ตอนที่แล้วตอนที่ 24 สาบานด้วยใจจริง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 26 ช่วงเวลาแห่งความอบอุ่น

ตอนที่ 25 ท่านอ๋องซีผู้ไร้ยางอาย


ตอนที่ 25 ท่านอ๋องซีผู้ไร้ยางอาย

คำพูดของนางทำให้เขางุนงง เกมแนวจำลองสถานการณ์อันใด? สามีอันใด?

แต่ไม่เข้าใจก็ช่างเถิด เขาไม่ถามต่อจะดีกว่า ไม่เช่นนั้นนางอาจหัวเราะที่เขาไม่มีความรู้ แต่เขาไม่เคยเห็นสิ่งที่นางนำมาใช้กับเขาเลย แม้แต่ผ้าอ้อมที่รองส่วนล่างของเขาไว้ เขาก็เพิ่งจะได้เห็นมันเป็นครั้งแรก

หลังจากช่วยให้เหลิ่งอวี้นอนลงแล้ว นางไปที่สวนด้านหลังตำหนักเพียงลำพัง

นับตั้งแต่ที่นางมาอยู่ในตำหนักแห่งนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่นางมาที่นี่ เพราะวันนี้นางอารมณ์ดี ดูแลเหลิ่งอวี้มานานราวสิบวัน นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะตกหลุมรักผู้ชาย ภายในเวลาเพียงแค่สิบวัน ในสายตานาง ชายคนนั้นน่าสงสารและเปี่ยมไปด้วยความคาดหวัง เป็นไปได้ว่านางรักเขาเพราะความสงสาร แต่นางก็หลงใหลดวงตา จมูก ริมฝีปากและทุกส่วนของใบหน้าของเขามาก

ถ้าเขาไม่ใช่คนพิการ...

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ นางก็ยิ้มกับตัวเอง ถ้าเขาไม่เป็นอัมพาต นางคงไม่มีโอกาสได้แต่งงานกับเขา ถ้าเขายังเป็นท่านอ๋องอวี้ผู้กล้าหาญ หลังจากเดินทางข้ามเวลามา นางคงได้อยู่ที่บ้านอาสะใภ้ของนางต่อไป ไม่มีทางได้เข้าวังหลวงมาพบเขาเช่นนี้

นี่... บางทีอาจจะเป็นประสงค์ของสวรรค์!

นางเงยหน้าขึ้นมองดวงดาวบนท้องฟ้า ไม่อาจบอกได้ว่าตนกำลังอยู่ในอารมณ์ใดกันแน่ ใบหน้าของชายคนนั้นตราตรึงอยู่ในใจนาง ตอนนี้โลกทั้งใบของนางคือเขา

ถ้าเขาไม่ต้องการนางมาก นางคงไม่รู้สึกว่าชีวิตของนางมีค่ามากถึงเพียงนี้!

“เจ้ากำลังทำอันใดอยู่?”

เสียงหนึ่งดังมาจากความมืด ลั่วหลานสะดุ้งทันที นางขมวดคิ้วมองหาต้นเสียง แล้วเห็นองค์ชายห้าเหลิ่งซีกำลังยืนมองนางอยู่ไม่ไกล

นางมองเขาด้วยความไม่พอใจ “ดึกดื่นแล้วไม่ยอมเข้านอน เหตุใดถึงมาตำหนักอ๋องอวี้ในยามนี้หรือเพคะ?”

เหลิ่งซีมองนางแล้วคลี่ยิ้ม ทันใดนั้นก็เดินโบกพัดเข้ามาหานาง “ไม่มีอันใด แค่มาเดินเล่นนิดหน่อย...”

“แค่เดินเล่นหรือเพคะ? เท่าที่ข้ารู้มา ตำหนักอ๋องซีอยู่ไกลจากที่นี่ ท่านไม่ได้แค่มาเดินเล่น ท่านตั้งใจมาที่นี่ก็บอกมาเถิด! มีอันใดเพคะ?”

คำพูดของนางตรงไปตรงมามากจนเหลิ่งซีนิ่งอึ้งไป เขาหรี่ตามองนางแล้วปิดพัดในมือ ก่อนตบลงบนฝ่ามือ นัยน์ตาคู่งามของเขาฉายแววอยากรู้อยากเห็น!

“ฉางกุ้ยเฟยไปหาหญิงโฉมงามเช่นเจ้า มาให้พี่ชายสี่ของข้าจากที่ไหนกัน? เจ้าไม่รังเกียจที่เขานอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงจริงหรือ?”

ลั่วหลานมองเขาแล้วสูดลมหายใจอย่างเย็นชา เดินถือพัดมาตอนกลางดึก ช่างไม่แนบเนียนเลยเสียจริง

นางเลิกคิ้วมองเขา แล้วตอบอย่างมั่นใจ

“นอนเป็นอัมพาตบนเตียงแล้วอย่างไร? ข้าชอบคนเป็นอัมพาต คนที่เป็นอัมพาตนั้นเชื่อฟัง ไม่ออกไปเจ้าชู้ที่ไหน และจะไม่แต่งงานกับนางสนมเพิ่มด้วย ถ้าเขาเป็นอัมพาตเช่นนี้ต่อไป ข้าก็จะเป็นพระชายาแห่งตำหนักอ๋องอวี้ตลอดไป และจะได้เป็นภรรยาเพียงคนเดียวของเขาด้วย ข้าไม่ได้รู้สึกแย่เลยเพคะ!”

“ฮ่าฮ่าฮ่า...”

ทันใดนั้น เหลิ่งซีเงยหน้าขึ้นหัวเราะ “เจ้าไม่มีทางเลือกอื่น จึงต้องจำยอมทำเช่นนี้ต่างหาก! ข้าได้ยินมาว่าเจ้ายอมอภิเษกสมรสเป็นพระชายาของเขา เพราะเงินหนึ่งพันตำลึง เช่นนั้นข้าจะให้เจ้าสองพันตำลึง มากับข้าสิ! เจ้าจะไม่ต้องกังวลเรื่องอาหารและเสื้อผ้า…”

“ท่านพูดจาเหลวไหล!”

ลั่วหลานจ้องมองเขาด้วยความโกรธ “ดังที่คาดไว้ ไม่มีใครในราชวงศ์ที่เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ เขาเป็นพี่ชายคนที่สี่ของท่าน เขานอนป่วยอยู่บนเตียง ไม่เพียงแต่ท่านจะไม่สนใจเขาเท่านั้น แต่ท่านยังพูดจาลวนลามภรรยาของเขาอีกงั้นหรือ? ช่างเป็นคนเลวทรามที่มีจิตใจสกปรกจริง ๆ ข้าแนะนำให้ท่านตั้งสติ แล้วออกไปจากตำหนักอ๋องอวี้โดยเร็วที่สุด ไม่เช่นนั้นก็อย่ามาโทษว่าข้าหยาบคายกับท่าน…”

เหลิ่งซีได้ฟังเช่นนั้นจึงขมวดคิ้ว ก่อนยกยิ้ม “เหตุใดพี่สะใภ้สี่ถึงโกรธล่ะ? ข้าแค่กลัวว่าเจ้าจะลำบากใจที่ต้องอาศัยอยู่กับคนเป็นอัมพาต ดูใบหน้าอันงดงามของเจ้าสิ การต้องมาคอยรับใช้เขาตลอดทั้งวันนั้นเสียเวลาไม่ใช่หรือ?”

“ไปให้พ้น…”

นางตวาดอีกครั้ง “ข้าขอเตือนเป็นครั้งสุดท้าย เขาเป็นอัมพาต แต่ข้าเต็มใจรับใช้เขา แม้ว่าท่านจะร่างกายแข็งแรง แต่ในใจข้า ท่านแย่ยิ่งกว่าคนเป็นอัมพาตเสียอีก..”

นางจ้องมองเขาอย่างเย็นชา แล้วก้าวไปข้างหน้า เมื่อนางเดินผ่านเขาและอยู่ห่างจากเขาไม่ไกล นางก็หยุดเดิน แล้วหันมาพูดกับเขาเสียงแข็ง:

“ในฐานะอ๋องซีแห่งอาณาจักรต้าหนิง การเข้ามาในสวนหลังตำหนักอ๋องอวี้ในยามวิกาลไม่เหมาะสมอย่างยิ่ง ต่อไปโปรดเคารพตัวเองด้วย...”

หลังจากทิ้งประโยคนี้ไว้แล้ว นางรีบเดินไปยังลานหน้าตำหนัก แต่เขาถามไล่หลังนาง:

“เขา... เป็นอย่างไรบ้าง?”

ลั่วหลานไม่หยุดเดิน ตอบกลับไปด้วยความเย้ยหยัน “เรื่องนี้ไม่เกี่ยวอันใดกับท่าน”

นางไม่ต้องการเสวนากับคนผู้นี้อีก ในบรรดาราชวงศ์ บางทีอาจมีเพียงเหลิ่งอวี้เท่านั้นที่สามารถคุยกับนางได้ ส่วนคนที่เหลือนั้นนางไม่สนใจ

เมื่อมองนางเดินหายลับไปอย่างไม่แยแส รอยยิ้มมีเลศนัยพลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าเหลิ่งซี

กลับมาที่ห้อง จู่ ๆ ลั่วหลานก็รู้สึกสงสารเหลิ่งอวี้ ครั้งหนึ่งเขาเคยพูดถึงเหลิ่งซีให้นางฟัง เขาบอกว่าเหลิ่งซีเป็นน้องชายของเขา ที่เขามีความสัมพันธ์ที่ดีด้วยมากที่สุด แต่หลังจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน เขาก็ปฏิเสธไม่ให้เหลิ่งซีมาพบเขาอีก เพราะกลัวว่าจะทำให้เขาเดือดร้อนไปด้วย

เหลิ่งอวี้เชื่อใจเขามาก แต่เขากลับเป็นคนชั่วร้ายที่ร้ายกาจมาก หากเหลิ่งอวี้รู้เรื่องนี้ จะต้องเสียใจมากแน่นอน

ลั่วหลานนอนถอนหายใจยาวอยู่บนเตียง จู่ ๆ นางนึกบางอย่างขึ้นมาได้ เหลิ่งซีผู้นี้มากับไท่จื่อเมื่อตอนกลางวัน แล้วกลับมาอีกครั้งในตอนกลางคืน เขาไม่ได้มาที่นี่เพื่อหาทางเล่นงานเหลิ่งอวี้ใช่หรือไม่?

เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ความง่วงงุนของนางหายไปทันที นางรีบลุกไปเปิดประตู

นางกลัวว่าเหลิ่งซีจะไปหาเหลิ่งอวี้ เหลิ่งอวี้คงไม่สนใจเขา แต่นางไม่อาจบอกให้ไท่จื่อรู้ได้ว่าอาการของเหลิ่งอวี้ดีขึ้นแล้ว นางจึงต้องไปขวางเขา

เมื่อนางมาถึงหน้าห้องของเหลิ่งอวี้ อาโฮ่วก็เข้ามาหานางด้วยความสับสน

“เหตุใดพระชายายังไม่บรรทมหรือพ่ะย่ะค่ะ?”

เมื่อเห็นอาโฮ่ว ลั่วหลานรู้สึกโล่งใจ นางถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วถามว่า:

“มีใครเคยมาที่นี่บ้างหรือไม่?”

“ไม่มีพ่ะย่ะค่ะ” อาโฮ่วส่ายหัว “อาอวี่กับข้าผลัดกันเฝ้ายามปกป้องท่านอ๋องที่นี่”

ลั่วหลานพยักหน้า “อืม พรุ่งนี้ไปซื้อผู้ชายมาเพิ่มจากตลาดค้าทาส เจ้ากับอาอวี่ไม่อาจนอนดึกได้ทุกวัน ข้าให้พวกเจ้ามาเฝ้ายามอยู่ตรงนี้นั้นมีประโยชน์”

อาโฮ่วเกาหัวด้วยความลำบากใจ “ขอบพระทัยพระชายาที่เป็นห่วง แต่ไม่เป็นอันใด ข้าทนได้พ่ะย่ะค่ะ”

ลั่วหลานมองเขาแล้วยิ้มอ่อนโยน “แน่นอนว่าข้ารู้ว่าเจ้าสามารถทนได้ แต่นานวันเข้า เจ้าไม่อาจทนได้หรอก แค่ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”

“พ่ะย่ะค่ะ พรุ่งนี้ข้าจะไป”

ลั่วหลานโบกมือให้เขา “ไปนอนเถอะ มีเรื่องสำคัญให้เจ้าทำในวันพรุ่งนี้ คืนนี้ข้าจะอยู่กับท่านอ๋อง”

หลังจากที่อาโฮ่วรีบประสานมือคำนับ แล้วหันหลังเดินจากไป

นางกังวลมาก นางไม่ได้กังวลว่าจะมีใครมาทำร้ายเหลิ่งอวี้ นางกังวลว่าเหลิ่งซีจะมาพบเขา นางจะสบายใจกว่า หากนางอยู่เคียงข้างเขา

นางค่อย ๆ ผลักประตูให้เปิดออก เหลิ่งอวี้ลืมตาขึ้นมาอย่างตื่นตัวทันที เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

“ใคร?”

ลั่วหลานเดินไปหาเขาด้วยรอยยิ้ม “ข้าเองเพคะ!”

เมื่อเขาเห็นลั่วหลาน ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ

“เหตุใดเจ้ายังไม่นอนอีก?”

“ข้านอนไม่หลับ จึงมาหาท่านเพคะ”

ขณะที่นางกำลังพูด นางก็มานั่งอยู่บนขอบเตียง ยกมือขึ้นบีบแก้มเขา “เหตุใดท่านเองก็ยังไม่นอนล่ะเพคะ?”

เหลิ่งอวี้ส่ายหน้าพึมพำ “ข้านอนไม่หลับ ข้าคิดถึงเจ้า แล้วเจ้าก็เข้ามา”

“เหตุใดจึงคิดถึงข้าล่ะเพคะ?”

นางเอาหน้าเข้าไปใกล้เขา “บอกมาสิ ท่านกำลังคิดอย่างไรกับข้า?”

ทันใดนั้นใบหน้าของเหลิ่งอวี้ก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ลั่วหลานหัวเราะเบา ๆ อีกครั้ง “หน้าแดงอีกแล้ว หรือท่านกำลังคิดว่าในเมื่อข้าเป็นภรรยาของท่าน เหตุใดข้าไม่นอนกับท่าน ใช่หรือไม่?”

.......................................................................................