Chapter 867 ข้าเหาะ ข้าเหาะได้แล้ว
“โกวเซิ่งเพิ่งเป็นศิษย์สายนอกเพียงไม่กี่เดือน แม้นว่าจะทำได้ดีที่เทือกเขาหยุนหลิง ได้รับ 500 แต้มสมนาคุณ ทว่าการจะท้าทายศิษย์พี่เหอ สมองของเขาจะต้องมีปัญหาอย่างแน่นอน!”
“หลายวันมานี้ หลานสาวของอาวุโสเซี่ยพาเขาไปทำภารกิจบ่อย ๆ ได้รับรางวัลมากมาย นอกจากนี้ยังไปบ่มเพาะในค่ายกลพลังวิญญาณเป็นประจำ ความแข็งแกร่งของเขาควรจะเพิ่มขึ้นไม่เลว.”
“ศิษย์น้องเหอเป็นบรรพชนยุทธ์แท้จริง ระดับอาจารย์ยุทธ์จะเพิ่มขึ้นมาเท่าไหร่ ก็ไม่มีทางชนะได้แน่นอน.”
ศิษย์ของนิกายไท่เสวียนเซิ่งต่างก็พูดคุยกันไปต่าง ๆนา นา เรื่องที่ซูเซียวโม่และเหอจงหยิงจะประลองกันในครั้งนี้.
แม้แต่คนในระดับสูงยังให้ความสนใจ.
ในการประชุมทั่วไป ยังนำเรื่องนี้มาพูดคุยด้วย.
“ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า!”
อาวุโสซุนที่หัวเราะลั่น“เพียงแค่ศิษย์สายนอกเพิ่งเข้ามา กับกล้ารับการประลองกับเหอจงหยิง โกวเซิ่งมันใจกล้าจริง ๆ!”
ด้วยบุตรชายของเขาและซูเซียวโม่มีความสัมพันธ์กัน แน่นอนว่าเขาย่อมยืนอยู่ข้างอีกฝั่ง นอกจากนี้หลายวันมานี้เขายังช่วยซูเซียวโม่เป็นอย่างมาก แม้แต่ให้เข้าไปฝึกฝนในค่ายกลพลังวิญญาณอยู่เป็นประจำ.
“เหอจงหยิงเป็นคนที่มีศักยภาพที่จะเป็นศิษย์สายในมากที่สุด การรับท้าประลองกับเขา นับว่าไม่ประเมินตัวเองเลย.”
“ไม่สนใจแม้แต่ชีวิตของตัวเอง ก้าวออกไปถ่วงเวลาที่เทือกเขาหยุนหลิง การที่กล้ารับการประลองครั้งนี้ ก็ไม่มีอะไรน่าแปลกใจ.”
อาวุโสสามเอ่ย“อาวุโสเซี่ย ได้ยินมาว่าหลานสาวของเจ้าและเจ้าเด็กนั่นออกไปใหนด้วยกันบ่อย ๆ รึ?”
“ไม่ผิด.”
อาวุโสเซี่ยพยักหน้ารับ“ดูเหมือนว่าซุยอวิ๋นจะรู้สึกติดหนี้บุญคุณอีกฝ่าย จึงได้ช่วยเหลือให้เขาได้รับทรัพยากรฝึกฝนมากขึ้น.”
“เช่นนั้น.”
อาวุโสสามเอ่ย “บางทีการที่เขารับคำท้าประลองกับเหอจงหยิงคงเป็นความรู้สึกส่วนตัวด้วยสินะ.”
อาวุโสผู้ดูแลหอตำราเองก็เอ่ยออกมา“เมื่อไม่นานมานี้ เจ้าหนูนั่นใช้ห้าร้อยแต้ม แลกเปลี่ยนวิชาฝ่ามือเพลิงแผดเผาหกกระบวนและก้าวเงา เก้าเคลื่อนคล้อย ดูเหมือนว่าจะเตรียมการไว้ก่อนแล้ว.”
“อะไรนะ?”
อาวุโสซุนและอาวุโสเซี่ยที่เผยท่าทางประหลาดใจออกมาทันที.
ต้องไม่ลืมว่าฝ่ามือเพลิงแผดเผาหกกระบวนและท่าเท้าก้าวเงาเก้าเคลื่อนคล้อยนั่นคือทักษะยุทธ์ระดับสูง ด้วยคุณภาพ แม้นว่าจะไม่ยอดเยี่ยมที่สุด ทว่ากับเป็นวิชาที่บ่มเพาะยากที่สุดอย่างแน่นอน!
อาวุโสสามที่เผยยิ้มออกมา“โกวเซิ่ง เจ้าเด็กนี่คาดไม่ถึงเลยว่าจะสร้างความประหลาดใจ ให้กับพวกเราเสมอ.”
......
“กึก ซี่!”
ประตูห้องที่เปิดออก ซุนหยิงชวนที่ก้าวเข้ามาอย่างรีบเร่ง เอ่ยออกมาว่า“โกวเซิ่ง เจ้าใช้ 500 แต้มสมนาคุณแลกเปลี่ยน ฝ่ามือเพลิงแผดเผาหกกระบวนและท่าเท้าก้าวเงาเก้าเคลื่อนคล้อยอย่างงั้นรึ?”
“อืม.”
ซูเซียวโม่พยักหน้า.
“เฮ้ย!”
ซุนหยิงชวนที่นั่งลง ใบหน้าที่แทบทรุดเอ่ยออกมาว่า“วิชาทั้งสองแม้นว่าจะไม่เลว ทว่ากับฝึกฝนยากสุด ๆ แต้มสมนาคุณของเจ้าเสียเปล่าแล้ว!”
“เอิ่ม....”ซูเซียวโม่เกาศีรษะไปมา “ข้าเองก็ไม่รู้ เห็นคำแนะนำมันร้ายกาจมาก จึงได้แลกเปลี่ยนมา.”
“เฮ้อ!”
ซุนหยิงชวนเอ่ย“หากครั้งหน้าเจ้าจะไปหอตำรา ควรเรียกข้าไปด้วย อย่างน้อยการใช้แต้มของเจ้าจะได้ไม่เสียเปล่าเช่นนี้!”
“ครั้งหน้าข้าจะเรียกศิษย์พี่ซุนอย่างแน่นอน.”ซูเซียวโม่เอ่ย.
“เช่นนั้น ข้าจะไม่รบกวนเจ้าบ่มเพาะแล้ว.”
ซุนหยิงชวนลุกขึ้น ทว่าก่อนจะออกไป เอ่ยออกมาว่า“ได้ยินท่านพ่อเอ่ยว่าเหมือนอาวุโสสามจะสนใจเจ้า.”
“อาวุโสสามสนใจข้าอย่างงั้นรึ?”
ซูเซียวโม่ลอบคิดในใจ“บางที อีกฝ่ายคงจะสนใจว่าข้าจะชนะเหอจงหยิงได้หรือไม่สินะ.”
สิ่งอำนาจสะดวกของนิกายไท่เสวียนเซิ่งไม่สามารถเทียบกับนิกายนิรันดรได้เลย และระดับกษัตริย์ยุทธ์เองก็ต้องใช้เวลาและทรัพยากรเป็นอย่างมาก หลัก ๆ แล้วไม่มีใครสามารถช่วยพวกเขาได้.
เพื่อที่จะทำให้เขาเอาชนะเหอจิงหยิงโดยไม่มีใครสงสัย การที่เขาแสดงว่าบ่มเพาะอย่างหนักและจริงจัง ก็เพื่อไม่ให้เหล่าคนระดับสูงสงสัยนั่นเอง.
แน่นอน.
การเผยพรสวรรค์ออกมาเล็กน้อย ย่อมต้องทำให้คนอื่น ๆสนใจอย่างไม่ต้องสงสัย.
“ดูนั่น ซูเซียวโม่!”
“เจ้านี่ไม่ออกจากห้องเลย ดูเหมือนว่าจะบ่มเพาะอย่างจริงจังทีเดียว”
“เขาและศิษย์พี่เหอต่างกันไม่ใช่แค่ก้าวสองก้าว ถึงจะพยายามเท่าใด ก็ไร้ประโยชน์.”
ซูเซียวโม่ที่มายังโรงอาหารได้ยินเสียงของผู้คนนินทา มุมปากที่ยกยิ้มเล็กน้อย.
เขาที่ไม่ใส่ใจคำพูดหยันของคนเหล่านี้เลย เขาเพียงแค่ต้องแสดงให้คนอื่น ๆ เห็นเท่านั้นว่าเขาตั้งใจฝึกฝนอย่างหนักก็พอแล้ว เพราะว่าการเอาชนะเหอจงหยิงนั้นมันแทบจะแน่นอนอยู่แล้ว.
กล่าวให้ถูก.
เขาที่ต้องคิดอย่างหนักว่าจะแสดงอย่างใดให้แนบเนียนที่สุดในการเอาชนะอีกฝ่ายในครั้งนี้ต่างหาก.
......
นิกายนิรันดร.
แม้นว่าจุนซ่างเซียวจะไม่ได้เห็นกับตา ทว่าได้ยินรายงานจากลี่ลั่วฉิวอยู่เป็นประจำ ว่าซูเซียวโม่ ได้รับความสนใจจากคนระดับสูงแล้ว.
ดูเหมือนว่าแผนการในการแฝงตัวจะเป็นไปด้วยดี และยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง การเลือกคนของเขาช่างยอดเยี่ยมจริง ๆ.
“เซียวโม่.”
จุนซ่างเซียวที่เอ่ยกลับตัวเอง “การทดสอบศิษย์สายนอกครั้งนี้ เพียงแค่เจ้าระวังการแสดงออกอย่างระมัดระวัง ต่อไปเจ้าจะเป็นเหมือนกับปลาได้น้ำในนิกายไท่เสวียนเซิ่ง.”
“ฟู่ ฟู่!”
ในเวลาต่อมา กลิ่นอายแรงกดดันที่แผ่ออกไปรอบ ๆ.
จุนซ่างเซียวที่ส่งจิตสัมผัสออกไป ขณะกล่าวอย่างพึงพอใจ“ไม่เลว ไม่เลวเลย จุ้ยจื่อ ยกระดับไปยังกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายแล้ว.”
ครึ่งเดือนหลังจากนั้น.
ลี่เฟย เถียนซีและหลงจื่อหยางและศิษย์หลักอีกหลายคนที่ตัดผ่านไปยังระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นปลายอย่างคับคั่ง.
“นี่คือยันต์ทะยานสวรรค์.”
จุนซ่างเซียวไม่ได้เอ่ยกล่าวอธิบายอะไรมาก “หลังจากใช้ พวกเจ้าจะตัดผ่านระดับหนึ่งเขตแดนชั่วคราว.”
เจ้านิกายที่มีของวิเศษมากมาย พวกหลี่ชิงหยางและคนอื่น ๆ จึงไม่ได้ประหลาดใจหรือสงสัยที่จะถามนัก ดังนั้นจึงได้รับยันต์มาและบดขยี้ พลังบ่มเพาะที่ก้าวไปยังระดับจักรพรรดิยุทธ์ทันที!”
“โอ้วสวรรค์ ลึกลับเกินไปแล้ว!”
“ความรู้สึกนี้ นี่คือความรู้สึกของการตัดผ่านไปยังระดับจักรพรรดิยุทธ์จริง ๆ สินะ!”
หลายคนที่สะดุ้งตื่นตะลึงไปในทันที.
จุนซ่างเซียวเอ่ย “ประโยชน์ของยันต์ทะยานสวรรค์นี้ ไม่ใช่เพื่อให้พวกเจ้าแข็งแกร่งขึ้น ทว่าช่วยให้พวกเจ้าตระหนักรู้ความรู้สึกของการตัดผ่านระดับไปยังเขตแดนยุทธ์ที่สูงขึ้นมา เพื่อที่จะให้วันข้างหน้าพวกเจ้าตัดผ่านระดับได้ง่ายขึ้น.”
“เป็นแบบนี้นะเอง!”
หลี่ชิงหยาง เซียวจุ้ยจื่อและคนอื่น ๆ ที่นั่งสมาธิทันที พลางกับสัมผัสถึงการตัดผ่านระดับก่อนหน้านี้ จดจำความรู้สึกดังกล่าวเอาไว้.
ยกเว้นเย่ซิงเฉินและเหออู๋ตี้ ระดับจักรพรรดิยุทธ์คือเขตแดนใหม่ที่พวกเขาไม่เคยรู้ การที่ได้รับประสบการณ์โดยตรงย่อมง่ายขึ้นในการจะตัดผ่านระดับได้ในอนาคตอย่างแน่นอน!
“ฟิ้ว!”
ในเวลาต่อมา ลี่เฟยที่กำลังซอยเท้าตัวเอง พร้อมกับสื่อสารกับพลังวิญญาณที่จุดตานเถียน ก่อนที่ร่างกายของเขาจะยกตัวเองลอยขึ้น จากนั้นเขาก็ดีใจจนทนไม่ไหวหัวเราะออกมาไม่ได้ “ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าบิน ข้าบินได้!”
“อ๊าก น่าอิจฉาเกินไปแล้ว!”ลี่ซ่างเทียนที่ตะโกนเสียงดัง.
เขาที่ฝันจะบินบนฟ้ามาตั้งแต่เด็กแล้ว มีเพียงแค่ระดับจักรพรรดิยุทธ์เท่านั้นถึงจะบินได้ นั่นจึงเป็นสิ่งที่เขาต้องการที่สุด แม้แต่ชื่อของเขายังใช้ชื่อซ่างเทียน(บินบนฟ้า).
น่าเสียดาย ที่ตอนนี้เขามีระดับกษัตริย์ยุทธ์ขั้นที่เจ็ด การจะไปถึงขั้นปลายคงไม่ใช่เร็ว ๆ นี้แน่.
“ไม่ได้การแล้ว!”
ในเวลานั้น ลี่เฟยที่บินบนฟ้าใบหน้าเปลี่ยนสี ร่างกายที่เสียสมดุล ล่วงหล่นลงพื้นใบหน้าไถไปบนลานยุทธ์ทันที.
ความสามารถในการบินนั้น ไม่ได้ง่ายนักที่จะใช้งาน ดังนั้นแล้วเหล่าผู้ฝึกยุทธ์ที่ฝึกบินครั้งแรกมักจะร่วงหล่นลงพื้นเพราะเสียสมดุลเป็นเรื่องปรกติ.
“ข้าลองบ้าง.”
หลี่ชิงหยางที่ลุกขึ้น จากนั้นก็ค่อยยกร่างบินขึ้นช้า ๆ.
เขาที่เป็นบุรุษที่มีจิตใจมั่นคง ทำให้การบินของเขานั้นเต็มไปด้วยความระมัดระวัง ทำให้เขาไม่หล่นนั่นเอง.
“พรึด โครม!”
อีกฝั่งลี่เฟยที่ล่วงครั้งที่สองแล้ว เพราะว่าเขาที่ยังคงเร่งรีบ ทำให้การควบคุมร่างกายของเขาไม่ดี จนทำให้หัวไถล ไปบนพื้นอีกครั้ง ขณะที่เขาเอ่ยอย่างหนักแน่น“ข้าไม่เชื่อว่าข้าจะบินไม่ได้!”
“ฟิ้ว!”
“ฟิ้ว!”
เซียวจุ้ยจื่อและหลงจื่อหยางตลอดจนคนอื่น ๆ ที่ได้ใช้ยันต์ทะยานสวรรค์ต่างก็บินขึ้นฟ้ากันเป็นทิวแถว.
ดังนั้น บนท้องฟ้าที่ลานยุทธ์ด้านนอก ทุกคนก็จะเห็นศิษย์นิกายนิรันดรกำลังฝึกบินอยู่ การบินที่ดู งก ๆ เงิ่น ๆ เป็นภาพที่ดูอักอ่วนยิ่งนัก.
แม้นว่าจะดูน่าอนาถเป็นอย่างมาก ทว่าเหล่าศิษย์หลักที่ก้าวไปเป็นจักรพรรดิยุทธ์ชั่วคราวก็ได้รับประโยชน์ในการบินอย่างไม่ต้องสงสัย แน่นอนว่าเพียงไม่นานพวกเขาก็สามารถปรับตัวได้.
นี่นับว่าการใช้ยันต์ทะยานสวรรค์นั้นได้ประโยชน์เป็นอย่างมาก.
“น่าอิจฉาจริง ๆ!”
“ข้าต้องบ่มเพาะให้หนัก จะต้องแข็งแกร่งขึ้นให้ได้!”
“สักวันหนึ่ง พวกเราจะต้องสามารถบินบนฟ้าเหมือนกับเหล่าศิษย์พี่ให้ได้!”