Ch15 – ไม่เห็นคุณค่า
Ch15 – ไม่เห็นคุณค่า
หลังมื้อเย็น ลู่เซี่ยก็ไม่คิดที่จะช่วยเก็บโต๊ะ เธอเดินเอาถ้วยไปใส่ไว้ในอ่างล้างจาน แล้วเดินไปล้างหน้าล้างตาก่อนจะกลับเข้าไปนอนในห้อง
แม้แต่ตอนที่ลู่ชุนกับลู่ชิวเข้ามาในห้อง เธอไม่ “ตื่น”
แน่นอนว่า ลู่เซี่ยไม่ได้หลับจริงๆ มันเป็นช่วงหน้าร้อนในเดือนมิถุนายน และตอนนี้ก็ยังไม่ดึกมากเพิ่งจะทุ่มหนึ่งเท่านั้น แล้วด้านนอกก็ยังไม่มืดด้วยซ้ำ
เธอแค่ไม่อยากเผชิญหน้ากับพวกเขา
คนในครอบครัวอาจต้องการให้เวลาเธอยอมรับความเป็นจริง พวกเขาจึงปล่อยให้เธอทำตามใจตัวเอง
ใช่ เธอรู้ว่าครอบครัวของเธอเชื่อว่าเธอจะยอมรับทุกอย่างได้อย่างสงบนิ่ง เพราะพวกเขาเห็นเธอเป็นเด็กที่เชื่อฟังและไม่เคยเรียกร้องอะไรเลย ไม่ว่าพวกเขาจะปฏิบัติต่อเธออย่างไร เธอก็ไม่เคยไม่พอใจ
ลูกสาวคนโตอย่างลู่ชุนมีเสื้อผ้าใหม่ ลูกชายคนเดียวอย่างลู่ตงก็มีเสื้อผ้าใหม่
ส่วนลู่เซี่ยต้องใส่เสื้อผ้าที่ลู่ชุนเคยใส่มาตั้งแต่เกิด
แต่เมื่อเป็นตาของลู่ชิว เสื้อผ้าที่ลู่ชุนเคยใส่ก็ขาดจนใส่ต่อไม่ได้แล้ว พวกเขาเลยต้องซื้อเสื้อผ้าใหม่ให้เธอแทน
สรุปแล้ว ลูกทุกคนในบ้านมีเสื้อผ้าใหม่ใส่ยกเว้นลู่เซี่ยแค่คนเดียว
ตอนยังเด็กเธอรู้สึกไม่พอใจ แต่ท่าทีเลือกที่รักมักที่ชังและเฉยชามาตลอดหลายปีของพ่อแม่ทำให้เธอคุ้นชินกับมันไปเอง
ดังนั้น เธอจึงไม่คิดถึงมันหรือเรียกร้องอะไรอีก เธอกลายเป็นเด็กที่เชื่อฟังอย่างที่พ่อแม่อยากให้เป็น
เธอเคยคิดว่า ไม่ว่ายังไงพ่อกับแม่ก็รักเธอ ดังนั้น เธอจึงยอมอดทนและเสียสละเพื่อครอบครัว แต่ในตอนนี้ ความคิดนั้นกลับกลายเป็นเรื่องน่าขันแทน
พวกเขาไม่เห็นค่ากับการเสียสละของเธอ และเหยียบย่ำเธออย่างไม่ใยดี ในเมื่อเจ้าของร่างเดิมไม่อยู่แล้ว เธอก็ไม่นับว่าพวกเขาเป็นครอบครัวของเธออีกต่อไป ถึงยังไงเธอก็มีเวลาอยู่กับครอบครัวนี้อีกไม่นาน เธอแค่ต้องอดทนอีกไม่กี่วันและทำเหมือนพวกเขาเป็นคนแปลกหน้าในอนาคต
เย็นวันนั้น เมื่อเข้ามาในห้องแล้วทั้งลู่ชุนกับลู่ชิวต่างก็ไม่มีใครพูด
ลู่ชุนรู้สึกผิดเพราะเธอรู้ว่า ครั้งนี้เป็นเพราะเธอร่ำไห้อ้อนวอนทำให้แม่ของเธอตกลงยอมยกงานของลู่เซี่ยให้เธอ
เพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จด้วยดี ลู่ชุนจึงเป็นคนไปลงชื่อไปชนบทให้ลู่เซี่ยด้วยตัวเอง
ความรู้สึกของเธอจึงสับสนปนเป ไม่รู้ว่าควรเผชิญหน้ากับลู่เซี่ยอย่างไรดี
แต่ลึกลงไปแล้ว เธอรู้สึกโล่งใจที่ไม่ต้องไปชนบท เธอยังรู้สึกสุขใจเมื่อคิดว่าต่อจากนี้เธอจะได้ทำงานในออฟฟิส
ส่วนลู่ชิว เธอยังเป็นเด็กน้อยอายุ 13 ปีในปีนี้เท่านั้น เธอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในครอบครัว และเป็นอีกครั้งที่พี่สาวคนรองที่เชื่อฟังของเธอโดนรังแก
เธอปฏิญาณในใจไว้ว่า ในอนาคตเธอจะไม่ยอมเป็นเหมือนพี่สาวคนรอง เธอจะซ่อนของมีค่าทุกอย่างเอาไว้ ไม่อย่างนั้นก็จะมีคนเอามันไปจากเธอ
ลู่เซี่ยไม่สนใจว่าคนทั้งสองกำลังคิดอะไรอยู่ หลังจากนอนลงแล้ว เธอก็แกล้งทำเป็นหลับและเข้าไปในช่องว่างเพื่อดูจำนวนธัญพืชที่มีอยู่
เธอรู้สึกโชคดีที่เธอใช้กระสอบผ้าใส่ธัญพืชเพื่อเป็นการประหยัดเงิน ถ้าเธอใช้กระสอบที่ทำจากพลาสติก เธอคงเอาออกมาใช้ในยุคนี้ไม่ได้
เธอยังสังเกตเห็นผักหลายชนิดที่เริ่มโตอยู่ในแปลง เธอจึงเก็บพวกมัน
เมื่อวางพวกมันไว้ทางหนึ่งแล้ว เธอก็คิดที่จะเก็บผักทั้งหมดในแปลงในอีกไม่กี่วันหลังจากนี้ และปลูกข้าวลงไปแทน
เพราะผักที่เธอกินไม่หมดยังเหลืออีกเยอะมาก ถึงปลูกต่อไปก็เอาไปขายทำเงินได้ไม่มาก วันนี้เธอได้ลองถามดูแล้ว และได้รู้ว่าผักมีราคาสองถึงสามเฟินต่อจินเท่านั้น และนี่ยังเป็นราคาในตลาดมืด ถ้าเธอเอาไปขายให้กับสหกรณ์ พวกเขาคงซื้อในราคาที่ถูกยิ่งกว่านี้ เธอจึงคิดว่ามันไม่คุ้มค่า
ในอนาคตคงต้องปลูกธัญพืชเป็นหลัก เมื่อเธอไปอยู่ที่ชนบทแล้วก็ค่อยปลูกผลไม้เพิ่ม เพราะผลไม้นั้นมีราคาแพง
เธอยังคิดถึงเรื่องที่ต้องทำในวันพรุ่งนี้
หลังจากใคร่ครวญดีแล้ว เธอก็ออกมาจากช่องว่าง
ร่างกายเจ้าของร่างเดิมนั้นอ่อนแอเกินไป หลังจากเดินมาทั้งวันเธอก็รู้สึกเหนื่อย ไม่นานหลังจากที่ลู่เซี่ยออกมาเธอก็หลับสนิททันที
เมื่อเธอตื่นขึ้นมา ทุกคนในบ้านก็ตื่นกันหมดแล้ว ลู่เซี่ยไม่อยากเจอหน้าพวกเขาและกลัวว่าพวกเขาจะจับได้ เธอจึงอยู่ในห้องไปก่อน
หลังจากนั้นสักพัก พอทุกคนออกไปกันหมดแล้ว เธอถึงได้ลุกออกจากเตียง
อย่างที่คิดเอาไว้ เมื่อออกมาเธอก็เห็นว่ามีกับข้าวเหลือไว้ให้เธออยู่บนโต๊ะ หลังจากกินเสร็จ เธอก็มุ่งหน้าไปโรงงานผลิตหลอดไฟทันที