ตอนที่แล้วตอนที่ 23 พื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมือง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 25 เว่ยจิ่นอี้ล้มป่วย

ตอนที่ 24 ความไว้วางใจของท่านพ่อ


ตอนที่ 24 ความไว้วางใจของท่านพ่อ

“จริงเจ้าค่ะ เรื่องเช่นนี้ข้าไม่กล้าพูดโกหก และถ้าท่านพ่อไม่เชื่อ ข้าจะทดลองกับที่ดินผืนเล็กๆ ก่อนก็ได้เจ้าค่ะ หากสามารถทำได้จริงค่อยขยายไปปลูกในพื้นที่ขนาดใหญ่”

หลังจากตอบคำถามแล้วเว่ยรั่วก็นิ่งมองเว่ยหมิงถิง เพราะนางไม่แน่ใจว่าเว่ยหมิงถิงมีทัศนคติอย่างไร

การแสดงออกของเว่ยหมิงถิงจริงจังและน้ำเสียงของเขาเข้มงวด “รั่วเอ๋อร์ เจ้ารู้หรือไม่ว่าการปลูกพืชบนดินเค็มนั้นเป็นเรื่องใหญ่ขนาดไหน?”

“ข้ารู้เจ้าค่ะ แต่ท่านพ่อ เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าไปทางเหนือของเมืองแล้วระหว่างทางข้าเห็นชาวนาและชาวประมงจำนวนมากกลายเป็นขอทาน พวกเขาดูสิ้นหวังและผอมโซ ทั้งหมดนี้เกิดจากการเก็บเกี่ยวธัญพืชได้ไม่ดีในอำเภอซิ่งซั่นตลอดช่วงสองสามปีนี้ และที่ดินอันน้อยนิดต้องเผชิญกับความแห้งแล้งอีกด้วย”

“ท่านพ่อ ข้ารู้ว่านี่เป็นเรื่องใหญ่ แต่หากมันเกิดขึ้นได้ก็จะส่งผลดีต่อครอบครัวของเราและชาวบ้านด้วย มันไม่เพียงนำรายได้มาสู่ครอบครัวของเราเอง แต่ยังเพิ่มพื้นที่เพาะปลูกในอำเภอซิ่งซั่นด้วย จากนั้นการผลิตอาหารจะเพิ่มตาม และเมื่อถึงตอนนั้นเราจะสามารถช่วยเหลือผู้คนได้อีกมากมาย ข้าหวังว่าท่านพ่อจะให้โอกาส และหากข้าล้มเหลวก็ยินดีที่จะรับบทลงโทษเจ้าค่ะ”

คำพูดของเว่ยรั่วทำให้เว่ยหมิงถิงดูประหลาดใจ และเขาจ้องมองเว่ยรั่วอีกครั้ง

เว่ยรั่วยืนอยู่ที่นั่นโดยไม่มีท่าทางหลบเลี่ยง นางคาดเดาไว้แล้วว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นตั้งแต่ที่นางตัดสินใจหารือกับอวิ๋นซื่อเรื่องพื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมือง

“ดี ดีมาก” เว่ยหมิงถิงซึ่งจริงจังกับคำพูดของตนมาโดยตลอด ทันใดนั้นก็พูดว่า ‘ดี ดีมาก’

เขาเป็นบิดาที่เข้มงวดและไม่ค่อยยกย่องลูกๆ ของตนมากนัก แม้แต่เว่ยอี้เชินที่เก่งในด้านการศึกษา เขาก็แทบไม่ได้ให้คำชมที่ชัดเจนขนาดนี้

สิ่งนี้ทำให้อวิ๋นซื่อที่อยู่ด้านข้างอดแปลกใจไม่ได้เช่นกัน

เว่ยหมิงถิงพูดกับเว่ยรั่วว่า “การที่เจ้ามีความคิดเช่นนี้ช่างล้ำค่าจริงๆ พ่อจะคุยเรื่องนี้กับใต้เท้านายอำเภอ ไม่ว่าจะทำได้หรือไม่ก็ตาม แต่หัวใจนี้ของเจ้ายังเป็นสิ่งที่ดีเสมอ”

เว่ยรั่วเงยหน้าขึ้นมองด้วยสีหน้าฉงน

นางไม่เคยคาดหวังว่าเว่ยหมิงถิงจะเห็นด้วยพร้อมมีท่าทางดีใจขนาดนี้ เพราะนางได้วางแผนที่จะโน้มน้าวเว่ยหมิงถิงอีกรอบไว้แล้ว

“ทำไมหรือ? เจ้าไม่มีความมั่นใจแล้วหรือ?” เว่ยหมิงถิงเอ่ยถาม

“ไม่เจ้าค่ะ ข้ามั่นใจ”

“ถ้าเช่นนั้นก็ทำไปเถอะ พ่อได้ยินท่านแม่ของเจ้าพูดว่าทุกวันนี้เจ้ากลับจวนมาแล้วยังคงคิดถึงชีวิตเกษตรกรในชนบท และเจ้ายังปลูกผักมากมายในเรือนอีกด้วย”

“ใช่เจ้าค่ะ”

“ถึงแม้ว่าการปลูกผักในเรือนจะไม่เหมาะสม แต่ก็ไม่ใช่เรื่องน่าละอายเลย เพราะแผ่นดินของเราให้ความสำคัญกับการทำเกษตรกรรมมาโดยตลอด และหากสามารถฟื้นฟูผืนดินเพื่อให้ราษฎรได้มีชีวิตดีขึ้น ย่อมไม่เสียหาย”

เว่ยหมิงถิงชื่นชมพฤติกรรมของเว่ยรั่วโดยไม่มีใครคาดคิด

“ลูกสาวจะจดจำไว้เจ้าค่ะ”

“นี่ก็ดึกแล้ว เจ้ากลับไปพักผ่อนก่อนเถอะ เมื่อเรื่องนี้ได้ข้อสรุปแล้วพ่อจะส่งคนไปแจ้งให้เจ้าทราบ”

เว่ยหมิงถิงดูเหนื่อยมากและไม่ปล่อยให้เว่ยรั่วพูดอีก หลังจากพูดคุยในเรื่องที่สมควรแล้ว เขาก็บอกให้เว่ยรั่วกลับเรือน

ระหว่างทางกลับเรือน เว่ยรั่วยังนึกถึงคำพูดของเว่ยหมิงถิง

เว่ยหมิงถิงไม่ได้ปรากฏตัวมากนักในบทประพันธ์เดิม เหตุผลแรกคือเขายุ่งอยู่กับงานราชการ เหตุผลที่สองคือเขามีบุคลิกเช่นนี้ และเหตุผลที่สามคือเขาเสียชีวิตในเวลาอันสั้น

ดังนั้นในช่วงแรกๆ เว่ยรั่วจึงไม่ได้รู้จักเขามากนัก

แต่บทสนทนาเมื่อครู่นี้ทำให้นางเข้าใจเว่ยหมิงถิงแตกต่างออกไป

หลังจากที่เว่ยรั่วจากไปแล้ว อวิ๋นซื่อก็ช่วยเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เว่ยหมิงถิงและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้เขาใหม่

“สามี รั่วเอ๋อร์เป็นเด็กผู้หญิง หากปล่อยให้นางออกไปทุ่งนาตลอดทั้งวัน ข้าเกรงว่าในอนาคตจะไม่ดีสำหรับนาง…” อวิ๋นซื่อบอกเว่ยหมิงถิงในสิ่งที่นางกังวล

“แต่รั่วเอ๋อร์เด็กคนนี้เติบโตขึ้นมาในชนบท หากเจ้ายืนกรานให้นางเป็นเหมือนหวันหวั่น มันจะยากเกินไปสำหรับนาง”

“ข้าไม่ได้คาดหวังให้นางมีความรู้และไหวพริบเท่าหวันหวั่น แต่ถ้านางทำตัวเป็นสาวชาวนาทั้งวันก็ไม่เหมาะสม” อวิ๋นซื่อไม่คลายกังวล

“ฮูหยิน ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ สถานการณ์ในอำเภอซิ่งซั่นเป็นอย่างไรเจ้าก็น่าจะรู้ดี เจ้าคงเคยเห็นความทุกข์ทรมานของชาวบ้านแล้ว ผู้คนที่อยู่เบื้องล่างช่างน่าสังเวชขนาดไหน แต่พวกเขาจะพูดอันใดได้ เฉพาะเมื่อผู้คนมีอาหารเพียงพอเท่านั้น จึงจะนึกถึงประเด็นเรื่องความสง่างามและความหยาบคาย หากผู้คนไม่มีชีวิตที่ดี แล้วการสนใจแต่เรื่องภาพลักษณ์นั้นมีประโยชน์อันใด?”

มุมมองของเว่ยหมิงถิงแตกต่างจากอวิ๋นซื่อ เพราะเขาได้เห็นสถานการณ์ของอำเภอซิ่งซั่นในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขาได้เห็นความเป็นความตาย รวมถึงความยากจนมากมาย ดังนั้นเขาจึงรู้สึกว่าเมื่อเผชิญกับสิ่งเหล่านี้แล้ว พวกกลอุบายที่บรรดาขุนนางในเมืองหลวงชอบเล่นนั้นไม่มีความสำคัญในทางปฏิบัติเลย

“สิ่งที่สามีพูดนั้นเป็นความจริง สำหรับราษฎร แท้จริงแล้วการมีอาหารและเสื้อผ้าเพียงพอถือเป็นสิ่งสำคัญที่สุด”

อวิ๋นซื่อไม่ได้คาดหวังว่าความคิดของเว่ยรั่วจะสอดคล้องกับความคิดของสามี เพราะนางกับสามีแต่งงานกันหลายปีแล้ว นางยังไม่ค่อยเข้าใจว่าสามีคิดอย่างไรในหลายๆ เรื่อง

“สามีอย่าคิดถึงเรื่องพวกนี้ดีกว่า ยากนักที่ท่านจะได้กลับจวน ดังนั้นควรพักผ่อนให้เต็มที่ ท่านดูสิ แม้แต่ท่านได้รับบาดเจ็บก็ยังไม่บอกกันเลย”

อวิ๋นซื่อไม่ต้องการให้เว่ยหมิงถิงกังวลในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้อีกต่อไป

นางรู้ว่าสามีพักผ่อนในค่ายทหารได้ไม่เต็มที่ เขาทั้งเหนื่อยและยังได้รับบาดเจ็บอีก แม้ว่าแผลจะไม่ลึก แต่หากไม่รักษาให้ถูกต้องก็จะทิ้งต้นตอของโรคไว้

เว่ยหมิงถิงต้องการพักผ่อนจริงๆ เพราะเช้าพรุ่งนี้เขาต้องกลับไปที่ค่ายทหารแล้ว

แต่เขายังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องของเว่ยรั่ว

ก่อนจะไปค่ายทหารในวันรุ่งขึ้น เขาได้ไปเยือนที่ว่าการอำเภอเพื่อแจ้งแก่ใต้เท้านายอำเภอเรื่องพื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมือง

เมื่อใต้เท้านายอำเภอทราบว่าตระกูลเว่ยต้องการทดลองทำเกษตรในพื้นที่รกร้าง เขาก็ตอบตกลงทันที

ไม่ใช่ว่าเขาไม่เห็นด้วยถ้าคนอื่นจะทำสิ่งนี้ แต่เขาแค่กังวลว่าหากปล่อยให้ชาวบ้านเข้าและออกจากประตูเมืองทางใต้ แล้วถ้าเกิดมีผู้คิดคดทรยศนำแผนที่แนวป้องกันอำเภอซิ่งซั่นออกไปขายให้ศัตรูแล้วจะทำอย่างไร

แต่สำหรับตระกูลเว่ยไม่จำเป็นต้องกังวล เขาจึงตอบตกลงทันที

หลังจากได้ผลลัพธ์แล้ว เว่ยหมิงถิงก็ส่งคนให้มาส่งจดหมายที่จวน

อวิ๋นซื่อเห็นว่าสามีจริงจังในเรื่องนี้มาก นางจึงไม่พูดสิ่งใดอีก

อวิ๋นซื่อมาแจ้งข่าวดีให้เว่ยรั่วทราบ “รั่วเอ๋อร์ ท่านพ่อของเจ้าเขียนจดหมายมาแจ้งว่าเรื่องพื้นที่รกร้างทางตอนใต้ของเมืองได้รับการอนุมัติแล้ว เจ้าสามารถเริ่มปลูกในพื้นที่เล็กๆ ที่นั่นก่อนได้ และถ้ามันได้ผล ก็จะเป็นความสำเร็จอันยิ่งใหญ่”

ต้องพูดตามตรงว่าอวิ๋นซื่อไม่มีความหวังว่าเว่ยรั่วจะประสบความสำเร็จ

“ทราบแล้วเจ้าค่ะ” เว่ยรั่วก็มีความสุขมากเช่นกัน เพราะนางไม่ได้คาดหวังว่าเว่ยหมิงถิงจะช่วยเหลือมากและทำเรื่องให้เสร็จได้เร็วขนาดนี้

“พ่อของเจ้ายังบอกอีกว่าเจ้าไม่จำเป็นต้องเครียดเกินไป หากไม่ได้ผล ก็ไม่ได้เสียหายอันใดเลย”

“เจ้าค่ะ” ทัศนคติของเว่ยหมิงถิงทำให้หัวใจของเว่ยรั่วสั่นไหวเล็กน้อย

อวิ๋นซื่อพูดว่า “แต่รั่วเอ๋อร์ เจ้าไม่ใช่เด็กอีกต่อไป ในเวลานี้เจ้าควรจะเรียนหนังสือ เดิมทีหลังจากที่เจ้าเรียนรู้ระเบียบวินัยจากหลี่หมัวมัวแล้ว แม่วางแผนที่จะให้เจ้าไปเรียนที่บ้านนายอำเภอพร้อมกับพวกหวันหวั่น ซึ่งฮูหยินนายอำเภอก็เห็นด้วยเช่นกัน”

เว่ยรั่วพูดว่า “ข้าไม่อยากไปเรียนที่บ้านนายอำเภอเจ้าค่ะ เพราะข้าไม่ได้มีพื้นฐานในระดับเดียวกับพวกนาง คงยากหากบังคับให้เราเรียนด้วยกัน เช่นนั้นข้าขอทำในสิ่งที่ตัวเองถนัดดีกว่าเจ้าค่ะ”

อวิ๋นซื่อเอ่ยว่า “รั่วเอ๋อร์ เจ้าต้องเปลี่ยนความคิดเดิมๆ เพราะในฐานะบุตรสาวของตระกูลเว่ย เจ้าควรเรียนรู้ที่จะเป็นสตรีผู้มีการศึกษา มีเหตุผล งดงามและฉลาด แต่เนื่องจากความยากลำบากที่เจ้าได้รับในชนบทตลอดสิบกว่าปีที่ผ่านมานี้ แม่จะไม่เรียกร้องจากเจ้ามากเกินไป และไม่คาดหวังว่าเจ้าจะมีความรู้เท่าหวันหวั่นด้วย”

เว่ยรั่วแสดงจุดยืน “แต่ข้าอาจจะตามบทเรียนของอาจารย์ฟู่ไม่ทันเจ้าค่ะ หากท่านแม่ต้องการให้ข้าเรียนหนังสือจริงๆ ข้าก็ไม่อยากไปเรียนที่บ้านนายอำเภอเจ้าค่ะ”

การตามบทเรียนไม่ทันนั้นเป็นข้ออ้างที่เว่ยรั่วคิดขึ้นมา เพราะเหตุผลหลักคือนางไม่อยากอยู่ใกล้เว่ยชิงหวั่นและพวกเฉียนจื่อหลานมากกว่า

5 1 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด