ตอนที่แล้วตอนที่ 5 แด่ความรักของเราที่จะพินาศในที่สุด
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 7 ตั๋ว

ตอนที่ 6 บางทีวันสิ้นโลกอาจจะเกิดจากคนแค่คนเดียว


'ตอนแรกก็พ่อกับแม่พวกนั้น ต่อมาก็มีคนเรียกเราว่าสามีโดยไม่มีเหตุผล'

ใบหน้าของเกาหมิงซีดลงขณะที่มองดูซวนเหวินเดินจากไป เขาแน่ใจว่าเธอมีความคล้ายคลึงกับพ่อแม่จำนวนมากพวกนั้น เป็นบางสิ่งที่'ไม่สามารถอธิบายได้'

'ไม่เพียงแต่เธอจะรู้ว่าเกิดอะไรขึ้นในอุโมงค์ แต่ยังเดาได้ด้วยว่าเราจะมาที่เพื่อลบเกม'

เกาหมิงค่อยๆ กลับมาเป็นปกติหลังจากที่ซวนเหวินหายตัวไปตรงหัวมุมถนน เจ้าแมวอ้วนกลับมามีชีวิตอีกครั้งและขดตัวอยู่ข้างหลังเกาหมิง

'ฝนตกหนักถนนถูกปิด ถ้าต้องการคำตอบ.. ดูเหมือนจะต้องถามจากเธอเท่านั้น' เกาหมิงสงบลง 'แต่ซวนเหวินแตกต่างจากพ่อแม่ เธอดูเหมือนไม่ได้รับผลกระทบใดๆ ยังสามารถเดินผ่านเมืองได้อย่างอิสระในเวลากลางวันด้วย…'

"ฝ่าไฉ! ทำไมแกถึงมาอยู่ตรงนี้?" เว่ยต้ายู่หยิบแมวอ้วนขึ้นมาด้วยมือเดียว ในขณะที่ลูบแมวเขาก็พูดติดตลกกับเกาหมิง "เกาหมิง ทำไมคุณไม่อยู่ต่อล่ะ ดูฝ่าไฉสิมันยังทนไม่ได้เลยที่จะเห็นคุณจากไป"

'ไม่ใช่ทนไม่ได้ มันแค่หวงชีวิตของมันก็เท่านั้น' นี่เป็นครั้งแรกที่เกาหมิงเห็นแมวแกล้งทำเป็นตาย "ต้ายูผมรู้ว่าคุณเป็นคนดี ดังนั้นผมจะเตือนคุณเป็นครั้งสุดท้าย อย่าออกไปข้างนอกหลังหัวค่ำและอยู่ให้ห่างจากเพื่อนร่วมงานใหม่คนนั้น เธอเป็นตัวปัญหา"

"ผมรู้ว่าเรื่องวุ่นวายแค่ไหนจากข่าว ไม่ต้องห่วง ดูแลตัวเองด้วย ถ้ามีปัญหาอะไรก็โทรมาได้เสมอ ยังไงเราก็เป็นเพื่อนร่วมงานกันมานานหลายปีแล้ว" ไม่ว่าแมวอ้วนจะดิ้นแค่ไหน เว่ยต้าหยู่ก็ไม่สนใจและอุ้มมันกลับไป

แมวอ้วนใช้อุ้งเท้าทั้งสองกางกรงเล็บไปที่ประตูกระจกทั้งข่วนและร้องไปทางเกาหมิงนอกสำนักงานด้วยท่าทางเศร้าหมอง

"อย่าตามมาเลย ถ้าตามมา บางที..แกอาจจะได้เจอความกลัวยิ่งกว่าตอนนี้" เกาหมิงพึมพำเบาๆด้วยรอยยิ้มเศร้าหมอง "แมวตัวนี้ฉลาด แต่ก็ไม่ได้มากอะไร"

หลังจากออกจากสตูดิโอ เกาหมิงยังไม่ได้กลับบ้านในทันทีแต่แวะสถานีขนส่งเพื่อดูแผนที่เมืองก่อน

ฮันไห่เป็นเมืองที่มีเอกลักษณ์ แบ่งออกเป็น 19 โซน เมืองทางตะวันออกที่ทันสมัยที่สุดเป็นบ้านของเศรษฐีจากทั่วทุกมุมโลก มันเต็มไปด้วยตึกระฟ้าที่สวยงามและความหรูหราที่คนทั่วไปแทบจะจินตนาการไม่ถึง ส่วนเมืองเก่าที่เกาหมิงอาศัยอยู่ดูเหมือนจะเป็นอีกโลกหนึ่ง อาคารสิ่งก่อสร้างอพาร์ตเมนต์ถูกสร้างขึ้นอย่างคับแคบ ผู้คนหนาแน่นแออัดเต็มไปด้วยความหดหู่ แค่เดินไปท่ามกลางพวกเขาก็ทำให้รู้สึกแทบหายใจไม่ออก

เมื่อร้อยปีที่แล้ว หลังจากเมืองฮั่นไห่หลุดพ้นจากสงคราม กลายเป็นที่หลบภัยของทั้งนักการเมือง นักธุรกิจ และผู้ลี้ภัย ด้วยข้อได้เปรียบอันเป็นเอกลักษณ์ของตัวตัวเมือง ฮั่นไห่จึงกลายเป็นหนึ่งในสามท่าเรือเสรีที่ใหญ่ที่สุดในโลก อย่างไรก็ตาม ภายใต้ผลกระทบของความก้าวหน้าทางปัญญาอย่างรวดเร็ว เมืองที่ยิ่งใหญ่แห่งนี้ก็ได้มาถึงทางแยกของยุคสมัย

แต่สำหรับเกาหมิง เรื่องราวอันยิ่งใหญ่เกี่ยวกับความเจริญรุ่งเรืองและความเสื่อมถอยเหล่านี้ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขามากนัก สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่ป้ายรถเมล์ที่คับคั่งไปด้วยผู้คน ฉากฆาตกรรมที่โหดร้ายและน่าสยดสยองมากมายก็แวบเข้ามาในหัวของเขา รวมถึงเรื่องเล่าที่แปลกประหลาดและน่าสะพรึงกลัวอีกหลายเรื่อง

'คดีขายเนื้อ คดีตุ๊กตาแมว คดีปีศาจวิปริต คดีละลายศพ คดีคนกินเนื้อในตึกแดง คดีห้องใต้ดินสุนัข คดีจมน้ำ...' เปลือกตาของเขาเริ่มกระตุก สิ่งเหล่านี้เหมือนบทสวดแห่งความน่าสะพรึงกลัวที่หลอกหลอนความคิดของเกาหมิง แต่ละครั้งจะหนาวเหน็บยิ่งกว่าครั้งก่อน บดบังแม้กระทั่งความน่าขยะแขยงที่สุดของ นิทานเรื่องเล่าผีกระทั้งหนังสยองขวัญที่เขาเคยเสพมาทั้งหมด

'เทพแห่งเนื้อหนัง มนุษย์แขวนคอ ค่ำคืนแห่งวิญญาณ คลินิกผิวหนัง แพทย์หัวขาด ลิฟต์กินคน… เรานับไม่ไหว มันมากเกินไป!'

แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อยู่แค่ในความคิดของเกาหมิง มันเป็นความจริงที่น่ากังวล ไม่ว่า โรงพยาบาล โรงเรียน ห้างสรรพสินค้า หรือแม้แต่พื้นที่ธรรมดาในชีวิตประจำวัน ภายในลิ้นชัก ในตู้เสื้่อผ้าหรือใต้เตียง ล้วนมีความเป็นไปได้ในทุกที่

'ถ้าสิ่งที่ซวนเหวินพูดเป็นความจริง ฝันร้ายทั้งหมดในใจของเราได้กลายเป็นความจริง ไม่ใช่แค่เกมแล้วแต่เป็นทุกอย่างที่อยู่ในสมองเรา! ปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติทั้งหมดอาจจะเกิดขึ้นในเมืองแล้ว'

แม้ว่าจะไม่เต็มใจที่จะเชื่อ แต่เกาหมิงก็ไม่สามารถสั่นคลอนความรู้สึกได้ว่าเขาอาจะเป็นคนทำให้โลกถึงจุดจบ

'สิ่งของจากโลกแปลกประหลากดูเหมือนจะสามารถพัฒนาความกลัวต่างๆ ตามความทรงจำของเราแล้วหลอมรวมเข้ากับเมืองนี้'

ท้องฟ้ามืดครึ้มเมฆลดต่ำลงเรื่อยๆ เมืองนี้ดูเหมือนจะเป็นนักโทษที่กำลังถูกรัดคอช้าๆรอความตายที่กำลังมาถึง

เกาหมิงยืนหน้าซีดอยู่ที่ป้ายรถเมล์ มองดูถนนที่ปกคลุมไปด้วยฝนก่อนจะพึมพำเบาๆ "ถ้าเรา...มีงานอดิเรกไร้สาระทั่วไป ก็คงจะไม่เกิดปัญหามากมายขนาดนี้"

แม้ว่าซวนเหวินจะแปลกประหลาด แต่เกาหมิงรู้ดีว่าเธอคือกุญแจสำคัญในการไขปริศนา ซึ่งเป็นสิ่งที่เกาหมิงต้องการมากที่สุดในตอนนี้

เวลา 17.30 น. ซวนเหวินเดินออกจากออฟฟิศพร้อมร่มสีแดง ดูเหมือนเธอจะเดาได้ว่าเกาหมิงไม่ได้จากไป เธอยิ้มขณะเดินเข้าหา "คุณกำลังรอฉันอยู่หรือเปล่า"

"เปล่าผมแค่ไม่แน่ใจว่าจะนั่งรถประจำทางสายไหนกลับบ้าน"

"งั้นไปด้วยกันไหม?" ซวนเหวินถือร่มบังฝนระหว่างทั้งคู่ เธอมองเกาหมิงด้วยความรัก แต่ถ้าดูดีๆแล้วความรักนั้นกลับบิดเบี้ยวเล็กน้อยเหมือนกับนักสะสมที่ได้เห็นผลงานศิลปะอันล้ำค่า หรือคนที่ได้รับความสุข จากความหลงใหลที่แปลกประหลาด

เมื่อรถบัสมาถึง เกาหมิงก็รอให้ซวนเหวินขึ้นรถบัสแล้วนั่งลงก่อน จากนั้นจึงค่อยตามขึ้นไป เลือกที่จะยืนนิ่งอยู่ด้านหลังรถโดยสาร

หนึ่งชั่วโมงต่อมาพวกเขาก็มาถึงเมืองเก่าจ้องมองไปที่อาคารที่คุ้นเคย เมื่อเห็นสิ่งเหล่านี้ เกาหมิงก็เริ่มเสียใจกับการตัดสินใจของเขา เริ่มอยากจะอยู่ให้ห่างจากผู้หญิงคนนี้

อพาร์ทเมนต์หลี่จิงมีอาคารสี่หลัง สร้างขึ้นในรูปแบบลานสี่เหลี่ยม ซวนเหวินอาศัยอยู่ในอาคารตรงข้ามกับเกาหมิง บางทีเธออาจย้ายเข้ามาเพื่อติดตามเขาตั้งแต่เมื่อสามวันก่อน

"อย่าเข้าใจฉันผิด การฆาตกรรมที่เกิดขึ้นรอบๆอพาร์ทเมนต์หลี่จิง ในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกับฉันเลย" เซวนเหวินส่งเสียงพร่ามัวท่ามกลางสายฝน "จริงๆแล้ว ฉันก็กลัวมากเหมือนกัน”

"กลัว? นั่นคือเหตุผลที่คุณกำจัดภัยคุกคามที่เป็นไปได้ทั้งหมด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะไม่กลัว?" เกาหมิงไม่ได้คิดถึงการฆาตกรรมในตอนแรก แต่เมื่อซวนเหวินเตือนเขา คำเตือนของหลี่หลินก็แวบขึ้นมาในใจของเขา

เกาหมิงไม่ได้พิจารณาเรื่องนี้ในตอนแรก แต่คำพูดซวนเหวินเตือนความทรงจำของเขา คำเตือนของเจ้าหน้าที่หลี่หลินก็แวบขึ้นมาในหัวของเขา เมื่อเขาถูกขังอยู่ในห้อง'พวกมัน'มากมายก็เริ่มที่จะ'แพร่กระจาย'ออกไปแล้ว

พวกเขาข้ามลานอพาร์ตเมนต์เพื่อเข้าสู่อาคารสอง

ทันทีที่ไปถึงชั้นสาม ก็เห็นหญิงชราคนหนึ่งกำลังเผาเงินกระดาษอยู่ที่ทางเดิน เตาอั้งโล่เต็มไปด้วยขี้เถ้าที่เหลือจากการเผาเงินกระดาษ เธอพึมพำอะไรบางอย่างขณะก้มหัวไปทางภาพวาดที่อยู่ถัดจากเตาอั้งโล่

หญิงชราผมสีเงินกำลังคับนับชายในภาพ ซึ่งดูเหมือนอายุเพียงสี่สิบเท่านั้น การก้มหัวให้คนที่เด็กกว่า ฉากนี้อาจจะดูแปลกไปสักเล็กน้อย

"ลูกบุญธรรมของเธอเพิ่งฆ่าตัวตายเมื่อสามวันก่อน" ซวนเหวินหยุดเคลื่อนไหว "ตามคำบอกเล่าของเพื่อนบ้าน ลูกชายบุญธรรมของเธอเป็นคนดีมาก ทำงานหนักซื่อสัตย์ แม้ว่าจะเป็นแค่ลูกบุญธรรมแต่ก็ดูแลหญิงชราคนนั้นเหมือนแม่แท้ๆ"

"อย่าตัดสินคนอื่นจากสิ่งที่เห็นเพียงด้านเดียว" เกาหมิงเคยพบกับลูกชายบุญธรรมหญิงชราที่ลานส่วนกลาง ชายคนนี้ชื่อจ้าว ใครๆต่างก็เรียกเขาพี่จ้าว เขากระตือรือร้น เป็นกันเองต่อทุกคน เขามักจะทำความสะอาดอพาร์ทเมนต์โดยถือโทรศัพท์มือถืออยู่เสมอและมักจะยิ้มอยู่เสมอ แต่เกาหมิงกลับสัมผัสได้ถึงความเครียดเบื้องหลังรอยยิ้มของพี่จ้าวมาโดยตลอดราวกลับถูกบังคับ

เกาหมิงที่ทำงานให้คำปรึกษาด้านจิตวิทยา บางครั้งก็ให้คำปรึกษากับพี่จ้าวที่ลานเป็นครั้งคราว อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่เดือนที่แล้วเขากลับไม่พบพี่จ้าวอีกเลย

หลังจากแสดงความเคารพต่อภาพเหมือนแล้ว เกาหมิงก็เดินตามซวนเหวินขึ้นไปบนชั้นห้า

โถงทางเดินมีราวตากผ้าแขวนไว้ใกล้กับสายไฟและมีเสื้อผ้าสีเทาและสีขาวห้อยตากอยู่จำนวนมาก แม้ว่าจะไม่มีลม แต่เสื้อผ้าสีเทาและสีขาวก็กลับพลิ้วไหวเล็กน้อย

สองข้างทางเดินเรียงรายไปด้วยประตูเหล็กเก่าและมีสนิม กรอบประตูสีน้ำตาลเหลืองและกลอนสีแดงสดตัดกันอย่างประหลาด แม้แต่คำว่า "福" ที่ติดอยู่ตรงกลางแบบดั้งเดิมซึ่งมักจะเป็นสัญลักษณ์ของโชคลาภก็ยังดูไม่เข้ากัน ราวกับว่าพวกเขายึดติดกับแนวคิดเรื่องโชค แต่ไม่ได้สนใจกับความเข้ากันได้แม้แต่น้อย

"ถึงแล้ว"

ซวนเหวินหยิบกุญแจห้อง 2507 ออกมา เกาหมิงไม่กล้าเข้าไป เพราะห้องนี้เป็นห้องของบุตรบุญธรรมหญิงชรา เมื่อสามวันก่อน พี่จ้าวกระโดดลงมาจากระเบียหน้าห้องนี้

"คุณเช่าบ้านต่อจากคนตาย? เขายังไม่ผ่านเจ็ดปีแรกด้วยซ้ำ"

เกาหมิงนึกถึงฉากเกมที่เขาเคยออกแบบมาก่อนหน้านี้อย่างอธิบายไม่ถูก ตัวเอกชายที่ดูธรรมดากำลังแอบดูบันทึกการเสียชีวิตของตัวเองอย่างเงียบๆ ในขณะที่กำลังเล่นเกมมรณะกับภรรยาที่เสียชีวิตไปแล้ว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด