ตอนที่แล้วตอนที่ 25 เว่ยจิ่นอี้ล้มป่วย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 27 ช่วยชีวิตเว่ยจิ่นอี้

ตอนที่ 26 ชีวิตคนย่อมสำคัญกว่า


ตอนที่ 26 ชีวิตคนย่อมสำคัญกว่า

“ใช่ขอรับ...ผ่านมาสามวันแล้ว เพียงแต่ในสองวันแรกอาการไม่รุนแรงขนาดนี้ คุณชายบอกว่าไม่เป็นไร แค่นอนพักผ่อนแล้วอาการจะดีขึ้นเอง แต่กลายเป็นว่าคืนนี้อาการของคุณชายแย่ลงแล้วหมดสติไปเลยขอรับ” เสี่ยวเป่ยดูวิตกกังวลสุดขีด

  

ถ้าเขารู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ เขาจะขอให้ผู้ดูแลเชิญท่านหมอมารักษาคุณชายให้เร็วกว่านี้!

“ไปกันเถอะ ข้าจะไปหาหมัวมัวผู้ดูแล” เว่ยรั่วยืนขึ้นและเดินนำออกไปข้างนอก

  

เหตุผลหลักคือนางกับเว่ยจิ่นอี้ไม่ได้คุ้นเคยกันมากนัก และเมื่ออยู่ในตระกูลเว่ย นางไม่สามารถเปิดเผยทักษะทางการแพทย์ของตนได้มากเกินไป

  

จะดีกว่าถ้าปล่อยให้สมาชิกในครอบครัวแก้ปัญหาที่พวกเขาสามารถแก้ไขได้

  

ตอนนี้ผู้ที่ดูแลเรือนชั้นในของจวนเซี่ยวเว่ยคือหลี่หมัวมัว และนางมักจะอาศัยอยู่ที่เรือนวั่งเหมย

  

เสี่ยวเป่ยเคาะประตู แต่คนของเรือนวั่งเหมยไม่ตอบสนอง เมื่อเว่ยรั่วมาเคาะ ผู้คนในเรือนวั่งเหมยแสดงความเกียจคร้านอยู่พักหนึ่งและในที่สุดก็มาเปิดประตู

  

“คุณหนูใหญ่มาทำอันใดที่นี่ตอนดึกเจ้าคะ?” ชุ่ยเหอถามเว่ยรั่วด้วยความระมัดระวัง

  

“แม่ของเจ้าอยู่ที่ใด?” เว่ยรั่วถามถึงหลี่หมัวมัวจากชุ่ยเหอโดยตรง

  

“อยู่ที่...ห้องปีกตะวันตกเจ้าค่ะ...” ชุ่ยเหอตอบด้วยอาการมึนงง

  

ในฐานะคนรับใช้ไม่สามารถอยู่ในห้องปีกของเรือนได้ จึงเห็นได้ว่าสถานะของหลี่หมัวมัวในตระกูลเว่ยนั้นไม่ธรรมดาจริงๆ

  

เว่ยรั่วไม่ได้เสียเวลาพูดกับชุ่ยเหอและเดินตรงไปที่ห้องปีกทันที หลังจากเคาะประตูได้สักพัก ประตูก็ถูกเปิดออก

  

หลี่หมัวมัวถูกปลุกให้ตื่นจึงมีสีหน้าหงุดหงิดมาก “คุณหนูใหญ่ ถ้ามีสิ่งใดก็รอพรุ่งนี้ก่อนได้เจ้าค่ะ แต่ท่านมาตะโกนส่งเสียงดังตอนดึกๆ แบบนี้จะเหมาะสมหรือเจ้าคะ?”

  

“มันเป็นเรื่องของความเป็นความตาย ท่านไม่ต้องสนใจว่าข้าจะตะโกนหรือไม่! ตอนนี้คุณชายรองไข้ขึ้นจนหมดสติไปแล้ว ท่านจะยอมให้มีคนตายหรือไม่?” เว่ยรั่วถาม

  

“ตอนกลางวันยังสบายดี แต่เหตุใดตอนกลางคืนถึงหมดสติล่ะเจ้าคะ? บ่าวเห็นว่าปกติคุณชายรองก็แข็งแรงดี แล้วจะหมดสติโดยไร้เหตุผลได้อย่างไร? ท่านอย่ายุ่งเลยเจ้าค่ะ ยังไม่สายเกินไปที่จะตามหมอพรุ่งนี้เช้า แต่นี่ดึกมากแล้ว ท่านอยากให้บ่าวไปหาหมอที่ใดเจ้าคะ?”

  

“ก็ต้องไปตามที่โรงหมอน่ะสิ!” เว่ยรั่วดึงหลี่หมัวมัวออกจากห้อง

  

ความโกรธของหลี่หมัวมัวปะทุขึ้นทันที “ท่านช่างอวดดี! ทำตัวไม่มีกฎเกณฑ์เลย! บ่าวมาจากจวนจงอี้ปั๋ว แม้แต่ฮูหยินยังต้องเกรงใจบ่าว! แต่ท่านกล้าดีอย่างไรมาดึงบ่าวเช่นนี้!”

  

“ไม่ว่าท่านจะมาจากที่ใด แต่ท่านก็ยังเป็นแค่หมัวมัว! คุณชายรองยังคงเป็นเจ้านาย ไม่ว่าเขาจะถูกเมินเฉยมากเพียงใดก็ตาม! ข้าบอกให้ท่านไปเชิญหมอมารักษาเจ้านาย แต่ท่านยังต่อต้าน เช่นนี้ท่านยังกล้าที่จะบอกว่าตนเป็นหมัวมัวจากจวนจงอี้ปั๋วอีกหรือ? ข้าอยากจะถามท่านบ้างว่ากฎระเบียบของท่านเอาทิ้งไว้ที่ใด?” เว่ยรั่วตำหนินางเช่นกัน

  

โดยปกติแล้วเว่ยรั่วสามารถปล่อยให้ผู้อื่นวางอำนาจต่อหน้านางได้ แต่เมื่อต้องเผชิญกับเรื่องที่ร้ายแรงถึงชีวิต อารมณ์ของเว่ยรั่วก็ระเบิดออกมาโดยควบคุมไม่ได้

  

“ช่างอุกอาจนัก! วันนี้บ่าวจะไม่เชิญหมอให้ท่าน! ดูสิว่าท่านสามารถทำสิ่งใดได้บ้าง!” หลี่หมัวมัวยืดอกแสดงท่าทางหยิ่งผยอง

  

เสียงดังนี้ได้รบกวนเว่ยชิงหวั่นที่อาศัยอยู่ในห้องหลักด้วย

  

เมื่อเว่ยชิงหวั่นเดินออกมาและเห็นเว่ยรั่วกำลังดึงหลี่หมัวมัว นางก็ตะโกนด้วยความกังวลว่า “พี่หญิงทำอันใดเจ้าคะ? หลี่หมัวมัวแก่แล้ว ท่านอย่าดึงนางแบบนี้ ถ้าดึงนางเช่นนั้นจะอันตรายมาก!”

  

เมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจนาง ดังนั้นนางจึงวิ่งเข้าไปช่วยแยกหลี่หมัวมัวและเว่ยรั่วออกจากกัน

  

ในขณะนี้หลี่หมัวมัวกำลังบันดาลโทสะ จึงไม่ได้สังเกตว่าคนที่กำลังวิ่งเข้ามาคือเว่ยชิงหวั่น นางแค่รู้สึกว่ามีคนมาดึงไว้ ดังนั้นนางจึงผลักแรงๆ

  

เว่ยชิงหวั่นถูกผลักลงไปกองกับพื้นทันที

  

เมื่อเห็นเว่ยชิงหวั่นนอนอยู่บนพื้น หลี่หมัวมัวจึงกลับมามีสติอีกครั้งและรีบเข้าไปช่วยเว่ยชิงหวั่น

  

“คุณหนู เป็นอย่างไรบ้างเจ้าคะคุณหนู?”

  

“หมัวมัว...เท้าของข้า...เท้าของข้าเจ็บ...” เว่ยชิงหวั่นมองไปที่ข้อเท้าของตนด้วยใบหน้าซีดเซียวและมีสีหน้าเจ็บปวดด้วย

  

หลี่หมัวมัวตื่นตระหนกและรีบสั่งบุตรสาวของนางทันที “ชุ่ยเหอ รีบไปหาฮูหยิน! แจ้งฮูหยินว่าคุณหนูได้รับบาดเจ็บที่เท้า! จากนั้นไปบอกเสี่ยวฉียามเฝ้าประตูว่าให้เขาไปรับท่านหมอที่โรงเป่าเหอทันที!”

  

ต่อจากนั้นหลี่หมัวมัวก็หันมาจ้องมองเว่ยรั่ว “คุณหนูใหญ่ดูสิ่งดีๆ ที่ท่านทำสิเจ้าคะ!”

  

เว่ยรั่วมีใบหน้าที่เย็นชา นางสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังเดินจากไปทันที

  

นางรู้ดีว่าเรื่องของวันนี้จะไม่สามารถคลี่คลายได้ในเวลาอันสั้น แต่คนในเรือนอิ๋งจู๋ยังป่วยหนักและไม่สามารถรอได้

  

หากต้องรอจนถึงพรุ่งนี้เช้าจึงจะไปตามหมอได้ เกรงว่าเขาจะตายเพราะพิษไข้

  

เว่ยรั่วกลับมาที่เรือนอิ๋งจู๋แล้วบอกให้ซิ่วเหมยกลับไปหยิบกล่องเครื่องมือแพทย์ของนาง

  

แต่ซิ่วเหมยลังเลแล้วจับมือของเว่ยรั่วพลางเอ่ย “คุณหนูจะช่วยรักษาให้คุณชายรองหรือเจ้าคะ?”

  

“ใช่”

  

“แต่ว่าคุณหนู หากคุณชายรองฟื้นขึ้นมา ท่านจะไม่มีหลักฐานไปอธิบายเหตุการณ์ในเรือนวั่งเหมยได้นะเจ้าคะ! ถ้าหลี่หมัวมัวยืนยันว่าคุณชายรองไม่ได้ป่วยและเป็นท่านที่สร้างปัญหา ท่านจะอธิบายให้ฮูหยินฟังได้อย่างไร!”

  

ซิ่วเหมยตระหนักได้ว่าเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นไม่ดีแน่ๆ และคุณหนูของนางจะต้องเดือดร้อน

  

“ถึงจะเป็นเช่นนั้นข้าก็ไม่อาจเอาชีวิตมนุษย์มาล้อเล่นได้ ถ้าการที่เขาตายหรือได้รับบาดเจ็บ จะทำให้ข้าพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนได้ แต่ถ้าต้องพิสูจน์ด้วยชีวิตคนทั้งคน ความบริสุทธิ์ที่ข้าได้รับก็ไร้ความหมาย!”

  

เมื่อเห็นทัศนคติที่มั่นคงของเว่ยรั่ว ซิ่วเหมยก็รู้ว่าตัวเองควรทำสิ่งใด

  

“บ่าวเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ บ่าวจะเชื่อฟังคุณหนู” ซิ่วเหมยหันหลังกลับและวิ่งไปที่เรือนทิงซงเพื่อหยิบกล่องเครื่องมือแพทย์ของเว่ยรั่ว

  

นางรู้ว่าคุณหนูมีนิสัยเช่นนี้ แม้ปากจะพูดว่าสิ่งที่ตนใส่ใจมากที่สุดคือเงิน และสิ่งสุดท้ายที่จะทำคือการซื้อขายโดยขาดทุน แต่เมื่อคุณหนูเผชิญกับเรื่องความเป็นความตาย ก็จะโยนสิ่งที่เรียกว่าเงินและผลประโยชน์ทิ้งไปทันที

  

เว่ยรั่วสั่งให้เสี่ยวเป่ยไปเตรียมน้ำเย็นและผ้าเช็ดตัวเข้ามา

  

เสี่ยวเป่ยพยักหน้าซ้ำแล้วซ้ำเล่า ไม่นานก็กลับมาพร้อมอ่างน้ำ

  

“ไปดึงผ้าห่มออกให้คุณชายของเจ้าแล้วปลดเสื้อของเขาออกด้วย” เว่ยรั่วสั่งต่อ

  

“ปลด...ปลดเสื้อหรือขอรับ?” เสี่ยวเป่ยตกตะลึง

  

“เขาตัวร้อนมากขนาดนี้ เจ้ายังห่มผ้าและใส่เสื้อผ้าหนาๆ ให้เขาอีก ยังกลัวเขาร้อนไม่พอหรือ? จงเชื่อฟังข้าและอย่าลังเล มิฉะนั้นใครก็ช่วยชีวิตคุณชายของเจ้าไม่ได้!”

  

“แต่...แต่ชายและหญิงไม่ควร...”

  

“ชีวิตคนตกอยู่ในอันตราย เจ้ายังสนใจเรื่องนี้อยู่หรือ? นอกจากนี้เขายังเป็นพี่ชายของข้าด้วย!”

  

แม้จะเป็นพี่น้องต่างมารดาก็คือพี่น้อง!

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด