค้นพบว่าทั่วร่างกายของหญิงสาวที่อยู่ตรงหน้า ถูกปกคลุมไปด้วยม่านแสงสีฟ้าอ่อน
ม่านแสงสั่นไหวเล็กน้อย ราวกับเป็นระลอกคลื่นเล็กๆ คอยคุ้มกันนางเอาไว้ แท้จริงแล้วนางมีสมบัติลับที่สามารถช่วยคุ้มกันตัวนางจากพลังแรงกดดันอันเข้มข้นหนักหน่วง และน่าหวาดกลัวของที่นี่ได้นั่นเอง ดังนั้นจึงไม่น่าแปลกใจแล้ว ว่าเพราะเหตุใดนางถึงสามารถเดินเหินได้อย่างผ่อนคลายในสถานที่เช่นนี้
“มาเถอะ”
หญิงสาวคนนั้นค่อยๆเดินเข้ามาหาหลงเฉิน ม่านแสงบนร่างกายของนางก็เปิดกว้างออก เพื่อที่จะปกคลุมร่างของหลงเฉินไปด้วย
ในเวลานั้นหลงเฉินก็รู้สึกได้ว่าแรงกดดันอันหนักหน่วงนั้นนเบาบางลงไปเรื่อยๆอย่างชัดเจน ในเวลาเพียงไม่นานแรงกดดันอันน่ากลัวนั้นก็หายไปจากร่างกายของเขา หลงเฉินไม่ได้รู้สึกเหมือนถูกคลื่นซัดไปมาอีกแล้ว
“ขอบใจเจ้ามาก”
“ทำไมเจ้าถึงเข้ามาที่นี่ล่ะ” หญิงสาวถาม
“ที่นี่รึ อืม.. ก็..ที่ที่ดีดีถูกแย่งไปจนหมดแล้ว ข้าก็เลยมาลองวัดดวงที่นี่ดู” หลงเฉินเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงติดจะเบื่อหน่ายในสิ่งที่กล่าว
ได้ยินหลงเฉินกล่าวเช่นนั้น หญิงสาวผู้นั้นก็อดไม่ได้ที่จะยิ้มแล้วกล่าวว่า “เจ้ามีขวัญกล้าเทียมฟ้าหรืออย่างไร แรงกดดันที่นี่ สามารถฆ่ายอดฝีมือขอบเขตปรือกระดูกได้สบายๆ เจ้าอยากจะแสดงให้เห็นถึงความกล้าหาญของเจ้างั้นหรือ ?”
“อันที่จริงข้าก็แค่สงสัยน่ะ อยากจะมาดูว่าที่นี่จริงๆแล้วเป็นเช่นไร” หลงเฉินตอบออกมาด้วยความเคอะเขิน
“ข้าเองก็พึ่งมาถึงที่นี่ได้ไม่นาน ในนี้อาจจะมีสิ่งที่ข้าต้องการอยู่ หากเป็นไปได้ข้าก็ต้องการความช่วยเหลือ ไม่รู้ว่า เจ้าอยากจะช่วยข้าหรือไม่” หญิงสาวครุ่นคิดด้วยท่าทีลังเลอยู่ชั่วครู่ เมื่อตัดสินใจได้แล้วจึงเอ่ยถามหลงเฉินช้าๆ ในน้ำเสียงเจือแววไม่มั่นใจ
“ได้สิ ไม่มีปัญหา” หลงเฉินพยักหน้ารับอย่างรวดเร็ว พร้อบเอ่ยตอบเสียงหนักแน่น
เมื่อได้ฟังคำตอบของหลงเฉินหญิงสาวลึกลับก็ตกตะลึงพร้อมกับถามว่า “เจ้าตกลงรึ ? ไม่กลัวว่าข้าจะหลอกเจ้ารึ ?”
“ข้าเป็นหนี้บุญคุณเจ้า หากถูกหลอกก็คงไม่เป็นไร” หลงเฉินกล่าว
“คนที่มีคุณธรรมเฉกเช่นเจ้า เช่นนี้ หาไม่ได้ง่ายๆแล้วนะ”
“ใช่แล้ว มีไม่เยอะหรอก” พูดถึงเรื่องคุณธรรม หรือแม้แต่ความยุติธรรมแล้ว หลงเฉินเองก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมา
หญิงสาวผู้นั้นหัวเราะเบาๆอย่างขบขัน แม้ว่าจะมองไม่เห็นใบหน้าทั้งหมดของนาง แต่แค่ได้เห็นเพียงดวงตาของนาง ก็ทำให้รู้สึกใจเต้นแรงได้แล้ว และในตอนนี้ดวงตางดงามนั้นกำลังยิ้ม!
รอยยิ้มส่งถึงดวงตาทำให้ดวงตาของนางเปล่งประกายงดงามมากยิ่งขึ้นไปอีก อีกทั้งเสียงหัวเราะใสกังวาลนั้น สามารถทำให้ผู้ที่ได้เห็นได้ยินหัวใจวายตายไปเพราะการจังหวะการเต้นที่บ้าคลั่งนั้นได้เลยทีเดียว
“เจ้าไม่อายบ้างรึไง ชมตัวเองก็ได้ด้วยรึ ?” หญิงสาวกล่าวและยังคงยิ้มส่งให้ ในตอนนี้หลงเฉินรู้สึกว่าร่างกายของเขาเกิดการสั่นคลอนขึ้นมาแล้ว เนื่องจากหัวใจสั่นไหวเต้นรัวแรงราวกับคลื่นนั้น และเขากำลังรู้สึกคอแห้งผากขึ้นมาทันที
หลงเฉินจึงได้แต่รีบเบือนหน้าออก มองไปทางด้านข้างแทน
เมื่อเห็นว่าใบหน้าของหลงเฉินนั้นไม่เป็นธรรมชาติ นางก็รู้สึกขบขันเพิ่มมากขึ้น แต่ก็พยายามเก็บอาการเอาไว้ “คราวก่อนข้าช่วยเจ้า ก็แค่เพียงออกแรงเล็กน้อย แต่ถ้าหากว่าในนี้พบสิ่งที่ข้าต้องการ ก็หวังว่าเจ้าจะช่วยข้า เช่นนี้ก็จะได้ไม่มีอะไรต้องติดค้างน้ำใจกันอีก”หญิงสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
นั่นเองทำให้หลงเฉินรู้ได้ว่าสิ่งของที่นางต้องการนั้นสำคัญเป็นอย่างมาก เขาจึงพยักหน้าตอบตกลง ในโลกนี้หลงเฉินไม่เกรงกลัวอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นสิ่งหนึ่งนั่นก็คือการติดสินน้ำใจ เพราะนั่นมีแต่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ เป็นความรู้สึกที่ไม่ดีเลยแม้แต่น้อย
“ขอบคุณมาก ข้ามีความหวังว่าจะได้ในสิ่งที่ข้าต้องการมากขึ้นแล้วล่ะ อ้อลืมไป ข้าเยว่เสี่ยวเฉียน” หญิงสาวนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้แนะนำตนเอง ต่อหลงเฉินจึงกล่าว
“ข้าหลงเฉิน”
“ฮี่ฮี่ ข้ารู้ เจ้าเคยบอกข้าแล้ว” เยว่เสี่ยวเฉียนหัวเราะน้อยๆ
อาจจะเป็นเพราะได้เห็นความมุ่งมั่นของหลงเฉิน จึงทำให้เยว่เสี่ยวเฉียนวางใจขึ้นมาก ในตอนนี้ทั้งสองคนก็ค่อยๆเดินลึกเข้าไปสู่พื้นที่ด้านในของหุบเหว
“แม่นางเสี่ยวเฉียน ข้าอยากถามเจ้าหน่อย เจ้ารู้จักที่นี่หรือไม่ ?” หลงเฉินที่เดินอยู่ข้างเยว่เสี่ยวเฉียนเอ่ยถาม
เยว่เสี่ยวเฉียนส่ายหัวพร้อมกับพูดว่า “ข้าเองก็ไม่รู้จักที่นี่มากนัก ที่ข้าเข้ามาในขอบเขตแดนลับนพเก้าครั้งนี้ ก็เพื่อเสาะหาสิ่งที่ข้าต้องการ ที่ผ่านมาก็ไปค้นหาในที่ที่อันตรายมาแล้วหลายที่ แต่ก็ไม่พบ หากในหุบเหวปีศาจนี้ยังหาไม่พบ ข้าก็คงต้องกลับไปมือเปล่าแล้วล่ะ”
“เจ้าเข้ามายังขอบเขตลับ มิใช่เพื่อแสวงหาวาสนาหรอกหรือ ?” เมื่อได้ยินเยว่เสี่ยวเฉียนกล่าวเช่นนั้น หลงเฉินถามต่อด้วยความสงสัย วัตถุประสงค์ของนางช่างแตกต่างจากเขาเสียจริง
“อืม เวลาของข้ามีจำกัด หากหาไม่พบสิ่งที่ข้าต้องการ ข้าก็ต้องรีบกลับออกไปจากที่นี่” เยว่เสี่ยวเฉียนเดินด้วยความระมัดระวัง แม้ท่าทางจะดูสง่างาม แค่สีหน้าท่าทางในตอนนี้เต็มไปด้วยความหดหู่ใจ
หลงเฉินรู้สึกได้ว่า บนตัวของเยว่เสี่ยวเฉียนมีพลังวิญญาณที่ค่อนข้างพิเศษ พลังนั้นสามารถทำให้คนที่อยู่รอบข้างเกิดความรู้สึกเดียวกันกับนางได้ เมื่อเห็นท่าทางของนางแล้วหลงเฉินก็เกิดความเห็นใจอยากจะยื่นมือไปแตะตัวนางเพื่อปลอบประโลม
หลงเฉินยื่นมือออกไปได้เล็กน้อย หลงเฉินก็คิดขึ้นมาได้ พลันรีบชักมือกลับมา ควบคุมความรู้สึกของตนเอง
มีบางอย่างผิดปกติ หลงเฉินรู้สึกได้ว่ามีบางสิ่งที่ไม่ปกติ หลงเฉินคิดว่านั่นไม่ได้เกิดจากความงดงามของนางอย่างแน่นอน แต่ทุกครั้งที่ได้พบกับเยว่เสี่ยวเฉียน เขารู้สึกว่าตนเองมักจะได้รับผลกระทบจากพลังพิเศษบางอย่างบนตัวของนาง
“แค่กแค่ก ไม่ได้สิ ทางเข้าขอบเขตลับนพเก้ายังไม่เปิด แล้วเจ้าจะออกไปก่อนได้ยังไงกัน?” ทันใดนั้นหลงเฉินก็นึกขึ้นมาได้ ว่าทางผ่านเข้าสู่ขอบเขตแดนลับนั้นปิดอยู่ ในตอนนี้ไม่มีผู้ใดจะสามารถผ่านเข้าออกได้
หญิงสาวลึกลับเยว่เสี่ยวเฉียนยิ้มแล้วกล่าว “ข้ามีวิธีของข้า แต่นั่นเป็นความลับ ไม่สามารถบอกเจ้าได้”
แม้ว่านางจะกล่าวปฏิเสธ แต่เมื่อได้เห็นสายตาของเยว่เสี่ยวเฉียน ก็ยากที่จะโกรธ หญิงสาวผู้นี้ช่างร้ายกาจราวกับมารร้าย อีกทั้งยังราวกับมีพลังพิเศษที่ทำให้เขาโกรธไม่ลง
“สภาวะพลังที่ชั่วร้ายเริ่มจะเพิ่มขึ้นอีกแล้ว ระวังตัวด้วย” ทันใดนั้น เยว่เสี่ยวเฉียนก็เอ่ยเตือนขึ้นมา
ทว่าไม่ต้องรอให้เยว่เสี่ยวเฉียนเตือน หลงเฉินเองก็สัมผัสได้เช่นกัน ม่านแสงของนางสามารถช่วยให้ ‘หลีกเลี่ยง’ จากแรงกดดันภายในหุบเหวนี้ได้ แต่ก็ไม่ได้ทำให้หลีกเลี่ยงการรู้สึกถึงจากสภาวะพลังอื่นๆได้ พวกเขาจึงยังรับรู้ได้อย่างชัดเจน
สภาวะพลังขุมนั้นเต็มไปด้วยกลิ่นอายของการฆ่าสังหาร ทำให้รู้สึกราวกับมีปีศาจร้ายกำลังจ้องมองพวกเขาอยู่ และหลงเฉินก็รับรู้ได้ถึงความเย็นที่แผ่ซ่านอยูในกระดูก
ทั้งสองมุ่งหน้าเดินลึกเข้าไปอีก เมื่อผ่านไปได้ชั่วยามหนึ่ง สภาวะพลังของปีศาจร้ายก็ยิ่งเข้มข้นขึ้น พลังจิตวิญญาณของหลงเฉินนั้นแข็งแกร่งพอที่จะสามารถต่อต้านมันไว้ได้ เขาจึงยังไม่ได้รับผกระทบใดๆ
หลงเฉินแอบมองเยว่เสี่ยวเฉียน เห็นว่านางไม่ได้แสดงสีหน้าใดๆ จึงคิดว่านางสามารถต้านทานการกัดเซาะของสภาวะพลังนั้นได้
หลงเฉินนั้น ไม่เข้าใจเยว่เสี่ยวเฉียนมากนัก สำหรับเขาแล้วนางเต็มไปด้วยความลึกลับ การต่อสู้ระยะสั้นก่อนหน้านี้ นางน่าหวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง พลังและความแข็งแกร่งที่พรั่งพรูออกมานั้น ให้ความรู้สึกไม่ต่างจากหยินหลอ หรือหานเทียนหวู่เลยแม้แต่น้อย หลงเฉินหวนนึกถึงคำที่ป่ายหลิงเคยบอกไว้ว่า ขอบเขตลับนพเก้านั้นเชื่อมต่ออยู่กับทั้งเจ็ดรัฐ ยอดฝีมือที่เข้ามาสู่ขอบเขตแดนลับนั้นจึงมีอยู่มากมาย ซึ่งก็ไม่สามารถรู้จำนวนที่แน่นอนได้เลย ยอดฝีมือที่อยู่ ‘ในที่แจ้ง’ ก็โดดเด่นเป็นที่รู้จักกันดี ก็ล้วนมีพลังฝีมือที่น่าหวาดกลัว แต่ผู้เป็นสุดยอดฝีมือที่ซ่อนตัวอยู่ก็มีไม่น้อยเช่นกัน เช่นวันนี้ที่ได้เห็นความแข็งแกร่งของเยว่เสี่ยวเฉียนนั้น ก็ทำให้เขาเชื่อในสิ่งที่ป่ายหลิงกล่าวอ้างขึ้นมาแล้ว
“ปัง”
ม่านแสงด้านหน้าของเยว่เสี่ยวเฉียนสั่นไหวไม่หยุด ทำให้เห็นว่าแรงกดดันในขณะนี้นั้นแข็งแกร่งมากขึ้นกว่าก่อนหน้านี้ จนแม้แต่ม่านแสงเองก็เริ่มต้านทานไว้แทบไม่อยู่
ทั้งสองคนมุ่งหน้าต่อไปอีกกว่าร้อยลี้ ทันใดนั้นเบื้องหน้าของพวกเขาก็ปรากฎภาพของพื้นที่ราบกว้างใหญ่
บนที่ราบนั้น ปรากฎเป็นโครงกระดูกขนาดมหึมาตั้งตะหง่านอยู่บนพื้น ภาพนั้นทำให้หลงเฉินถึงกับตกตะลึงอ้าปากตาค้าง
.
.
.
* นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ Novel Kingdom (หจก.โนเวล คิงด้อม) *
**ไม่อนุญาตให้ดัดแปลง แก้ไขหรือเผยแพร่ก่อนได้รับอนุญาต หากฝ่าฝืนทาง หจก. จะดำเนินคดีให้ถึงที่สุด**