ตอนที่แล้วChapter 467 เหออู๋ตี้ผู้น่าสงสาร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 469 ตัวเลือกของเหยาเมิ่งหยิง

Chapter 468 โชควาสนา


เหออู๋ตี้ที่ได้รับตำราแสงเจ็ดสีทำลายล้างส่วนที่หนึ่ง ทำให้ถูกไล่ล่าแทบเป็นแทบตาย.

ในเวลานั้น เขาเกือบเสียชีวิตไป แม้นว่าจะหนีรอดมาได้ ทว่าก็บาดเจ็บเสียหายอย่างหนัก.

ไม่เพียงสมบัติหายไป โดยที่ไม่สามารถอธิบายออกมาได้ เขาที่ต้องกล้ำกลืนทนถูกไล่ล่าอย่างไร้เหตุผล.

จากประตูสวรรค์ทิศใต้ ไล่ล่าไปถึงประตูสวรรค์ทิศเหนือ แม้กระทั่งประตูสวรรค์ทิศตะวันออก ไม่สามารถสลัดเหล่าศัตรูได้เลย จนทำให้เขาต้องใช้ทักษะเทวะตัดผ่านมิติหนีออกมา.

กับยอดฝีมือจำนวนมากที่ไล่ล่า สภาพของเหออู๋ตี้ บอกได้คำเดียวว่าอนาถสุด ๆ.

ทั้งหมดทั้งมวลนั้น เหตุผลเดียวนั่นก็เพราะว่าตำราแสงเจ็ดสีทำลายล้างหายไปอย่างไร้เหตุผลนั่นเอง!

ตอนนี้เขาหนีมาถึงแดนพิภพทั่วไป เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง ในหอตำรา กับปรากฏส่วนที่เหลือของตำราที่หายไป มาอยู่ที่นี่อย่างคาดไม่ถึง จะไม่ทำให้เหออู๋ตี้ตื่นตะลึงราวกับสายฟ้าฟาดได้อย่างไร!

มาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?

มันมาอยู่ที่นี่!

ไม่ใช่ ไม่ใช่!

เหออู๋ตี้ที่ตรวจสอบอย่างระเอียด พบว่าตำราที่วางอยู่นั้นใหม่เอี่ยม และไม่มีกลิ่นอายที่น่าเกรงขามแผ่ออกมา จากนั้นเขาก็คาดเดาได้ในทันที “นี่ไม่ใช่ต้นฉบับ!”

มีฉบับคัดลอก บังเอิญมาอยู่ที่นี่ได้อย่างงั้นรึ?

เหออู๋ตี้ที่ค่อย ๆ เปิดตรวจสอบสัจจะคาถาและการโคจรพลัง มันเหมือนกับที่เขาเคยเห็นก่อนหน้านี้เป็นอย่างมาก ก่อนที่เขาจะมั่นใจ “นี่คือฉบับคัดลอกอย่างแน่นอน!”

ทักษะยุทธ์จากพิภพระดับสูง จะมีฉบับคัดลอกที่พิภพทั่วไปได้อย่างไร เรื่องนี้ทำให้เหออู๋ตี้ถึงกับงงงวยไปเหมือนกัน.

“ศิษย์น้องเหอ?”

หลี่ชิงหยางเอ่ย “เป็นอะไรหรือไม่?”

“.....ไม่เป็นอะไร.”

เหออู๋ตี้พยายามทำใจให้สงบ ก่อนที่จะกล่าวออกมาว่า “ศิษย์พี่หลี่ ตำรายุทธ์นี้ไม่ธรรมดา มาอยู่ในสำนักไท่กู่เจิ้งได้อย่างไร?”

หลี่ชิงหยางที่คิดว่าอีกฝ่ายคงตะลึงงันกับทักษะระดับสูง จึงไม่ได้ใส่ใจนัก และอธิบายออกมาว่า “ศิษย์น้องเหอ ที่จริงสำนักไท่กู่เจิ้งนั้น สืบทอดมาจากนิกายใหญ่จากยุคโบราณ.”

“นิกายใหญ่จากยุคโบราณ?”

เหออู๋ตี้ตะลึง.

หลี่ชิงหยางที่เล่าเรื่องที่เคยได้ฟังจากจุนซ่างเซียว เกี่ยวกับทวีปอ้าวไล เทือกเขาไม้ผล.

หลังจากได้ยินเรื่องราวดังกล่าว เหออู๋ตี้ก็กลายเป็นเงียบงัน.

ไม่น่าแปลกใจ ศิษย์สำนักไท่กู่เจิ้งไม่ได้มากมายนัก แต่กับมีวิชาหลากหลายและลึกล้ำเช่นนี้ ที่จริงแล้วเป็นสำนักที่สืบทอดมาจากนิกายโบราณนี่เอง.

แต่ว่าแสงเจ็ดสีทำลายล้างนั้น เป็นปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำคิดค้นขึ้นมา แล้วมาอยู่ในสำนักไท่กู่เจิ้งได้ล่ะ?

ช้าก่อน!

เหออู๋ตี้ที่ราวกับนึกอะไรได้ ปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำ บางทีอาจจะไม่ใช่คนภพเดียวกันกับเขา เป็นไปได้ว่าโบยบินขึ้นมาจากพิภพทั่วไปอย่างงั้นรึ?

“สำนักไท่กู่เจิ้งที่สืบทอดมาจากนิกายโบราณ และปราชญ์เจ้าเจ็ดลึกล้ำก็ขึ้นมาจากพิภพด้านล่าง หรือว่าเกี่ยวข้องกัน?”

“ศิษย์พี่หลี่.”

เหออู๋ตี้ที่สอบถามต่อ.“เจ้านิกายรุ่นแรกของพวกเรา ตอนนี้อยู่ที่ใหนแล้ว?”

เขาที่ครุ่นคิดด้วยความความคิดอหังการ!

บางทีปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำจะเกี่ยวข้องกับเจ้านิกายรุ่นแรก หรือว่าเป็นคน ๆ เดียวกัน.

ซึ่งนั่นจะสามารถอธิบายได้ว่าทำไมสำนักไท่กู่เจิ้งจึงมีตำราฉบับคัดลอกของวิชาแสงเจ็ดสีทำลายล้าง!

“การจะหาผู้อาวุโสซุนนั้น บางทีคงมีเพียงเจ้าสำนักที่รู้.”

อาวุโสซุนผู้นี้ก็คือ ฉีเทียนต้าเซิ่ง หรือซุนหงอคงที่จุนซ่างเซียวแต่งเรื่องขึ้นมานั่นเอง.

มีเพียงเจ้าสำนักที่รู้อย่างงั้นรึ?

เหออู๋ตี้ที่ลอบคิดในใจ“ต้องไปถาม.”

......

“ปู้ด!”

จุนซ่างเซียวที่นั่งอยู่ในห้องโถงหลัก สำลักน้ำชา ขณะที่คิดในใจว่า “นี่คิดว่าสำนักไท่กู่เจิ้งสืบทอดมาจากนิกายโบราณจริง ๆ รึ? แล้วนี่ยังต้องการพบผู้ก่อตั้งซุนหงอคงอีก?”

“เสี่ยวเหอ.”

เขาที่วางถ้วยน้ำชาลง เอ่ยออกมาว่า “เรื่องนี้สำคัญอย่างไรรึ?”

เหออู๋ตี้กล่าว “ทักษะยุทธ์ของสำนักไท่กู่เจิ้งนั้นมีมากมาย ศิษย์สงสัยเป็นอย่างมากว่าส่งต่อมาได้อย่างไร.”

จุนซ่างเซียวที่ครุ่นคิดอย่างรวดเร็ว เอ่ยออกมาว่า “เกี่ยวกับประวัติของสำนักนั้นเป็นความลับ ทว่าเห็นแก่เจ้าที่เป็นศิษย์ปิดประตู ข้าจะเล่าให้เจ้าฟังก็แล้วกัน.”

เหออู๋ตี้เงี่ยหูตั้งใจฟังทันที.

จุนซ่างเซียวที่กล่าวออกมาอย่างจริงจัง “ที่จริงแล้ว ผู้ก่อตั้งรุ่นแรกนั้น หลังจากที่ผ่านเคราะห์ทัณฑ์สายฟ้า 81 ครั้ง ก็สวมชุดเกราะสีทอง ขี่เมฆเจ็ดสีโบยบินขึ้นสู่พิภพเบื้องบน ส่วนทักษะยุทธ์เหล่านี้ ก็ได้ถูกทิ้งเอาไว้.”

ขี่เมฆเจ็ดสีโบยบิน ขึ้นสู่พิภพเบื้องบนอย่างงั้นรึ?

นี่ไม่ใช่ว่าคือ ปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำไม่ใช่รึ?

“เป็นความจริง!”

เหออู๋ตี้ที่ตระหนักได้ทันที ลอบคิดในใจ “ฉีเทียนต้าเซิ่งผู้ก่อตั้งสำนักไท่กู่เจิ้ง และปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำ คือคน ๆเดียวกัน ซึ่งได้โบยบินขึ้นสู่พิภพด้านบนเรียบร้อยแล้ว!”

จุนซ่างเซียวคงไม่คาดคิดฝันว่า เรื่องที่ตัวเองหลับหูหลับตาเอ่ยเรื่องไร้สาระออกไป ได้พ้องกับปราชญ์จ้าวเจ็ดในหัวของเหออู๋ตี้ไปเรียบร้อยแล้ว.

......

เหออู๋ตี้ที่กลับที่พักของตัวเอง ครุ่นคิดตลอดทั้งคืน แม้แต่เผยความตื่นเต้นออกมาเป็นอย่างมาก.

ปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำนั้นเป็นสุดยอดฝีมือ เป็นเรื่องที่บังเอิญเป็นอย่างมากที่เขาข้ามมิติหนีออกมาถึงพิภพของปราชญ์จ้าวเจ็ด และยังได้เข้าร่วมสำนักของอีกฝ่ายอีกด้วย!

นี่มันเฮงสุด ๆ เลยไม่ใช่รึ?!

ไม่มีใครคาดคิดว่าจะบังเอิญถึงเพียงนี้!

“ต้องบ่มเพาะที่นี่ บางทีในอนาคตอาจจะพบความลับที่สามารถตัดผ่านระดับไปยังระดับเขตแดนปราชญ์จ้าวได้!”

เหออู๋ตี้ยิ่งคิด ก็ยิ่งตื่นเต้น พร้อมกับตัดสินใจ “ข้าจะบ่มเพาะในสำนักไท่กู่เจิ้งแห่งนี้!”

ภายใต้ความบังเอิญที่เหลือเชื่อ ทำให้เขาตัดสินว่าสำนักแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นโดยปราชญ์จ้าวเจ็ดลึกล้ำ นี่คือบ้านเกิดของสุดยอดฝีมือ ดังนั้นทำให้เขาปรารถนาอย่างที่สุดที่จะเติบโตและแข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม.

ให้จากไปนะรึ?

เป็นไปไม่ได้!

เหออู๋ตี้ที่สูญเสียความทรงจำสามครั้ง ครั้งที่สี่เขาที่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งสุดหัวใจ เขาต้องการเข้าร่วมและฝึกฝนที่นี่อย่างเอาจริงเอาจัง.

เพราะเหตุผลนั้น ก็คือปราชญ์จ้าวเจ็ดนั่นเอง และเขาก็รู้สึกหวั่นเกรงเจ้าสำนักจุน เจ้าสำนักคนปัจจุบันเวลานี้ด้วย.

หลังจากนี้เขาต้องการค้นหาความลับของวิถียุทธ์ที่ซ่อนอยู่ ซึ่งจะช่วยเขาแข็งแกร่งขึ้นนั่นเอง.

เวลากลางคืนที่มาถึง.

“ปิดประตู!”

เหออู๋ตี้ที่ส่งเสียงดังก้อง ก่อนจะปิดประตู ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ยินดีกับหน้าที่ปิดประตูของเขาเป็นอย่างมาก.

“เจ้าสำนัก.”

หลี่ชิงหยางในห้องโถง กล่าวด้วยความสงสัย “ศิษย์น้องเหอเวลานี้ดูเหมือนมีความสุข.”

จุนซ่างเซียวที่ยืนมือขัดหลังจ้องมอง “เพราะว่าเขาเข้าใจคำว่ากระดูกเหล็กแล้ว.”

“แต่ว่า....”

หลี่ชิงหยางเอ่ย “ศิษย์น้องเหอที่ป่วยเป็นโรคแปลกประหลาด หากถูกลบความทรงจำอีก จะไม่เป็นปัญหาอย่างงั้นรึ?”

“อาการป่วยของเขา เกิดจากจิตมารในใจ หากไม่มีจิตมาร แน่นอนต้องไม่เป็นไร.”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

ขณะเอ่ยถึงโรคที่แปลกประหลาด เขาก็นึกถึงซีจิงเสวียน ลอบคิดในใจ “ไม่รู้ว่ายารักษาโรคระดับต้นจะรักษาตาของนางได้หรือไม่?”

“เจ้าคงจะไปเยือนวังเมี่ยวฮัว หลังจากจัดการเรื่องมนทลเจิ้นหยางเสร็จ ค่อยทดสอบดูอย่างงั้นรึ?”

ระบบเอ่ย “ทำไมโฮสน์ไม่มอบให้เวลานี้เลยล่ะ หากรักษาตาของเจ้าวังซีได้ ก็ถือว่ามีหนี้บุญคุณ หากนางรู้ว่าสำนักไท่กู่เจิ้งกำลังประสบความยากลำบาก บางทีอาจจะยื่นมือมาช่วยก็ได้.”

“เรื่องนี้......”

จุนซ่างเซียวที่ลังเลเล็กน้อย ก่อนที่จะเอ่ยออกมาว่า “ทำไมข้าถึงคิดไม่ถึงกันนะ?”

วังเมี่ยวฮัวนั้นคือนิกายระดับสี่ เม็ดยารักษาโรคระดับต้น หากสามารถใช้ได้ผล แน่นอนว่ามีแต่เรื่องดีไม่มีเรื่องร้าย.

นอกจากนี้เกี่ยวกับข้อมูลที่เขามีนั้น ดินแดนที่วังเมี่ยวฮัวอยู่นั้นคือมนทลระดับห้า ไม่ได้อ่อนแอหรืออาจจะสูงกว่านิกายหลิงหยวนและวังต้วนสุ่ยที่เป็นนิกายระดับสี่เหมือนกันอย่างแน่นอน.

จุนซ่างเซียวที่ตบที่หน้าผาก “ดูเหมือนว่า เจ้าวังซีนั้น จะค่อนข้างมีความสามารถเป็นอย่างมาก.”

ระบบที่ให้คำแนะนำ ให้เขาสร้างหนี้บุญคุณกับวังเมี่ยวฮัว เพื่อให้อีกฝ่ายมาช่วย ทว่าก่อนหน้านั้น เขาจำเป็นต้องยกระดับพลังบ่มเพาะให้ศิษย์ของเขาเติบโตเร็วขึ้นกว่านี้อีก.

วังเมียวฮัวนั้นแข็งแกร่งมาก สามารถยืนอยู่ได้ด้วยตัวเอง.

หากไม่ถูกกองกำลังอื่นใดเข้ารังแก พวกเขาก็จะดูแลฝึกฝนศิษย์ตัวเองอยู่เงียบ ๆ.

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด