Ch14 – มื้อเย็น
Ch14 – มื้อเย็น
“ทำไมเหรอ?” ลู่เซี่ยถามอย่างระแวงและเตรียมวิ่งทุกเมื่อ
ชายคนนั้นดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงความระแวงของเธอ จึงพูดเข้าเรื่องในทันที “ฉันแค่อยากถามว่าเธอมีของมากเท่าไหร่ พวกเราจะได้ซื้อจากเธอโดยตรงเลย”
ลู่เซี่ยเลิกคิ้วเมื่อได้ฟังความต้องการของเขา
พวกเขาต้องการเป็นพ่อค้าคนกลางอย่างนั้นเหรอ?
แน่นอนว่าลู่เซี่ยย่อมตกลง ถ้าเธอขายให้พวกเขาโดยตรง มันก็ช่วยเธอประหยัดเวลาไปได้มาก แต่เธอไม่สามารถตอบตกลงเร็วเกินไป ตอนนี้เธอไม่มีอะไรที่ใช้ปกป้องตัวเองได้เลย และมันคงไม่ใช่เรื่องดีถ้าทั้งหมดกลับกลายเป็นกับดักแทน
เธอจึงสอบถามถึงหัวหน้าของพวกเขา และได้รู้ว่าเขาเป็นคนที่มีเส้นสายอยู่ไม่น้อย ด้วยอิทธิพลของเขาทำให้สามารถเปิดตลาดมืดขนาดใหญ่แบบนี้ขึ้นมาได้
ยิ่งไปกว่านั้น เขายังเป็นคนซื่อสัตย์และช่วยเหลือคนมาไม่น้อย
ลู่เซี่ยรู้สึกทึ่งกับข้อมูลที่ได้รับมาไม่น้อย เธอคิดอยู่ครู่หนึ่งและพูดออกไปว่า “ได้ ฉันพอจะมีของอยู่ ไม่ใช่แค่ข้าวเท่านั้น แต่ยังมีข้าวสาลีกับข้าวโพดด้วย ทั้งหมดล้วนเป็นของคุณภาพสูงรสชาติดี ฉันเอามาให้คุณลองกินก่อนก็ได้ ถ้าคุณเห็นด้วย เราค่อยมาคุยกัน แต่ฉันลดราคาให้ไม่ได้หรอกนะ”
ชายคนนั้นคิดอยู่ครู่หนึ่งและตอบว่า “ก็ได้ ฉันจะไปคุยเรื่องนี้กับเจ้านายดู”
จากนั้น ลู่เซี่ยก็หาข้ออ้างเดินออกไปในที่ที่ไม่มีคน เพื่อเอาของแต่ละอย่างออกมาจากช่องว่าง และเดินกลับมายื่นของทั้งหมดให้กับคนเฝ้าทางเข้า
เขารับของมาและใช้มือชั่งน้ำหนักคร่าวๆ เดาว่ามีน้ำหนักอย่างละประมาณหนึ่งจิน เขาจึงหยิบเงินออกมาจากกระเป๋าสองหยวนและส่งให้กับเธอ
ลู่เซี่ยรับเงินไว้ด้วยรอยยิ้ม เธอไม่คิดว่าเขาจะจ่ายเงินให้ ทั้งที่เธอคิดจะให้ของไปทดลองใช้โดยไม่คิดเงิน ดูเหมือนว่าคนคนนี้จะน่าเชื่อถือ และความน่าเชื่อถือในตัวเจ้านายของพวกเขาก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
หลังลู่เซี่ยเดินออกมาแล้ว เธอก็สังเกตดูรอบๆและเมื่อเห็นว่าไม่มีใครแอบตามเธอมา เธอถึงค่อยวางใจ
เธอเชื่อสัญชาตญาณของตัวเอง ตั้งแต่ที่ได้ช่องว่างมา ประสาทสัมผัสของเธอดูเหมือนจะดีขึ้นจากการที่วิญญาณของเธอเข้าไปอยู่ในช่องว่างบ่อยๆ ถึงเธอจะไม่ได้มีพลังจิตที่เก่งกาจเหมือนอย่างที่มีการบรรยายอยู่ในนิยาย แต่เธอก็รู้ได้ว่าประสาทสัมผัสของตัวเองเพิ่มสูงขึ้น แม้แต่ความจำของเธอก็ดีขึ้น ซึ่งนั่นเป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจมาก
ถึงแม้ว่าร่างกายในปัจจุบันของเธอจะมีพลังจิตน้อยกว่าแต่ก่อน แต่มันก็ยังถือว่าแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป
เธอจึงกลับบ้านไปอย่างสบายใจ
เมื่อเธอกลับถึงบ้าน พ่อแม่ของลู่เซี่ยก็เลิกงานแล้ว ส่วนน้องๆของเธอก็กลับมาจากโรงเรียนแล้ว หรือแม้แต่พี่สาวคนโตที่ไปที่ไหนมาสักที่ก็กลับมาแล้วเช่นกัน
ทันทีที่ลู่เซี่ยเดินเข้าบ้าน แม่ของเธอก็เดินมาพร้อมกับอาหาร เมื่อเห็นเธอ แม่ของเธอก็ขมวดคิ้วและตำหนิออกมาทันที “ไปที่ไหนมา? ทำไมไม่กลับมากินข้าวกลางวันที่บ้าน? เป็นเด็กผู้หญิงจะออกไปเดินเตร่ข้างนอกแบบนี้ได้ยังไงกัน?”
ลู่เซี่ยไม่พูดอะไรตั้งแต่เดินเข้ามาในบ้าน และตอนนี้เธอจึงตอบกลับไปให้เหมือนกับนิสัยของเจ้าของร่างเดิม “หนูออกไปเดินเพื่อให้สมองปลอดโปร่งน่ะค่ะ”
คำพูดของเธอทำให้แม่เงียบไป พอคิดที่จะเปิดปากพูดอะไรออกไป แต่เมื่อคิดอะไรได้ก็หยุดต่อว่าเธอ
และพูดอย่างอื่นแทนว่า “งั้นก็รีบมากินข้าว ไม่ได้กินข้าวกลางวันคงจะหิวมากล่ะสิ”
ลู่เซี่ยไม่ได้ปฏิเสธ เธอหิวมากจริงๆ เมื่อไม่มีตั๋ว ถึงเธอจะมีเงินแต่ก็เข้าไปกินในร้านอาหารของรัฐไม่ได้อยู่ดี
เธอจึงเดินไปที่โต๊ะและนั่งลงทันที ต่างจากแต่ก่อน เธอลงมือกินทันทีโดยไม่รอคนอื่นๆ
ท่าทีแบบนี้ทำให้ทุกคนประหลาดใจ แต่ทุกคนต่างก็รู้ว่าเธอกำลังหงุดหงิดจึงไม่มีใครว่าอะไร
สำหรับมื้อเย็น บ้านลู่มีอาหารสองอย่างคือ กะหล่ำปลีตุ๋นกับมันฝรั่งตุ๋น ลู่เซี่ยรู้สึกว่ารสชาติของอาหารไม่ต่างจากน้ำล้างจานเลยสักนิด แต่เพราะความหิวเธอจึงยอมทนกินต่อไป
มื้ออาหารเป็นไปอย่างเงียบเชียบและมีการพูดคุยเพียงเล็กน้อย
น้องชายคนเล็กลู่ตงกินข้าวในถ้วยของตัวเองหมดอย่างรวดเร็ว ก่อนจะส่งถ้วยเปล่าให้ลู่เซี่ยตามความเคยชิน
“พี่ เติมข้าวให้หน่อย” เขาพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
ลู่เซี่ยชะงักไป ก่อนจะทำเป็นไม่ได้ยินและกินข้าวของตัวเองต่อ
ลู่ตงงุนงงและเรียกเธออีกครั้ง “พี่” แต่แม่ลู่ก็เข้ามาขวางและหยิบถ้วยมาจากมือของเขาไป แล้วพูดว่า “เอาล่ะ แม่ตักให้เอง ยังมีกับข้าวเหลืออยู่อีก แม่จะตักให้ลูกทั้งหมดเลย”
ลู่ตงไม่สนใจว่าใครจะเป็นคนตักให้เขา เขาแค่ต้องการกินเท่านั้น
ขณะเดียวกัน ลู่ชุนกับลู่ชิวก็แอบเหลือบมองลู่เซี่ย แต่เธอกลับไม่สนใจใครทั้งนั้น เธอรู้ดีว่า เจ้าของร่างเดิมเป็นเหมือนคนรับใช้ของครอบครัวนี้ แต่เธอไม่ใช่ เธอไม่คิดจะเอาใจพวกเขาเพียงเพื่อให้ได้รับความรักจากคนพวกนี้