ตอนที่แล้วChapter 466 หนึ่งในระบบบ่มเพาะที่จะทำให้ก้าวสู่ขอบเขตบรรพชนยุทธ์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปChapter 468 โชควาสนา

Chapter 467 เหออู๋ตี้ผู้น่าสงสาร


การรับเหออู๋ตี้เข้ามานั้น เจ้าสำนักจุนใช้แผนการเล็กน้อย เพราะการจะหาคนที่มากพรสวรรค์นั้นไม่ง่าย ทันทีที่เขาเห็นคนมีพรสวรรค์ เขาก็ตัดสินใจที่จะรับมาทันที ไม่ลังเลแม้แต่แม้แต่ใช้แผนการ.

ทำไม?

เพราะเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งแล้ว ก็เท่ากับถูกผูกมัดเอาไว้แล้ว.

ถอนตัว? จากไป? ทรยศ?

แน่นอน ว่าพวกเขาจะถูกลบความทรงจำในทันที.

ที่จริง จุนซ่างเซียวรู้สึกกังวลเล็กน้อย เกรงว่าจะถูกระบบหลอกลวงเอาเหมือนกัน.

อย่างไรก็ตาม ขณะที่เหออู๋ตี้ต้องการจากไป ขณะเขาก้าวออกจากสำนัก เขาก็ถูกบังคับลบความทรงจำอย่างโหดร้าย สามารถที่จะพิสูจน์เรื่องดังกล่าวได้.

ไม่เพียงแค่ความทรงจำ ไม่เพียงแค่วิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น แต่ยังรวมถึงเขตแดนบ่มเพาะที่เขาฝึกฝนด้วยวิชาประจำสำนักด้วย.

เหออู๋ตี้ที่หมดสติที่ทางเข้า ไม่เพียงแค่ลืมเรื่องทุกอย่าง พลังบ่มเพาะที่เขาฝึกฝนก่อนหน้านี้ก็หายไปด้วย เขาที่ต้องไปเริ่มใหม่ที่จุดเริ่มต้นอีกครั้ง.

หากว่ามีความทรงจำเหลืออยู่บ้างคงจะต้องเศร้าระทมเป็นแน่!

“ติ๊ง! ศิษย์เหออู๋ตี้เจตนาถอนตัวจากสำนัก ถูกลบความทรงจำแล้ว.”

“ติ๊ง! สมาชิกสำนัก : 2527 / 5000.”

เหออู๋ตี้ถูกลบความทรงจำ เท่ากับถูกแยกออกจากสำนักโดยอัตโนมัติ สมาชิกสำนักที่ลดลงหนึ่งคน.

จุนซ่างเซียวบ่มเพาะอยู่ในค่ายกลรวมวิญญาณได้ยินเสียงของระบบได้แต่ส่ายหน้า “ตัดผ่านไปยังระดับศิษย์ยุทธ์แล้วจากไปอย่างงั้นรึ?”

เขารู้ดีว่า เขาไม่สามารถใช้แผนการกับคนเช่นนี้ได้.

เหออู๋ตี้ไม่มีใจที่จะเข้าร่วม ทำให้เขาพร้อมจะจากไป ทุกเมื่อ.

ทว่าเพียงแค่ตัดผ่านไปยังระดับศิษย์ยุทธ์ก็จากไป มันน่าโมโหจริง ๆ.

ระบบเอ่ย “คนผู้นี้มีความทะเยอทะยานสูงมาก ลบความทรงจำของเขาไปแล้ว โฮสน์สามารถให้เขาจากไปได้.”

“ข้าก็คิดเช่นนั้น.”

จุนซ่างเซียวกล่าวเสียงเบา “ทว่ากับเมล็ดพันธ์ชั้นดี หากให้เขาจากไปเลย สำนักไท่กู่เจิ้งก็จะขาดทุนไปหน่อย ดังนั้นควรจะรับเขากลับมาอีกสักครั้ง.”

ระบบที่เงียบ.

......

“....เจ็บ โอ้ย ปวดไปหมด......”

เช้าวันถัดมา เหออู๋ตี้ที่เงยหน้าขึ้นกุมศีรษะไปมา ดวงตาที่ลืมขึ้น จิตใจสับสน สมองของเขาที่รู้สึกเต็มไปด้วยรอยร้าวมากมาย.

ขณะที่อาการดีขึ้น เขากวาดตามองสภาพแววล้อมที่แปลกประหลาด ก่อนที่จะลอบคิดในใจไปมา “ไม่ใช่ว่าข้าถูกฝูงหมาป่าล้อมอยู่หรอกรึ?”

ความทรงจำของเขาที่ถูกลบไปแล้ว เขาจำได้เพียงแค่หนีลงมายังทวีปชิงหยุน ก่อนที่จะเข้ามาในป่าและพบกับฝูงหมาป่าเข้าโจมตี.

ส่วนเรื่องหลังจากนั้น เขาลืมทุกอย่างไปแล้ว!

“กึก ซี่.”

ประตูสำนักที่เปิดออกมา จุนซ่างเซียวที่เดินเข้ามาด้านใน “น้องชายน้อย เจ้าถูกข้าช่วยเอาไว้.”

น้องชายน้อย?

เหออู๋ตี้ที่มุมปากกระตุก กล่าวออกมาด้วยท่าทางอ่อนแรง “ที่นี่ที่ใหน?”

“ที่นี่คือสำนักไท่กู่เจิ้ง.”จุนซ่างเซียวเอ่ย “ข้าคือเจ้าสำนักแห่งนี้.”

สำนักไท่กู่เจิ้ง?

ชื่อนี้ ตลกสิ้นดี!

ความทรงจำของเหออู๋ตี้ที่ถูกลบไปทั้งหมด เหมือนกับเถาหยวนที่ลืมทุกอย่างเพราะผลของธวัชสงบศึก แม้แต่แผนการที่จุนซ่างเซียวใช้ เขาก็ลืมไปด้วยเช่นกัน.

“น้องชายน้อย ในเมื่อเจ้าไม่มีบิดามารดา ไม่มีสมาชิกครอบครัวในทวีปชิงหยุน ทำไมไม่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งล่ะ?”จุนซ่างเซียวเอ่ย.

“เรื่องนี้......”

“เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง เปิ่นจั้วจะให้เจ้าเป็นศิษย์ปิดประตู และมอบทรัพยากรให้กับเจ้าฟรีด้วย.”

คล้ายกับเมื่อครั้ง ที่เขาใช้แผนการ เพราะว่าอีกฝ่ายไม่มีความทรงจำใด ๆ เหออู๋ตี้จึงถูกรับเข้าสำนักไท่กุ่เจิ้งอีกครั้ง และมายืนที่ด้านหน้าประตูพร้อมกับเถาหยวน.

มีบางคนกล่าว คนผู้นี้โง่เกินไปอย่างงั้นรึ?

ในความเป็นจริงนั้น.

เหออู๋ตี้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งครั้งที่สอง เขาที่รู้สึกว่าตัวเองเป็นศิษย์ใหม่ ไม่รู้ความเป็นจริง ว่าตัวเองได้เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งสองครั้งแล้ว ไม่แม้แต่จำได้ถึงความคุ้นเคย.

ในความคิดของเขายังคงเหมือนเดิม เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งไปก่อน รอเข้าใจเกี่ยวกับโลกใบนี้ มีพลังบ่มเพาะสักหน่อย เขาต้องจากไปอย่างแน่นอน.

เหมือนเดิม เขาที่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง บ่มเพาะวิชาเปลี่ยนเส้นเอ้น จนตัดผ่านระดับเป็นศิษย์ยุทธ์อีกครั้ง.....

“เจ้าสำนัก!”

เช้าวันถัดมา หลี่ชิงหยางที่เข้ามาในห้องโถง กล่าวออกมาว่า “ศิษย์น้องเหอหมดสติ และสูญเสียความทรงจำและพลังบ่มเพาะไปอย่างงั้นรึ?”

“อีกแล้ว.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ดูเหมือนว่าจะเป็นโรคอย่างหนึ่ง.”

“......”

หลี่ชิงหยางมุมปากกระตุก จากนั้นก็ร่วมมือกับเจ้าสำนักเล่นละครต่อไป รับเหออู๋ตี้เข้ามาอีก พร้อมกับปฏิบัติกับเขาเหมือนกับศิษย์ใหม่ แนะนะที่พัก พาไปยังหอตำราครั้งที่สาม.

“ข้ารู้สึกคุ้นเคยกับที่นี่ยังไงไม่รู้.”

เหออู๋ตี้ที่เข้ามายังหอตำราครั้งที่สามแล้ว ทำให้เขารู้สึกคุ้นเคย ทว่าก็ไม่เข้าใจได้อย่างชัดเจน หลี่ชิงหยางที่แนะนำเขาฝึกฝนวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นอีกครั้ง.

ไม่กี่วันหลังจากนั้น.

“เจ้าสำนัก!”

หลี่ชิงหยางที่แบกเหออู๋ตี้มาและเอ่ยออกมาว่า “ศิษย์น้องเหอหมดสติที่ทางขึ้นภูเขา อาการป่วยของเขาหนักมาก พวกเราไปหาหมอที่มีชื่อเสียงมารักษาเขาดีหรือไม่?”

“ไม่จำเป็น.”

จุนซ่างเซียวกล่าว “เจ้าก็ทำเหมือนเดิมก็แล้วกัน.”

“ครับ.”

หลี่ชิงหยางขณะที่กำลังจะนำเหออู๋ตี้ไปยังหอยา.

จุนซ่างเซียวเอ่ยขึ้นมาก่อน.“ทุกครั้งที่ไปยังหอตำรา เขาเลือกทักษะยุทธ์ใด?”

คนผู้นี้ที่มีใจคิดตีจาก จนสูญเสียความทรงจำ นี่ทักษะยุทธ์ที่ยอดเยี่ยมมากมาย ไม่ดึงดูดเขาเลยรึ?

เป็นไปได้อย่างไร!

แม้แต่เจียงเซี่ยที่เป็นกษัตริย์ยุทธ์ หลังจากบ่มเพาะวิชาเหล่านั้น ยังตื่นเต้นเป็นอย่างมาก.

หากเขาไม่พึงพอใจทักษะยุทธ์ ไม่ว่าอย่างไรก็คงยากจะรั้งเขาไว้ได้!

หลี่ชิงหยางเอ่ย “ศิษย์แนะนำศิษย์น้องเหอฝึกฝนวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็นวิชาเดียวก่อน.”

“ไม่ได้ มันน้อยเกินไป.”

จุนซ่างเซียวเอ่ย “ให้เขาเลือกทักษะยุทธ์ด้วย คมวิญญาณ หมัดระเบิด ฝ่ามือสะบั้นภูผา ให้เขาทั้งหมดเลย.”

“ทราบแล้ว.”

“ช้าก่อน ทักษะยุทธ์ระดับสูงด้วย เช่นคมเพลิงวิญญาณแผดเผา แสงเจ็ดสีทำลายล้าง ให้เขาได้เห็น ทำให้เขาตะลึงไปเลย.”

“ครับ!”

......

เหออู๋ตี้ที่ฟื้นขึ้นมาอีกครั้ง เหมือนเดิมก่อนหน้านี้ หลังจากที่เขาเข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้ง หลี่ชิงหยางก็พาเขาไปยังห้องตำรา.

คล้ายกับครั้งก่อน ๆ ครั้งนี้ศิษย์พี่สอง ที่ได้กล่าวแนะนำเพิ่มเติมเพียงเล็กน้อยเท่านั้น “ศิษย์น้องเหอ สำนักไท่กู่เจิ้งเรามีทักษะมากมาย เจ้าสามารถเลือกฝึกได้ทุกวิชา นี่เพียงแค่ระดับทั่วไป ส่วนอีกสองแถวนี้ เป็นทักษะยุทธระดับสูงขึ้น.”

“ทักษะยุทธ์ระดับสูงอย่างงั้นรึ?”

เหออู่ตี้ที่เผยความเหยียดหยันในใจ.

เขาที่เข้าร่วมสำนักไท่กู่เจิ้งชั่วคราว เพื่อให้เข้าใจเกี่ยวกับทวีปชิงหยุน กับพิภพระดับต่ำ แน่นอนเขาไม่เชื่อว่าสำนักแห่งนี้จะมีทักษะระดับสูงแต่อย่างใด.

เพราะว่าหลี่ชิงหยางไม่ได้ระบุวิชาให้เขาเลือกเหมือนก่อนหน้านี้ เหออู๋ตี้จึงไม่ได้เลือกวิชาเปลี่ยนเส้นเอ็น เขาที่เริ่มสำรวจวิชาบนชั้น จ้องมองหมัดระเบิด ฝ่ามือสะบั้นภูผาและทักษะยุทธ์อื่น ๆ.

“หืม?”

เขาที่สำรวจวิชาคมวิญญาณ ก็เผยท่าทางประหลาดใจออกมา “ทักษะยุทธ์นี้ บางทีคงไม่ธรรมดา!”

จากนั้นเขาก็จ้องมองผนึกเจี่ยหยิน ท่าเท้าเหยียบเมฆาและวิชาเสียงผ่านวิญญาณ ก็ทำให้เขาประหลาดใจ ”ไม่คาดคิดเลยว่า สำนักไท่กู่เจิ้งจะมีวิชาที่ล้ำลึก หลากหลายเช่นนี้.

น่าเสียดาย.

นอกจากคมวิญญาณ วิชาอื่นก็ไม่สามารถเทียบกับวิชาในพิภพเดิมของข้า.

ขณะกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น เหออู๋ตี้ที่เริ่มสำรวจชั้นสุดท้าย เขาที่เห็นวิชาคมเพลิงวิญญาณแผดเผา หลังจากสำรวจ ก็ทำให้เขากล่าวออกมาเสียงเบา “เจอวิชาที่ต้องตาเข้าแล้ว.”

ทักษะระดับเทวะ ถึงจะเป็นวิชาที่ต้องตาของเขา.

คำพูดเช่นนี้ กล่าวได้ว่าเป็นคนที่หัวสูงอย่างแท้จริง.

เหออู๋ตี้ที่วางวิชาคมเพลิงวิญญาณแผดเผา ก่อนที่จะหยิบตำราอีกชั้นขึ้นมา.

เปรี้ยง!

เพียงแค่เห็นชื่อทักษะวิชา เขารู้สึกราวกับสายฟ้าฟาดลงมากลางกบาล!

จากนั้น เขาที่สีตาไปมา รู้สึกราวกับว่าตัวเองไม่ได้อ่านผิดใช่หรือไม่? จากนั้นเขาที่ต้องอุทานออกมาด้วยน้ำเสียงเหลือเชื่อ “แสง...แสงเจ็ดสีทำลายล้างส่วนที่หนึ่ง?!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด