ตอนที่แล้วตอนที่ 5 ชายผู้สิ้นหวัง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 แสดงอำนาจ

ตอนที่ 6 เขาสงสัยนางหรือ?


ตอนที่ 6 เขาสงสัยนางหรือ?

ลั่วหลานนึกเย้ยหยัน เกรงว่าคนเหล่านี้คงจะคิดว่าการให้อาหารเขามากเกินไป จะเป็นการสิ้นเปลืองอาหารเปล่า ๆ จึงให้เขากินแต่น้ำข้าวจาง ๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่เขาผอมมาก

นางจึงกล่าวกับหรูอี้ว่า

“เติมข้าวลงในโจ๊กให้ท่านอ๋องเสวยเป็นมื้อเที่ยง แล้วเติมน้ำตาลทรายแดงลงไปด้วย”

ตอนนี้มีพระชายาคอยรับใช้ท่านอ๋องที่กำลังจะตาย เขาจะกินอันใดก็ไม่สำคัญแล้ว หรูอี้พยักหน้ารับ แล้วถามว่า “บ่าวจะไปสั่งการทันทีเพคะ พระชายามีอันใดจะรับสั่งอีกหรือไม่เพคะ?”

ลั่วหลานเหลือบมองนาง แล้วพูดว่า:

“เอาน้ำร้อนเข้าไปให้ข้าข้างใน แล้วหาผ้าเช็ดตัวใหม่ ผ้าปูที่นอนและผ้าห่มใหม่มาให้ด้วย”

เห็นได้ชัดว่าหรูอี้ไม่ค่อยเต็มใจนัก สายตานางฉายแววรังเกียจ ก่อนกระซิบบ่นด้วยเสียงแผ่วเบา

“คนใกล้จะตาย จำเป็นต้องใส่ใจรายละเอียดถึงเพียงนั้นเลยหรือ?”

เมื่อได้ยินประโยคนี้ ความโกรธที่สะสมอยู่ในใจของลั่วหลานก็ระเบิดออกมาในที่สุด นางรีบเดินไปคว้าแขนหรูอี้ เมื่ออีกฝ่ายหันกลับมา นางก็ตบหน้าอย่างแรง แล้วพูดด้วยความโกรธ:

“หากคนรับใช้เช่นเจ้าไม่รู้ว่าสิ่งใดควรพูด และสิ่งใดไม่ควรพูด ข้าจะสั่งสอนให้เอง”

เห็นได้ชัดว่าหรูอี้นิ่งอึ้งไป เพราะนางไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะทำอันใดนาง นางกัดฟันยกมือปิดแก้มที่เพิ่งถูกตบ แม้ว่านางจะไม่พอใจ แต่นางไม่กล้าเอ่ยคำใด คนที่อยู่ตรงหน้านางยังคงเป็นพระชายา ต่อให้พรุ่งนี้นางจะตาย แต่ในวันนี้นางก็ยังคงเป็นพระชายา อีกทั้งฉางกุ้ยเฟยยังสั่งไว้ว่าจะต้องปฏิบัติตามทุกคำร้องขอของนาง เพราะอย่างไรเสีย นางก็มาพร้อมความเต็มใจที่จะยอมตาย

หรูอี้จึงกัดฟันคุกเข่าลง แล้วพูดว่า:

“บ่าวทำผิดไปแล้วเพคะ พระชายาโปรดสงบสติอารมณ์ด้วยเพคะ”

ลั่วหลานเบ้ปากเล็กน้อย ความเย็นชาในสายตานางยิ่งรุนแรงขึ้น

หากไม่แสดงให้คนรับใช้เหล่านี้เห็น บางทีพระชายาองค์ใหม่เช่นนางอาจถูกรังแกก็เป็นได้

นึกได้ดังนั้น นัยน์ตานางก็ฉายแววดุร้าย ขณะมองหรูอี้และกล่าวว่า: “เรียกคนรับใช้ทั้งหมดในตำหนักมาที่ลาน ข้ามีเรื่องจะพูด”

หรูอี้กัดริมฝีปากตัวเองอย่างไม่เต็มใจ แล้วพูดว่า “ถ้าพระชายามีอันใดจะรับสั่ง เพียงแค่บอกบ่าว แล้วบ่าวจะไปแจ้งให้เองเพคะ”

“เจ้าจะแจ้งเองหรือ?”

ลั่วหลานกระตุกมุมปากจ้องหน้าหรูอี้ ขนตางอนยาวของนางไม่ได้ช่วยลดเย็นชาน่ากลัวลงเลย แม้ว่าหรูอี้จะกล้าหาญมาก แต่ก็ยังต้องยอมจำนนเพราะรัศมีของนาง เมื่อคิดถึงการตบเมื่อครู่นี้ ก่อนที่อีกฝ่ายจะพูด นางก็รีบเปลี่ยนคำพูดก่อน

“บ่าวจะไปเรียกทุกคนเดี๋ยวนี้ พระชายาโปรดรอสักครู่นะเพคะ”

หรูอี้พูดจบก็สูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วรีบเดินไปที่ลานหน้าบ้าน

ลั่วหลานเกลียดพวกคนที่ชอบดูถูกคนอื่นอยู่แล้ว คนรับใช้เหล่านี้เห็นว่าท่านอ๋องป่วยหนัก จึงทำตัวกำเริบเสิบสานมาก หากท่านอ๋องยืนอยู่ที่นี่อย่างสง่าผ่าเผย พวกนางอาจจะประจบประแจงเขาก็ได้!

หลังจากนั้นไม่นาน เหล่าสาวใช้ก็นำผ้าปูที่นอนและผ้าห่มผืนใหม่ ผ้าเช็ดตัวใหม่และน้ำร้อนมาให้

ลั่วหลานไม่ได้ขอให้พวกนางช่วยรับใช้ท่านอ๋อง แต่บอกให้วางข้าวของไว้ แล้วไล่พวกนางออกไป เพราะนางรู้ว่าคนเหล่านี้จะไม่รับใช้คนที่กำลังจะตายคนนี้อย่างจริงใจ ดังนั้นแทนที่จะดูพวกนางฝืนใจทำด้วยความรังเกียจ นางทำเองจะดีกว่า

อย่างไรเสีย ชาติที่แล้วนางก็เป็นหมอ มักต้องผ่าตัดคนไข้บ่อยอยู่แล้ว ชายคนนี้จะมีสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อนได้อย่างไร ตอนนี้นางจึงคิดว่าชายตรงหน้านางคือคนไข้ของนาง!

คิดได้ดังนั้น นางจึงยกตัวเขาขึ้นด้วยมือข้างหนึ่ง แล้วเปลี่ยนผ้าปูที่นอนให้เขาด้วยมืออีกข้าง เปลี่ยนผ้าอ้อมให้ จากนั้นห่มผ้าผืนใหม่ให้เขา

หลังจากทำทั้งหมดนี้เสร็จ นางก็หมดแรงและหอบหายใจ อดไม่ได้ที่จะยืนเท้าสะเอวพึมพำ:

“ท่านควรจะกล่าวขอบคุณสิ นอนนิ่งเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หรือว่าใกล้จะกลับสวรรค์แล้วจริง ๆ?”

เมื่อได้ยินคำพูดติดตลกของนาง ลูกกระเดือกของชายหนุ่มก็ขยับเบา ๆ คำพูดที่ออกมาจากปากเขา เกือบจะทำให้ลั่วหลานสำลักตาย

“เจ้า... ออกไป…”

ลั่วหลานมองเขาด้วยความประหลาดใจ นางไม่ได้โกรธเพราะเขาบอกให้นางออกไป แต่นางค่อนข้างตื่นเต้นเมื่อได้ยินเขาพูด

นางเดินตรงไปที่เตียง มองใบหน้าขาวซีดเหมือนกระดาษของเขาด้วยความตื่นเต้น

“ท่านพูดได้หรือ? เช่นนั้นท่านลืมตาได้หรือไม่?”

ชายหนุ่มยังคงหลับตาแน่น เอียงศีรษะไปอีกทางหนึ่ง

ทันใดนั้นลั่วหลานก็ตระหนักได้ว่า ต้องเป็นเพราะศักดิ์ศรีของชายคนนี้ที่สร้างปัญหา เหมือนว่าคำพูดที่เขาเพิ่งพูดจะค่อนข้างรุนแรงไปหน่อยจริง ๆ

นางจึงเอียงศีรษะและคิดอยู่ครู่หนึ่ง นัยน์ตาที่เคยสดใสของนางฉายแววกังวล ขณะโน้มตัวลงไปกระซิบข้างหูเขาว่า

“ท่านอ๋องอวี้ ข้าไม่สนหรอกว่าตอนนี้ท่านจะป่วยหนักเพียงใด หรือท่านจะมีชีวิตอยู่ได้อีกนานเพียงใด ข้าเป็นพระชายาของท่านแล้ว ข้าชื่อสุ่ยลั่วหลาน เรียกข้าว่าลั่วหลานหรือหลานเอ๋อร์ก็ได้ ต่อจากนี้ไปข้าจะดูแลท่านเองเพคะ”

ทันทีที่นางพูดจบ ชายหนุ่มสูดจมูกอย่างเย็นชา เสียงแหบแห้งเปล่งออกมาจากลำคอ

“คนใกล้ตายเช่นข้ายังสมควรมีพระชายาอยู่หรือ? เจ้าบอกมาตามตรงเถิด ที่มาอยู่ใกล้ข้า มีจุดประสงค์อันใดกันแน่?”

เขาพูดมากถึงเพียงนี้ได้อย่างไร? แถมยังสงสัยจุดประสงค์ของนางด้วยหรือ? นางดูแลเขา จะมีจุดประสงค์อันใดได้?

นางอดหัวเราะไม่ได้ แล้วจึงตอบว่า: “ท่านเองก็รู้ว่าท่านกำลังจะตาย แล้วข้าจะมีจุดประสงค์อันใดได้อีก? ท่านสามารถมอบสิ่งใดให้ข้าได้บ้าง? ข้าจะบอกความจริงแก่ท่าน เสด็จแม่ของท่านมอบค่าตอบแทนเป็นเงินหนึ่งพันตำลึง อาสะใภ้ของข้ารับไปแล้ว ตอนนี้ข้าจึงเป็นคนของท่าน เท่านี้แหละเพคะ”

ลั่วหลานขยับเข้าไปใกล้เขา จู่ ๆ นางก็อยากจะเห็นว่าเขาจะมีหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อลืมตา แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเป็นแผลพุพอง แต่เมื่อพิจารณาจากโครงหน้าแล้ว ชายคนนี้หน้าตาไม่เลวเลย

ชายหนุ่มอาจสัมผัสได้ถึงลมหายใจของนาง ทันใดนั้นเขาก็ลืมตาขึ้น ทันทีที่เขาลืมตา เขาเห็นใบหน้าของหญิงสาวตัวเล็กที่อยู่ตรงหน้าเขาชัดเจน

นางมีดวงตาเป็นประกายสดใส ทำให้เขารู้สึกเหมือนกำลังมองดวงดาวในค่ำคืนอันมืดมิด

นางมีใบหน้าขาวผ่องเป็นยองใย คิ้วเรียวงาม ตาโต จมูกเล็กและปากเล็ก ดูงดงามโดดเด่นยิ่ง

ลั่วหลานเห็นแววตาของเขาชัดเจนทันทีที่เขาลืมตา สายตาของเขาเย็นชา แววตาเยือกเย็นราวถ้ำน้ำแข็งอันหนาวเหน็บ ทำให้คนที่ถูกจ้องมองตัวสั่นสะท้านได้ แต่ในสายตาอันคมกริบคู่นั้น ยังมีความสิ้นหวังและความโศกเศร้าซ่อนเร้นอยู่

สายตาเช่นนี้ทำให้นางรู้สึกหดหู่ ไม่ใช่ความเศร้าเพราะรักระหว่างชายหญิง แต่เป็นความเศร้าที่ไม่อาจทนเห็นคนไข้ต้องทนทุกข์ทรมาน

“ข้า…”

แม้ว่านางจะเป็นคนที่เดินทางข้ามเวลามาหลายพันปี แต่เมื่อต้องสบตากับเขา นางก็ทำอันใดไม่ค่อยถูก

นางรีบหันหน้าหนี แล้วผละออกจากเตียงอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มเบือนหน้าไปทางอื่น ก่อนจะพูดอย่างเย็นชา:

“ออกไป…”

นางได้ยินคำนี้อีกครั้ง ความโกรธในอกนางพลันเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว นางกัดริมฝีปากล่าง แล้วถอนหายใจอย่างแรง

นางต้องอดทนไว้ นางไม่อาจถือสาคนไข้ที่กำลังสิ้นหวังได้ นางเข้าใจอารมณ์ของเขาในตอนนี้ ท่านอ๋องอวี้ผู้สง่างามที่เคยทำให้โลกต้องตะลึง ย่อมไม่ต้องการให้คนอื่นเห็นตนในสภาพที่น่าสังเวชเช่นนี้

นางจึงแยกแยะอารมณ์ออกไป พยายามสงบสติอารมณ์ให้มากที่สุด ก่อนยักไหล่แล้วพูดเสียงเบา:

“ข้าไม่อาจไปจากที่นี่ได้แล้ว ข้าเป็นพระชายาของท่านแล้ว ทั้งความเป็นความตายของข้า ล้วนขึ้นอยู่กับท่านทั้งหมด หากท่านตาย ข้าจะถูกฝังไว้กับท่าน ดังนั้นข้าจึงปล่อยให้ท่านตายไม่ได้เพคะ”

รอยยิ้มเย้ยหยันพลันปรากฏที่มุมปากของชายหนุ่ม ก่อนตะคอกด้วยความดูถูก “เจ้าคิดว่าข้าจะยังมีชีวิตรอดได้หรือ?”

.....................................................................................