ตอนที่แล้วตอนที่ 18 ความดื้อรั้นครั้งสุดท้าย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 20 ระบายความโกรธ

ตอนที่ 19 ไท่จื่อหน้าหมามาแล้ว


ตอนที่ 19 ไท่จื่อหน้าหมามาแล้ว

เมื่อเหล่าสาวใช้ได้ฟังดังนั้นก็ดีใจมาก ยิ้มแก้มปริปากเกือบถึงหู แต่ใบหน้าของหรูอี้ยังคงมืดมน พ่อบ้านสวีไม่เข้าใจว่าเหตุใดพระชายาจึงพูดเรื่องนี้ และกำลังครุ่นคิดเรื่องนี้อย่างหนัก

นางกระแอมในลำคอ แล้วพูดว่า:

“หลังจากได้รับเงินเดือนของเดือนนี้แล้ว พวกเจ้าก็ออกไปได้เลย อย่างที่พวกเจ้าเห็น ข้าอยู่ที่นี่มาสิบวันแล้ว งานสุดท้ายที่ข้ามอบหมายให้พวกเจ้านั้นผ่านมาสิบวันแล้ว แต่ตำหนักยังคงเหมือนเดิมทั้งภายในและภายนอก! ไม่มีการเปลี่ยนแปลงเลย ข้าจึงคิดว่าการที่พวกเจ้าอยู่ที่นี่ ก็ไม่ได้มีประโยชน์กับตำหนักเลย เหตุใดไม่ให้พวกเจ้าหยุดงาน แล้วปล่อยให้พวกเจ้าไปหาสถานที่เจ้าอยากจะอยู่แทน เพราะไม่อยากให้เจ้าต้องเก็บความสามารถตัวเองไว้ที่นี่”

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เหล่าสาวใช้ที่กำลังดีใจเมื่อครู่นี้ตื่นตระหนก พยายามอ้อนวอนขอร้องซ้ำแล้วซ้ำเล่า

“พระชายา โปรดอย่าส่งพวกบ่าวออกไปเลยเพคะ พวกบ่าวผิดไปแล้ว พวกบ่าวจะรีบไปทำความสะอาดเดี๋ยวนี้เลยเพคะ”

“ไม่จำเป็นแล้ว”

นางขึ้นเสียงพูดอย่างเย็นชา:

“ข้าให้โอกาสพวกเจ้าแล้ว แต่พวกเจ้าไม่คว้าไว้เอง พออยากมาเปลี่ยนตอนนี้มันก็สายไปแล้ว อาหง อาไฉ่ จ่ายเงินให้พวกนาง แล้วคอยดูพวกเขาเก็บข้าวของ ใครกล้าแตะอันใดในตำหนักก่อนจะจากไป ให้มารายงานข้าด้วย”

เหล่าสาวใช้ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มหน้าลง แต่หรูอี้ก้าวเข้ามาพูดว่า:

“ฉางกุ้ยเฟยเป็นผู้จัดให้ข้าเข้ามาในตำหนัก ท่านไม่อาจไล่ข้าออกได้”

ลั่วหลานมองนางพร้อมยกยิ้มมุมปาก “ได้ ถ้าฉางกุ้ยเฟยให้เงินเดือนแก่เจ้า ข้าไม่สนใจ เจ้าอยู่ต่อได้”

“ท่าน…”

หรูอี้กัดฟันด้วยความโกรธ แต่ลั่วหลานไม่สนใจนาง หันไปพูดกับพวกคนรับใช้ผู้ชาย:

“พวกเจ้าค่อนข้างขยัน แม้ว่าบางครั้งจะขี้เกียจไปบ้างก็ตาม แต่ก็ยังทำความสะอาดสวนทุกวัน ข้าจะเก็บพวกเจ้าไว้อีกเดือนหนึ่ง ข้าจะตัดสินใจว่าพวกเจ้าจะได้อยู่ต่อหรือไป เมื่อพวกเจ้าได้รับเงินเดือนในเดือนหน้า”

เมื่อคนรับใช้เหล่านั้นได้ฟังดังนั้น จึงถอนหายใจด้วยความโล่งอกทันที ราวกับว่าพวกเขาได้รับการอภัยโทษ

ในเวลานี้ นางมองไปที่พ่อบ้านสวี แล้วพูดว่า “ข้าจะรับช่วงต่อทุกเรื่องในตำหนักเอง พ่อบ้านสวีไม่ได้ใช้พรสวรรค์ที่นี่ ควรไปหางานอื่นเช่นกัน”

พ่อบ้านสวีได้ฟังแล้วก็ตื่นตระหนก เขาไม่คาดคิดว่าสตรีผู้นี้จะกล้าไล่เขาออก

เขากัดฟันพูดทันที:

“เช่นเดียวกับหรูอี้ ข้าเป็นคนที่ฉางกุ้ยเฟยจัดให้เข้ามาทำงานในตำหนัก ท่านไม่มีสิทธิ์ไล่ข้าออก เว้นแต่ฉางกุ้ยเฟยจะเป็นผู้เอ่ยปากเองพ่ะย่ะค่ะ”

“เช่นนั้นก็ดี” ลั่วหลานเชิดหน้าขึ้นอย่างเฉยเมย “ถ้าอย่างนั้นก็เหมือนกับหรูอี้ ไปขอเงินเดือนจากฉางกุ้ยเฟยกันเอง แล้วหากพวกเจ้าอยากมาอยู่กินในตำหนักของข้า ก็ต้องจ่ายเงินมาด้วย ที่นี่ไม่ใช่โรงเตี๊ยมเพื่อคนอนาถา”

เมื่อได้ฟังเช่นนั้น พ่อบ้านสวีมีใบหน้ามืดมน เขากัดฟันจ้องมองลั่วหลาน “ท่านรังแกกันเกินไปแล้วจริง ๆ ข้าจะไปฟ้องกุ้ยเฟย”

หลังจากพูดอย่างนั้น เขาก็หันหลังเดินจากไปด้วยความโกรธจัด ส่วนลั่วหลานพูดกับอาอวี่และอาโฮ่วที่อยู่ข้างหลังเขาว่า:

“ไปช่วยพ่อบ้านสวีเก็บข้าวของ อย่าทิ้งอันใดไว้ข้างหลัง เขาจะไม่สามารถกลับมาที่ตำหนักแห่งนี้ได้อีก”

ความหมายในคำพูดของนางชัดเจน นางกลัวว่าพ่อบ้านสวีจะขโมยของจากตำหนัก

อาอวี่กับอาโฮ่วได้ฟังเช่นนั้นจึงรีบตามพ่อบ้านสวีไป

เมื่อทุกคนออกไปแล้ว แม่ครัวทั้งสองคนที่เหลืออยู่ก็มองนางด้วยความหวั่นเกรง กลัวว่าพวกตนจะเป็นคนต่อไปที่ถูกไล่ออก

ลั่วหลานเหลือบมองพวกนางทั้งสอง แล้วถามเบา ๆ :

“พวกเจ้าสองคนเต็มใจจะอยู่หรือไป?”

แม่ครัวทั้งสองฟังคำถามของนาง แล้วรีบพยักหน้าอย่างรวดเร็ว “แน่นอนว่าพวกบ่าวเต็มใจจะอยู่ต่อเพคะ พวกบ่าวสองคนทำงานหนักในตำหนัก จะทำทุกอย่างที่ท่านสั่ง หวังว่าพระชายาจะเมตตาเก็บพวกบ่าวไว้ด้วยเถิดเพคะ”

ลั่วหลานเหลือบมองทั้งสองคน แม้ว่าฉางกุ้ยเฟยจะเป็นผู้จัดให้ทั้งสองคนนี้เข้ามาทำงานในตำหนัก แต่พวกนางไม่ได้ทำผิดพลาดใหญ่หลวงแต่อย่างใด ยิ่งกว่านั้นคือพวกนางแก่แล้ว นางจึงทนไล่พวกนางออกไม่ได้จริง ๆ

นางจึงมองทั้งสองคน แล้วพยักหน้า “ได้ ข้าให้เวลาพวกเจ้าอีกหนึ่งเดือน ถ้าทำได้ดีก็อยู่ต่อ ถ้าทำไม่ดีก็ออกจากตำหนักไปพร้อมคนอื่นได้เลย”

ทั้งสองได้ฟังเช่นนั้นจึงรีบโค้งคำนับขอบคุณพร้อมกัน “ขอบพระทัยพระชายา ขอบพระทัยพระชายา”

สาวใช้ทั้งสี่ได้รับเงินเดือนหนึ่งเดือนแล้วจากไป ส่วนพ่อบ้านสวีไปร้องเรียนกับฉางกุ้ยเฟย หรูอี้ก็ไปกับพ่อบ้านสวีด้วย คนรับใช้ชายอีกสามคนที่เหลือทำงานอย่างขยันขันแข็ง แม่ครัวสองคนในครัวทำทุกอย่างที่ลั่วหลานบอกให้ทำ โดยไม่ลังเลใจเลย

ลั่วหลานยังสั่งให้อาไฉ่กับอาหงไปที่ตลาดค้าทาส แล้วซื้อสาวใช้มาอีกสี่คนด้วย ตำหนักใหญ่เช่นนี้จะสาวใช้คอยจัดการเพียงไม่กี่คนได้อย่างไร ต้องมีคนซักผ้า รีดผ้าและทำความสะอาดตำหนักให้สะอาดอยู่เสมอ

ในเวลาเพียงหนึ่งชั่วยาม อาไฉ่กับอาหงก็พาหญิงสาวทั้งสี่คนมาอยู่ตรงหน้านาง

ลั่วหลานนั่งอยู่ในห้องโถงใหญ่ของตำหนัก มองหญิงสาวเหล่านี้ ทุกคนมีร่างกายผ่ายผอม เหมือนขาดสารอาหาร

“พวกเจ้ามีนามว่าอันใดกันบ้าง?”

“ข้ามีนามว่าหรููอวี้ ข้ามีนามว่าไฉ่เฟิ่ง ข้ามีนามว่าเสี่ยวเตี๋ย ข้ามีนามว่าชุนหงเพคะ”

หญิงสาวทั้งสี่ตอบชื่อของตนเอง ลั่วหลานพยักหน้าเบา ๆ

“อาไฉ่ จากนี้ไปสาวใช้ทั้งสี่คนนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลของเจ้า เจ้าจัดการให้พวกนางซักเสื้อผ้า และทำความสะอาดตำหนัก คนที่ทำงานขยันขันแข็งสามารถอยู่ต่อได้ ส่วนคนที่ขี้เกียจและเจ้าเล่ห์เพทุบายจะถูกไล่ออก”

อาไฉ่รีบประสานมือ แล้วก้าวเข้าไปรับคำสั่ง “อาไฉ่เข้าใจแล้ว พระชายาไม่ต้องกังวลเพคะ”

ทันใดนั้น อาอวี่ก็เข้ามารายงาน:

“พระชายา มีชายคนหนึ่งเข้ามาในลานตำหนัก บอกว่าตนเป็นไท่จื่อ แล้วพาคนกลุ่มหนึ่งเข้ามาพบพระชายาด้วยพ่ะย่ะค่ะ”

ไท่จื่อหรือ?

ลั่วหลานขมวดคิ้ว พี่ชายของท่านอ๋องเหลิ่งอวี้ไม่ใช่หรือ? คนที่ใส่ร้ายเขาใช่หรือไม่?

เขายังกล้ามาที่นี่อีกหรือ?

นางยกยิ้มมุมปาก แล้วโบกมือพูดว่า:

“เชิญไท่จื่อเข้ามาได้เลย”

หลังจากนั้นไม่นาน ชายหนุ่มคนหนึ่งที่สวมชุดสีขาวก็ถือพัดเดินเข้ามา ข้างกายเขาเป็นชายหนุ่มสวมชุดคลุมสีเขียวเข้ม

หลังจากที่ทั้งสองคนเข้ามา ลั่วหลานขมวดคิ้ว นางไม่เคยพบไท่จื่อมาก่อน คนที่อยู่ข้างเขาก็คงจะเป็นองค์ชายด้วย

นางนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ดังเดิม ขณะมองทั้งสองคนในห้องโถงด้วยสายตาเฉียบคม

ไท่จื่อขมวดคิ้ว มองนางด้วยสายตาเย็นชา เมื่อเห็นว่านางยังนั่งนิ่ง ความหยิ่งผยองของเขาก็แผลงฤทธิ์ทันที

“ไท่จื่อมาถึงแล้ว เหตุใดเจ้าถึงนั่งนิ่งอยู่? ตามองไม่เห็นหรืออย่างไร?”

ลั่วหลานเลิกคิ้วมองเขา แล้วแสร้งทำสีหน้าตกใจ

“ไท่จื่อหรือ? เมื่อครู่นี้มีคนมารายงานว่าไท่จื่อจะเสด็จมา แต่ข้ายังไม่เชื่อ เหตุใดท่านถึงมีเวลามาที่ตำหนักอ๋องอวี้ล่ะเพคะ? ด้วยสถานะอันสูงส่งของท่าน ท่านไม่ควรมายังสถานที่สกปรกและอับโชคแห่งนี้เลย ไม่เช่นนั้นหากวันหนึ่งท่านอ๋องอวี้จากไปจริง ๆ ท่านจะไม่ฝันร้ายแย่หรือเพคะ?”

เมื่อได้ฟังดังนั้น ใบหน้าของไท่จื่อก็ซีดลง เขายกพัดในมือขึ้นชี้หน้าลั่วหลาน แล้วตะโกนด้วยความโกรธ:

“เจ้าเป็นผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าฟ้าสูงแผ่นดินต่ำ กล้าพูดกับไท่จื่อเช่นนี้หรือ? อยากตายหรืออย่างไร?”

ชายที่อยู่ข้าง ๆ เห็นเช่นนั้นจึงรีบเกลี้ยกล่อมเขา

“พี่ใหญ่ นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบกัน นางย่อมไม่รู้จักท่าน อย่าได้ถือสาผู้หญิงเช่นนางเลยขอรับ”

ไท่จื่อตะคอกด้วยความโกรธ “ข้าได้แนะนำตัวเองไปแล้ว แต่นางยังคงพูดกับข้าเช่นนี้อีก เห็นได้ชัดว่านางจงใจกระด้างกระเดื่อง”

.....................................................................................