ตอนที่แล้วตอนที่ 4 พบท่านอ๋องผู้ไร้ค่าเป็นครั้งแรก
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 6 เขาสงสัยนางหรือ?

ตอนที่ 5 ชายผู้สิ้นหวัง


ตอนที่ 5 ชายผู้สิ้นหวัง

อย่างนี้นี่เอง!

ลั่วหลานโมโหจนอยากจะทุบตีใครสักคน แม้แต่คนรับใช้เหล่านี้ก็ยังดูหมิ่นท่านอ๋ององค์นี้ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ฉางกุ้ยเฟยยอมทุ่มเงินจำนวนมาก เพื่อหาพระชายาให้เขา ตอนนี้ดูเหมือนว่าสิ่งที่นางต้องการหาไม่ใช่พระชายา แต่เป็นผู้หญิงที่สามารถดูแลรับใช้เขาขณะที่ยังมีชีวิตอยู่ได้ และสามารถถูกฝังไปพร้อมกับเขาได้ เมื่อเขาเสียชีวิต

นึกถึงเรื่องนี้แล้ว นางก็อดถอนหายใจไม่ได้ จิตใจคนเรานั้นช่างน่ากลัว โลกช่างมืดมนเหลือเกิน ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่แห่งอาณาจักรต้าหนิง ต้องมาพบกับจุดจบที่น่าสังเวชเช่นนี้

เนื่องจากนางอภิเษกสมรสกับเขา แม้คนอื่นจะไม่สนใจ แต่นางต้องดูแลเขาเสมอ

คิดได้ดังนั้นนางก็กลับเข้าห้อง ชายคนนั้นยังคงนอนหลับตาแน่น ไม่รู้ว่าเขามีสติแล้วหรือยังไม่ได้สติ

ไม่ว่าอย่างไร เขาคงจะอึดอัดมากที่ต้องนอนจมกองอุจจาระปัสสาวะเช่นนี้

นางนึกแล้วก็เข้าไปในช่องว่างมิติของตนเอง เพื่อไปหยิบหน้ากากอนามัยหนึ่งอัน ผ้าอ้อมแบบใช้แล้วทิ้งหนึ่งแผ่น กระดาษชำระขนาดใหญ่สองห่อ และอุปกรณ์ทำความสะอาดแผล พร้อมยาแก้อักเสบ

ยุคนี้ไม่มีกระดาษชำระเนื้ออ่อนนุ่มเช่นนี้ ดูเหมือนว่าท่านอ๋ององค์นี้โชคดี ที่ได้ใช้กระดาษชำระคุณภาพสูง ที่จะมีจำหน่ายในอีกหลายพันปีข้างหน้า

ในฐานะหมอผู้มากประสบการณ์ การดูแลคนไข้จึงเป็นงานถนัดของนาง

นางสวมหน้ากากอนามัยและถุงมือแบบใช้แล้วทิ้ง หลังจากเตรียมทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว นางก็เปิดผ้าห่ม กำจัดอุจจาระและปัสสาวะที่กองสะสมอยู่ออก พร้อมทิ้งผ้าห่มที่คลุมร่างเขาไว้ด้วย จากนั้นใส่ผ้าอ้อมที่สะอาดให้เขา แล้วใช้ผ้าชุบน้ำยาฆ่าเชื้อ ทำความสะอาดต้นขาทั้งด้านในและด้านนอก

บาดแผลใต้ร่างเขารุนแรงกว่าที่นางคิดไว้มาก แผลพุพองเน่าจนเป็นหลุมขนาดใหญ่ ขาของเขาเหมือนไม่มีความรู้สึก ไม่ว่านางจะทำอย่างไรกับขาของเขา เขาก็ไม่ส่งเสียงใดออกมาเลยสักคำ

แม้แต่หมอที่ผ่านประสบการณ์ด้านการแพทย์มาหลายปีเช่นนาง ก็ยังเกือบร้องไห้เมื่อเจอกรณีเช่นนี้

นางอดไม่ได้ที่จะเม้มปากแอบด่าออกมา

“เหตุใดคนที่สมควรถูกมีดแทงสักพันครั้งเหล่านั้น ถึงได้โหดร้ายนัก? จงใจปล่อยให้คนทรมานหรือ? พวกเจ้าไม่มีจิตสำนึกกันบ้างเลยหรืออย่างไร?”

ขณะที่นางพูด นางก็ทายารักษาแผล ที่นางคิดค้นขึ้นมาลงบนบาดแผลไปด้วย

หลังจากจัดการทุกอย่างเสร็จแล้ว นางห่มผ้าห่มให้เขาอีกครั้ง จากนั้นเริ่มจัดการกับร่างกายส่วนบน นางมองเปลือกตาที่ปิดสนิทแล้วถอนหายใจ ก่อนหยิบน้ำสะอาดมาทำความสะอาดบาดแผลบนใบหน้าเขา

ขณะทายาแก้อักเสบ นางก็ได้ยินเสียงร้องครวญครางเบา ๆ ดังออกมาจากปากของเขา แสดงว่าส่วนใบหน้าของเขายังรับความรู้สึกได้

“ท่านอ๋องอวี้ ได้ยินมาว่าท่านป่วยหนัก ไม่คิดเลยว่าท่านจะป่วยหนักถึงเพียงนี้ แต่ท่านโปรดอย่ากังวล ท่านโชคดีที่ได้พบข้า ข้าจะรักษาท่านให้หายแน่นอนเพคะ”

ชายคนนั้นหลับตาสนิท ยังคงไม่มีเสียงตอบรับใด ๆ

ลั่วหลานทายาแก้อักเสบชนิดพิเศษ ลงบนบาดแผลบนใบหน้าของเขา จากนั้นเปิดปกเสื้อออกดู ชุดนี้สกปรกมากจริง ๆ

นางพ่นลมหายใจเป่าปอยผมที่ลงมาปกหน้าผาก แล้วปล่อยให้มันปกลงมาอีกครั้ง อดส่ายหน้าไม่ได้ แล้วพึมพำกับตัวเอง:

“เสื้อผ้าพวกนี้จำเป็นต้องเปลี่ยนแล้ว เหตุใดคนพวกนั้นถึงใจดำกันนัก? แล้วแม่ของท่าน เป็นถึงฉางกุ้ยเฟยผู้แต่งกายด้วยเสื้อผ้าอาภรณ์อันงดงาม กลับใส่ใจท่านแค่เพียงผิวเผิน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่ยอมให้คนรับใช้ปฏิบัติต่อท่านเช่นนี้หรอก”

ระหว่างที่นางกำลังพูด นางก็ลุกไปหาเสื้อผ้าในตู้ ทันใดนั้นชายหนุ่มลืมตาขึ้นเงียบ ๆ เห็นนางหันหลังเดินไปพอดี นางเป็นหญิงสาวตัวเล็ก ๆ เขานอนเป็นอัมพาตอยู่บนเตียงมาสามปีแล้ว ที่ตอนนี้เขายังคงมีลมหายใจอยู่ ก็ถือว่าเป็นบุญแล้ว เขาจะกล้าอธิษฐานขออันใดได้อีก?

คนรับใช้ในตำหนักเคยปฏิบัติต่อเขาด้วยความเคารพ แต่ตอนนี้เขาเป็นอัมพาตแล้ว ทำให้คนเหล่านั้นปฏิบัติต่อเขาด้วยความดูถูกเหยียดหยาม ถึงกับสาปแช่งเขา ตอนเข้ามาเปลี่ยนผ้าปูที่นอนทุกสัปดาห์ด้วยซ้ำ

ในเวลานั้นเขาอยากจะตบคนเหล่านั้นออกไป แต่เขาไม่อาจยกมือขึ้นได้ด้วยซ้ำ สิ่งเดียวที่เขาขยับได้ตอนนี้คือศีรษะและหัวใจที่เต้นแรง

ดังนั้น แม้ว่าเขาจะถูกคนรับใช้ดูหมิ่น เขาก็ไม่อาจทำอันใดได้เลย

ทันใดนั้น สตรีผู้อ่อนโยนเช่นนี้ก็ปรากฏต่อหน้าเขา เขารู้สึกว่าตนคงกำลังฝันอยู่ หรือไม่สตรีผู้นี้ก็คงได้ผลประโยชน์ ไม่เช่นนั้นจะมีใครมาสนใจคนเป็นอัมพาตเช่นเขา

เมื่อเขาเห็นนางหยิบเสื้อผ้า แล้วหันกลับมา เขารีบหลับตาลงอีกครั้ง เขาไม่อยากเห็นคนอื่นมองเขาด้วยสายตาดูถูกและสมเพช ตอนนี้เขามีสภาพไม่ต่างจากศพ เขายังรู้สึกด้วยซ้ำว่าถ้าได้ตายเร็ว ๆ นี้ คงจะรู้สึกโล่งใจ

ลั่วหลานถือเสื้อผ้าไว้ในมือ แล้วกวาดสายตามองไปรอบ ๆ โชคดีที่ท่านอ๋ององค์นี้ยังมีเสื้อผ้าดี ๆ เหลืออยู่บ้าง แต่ตอนนี้เขาไม่เหมาะที่จะสวมชุดยาวเช่นนี้ นางจึงหยิบกรรไกรออกจากช่องว่างมิติ มาตัดเสื้อผ้าทั้งหมด นางตัดชายเสื้อและส่วนที่เป็นของตกแต่งหนัก ๆ บนชุดออกจนหมด เพื่อจะได้สวมใส่ไม่อึดอัดจนเกินไป

นางกลับมาหาเขาอีกครั้งพร้อมกับกรรไกร แล้วกระซิบว่า:

“ท่านต้องเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว ไม่ว่าท่านจะได้ยินหรือไม่ก็ตาม ข้าจะปฏิบัติต่อท่านเหมือนท่านได้ยิน! ข้าไม่ได้มีเจตนาจะล่วงเกินท่าน ข้าจะช่วยตัดเสื้อผ้าเก่าเหล่านี้ออก แล้วสวมชุดใหม่ให้ท่าน ท่านจะได้สบายตัวขึ้นนะเพคะ”

ขณะที่นางกำลังพูด นางเริ่มตัดเสื้อผ้าของเขาออกแล้ว ความรู้สึกเย็นกระทบร่างของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว ไม่ว่านางจะเอ่ยคำใด เขาก็ไม่คิดจะส่งเสียงตอบ เดิมทีเขารู้สึกว่าเขาไม่มีหน้ามีชีวิตอยู่ในโลกนี้แล้ว การมีชีวิตอยู่ต่ออีกแม้เพียงวันเดียว ถือเป็นความทรมานแสนสาหัสสำหรับเขา เขาต้องอยู่ในสภาพเหมือนคนตายไปตราบจนลมหายใจสุดท้าย แต่ลมหายใจนี้กลับยากที่จะดับลง ตอนนี้เขายังไม่ตายเสียที

ลั่วหลานแรงเยอะมาก นางอุ้มเขาให้อยู่ในท่านั่ง แล้วสวมชุดที่นางดัดแปลงให้เขา จากนั้นนางวางเขาลงอีกครั้ง แล้วติดกระดุมให้

ทันใดนั้นชายหนุ่มก็รู้สึกสบายตัวมาก รู้สึกสะอาดสดชื่นดีมาก เขาไม่ได้สัมผัสความรู้สึกนี้มานานแล้ว ซึ่งก็คือเขาไม่ได้เปลี่ยนเสื้อผ้ามาเกือบปีแล้ว

จู่ ๆ เขาก็นึกอยากจะขอบคุณหญิงสาวตรงหน้า ไม่ว่าจุดประสงค์ของนางคืออันใด การให้เขาได้สวมเสื้อผ้าสะอาดก่อนตาย ช่วยให้เขารู้สึกได้ถึงศักดิ์ศรีสุดท้ายที่เหลืออยู่

เมื่อมองไปยังชายหนุ่มบนเตียง ลั่วหลานรู้สึกว่าจำเป็นต้องเปลี่ยนเครื่องนอนให้เขาด้วย นางจึงเก็บขยะ แล้วยกออกไปข้างนอก จากนั้นพูดกับคนข้างนอกอย่างเย็นชา:

“เตรียมผ้าปูที่นอนใหม่ให้ท่านอ๋อง”

หรูอี้ที่หน้าประตูเหลือบมองนาง แม้ว่าตอนนี้จะไม่มีใครอยากทำงานในตำหนักแห่งนี้ แต่ฉางกุ้ยเฟยได้ออกคำสั่งไว้แล้วว่า เมื่อพระชายาองค์ใหม่เสด็จมา พวกนางต้องช่วยทำทุกอย่างที่จำเป็น

นางจึงพูดกับสาวใช้อีกคนหนึ่งที่อยู่ข้างนางว่า

“เสี่ยวหง ไปเอาเครื่องนอนใหม่มา”

สาวใช้ที่ชื่อเสี่ยวหงตอบรับ แล้วหันหลังเดินจากไป

ลั่วหลานโยนขยะที่นางเก็บมาลงตรงหน้าหรูอี้

“เอาขยะนี่ไปทิ้ง”

หรูอี้ขมวดคิ้ว กลิ่นจากถุงขยะโชยทะลุจมูกของนางทันที นางรีบปิดจมูก แล้วพูดกับสาวใช้อีกคนที่อยู่ข้างนาง:

“รีบเอามันออกไปทิ้งเร็วเข้า เอาออกไปเลย กลิ่นเหม็นจะตายแล้ว”

แม้ว่าสาวใช้อีกคนจะลังเล แต่สุดท้ายนางก็ปิดจมูก รีบหยิบถุงขยะเหม็นเน่าขึ้นมาเพื่อนำไปโยนทิ้ง

ลั่วหลานพูดกับหรูอี้ด้วยน้ำเสียงเย็นชา:

“ใครรับผิดชอบเรื่องอาหารของท่านอ๋อง?”

หรูอี้ขมวดคิ้วมองนาง แล้วตอบว่า:

“ตอนนี้ท่านอ๋องเสวยได้เพียงน้ำข้าว ไม่ว่าใครก็ทำได้เพคะ”

น้ำข้าวหรือ?

..........................................................................................