ตอนที่แล้วตอนที่ 24 ความไว้วางใจของท่านพ่อ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ชีวิตคนย่อมสำคัญกว่า

ตอนที่ 25 เว่ยจิ่นอี้ล้มป่วย


ตอนที่ 25 เว่ยจิ่นอี้ล้มป่วย

“แต่ถ้าเจ้าไปเรียนกับพวกที่เด็กกว่ามากๆ แม่ก็กลัวว่าเจ้าจะอึดอัดใจ” อวิ๋นซื่ออธิบาย

  

“ถ้าเช่นนั้นข้าหาอาจารย์หญิงเองได้หรือไม่เจ้าคะ?” เว่ยรั่วถาม

  

“เรื่องนี้...” อวิ๋นซื่อแสดงความลำบากใจออกมา “รั่วเอ๋อร์ การเชิญอาจารย์หญิงสักคนนั้นเป็นเรื่องยากลำบากมากและไม่ง่ายเลย เหตุผลแรกคืออาจารย์หญิงผู้มีการศึกษาจะไม่ไปสอนหนังสือที่บ้านคนธรรมดาง่ายๆ และเหตุผลที่สองคือค่าใช้จ่ายสูงมาก...”

  

ค่าใช้จ่ายในจวนเซี่ยวเว่ยมีจำกัดอยู่แล้ว ตอนนี้พวกเขาต้องทุ่มให้การศึกษาของบุตรชายคนโตก่อน โดยปกติแล้วจึงไม่มีเงินพิเศษที่จะจ้างอาจารย์หญิงสำหรับเว่ยรั่วคนเดียว

  

“แล้วถ้าข้าสามารถหาอาจารย์หญิงที่ไม่ต้องใช้เงินได้ล่ะเจ้าคะ?” เว่ยรั่วถาม

  

“รั่วเอ๋อร์อย่าพูดเหลวไหล” อวิ๋นซื่อขมวดคิ้วพลางเอ่ย

“ข้าไม่ได้พูดเหลวไหลเจ้าค่ะ ข้าจริงจังมาก หากข้าสามารถหาอาจารย์หญิงที่เต็มใจสอนข้าและไม่ปิดกั้นข้าจากการเพาะปลูก ท่านแม่อนุญาตให้ข้าไม่ไปเรียนกับคนอื่นๆ เถอะนะเจ้าคะ”

  

“รั่วเอ๋อร์ อย่าพูดถึงว่ามีอาจารย์หญิงเต็มใจสอนเจ้าโดยไม่ปิดกั้นงานของเจ้าหรือไม่ เพราะแค่การหาอาจารย์หญิงให้ได้สักคนยังเป็นเรื่องยากมาก เจ้าเพิ่งกลับจวนและเป็นเรื่องปกติที่เจ้าจะไม่เข้าใจในบางเรื่อง แต่เจ้าต้องเชื่อใจแม่นะ แม่จะต้องเตรียมสิ่งที่ดีที่สุดให้เจ้าแน่นอน”

  

อวิ๋นซื่อพูดด้วยความจริงใจ

  

“ข้าเข้าใจเจ้าค่ะ แต่ตอนนี้ข้าต้องทำงานทางตอนใต้ของเมืองให้เสร็จก่อน” โชคดีที่เว่ยรั่วยังมีข้ออ้างให้ใช้

  

เดิมทีนางเพียงต้องการแก้ปัญหาอาหารในอำเภอซิ่งซั่น แต่ไม่ได้คาดหวังว่าจะสามารถใช้เรื่องนี้มาช่วยให้นางเลิกไปเรียนหนังสือที่บ้านนายอำเภอได้

  

อวิ๋นซื่อพูดว่า “ตอนนี้แม่จะอนุญาตให้เจ้าไปทำสิ่งต่างๆ ทางตอนใต้ของเมืองก่อน หลังจากที่เจ้าได้พยายามเต็มที่แล้วค่อยจัดคนของทางการไปรับช่วงต่อ และเจ้าต้องกลับไปเรียนที่บ้านนายอำเภอ”

  

เว่ยรั่วพูดว่า “เข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”

  

อวิ๋นซื่อส่งจางหมัวมัวและคนงานประจำอีกสองคนมาช่วยเว่ยรั่ว

  

หัวใจของจางหมัวมัวเต็มไปด้วยความไม่เต็มใจนับหมื่นประการ เพราะทางตอนใต้ของเมืองทั้งรกร้างและมีความเสี่ยงสูงที่จะถูกทำร้าย ใครจะว่างจนวิ่งออกไปที่นั่น?

  

นอกจากนี้คุณหนูใหญ่ยังวิ่งออกไปทำการเกษตรด้วย แล้วร่างกายที่แก่ชราของนางจะทนได้อย่างไร

  

แต่นี่คือคำสั่งของอวิ๋นซื่อ นางจึงต้องทำ

  

เดิมทีนางคิดว่าเว่ยรั่วจะนำคนไปทางทิศใต้ของเมืองทันที แต่กลายเป็นว่าคำสั่งแรกของเว่ยรั่วคือขอให้พวกนางไปซื้อรำข้าวและฟาง ทั้งยังให้รวบรวมเศษอาหารจากในครัวด้วย

  

“คุณหนูใหญ่ไม่ได้บอกว่าจะปลูกพืชผลในพื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมืองหรือเจ้าคะ? แต่มีทั้งรำข้าวและเศษอาหาร ท่านต้องการเลี้ยงหมูหรือเจ้าคะ?” จางหมัวมัวถาม

  

“ข้าอยากปลูกพืช ส่วนท่านแค่ทำตามคำสั่งของข้า นอกจากนี้ข้ายังต้องการถังไม้ที่ปิดผนึกได้อย่างดีอีกจำนวนหนึ่งเพื่อเก็บสิ่งเหล่านี้”

  

คำสั่งจากเว่ยรั่วทำให้จางหมัวมัวยิ่งสับสน เพราะไม่รู้ว่านางจะทำสิ่งใดกันแน่

  

เมื่อเห็นว่าจางหมัวมัวมีความสงสัยและไม่ได้เคลื่อนไหวเป็นเวลานาน เว่ยรั่วจึงพูดว่า

  

“จางหมัวมัว ท่านแม่ส่งท่านมาที่นี่เพื่อช่วยข้า ไม่ใช่มาตั้งคำถามกับข้า ถ้าข้าล้มเหลวก็จะอธิบายให้ท่านพ่อท่านแม่ฟังเอง” เว่ยรั่วมีทัศนคติที่แข็งแกร่งและไม่ยอมให้ใครวิพากษ์วิจารณ์ได้

  

“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ” จางหมัวมัวระงับความไม่พอใจของตนและพยักหน้าเห็นด้วย

  

นางยังทำสิ่งใดได้อีก? ผู้ใดใช้ให้นายท่านและฮูหยินมีความอดทนต่อคุณหนูใหญ่มากเป็นพิเศษเล่า?

  

นางจึงไม่กล้าที่จะโต้แย้ง!

  

ในเรือนวั่งเหมย เว่ยชิงหวั่นก็ได้ทราบว่าระยะนี้เว่ยรั่วมีงานยุ่ง และท่านแม่เลื่อนกำหนดการที่จะให้นางไปเรียนหนังสือบ้านนายอำเภอออกไป

  

“หมัวมัว พี่หญิงออกไปทุ่งนาทั้งวัน ถ้าข่าวแพร่ออกไปแล้วชื่อเสียงของนางจะไม่เสียหายหรอกหรือ?” เว่ยชิงหวั่นถามหลี่หมัวมัวที่อยู่ข้างๆ

  

“นั่นย่อมมีชื่อเสียงที่ไม่ดีเจ้าค่ะ แต่คุณหนูไม่ต้องกังวล เพราะคุณหนูใหญ่กลับมาจากชนบทและติดนิสัยการใช้ชีวิตแบบชาวชนบท ดังนั้นแค่นางสามารถเรียนรู้กฎระเบียบบางข้อและไม่ทำตัวโง่เขลาต่อหน้าคนนอกก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ถ้าจะให้นางมีความรู้และมีเหตุผลเหมือนคุณหนู ย่อมเป็นไปไม่ได้เจ้าค่ะ”

“มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก เพราะพี่หญิงก็มีข้อดีในตัวเองเช่นกัน ครั้งล่าสุดมันเทศตากแห้งและมันเทศกรอบของนางได้รับคำชมจากทุกคนด้วย” เว่ยชิงหวั่นเอ่ยเสียงแผ่ว

  

“นั่นไม่ถือเป็นคำชมหรอกเจ้าค่ะ เพราะบรรดาฮูหยินกับคุณหนูพวกนั้นกำลังหิวจึงชมนางเพื่อรักษาน้ำใจ แต่นางไม่สามารถพึ่งพามันเทศตากแห้งและมันเทศกรอบเพื่อสร้างชื่อเสียงไปตลอดชีวิตได้เจ้าค่ะ”

  

หลี่หมัวมัวแสดงความดูแคลนที่เว่ยรั่วได้รับการยกย่องจากทุกคนในครั้งล่าสุด

  

เว่ยชิงหวั่นลดศีรษะลงเล็กน้อย หลังจากได้ฟังการวิเคราะห์ของหลี่หมัวมัวแล้วนางก็รู้สึกดีขึ้นมาก

  

เว่ยรั่วงานยุ่งมากๆ เป็นเวลาหลายวันแล้ว นางยุ่งวุ่นวายในการเตรียมการต่างๆ เพื่อปรับปรุงพื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมือง

  

นางมักจะนอนหลับสนิทในเวลากลางคืนแล้วไปตื่นอีกทีตอนเช้า

ในคืนนี้เว่ยรั่วก็ผล็อยหลับด้วยความรวดเร็วเหมือนเช่นเคย

  

ขณะที่นางนอนหลับสนิทก็มีเสียงเคาะประตูดังมากๆ จนปลุกนางให้ตื่นจากการหลับใหล

  

นางยันกายมานั่งบนเตียงแล้วมองไปที่ห้องด้านนอก เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด นางก็รู้ว่าเป็นซิ่วเหมยที่ออกไปเปิดประตูเรือน

  

หลังจากนั้นไม่นาน ซิ่วเหมยก็กลับมาที่ห้อง

  

“คุณหนูตื่นด้วยหรือเจ้าคะ?”

  

“เหตุใดจึงมีเสียงดังขนาดนั้น?”

  

“เป็นเสี่ยวเป่ยที่อาศัยอยู่ในเรือนอิ๋งจู๋มาเคาะประตูเจ้าค่ะ บอกว่าคุณชายของพวกเขาล้มป่วย”

  

“ล้มป่วยก็ไปเชิญหมอสิ มาเคาะประตูเรือนข้าด้วยเหตุใด?” เว่ยรั่วรู้สึกสับสน

  

“เสี่ยวเป่ยบอกว่าพวกเขาไปหาคนในจวนเพื่อให้ช่วยตามหมอแล้วเจ้าค่ะ แต่ไม่มีใครสนใจเขาเลย เขาจึงไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากมาขอร้องที่เรือนของเรา”

  

เรือนอิ๋งจู๋ไร้ตัวตนในจวนเซี่ยวเว่ย ดังนั้นพวกคนรับใช้จึงกล้าที่จะเพิกเฉยต่อพวกเขา

  

แม้ว่าเว่ยรั่วเพิ่งกลับเข้าตระกูลเว่ยได้ไม่นาน แต่สถานะของนางในจวนนั้นสูงกว่าเว่ยจิ่นอี้แบบเห็นได้ชัด ไม่ว่าบ่าวรับใช้จะคิดอย่างไรต่อนาง ทว่าพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะเพิกเฉยต่อนางเช่นกัน

  

เดาว่าที่เสี่ยวเป่ยมาหาเว่ยรั่ว เพราะเขารู้สึกว่าคำพูดของเว่ยรั่วมีน้ำหนักกว่าของพวกตน

  

“เหมยเหมย หยิบเสื้อผ้ามาให้ข้าหน่อย”

  

เว่ยรั่วลุกจากเตียง หลังจากแต่งตัวเสร็จแล้วนางก็รีบเดินออกไปที่ประตูเรือน

  

เสี่ยวเป่ยยังรออยู่ที่ประตูเรือนทิงซง เมื่อเขาเห็นเว่ยรั่วเดินออกมา เขาก็รีบคุกเข่าลงและขอร้องว่า “คุณหนูใหญ่ บ่าวขอร้องท่าน ได้โปรดช่วยคุณชายของบ่าวด้วยขอรับ เขาตัวร้อนมาก หากปล่อยให้เป็นเช่นนี้ต่อไป เขาจะต้องแย่แน่ๆ ถ้าคุณหนูช่วยคุยกับคนในจวนให้ พวกเขาอาจยอมเชิญท่านหมอมาตรวจอาการคุณชายขอรับ”

  

เสี่ยวเป่ยไม่มีทางเลือกจริงๆ หากจะเชิญหมอก็ต้องไปหาหมัวมัวผู้ดูแล แต่เขาไม่เห็นหมัวมัวผู้ดูแลจวนเลย

  

และนายท่านไม่ได้กลับจวนหลายวันเพราะยุ่งอยู่กับภารกิจต่อต้านโจรสลัดวอโค่ว

  

หลังจากไตร่ตรองแล้ว เขาก็นึกถึงได้เพียงเว่ยรั่วคุณหนูใหญ่ที่ส่งของให้คุณชายสองครั้งสองครา นางจึงเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ในจวนแห่งนี้ที่สามารถช่วยเหลือคุณชายของพวกเขาได้!

  

“เอาล่ะ ข้าเข้าใจแล้ว เจ้าลุกขึ้นก่อนแล้วพาข้าไปดูอาการคุณชายของเจ้าเถอะ”

  

“ขอรับ ได้ขอรับ เชิญคุณหนูใหญ่ตามบ่าวมาขอรับ”

  

เสี่ยวเป่ยพาเว่ยรั่วกลับไปที่เรือนอิ๋งจู๋ทันที

  

เมื่อเดินเข้าไปในห้องนอนหลักของเรือน เว่ยรั่วก็เห็นเว่ยจิ่นอี้นอนหมดสติอยู่บนเตียง

  

ผิวของเขาดูขาวกว่าคนทั่วไปอยู่แล้ว ตอนนี้ไม่มีเลือดฝาดบนใบหน้า ทำให้เขาซีดเหมือนกระดาษ

  

เว่ยรั่วเอื้อมมือไปแตะหน้าผากของเว่ยจิ่นอี้จึงพบว่าเขาตัวร้อนมาก

  

“คุณชายของเจ้าป่วยมาหลายวันแล้วใช่หรือไม่?” เว่ยรั่วถามเสี่ยวเป่ย

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด