ตอนที่แล้วChapter 867 ข้าเหาะ ข้าเหาะได้แล้ว
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 869 ตะลึงงัน

Chapter 868 จะให้อีกฝ่ายเกลียดข้าเลยรึ?


ครึ่งเดือนหลังจากนั้น.

การทดสอบสายนอกของนิกายไท่เสวียนเซิ่งก็เริ่มขึ้น.

“กึก ซี่.”

ซูเซียวโม่ที่เปิดประตูออกมา สวมชุดสายนอกชุดใหม่ก้าวออกมา.

“เจ้านิกาย.”

เขาเงยหน้าหันไปมองดวงตะวันที่เพิ่งขึ้น ลอบคิดในใจ“ศิษย์จะเริ่มสร้างคลื่นแล้ว!”

“เซียวโม่.”ภายในนิกายนิรันดร จุนซ่างเซียวที่นำศิษย์ทำกายบริหาร ยืนอยู่ด้านหน้าห้องโถง มือขัดหลังเอ่ยออกมาว่า“วันนี้งานตรวจสอบศิษย์นิกายไท่เสวียนเซิ่ง ถึงเวลาแสดงความสามารถแล้ว.”

แม้นว่าดวงตะวันเพิ่งขึ้นก็ตาม ทว่าลานด้านนอกของนิกายไท่เสวียนเซิงนั้นราวกับมีปราณเซียน ปรากฏหมอกสีขาวบริสุทธ์ปกคลุมไม่จางหาย แสงที่ตัดผ่านจึงดูเป็นประกายวับวาว ราวกับดินแดนฝัน.

การทดสอบของศิษย์นิกายใหญ่ ที่มีมานาน กว่าการประลองภายในนิกายนิรันดรซะอีก.

คนแล้วคนเล่า.

ศิษย์สายนอกที่ปรากฏขึ้นที่ลานยุทธ์ด้านนอก ออกมาเตรียมตัวกันแล้ว.

นอกจากนี้ยังมีเหล่าศิษย์สายนอกหลายคนที่ เฝ้าคอยชมอยู่ทางฝังตะวันออก.

เหล่าผู้เข้าแข่งขันที่สวมชุดเข้ารูปดูทะมัดทะแมง ดูน่าเกรงขามเป็นอย่างมาก.

สำหรับนิกายใหญ่ในทวีปชิงหยุน การรับศิษย์ย่อมเปี่ยมล้นด้วยคนที่มีพรวรรค์ แตกต่างจากคนทั่วไปอย่างแน่นอน.

อย่างไรก็ตาม.

ศิษย์ที่จะเข้าร่วมทดสอบแววตาที่ลุกโชน เปี่ยมล้นด้วยพลังที่แผ่ออกมา.

การทดสอบศิษย์สายนอกนั้นมีการกำหนดเวลาที่ชัดเจนในทุก ๆ ปี แม้นว่าจะไม่ใช่งานประลองที่ใหญ่นัก ทว่ากับเป็นงานแข่งขันที่ศิษย์ทุกคนต่างก็ให้ความสำคัญ.

คนที่ทำผลงานดีในการทดสอบครั้งนี้ นอกจากจะได้รับแต้มสมนาคุณแล้ว ยังได้รับความสำคัญจากเหล่าคนระดับสูงอีกด้วย.

ไม่แปลกใจว่าหลายคนที่รู้สึกตื่นเต้นประหม่าเป็นธรรมดา.

ซูเซียวโม่ที่ยืนอยู่ท่ามกลางฝูงชน ใบหน้าท่าทางที่ดูสุขุม ราวกับไม่ได้รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลยแม้แต่น้อย.

หากก่อนที่จะเข้าร่วมนิกายนิรันดร์ การทดสอบเช่นนี้เป็นธรรมดาที่เขาต้องตื่นเต้น ทว่าตอนนี้เขาคือกษัตริย์ยุทธ์แล้ว และยังใช้ชีวิตเก็บประสบการเป็นตายกับนิกายมานับไม่ถ้วน ทำให้จิตใจของเขามั่นคงอย่างแน่นอน.

“เจ้าหนู.”

เหอจงหยิงที่เอ่ยกล่าวออกมาท่ามกลางต่อหน้าศิษย์หลายคน“เจ้ากล้ามาจริง ๆ.”

“ลงทะเบียนแล้ว แน่นอนว่าต้องมา”ใบหน้าของซูเซียวโม่ที่ดูไม่สนเหนือสนใต้ เผยยิ้มอย่างนุ่มนวลไร้พิษภัย.

ท่าทางและรอยยิ้มดังกล่าวนั้นทำให้แววตาของเหอจงหยินกลายเป็นเย็นยะเยือบขึ้นมาช้า ๆ.

ผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ที่เห็นก็ตระหนักได้ในทันที ว่าศิษย์พี่เหอนั้นกำลังโกรธอยู่ หากว่าพบเจอในการทดสอบ เกรงว่าพวกเขาคงสลดอย่างไม่ต้องสงสัย.

“ศิษย์น้อง.”

เซี่ยซุยอวิ๋นที่อยู่ไกลออกไป ทั้งที่ปรกติแล้วเต็มไปด้วยความเย็นชา แต่กับเอ่ยออกมาว่า“อย่าแพ้เขาล่ะ.”

“สตรีผู้นี้....”ซูเซียวโม่แทบทรุดไปกับที่คิดในใจ“จะเติมฟื้นไปถึงใหน จะให้อีกฝ่ายเกลียดข้าขนาดใหนกัน!”

เป็นความจริง.

แววตาของเหอจงหยิงที่เปี่ยมล้นด้วยความเย็นชามากขึ้นและก็มากขึ้น.

เหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมทดสอบวันนี้ลอบคิดในใจ“หลานของอาวุโสเซี่ยถึงกับเอ่ยกับเจ้าคนนั้นก่อน หากใครบอกว่าทั้งสองไม่มีอะไรกัน ใครจะเชื่อ.”

“แค๊ก แค๊ก......”

ในเวลานั้น ผู้รับผิดชอบการทดสองก็คืออาวุโสสาม ที่เวลานี้ก้าวออกมาจากห้องโถงนิกาย ขณะเอ่ยกล่าวประกาศเสียงดัง“ศิษย์สายนอกที่จะเข้าทดสอบ ขอให้มาจับฉลากเลือกคู่ต่อสู้ได้.”

เพราะว่ามีการจัดขึ้นทุกปี ดังนั้นพิธีการอะไรก็เป็นไปอย่างราบรื่นไม่มีอะไรติดขัด.

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

ผู้เข้าแข่งขันหลายร้อยคนที่ก้าวเข้ามาบนเวทีลานยุทธ์ซึ่งใช้เป็นสนามการแข่งขันชั่วคราว ก่อนที่ทุกคนจะเข้าไปหยิบฉลากเลือกคู่.

ซูเซียวโม่ที่ก้าวขึ้นเวทีไป ขณะเตรียมที่จะก้าวไปหยิบฉลาก.

“อาวุโส!”

เหอจงหยิงเอ่ย“ข้าต้องการต่อสู้กับศิษย์น้องโกว ไม่รู้ว่าสามารถเลือกคู่ต่อสู้ได้เลยหรือไม่?”

“ตกลง.”

อาวุโสสามที่อนุญาต.

นิกายไท่เสวียนเซิ่งไม่อนุญาตให้ศิษย์ต่อสู้กันเอง หากแต่สามารถที่จะประลองสลายความขัดแย้งกันได้.

ใครบางคนที่เอ่ยเสียงเบา“ศิษย์พี่เหอคงกังวล ว่าศิษย์น้องโกวจะตกรอบไปก่อนที่จะเจอตัวเองสินะ.”

“ศิษย์น้องโกวคงจบสิ้นแล้ว.”

ศิษย์มากมายที่จ้องมอง เผยความสงสารต่อซูเซียวโม่.

ใบบรรดาพวกเขา เหอจงหยิงนับว่าเป็น คนที่แข็งแกร่งที่สุด ไม่มีใครรับมือกับเขาได้!

“ในเมื่อต้องการประลอง ก็ขึ้นสนามเป็นคู่แรกเลยก็แล้วกัน.”อาวุโสสามเอ่ย.

เกี่ยวกับเรื่องของซูเซียวโม่ที่ได้ยินมาซ้ำแล้วซ้ำเล่า ทำให้เขาสงสัย ดังนั้นจึงต้องการเห็นว่าเด็กคนนี้จะทำอะไรให้ตัวเองได้ประหลาดใจหรือไม่?

“ฟิ้ว!”

เหอจงหยิงที่ใช้ท่าเท้าที่สง่างามกระโดดร่อนลงบนเวทีเอ่ยออกมาว่า“ศิษย์น้องโกว เชิญขึ้นเวที.”

ซูเซียวโม่ที่ถูกจับจ้องจากฝูงชนทันที เขาที่ค่อย ๆ ก้าวขึ้นไปบนเวทีอย่างเงียบ ๆ ก่อนที่จะยกมือประสานไปด้านหน้าอย่างสุภาพ “ศิษย์พี่เหอ โปรดชี้แนะ.”

“......”

ทุกคนที่มุมปากกระตุก.

นี่ไม่ใช่ประลองซักหน่อย แต่เป็นการชำระแค้นเลยต่างหากเล่า.

นอกจากนี้ด้วยความรู้สึกที่ขุ่นข้องใจ ศิษย์พี่เหอคงลงมือหนักหน่วงอย่างแน่นอน.

“ข้าขอเดิมพัน ศิษย์น้องโกวคงต้านได้อย่างมากสุดสิบกระบวนท่า.”

“สิบกระบวนท่าเลยเหรอ ด้วยพลังบ่มเพาะของศิษย์พี่เหอแล้ว อย่างมากคง 3-5 กระบวนท่าก็จอดแล้วมั้ง!”

ท่ามกลางเหล่าผู้ชมที่พูดคุยเสียงเบา ดูแคลนซูเซียวโม่ ซูหยิงชวนท่ามกลางผู้คนตะโกนออกไปเสียงดัง“ศิษย์น้องโกว สู้ ๆ!”

“เฮ้นั่นมันศิษย์เพิ่งเข้าใหม่ ดูเหมือนว่าจะเป็นบุตรของอาวุโสซุนที่สนิทสนมกับโกวเซิ่ง หากแต่มีความสามารถน้อยนิด.”

“ไม่สามารถสู้ได้ด้วยตัวเอง ทำเป็นแค่ประจบ นี่สินะความสามารถที่แท้จริง.”

ศิษย์หลายคนที่ดูแคลนซูเซียวโม่อย่างหนัก ทำให้อดไม่ได้ที่จะลามมายังคนที่เชียร์อีกฝ่ายด้วย.

เป็นจริงหลายเรื่องที่ทำได้แค่ดู คิดจะกลายเป็นคนสำคัญภายในนิกายไท่เสวียนเซิ่งนั้น พวกเขาแทบจะไม่มีโอกาส ดังนั้น การที่มีคนเด่นกว่าย่อมกลายเป็นที่อิจฉา แม้แต่พาลไม่พอใจไปด้วย.

“เริ่มได้.”อาวุโสสามตะโกน.

“ฟิ้ว!”

เหอจงหยิงที่ลงมือก่อน เขาที่ปะทุพลังบ่มเพาะบรรพชนยุทธ์ขั้นปลายออกมา ก่อนที่จะเหวี่ยงหมัดออกไปด้านหน้าทันที.

“หมัดสามประสานอากาศ!”ศิษย์คนหนึ่งที่อุทานออกมาด้วยความตกใจ.

นี่คือเพลงหมัดระดับสูงของนิกายไท่เสวียนเซิง มีลักษณะเด่นคือการสร้างคลื่นสั่นอากาศประสานการโจมตีออกไป.

“ไม่เลว.”

อาวุโสคนหนึ่งที่เอ่ยชม“คาดไม่ถึงว่าจะสำเร็จถึงขั้นนี้แล้ว.”

“ฟิ้ว!”

ในเวลานั้น ซูเซียวโม่ที่ก้าวถอยหลัง แม้นว่าท่วงท่าจะไม่ได้งดงามอะไร แต่กับสามารถหลบหมัดของเหอจงหยิงได้อย่างง่ายดาย อีกทั้งรอยเท้าที่ขยับนั้นยังก่อรูปร่างเงาที่แปลก ๆ ขึ้น.

“ท่าเท้าก้าวเงา เก้าเคลื่อนคล้อย!”

อาวุโสสามและอาวุโสระดับสูงคนอื่น ๆ ที่ใบหน้าตะลึงงันขึ้นมาในทันที.

ซูเซียวโม่ที่แลกเปลี่ยนวิชานี้มา พวกเขารับรู้มาก่อนย่อมไม่ได้ประหลาดใจที่เขาใช้ได้ ทว่าสิ่งที่เขาแสดงออกมานั้น เป็นเรื่องที่คาดไม่ถึงมาก.....นี่เขาสำเร็จขั้นสุดแล้ว!

“ฟิ้ว!”

“ฟิ้ว!”

ท่าเท้าก้าวเงาเก้าเคลื่อนคล้อยที่แสดงออกมา เป็นการเคลื่อนที่เก้าจุดที่มีการถ่ายเทเคลื่อนคล้อยไปยังตำแหน่งต่าง ๆ ได้อย่างอิสระ จนทิ้งไว้เพียงแค่ร่างเงา ในเวลานี้เหล่าศิษย์ที่ชมอยู่ต่างก็ตื่นตะลึงไปตาม ๆ กัน.

เซี่ยซุยอวิ๋นที่ใบหน้าเปื้อนไปด้วยความเย็นชา ยังเผยความตกใจเหลือเชื่อออกมาเช่นกัน“นี่เข้าสามารถสำเร็จวิชาท่าเท้าระดับสูงก้าวถึงระดับนี้ได้ในเวลาอันสั้นอย่างคาดไม่ถึง พรสวรรค์ของเขานั้นต้องยอดเยี่ยมขนาดใหนกัน!”

ปัญหานี้ อาวุโสสามและคนอื่น ๆ ต่างก็ตระหนักได้พลางกระซิบในใจ“บางทีเจ้าเด็กนี่คงไม่ได้มีรากวิญญาณระดับกลางหรือไม่?”

นิกายไท่เสวียนเซิ่งไม่ได้รับศิษย์เช่นนิกายนิรันดร พวกเขาไม่ได้ตรวจสอบรากวิญญาณด้วยตัวเอง ทว่าเป็นการถูกระบุในการรับสมัครเลยตั้งแต่แรก.

รากวิญญาณนั้นจะจำกัดทั้งพลังบ่มเพาะขีดจำกัด ความเร็ว ความผิดพลาดการทดสอบของรากวิญญาณนั้นก็เกิดขึ้นได้เหมือนกัน กล่าวให้ถูกรากวิญญาณอาจผันผวนมีความเปลี่ยนแปลงได้ หากมีแรงใจที่มากล้นตลอดการฝึกฝนที่ไม่ย่อท้อ ทว่าเรื่องนี้ก็ไม่ง่ายที่จะสำเร็จจนแทบจะบอกว่าเป็นไปไม่ได้เหมือนกัน.

ต้องไม่ลืมว่าคนที่มีพรสวรรค์ระดับสูงนั้นมีน้อยมาก นิกายแต่ละแห่งต่างก็แทบจะจับจองพวกเขาเอาไว้ตั้งแต่แรก ๆ ไม่เช่นนั้นแล้วทุกนิกายคงเปี่ยมไปด้วยศิษย์ที่มีพรสวรรค์ระดับสูงกันทั้งหมด.

แน่นอนว่าไม่สามารถเอาไปเทียบกับนิกายนิรันดรได้ที่มีวิธีเพิ่มพรสวรรค์.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด