ตอนที่แล้วตอนที่ 18 สหายเก่าร่วมเป็นร่วมตาย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 โชคชะตานำพา

ตอนที่ 19 ชายลึกลับ


ตอนที่ 19 ชายลึกลับ

ชายชราผู้หนึ่งอาศัยอยู่ในตรอกนี้ด้วยเช่นกัน ว่ากันว่าเขาเพิ่งเข้ามาในเมืองเวิ้งว้างเมื่อปีที่แล้ว และยังไม่ค่อยออกมาเดินภายนอกเท่าไหร่ มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เคยเห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา

หานซานบอกข้อมูลทั้งหมดตามตรง และหลินผิงเหยียนสามารถตรวจสอบความถูกต้องได้ด้วยตนเอง

สุดซอยมีบ้านมุงจากหลังหนึ่งปรากฏ

ประตูบ้านถูกปิดเอาไว้ มีฟืนมากมายอยู่ภายในสวน มันดูเหมือนสถานที่ที่มนุษย์ธรรมดาอยู่อาศัย ไม่มีความผันผวนของพลังใดแม้แต่น้อย

หมอเถื่อนในตำนานจะอยู่ในสถานที่แบบนี้งั้นหรือ?

ทุกคนลอบพึมพำอยู่ในใจ

เมื่อเดินไปถึงประตู หานซานโค้งคำนับก่อนจะพูดต่อไปว่า “มีผู้ใดอยู่หรือไม่ขอรับ?”

จากนั้นก็ได้ยินเสียงคนเดินภายในบ้าน เกิดเสียงวุ่นวายดังขึ้นเล็กน้อย

ชายชราคนหนึ่งผลักประตูพร้อมเผยท่าทางหวาดกลัวเมื่อเห็นพวกเขา

หลังจากนั้นชายชราเห็นว่าหานซานและคนอื่น ๆ แต่งตัวดี เขารีบคุกเข่าลงแล้วกล่าวคำเสียงสั่น “นายน้อยทั้งหลายเอ๋ย ผู้เฒ่าเป็นเพียงคนธรรมดาและไม่อาจครอบครองหินวิญญาณได้ โปรดอย่าขับไล่ผู้เฒ่าไปไหนเลยเถิด ข้าเพียงขออาศัยอยู่นอกเมืองอย่างสันโดษเช่นนี้ตลอดไป”

ชายชราเห็นว่าหานซานและคนอื่น ๆ เป็นผู้ฝึกยุทธ์ เวลานี้เขาหวาดกลัวจนร่างกายสั่นสะท้าน ภายในร่างกายไม่มีความผันผวนใดปรากฏ เห็นชัดว่าเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดาเท่านั้น

เมื่อชายชราคุกเข่าลงอย่างนั้นแล้ว เฉินชิงหยวนและคนอื่น ๆ กระตุกริมฝีปากเล็กน้อย เขาหันมองหานซานด้วยความไม่เชื่อถือ

“ขอโทษด้วยแล้ว”

สีหน้าของหานซานแปรเปลี่ยนก่อนจะหันหลังกลับในทันที

ไม่ว่าหมอเถื่อนจะแสร้งทำตนต่ำต้อยเพียงใด เขาย่อมไม่อาจคุกเข่าต่อหน้าผู้อื่นได้ เช่นนั้นเป้าหมายแรกของหานซานจึงถูกขีดทิ้งทันที

หลังเดินออกจากตรอกแล้ว เฉินชิงหยวนกล่าวอย่างขบขัน “สหายหาน ความสามารถของเจ้าดูเหมือนจะไม่เลว!”

“อย่าเพิ่งตัดสิน ยังมีสิ่งอื่นให้รับชมอีกมาก”

ใบหน้าของหานซานเคร่งขรึม เขาสูดลมหายใจอย่างเย็นชา

จากนั้นเฉินชิงหยวนและคนอื่น ๆ ก็ได้พบเจอกับบุคคลต่าง ๆ

ชายแข็งแกร่งคนหนึ่งเป็นช่างตีเหล็กเดินเข้ามาถามพวกเขาว่าต้องการอาวุธหรือไม่? ร่างกายของชายผู้นี้มีเพียงเหงื่อเหม็น ๆ ไหลโซมกาย

หญิงชราใบหน้าน่าเกลียดคนหนึ่งชายสมุนไพรวิญญาณ ในปากไร้ฟันสักซี่ ผิวหนังเหี่ยวเฉาและหมองคล้ำ

นอกจากนี้ยังมีคนเร่ร่อนที่สัญจรผ่านไปมาด้วย

โดยรวมแล้วเฉินชิงหยวนได้พบกับบุคคลประหลาดทุกรูปแบบ ครึ่งหนึ่งเป็นคนต่างด้าวลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฏหมาย เพราะเหตุผลนี้พวกเขาจึงกลายเป็นบุคคลลึกลับไม่กล้าสู้หน้าผู้คน ส่วนอีกครึ่งเป็นผู้ที่เพิ่งย้ายเข้ามาใหม่ และคนพื้นที่ไม่คุ้นเคยกับพวกเขา

แม้คนเหล่านั้นจะมีระดับยุทธ์พอสมควร แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุดอยู่ในขอบเขตแก่นทองคำเท่านั้น และไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหมอเถื่อน

“พี่หาน ท่านมั่นใจแล้วหรือ?”

หลินผิงเหยียนที่เงียบมาตลอดทางอดไม่ได้ที่จะกล่าวถาม แววตามีเพียงความสงสัยล้นพ้น

“สุดท้ายเราจะต้องคัดกรองทีละคนหรือไม่? ไม่ต้องกังวลหรอก ยังเหลืออีกมาก!”

หานซานกล่าวออกมาด้วยความเขินอาย

หลังจากผ่านมาห้าวัน พวกเขาตรวจสอบกว่าสิบหกคนแล้ว

วันนี้หานซานนำทางอีกครั้ง เขามาหยุดยืนที่ถนนทางใต้ในพื้นที่ห่างไกล บริเวณนี้มีผู้คนอาศัยน้อยมาก ทว่าทิวทัศน์งดงาม คลื่นสีฟ้าในทะเลชวนรับชม ทั้งยังมีสายลมโชยตลอดเวลาทำให้รู้สึกผ่อนคลายด้วย

บ้านธรรมดาสร้างจากไม้ไผ่สีเขียวอยู่ที่นี่ มีผักและผลไม้มากมายปลูกไว้ในสวน การตกแต่งทั้งหมดเรียบง่าย งดงาม ไม่ต่างจากสวนสวรรค์

มีป้ายแขวนอยู่ทางซ้ายของประตูไม้ไผ่ด้านข้างว่า “ในเมื่อตกลงเอาไว้แล้ว ก็รอจนถึงตอนนั้น”

เฉินชิงหยวนหยุดคิดอย่างรอบคอบ และรู้สึกว่าประโยคนี้คือ “โชคชะตา” แน่นอน

เห็นสิ่งนี้แล้ว เฉินชิงหยวนรู้สึกว่าหานซานเป็นคนฉลาดคนหนึ่งเช่นกัน ในที่สุดก็ถึงเวลาสำคัญแล้ว

ในมุมของเฉินชิงหยวน สถานที่แห่งนี้คือการหลอกลวงของหานซาน ทุกสิ่งที่สร้างไว้ก่อนหน้าล้วนเป็นเพียงการเตรียมพร้อมให้หลินผิงเหยียนเข้าใจถึงความยากลำบากในการค้นหาหมอเถื่อน

และเพื่อที่จะซุกซ่อนเรื่องราวทั้งหมดจากสายตาของหลินผิงเหยียน หานซานต้องค้นหาผู้ที่แข็งแกร่งและมีระดับยุทธ์สูงกว่าหลินผิงเหยียนมาแสดง!

หานซานก้าวไปด้านหน้า เขาเคาะประตูเสียงดังก่อนจะตะโกนถามว่า “มีผู้ใดอยู่ด้านในหรือไม่? พวกเรามีเจตนาดี”

เนิ่นนาน ไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

“มีผู้ใดหรือไม่?”

หานซานตะโกนอีกครั้ง

ทั้งหมดมีเพียงความเงียบงันตอบรับ หานซานไม่มีทางเลือกนอกจากใช้จิตเทวะเพื่อสำรวจพื้นที่ด้านหน้า

การใช้จิตเทวะสุ่มสี่สุ่มห้าจะทำให้ผู้คนขุ่นเคืองเอาได้ แต่เพราะหานซานตะโกนเรียกหลายคราวแล้วก็ยังไม่มีผู้ใดตอบรับ

ปัง!

ทันทีที่จิตเทวะของหานซานกำลังจะทะลวงผ่านประตูบ้านเข้าไป มันถูกปิดกั้นด้วยค่ายกลลึกลับ ร่างของเขากระเด็นถอยหลังไปสองสามก้าวพร้อมมีโลหิตคำโตพุ่งออกจากปาก “แค่ก ๆ”

จิตเทวะถูกกำจัดในคราวเดียว หานซานได้รับบาดเจ็บทันที

“สหายหาน!”

“พี่หาน เป็นอย่างไรบ้าง!”

เฉินชิงหยวนและหลินผิงเหยียนวิ่งเข้าหาเขาด้วยสีหน้ากังวล

ขณะที่หินผิงเหยียนหันศีรษะมองเฉินชิงหยวน ในแววตาของเฉินชิงหยวนเต็มไปด้วยความชื่นชมเปล่งประกายออก

อีกฝ่ายถึงกับยอมเสียสละบาดเจ็บเพื่อหลอกลวงเสี่ยวเหยียน สหายหาน เจ้าเก่งมาก!

หานซานเองไม่รู้เลยว่าเฉินชิงหยวนคิดอะไรอยู่ เวลานี้เขายิ่งสับสนมากว่าทำไมถึงไม่อาจมองเห็นค่ายกลโดยรอบ แน่นอนว่าถ้าหากเขารู้ล่วงหน้า เขาจะไม่กล้าใช้จิตเทวะเพื่อสำรวจสถานที่แน่นอน ใครเล่าจะอยากเจ็บตัว?

“ไม่เป็นไรแล้ว” หานซานปรับลมหายใจก่อนจะทำให้พลังในกายโคจรช้าลง

หลังฟื้นตัวกลับมาได้แล้ว หานซานมองบ้านไผ่เขียวตรงหน้าด้วยความกังวล “อาจมีผู้แข็งแกร่งอาศัยที่นี่ เราอย่าทำให้เขาขุ่นเคืองจะดีกว่า”

“เขาคือหมอเถื่อนงั้นหรือ?”

หลินผิงเหยียนค่อนข้างตื่นเต้นไม่น้อย เขาหันมองเฉินชิงหยวนราวกับได้พบเจอหมอเถื่อนแล้วจริง ๆ เช่นนี้โอกาสที่ลุงน้อยจะหายดีก็มีมากขึ้นแล้ว

เฉินชิงหยวนลอบพึมพำในใจ เขารู้สึวก่าตัวเองประเมินความสามารถของหานซานน้อยไปสักหน่อย หลังจบเรื่องนี้คงต้องเลี้ยงเครื่องดื่มอีกฝ่ายให้บรรเทาอาการบาดเจ็บเสียแล้ว ‘ยอดเยี่ยมจริง ๆ เขาถึงกับวางค่ายกลลับที่แข็งแกร่งเช่นนี้ได้ในเวลาไม่ถึงเดือน’

ในสายตาของเฉินชิงหยวน เขามองไม่เห็นค่ายกลใด ๆ ในบ้านไผ่เขียวแม้แต่น้อย

“ผู้เยาว์หานซานเป็นศิษย์หลักของแดนศักดิ์สิทธิ์คลื่นสงัด ข้าไม่มีเจตนาทำให้อาวุโสขุ่นเคือง เช่นนี้จึงต้องขออภัยด้วยแล้ว”

หานซานโค้งคำนับให้กับบ้านไผ่เขียว และกล่าวแนะนำตนอย่างสุภาพ ทั้งหมดนี้โดยหวังว่าอีกฝ่ายจะยอมลดความขุ่นเคืองในใจลง

“พวกเจ้ามาทำอะไร?”

เสียงหนึ่งดังขึ้นด้วยพลังเหนือธรรมชาติ ไม่อาจแยกออกว่าเป็นชายหรือหญิง

“สหายของข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส และต้องการรักษากับหมอชื่อดัง รุ่นเยาว์จึงอยากถามว่าอาวุโสเป็นหมอเถื่อนในตำนานหรือไม่ขอรับ?”

ทันทีที่เสียงนั้นดังขึ้น หานซานสัมผัสได้ถึงความกดดันมากล้น เขารู้สึกว่าร่างกายขยับไม่ได้ ไหล่ถูกกดทับด้วยภูเขายักษ์นับไม่ถ้วน แต่สุดท้ายเขาก็ยังสามารถกล่าวออกไปอย่างหนักแน่น

เฉินชิงหยวนและหลินผิงเหยียนโค้งคำนับด้วยเล็กน้อย ทั้งสองก็ไม่กล้าที่จะหยาบคายเช่นกัน

ผ่านไปเนิ่นนาน ไม่มีเสียงตอบรับใดจากในบ้านไผ่เขียว

ทุกคนไม่ทราบเจตนาของอีกฝ่ายและทำได้เพียงยืนรอ

หลังจากผ่านไปหนึ่งชั่วโมงเต็ม หานซานหมดความอดทนก่อนจะหันกลับไปหาเฉินชิงหยวนและหลินผิงเหยียน จากนั้นกล่าวกระซิบแผ่วเบา “ข้าเดาว่าเขาคงเป็นอาวุโสที่อาศัยอยู่ที่นี่อย่างสันโดษ และไม่ใช่หมอเถื่อนที่เราตามหาหรอก ทำไมเราไม่ออกไปดูคนอื่น ๆ ก่อนล่ะ? ยังเหลือเป้าหมายอีกสองสามคน”

เฉินชิงหยวนเหลือบมองหานซานก่อนจะกล่าวพึมพำ “ถอยเพื่อก้าวเดินต่อ แสร้งทำตัวลึกลับ! ช่างเป็นการเคลื่อนไหวที่ยอดเยี่ยม”

“ข้าได้ยินว่าหมอเถื่อนมีนิสัยแปลก ๆ และในบริเวณนี้มีค่ายกลลับมากมายปรากฏ เราไม่ควรจากไปหากยังไม่สามารถยืนยันตัวตนของเขา”

หลินผิงเหยียนไม่ต้องการจะกลับออกไป เขาคิดจะรอคอยอยู่ตรงนี้

“เจ้าจะไม่ออกไปหรือ?”

ทันทีที่เขาพูดออกมาอย่างนั้น หานซานหันมองเฉินชิงหยวน

“พวกเราอย่าได้ยอมแพ้โดยง่าย รอก่อนเถอะ!”

เฉินชิงหยวนกล่าวออกไปด้วยท่าทีเคร่งขรึม

“ย่อมได้!”

หานซานทำได้เพียงกัดฟันพร้อมยืนหยัดต่อไป

หลังจากรออีกสองชั่วโมง ก็เข้าสู่เวลากลางคืนเสียแล้ว จันทร์เต็มดวงปรากฏขึ้นบนท้องฟ้าส่องแสงไปทั่วบริเวณ

เวลานี้มีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหูของทุกคน เป็นแสงประกายลึกลับเปล่งประกายบนร่างของเฉินชิงหยวน “ผู้นี้อยู่ก่อน แต่คนอื่นจงกลับไปเสีย!”

ทันใดนั้น หานซานและหลินผิงเหยียนถูกผลักออกไปทว่าไม่ได้รุนแรง พวกเขากระเด็นไปไกล ทั้งยังไม่สามารถขยับเข้าใกล้บ้านไม้ไผ่ได้

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด