ตอนที่แล้วบทที่ 44: สังหารหมู่โจรและยึดทรัพย์
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46: เผชิญหน้าสัตว์อสูร

บทที่ 45: ดุจอสูรและปีศาจ


บทที่ 45: ดุจอสูรและปีศาจ

หัวหน้าหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬกรีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวด เหงื่อขนาดเท่าเม็ดถั่วไหลรินบนใบหน้าของเขา

ถึงอย่างนั้น ด้วยความมุ่งมั่นอันแรงกล้า เขาจึงยังคงจับกระบี่หัวพยัคฆ์ของเขาเอาไว้แน่น

“เป็นไปไม่ได้! เจ้าจะแข็งแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง!”

เขาถือกระบี่หัวเสือไว้ในมือข้างหนึ่ง และอีกมือหนึ่งกดเอวที่มีเลือดไหลไว้ สายตาของเขาจดจ้องไปที่ลู่หยุนอย่างเหลือเชื่อ

ลู่หยุนเพิกเฉยต่อคำพูดของอีกฝ่าย เขามองไปมาระหว่างกระบี่หัวเสือของหัวหน้าหมู่บ้านกับกระบี่หักในมือของเขา จากนั้นเขาก็ส่ายหัว

เขาก้าวไปข้างหน้าพร้อมด้วยแววตาอันเย็นชา เลือดสดยังคงหยดลงมาจากใบกระบี่ที่หัก

“พวกเจ้ายังมัวรออะไรอีก? รีบฆ่ามันซะ!”

หัวหน้าหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬซ่งซิงตะโกนเสียงดังใส่พวกโจรที่อยู่ข้างหลังเขา

อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามองย้อนกลับไป พวกโจรทั้งหมดต่างก็กำลังสั่นสะท้านด้วยความกลัวหรือไม่ก็ได้นอนจมกองเลือดไปแล้ว

ขณะเดียวกัน พวกโจรที่ยังรอดชีวิตอยู่ก็กำลังวิ่งหนีออกไปจากหมู่บ้าน

อย่างไรก็ตาม ในชั่วพริบตา โจรที่กำลังวิ่งงหลบหนีด้วยความตื่นตระหนกอยู่ก็ต้องหยุดนิ่งไปโดยทันที พวกเขาชูมือทั้งสองข้างขึ้นคว้าคอของตนและพยายามอย่างเต็มที่เพื่อที่จะหยุดเลือดสดไม่ให้ไหลพุ่งออกมา

ในไม่ช้า แววตาของพวกเขาก็สิ้นประกายแสง และพวกเขาก็ได้สูญเสียพลังชีวิตไป

“กระบี่ของเจ้าเป็นของข้าแล้ว!”

ลู่หยุนโยนกระบี่ที่หักทิ้งลงบนพื้น เขากำหมัดแน่นพร้อมกับปล่อยออร่าหยางพิสุทธิ์ออกมาคลุมหมัดและชกใส่หัวหน้าหมู่บ้านซ่งซิงจนได้รับบาดเจ็บสาหัส

บู้มมมม!

ราวกับเสียงฟ้าร้องคำรามดังฟาดลงมาโดยไม่คาดคิด ซ่งซิงถูกโยนกระเด็นกลับไปโดยทันที แม้แต่กระบี่หัวเสือก็ยังหลุดกระเด็นออกจากมือของเขาและตกลงตรงหน้าลู่หยุน

ลู่หยุนหยิบกระบี่หัวเสือขึ้นมาจากพื้นและค่อยๆ ลูบนิ้วมือลงบนใบกระบี่ ความรู้สึกอันหนาวเย็นเคลื่อนขึ้นมาจากปลายนิ้วสู่จิตใจ “กระบี่ดี!”

ดวงตาของลู่หยุนเผยให้เห็นถึงความพึงพอใจโดยไม่คิดจะปิดบัง

“เพื่อเป็นการขอบคุณสำหรับของขวัญของเจ้า ข้าจะมอบสิทธิพิเศษให้เจ้าได้เป็นเหยื่อรายแรกของกระบี่เล่มนี้!”

เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ซ่งซิงก็สั่นเทาด้วยความโกรธ ดวงตาของเขาลุกโชนด้วยเพลิงแค้น เขาหวังว่าเขาจะสามารถฆ่าเจ้าเด็กเหลือขอตรงหน้าเขาให้ตายได้

อย่างไรก็ตาม สถานการณ์ก็ได้เปลี่ยนไปแล้ว และลู่หยุนก็ไม่ใช่เด็กหนุ่มบ้านนอกที่เขาจะสามารถฆ่าฟันหรือรังแกได้อีกต่อไป

ด้วยการแกว่งกระบี่เพียงครั้งเดียว หัวศีรษะขนาดกลมโตก็หล่นลงไปกลิ้งอยู่บนพื้น และร่างขนาดมหึมาของหัวหน้าหมู่บ้านซ่งซิงก็ล้มลงพร้อมกับเสียงกระแทกดังลั่น

มันเหลือเพียงความเงียบในห้องโถงภักดีชอบธรรม

มันคือความเงียบที่ทำให้จิตใจสั่นไหว

เสี่ยวเฉินยืนนิ่งพร้อมกับดาบในมือของเขา เขามองดูเหล่าโจรที่กำลังกลัวจนตัวสั่นอย่างเย็นชา ออร่าพลังปราณอันทรงพลังของเขาทำให้ร่างกายของพวกมันสั่นสะท้านมากยิ่งขึ้น

โจรส่วนใหญ่อยู่ในขอบเขตยุทธ์เท่านั้น และมันก็มีเพียงบางคนเท่านั้นที่โชคดีพอจะอยู่ในขอบเขตเส้นลมปราณขั้นต้น

แต่ไม่ว่าพวกเขาจะโชคดียังไง แต่เมื่อเผชิญหน้ากับคมดาบของเสี่ยวเฉิน โชคดีก็ยังสามารถแปรเปลี่ยนเป็นโชคร้ายได้

และสิ่งที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวยิ่งกว่านั้นก็คือพละกำลังอันน่าสะพรึงกลัวของเด็กทั้งสอง

คนหนึ่งทรงพลังราวกับอสูร ส่วนอีกคนก็เย็นชาราวกับปีศาจ!

เกือบจะพร้อมๆ กัน ความคิดนี้ก็ผุดขึ้นมาในจิตใจของพวกโจรที่กำลังหวาดกลัวจนสั่นสะท้าน

ลู่หยุนถือกระบี่หัวพยัคฆ์ซึ่งยาวเกือบครึ่งหนึ่งของเขาและเดินกลับเข้ามาในโถงภักดีชอบธรรม

ในช่วงเวลาที่เขากำลังจัดการกับหัวหน้าหมู่บ้านซ่งซิงอยู่นั้น เสี่ยวเฉินก็ได้สังหารเหล่าโจรไปหลายสิบคนแล้ว และโจรที่เหลือก็หวาดกลัวกับความแข็งแกร่งของเขา

ความแข็งแกร่งในการต่อสู้ที่น่าเกรงขามนี้น่าทึ่งอย่างแท้จริง!

เมื่อเห็นลู่หยุนเดินกลับเข้ามา เสี่ยวเฉินก็พยักหน้าเล็กน้อย

ความจริงที่ว่าลู่หยุนได้สังหารหัวหน้าหมู่บ้านซ่งซิงซึ่งอยู่ที่จุดสูงสุดของขอบเขตเส้นลมปรารด้วยการเคลื่อนไหวเพียงสามถึงสี่ครั้งนั้นแสดงให้เห็นแล้วว่าความแข็งแกร่งของเขานั้นสูงกว่าที่เสี่ยวเฉินคาดการณ์ไว้เสียอีก

ลู่หยุนเองก็ยิ้มให้เสี่ยวเฉินเช่นกัน “ว่ากันว่าผู้ฝึกดาบจะมีการโจมตีที่น่าสะพรึงกลัว และวันนี้ข้าก็ได้มาเห็นมันกับตาตัวเองแล้ว!”

“พวกนี้มันก็แค่พวกลิ่วล้อ!”

เสี่ยวเฉินส่ายหัว จากนั้นสายตาของเขาก็ดูเย็นชาชึ้นในขณะที่เขามองไปที่โจรที่เหลืออยู่ในห้องโถง

“แต่ถึงแม้ว่าพวกมันจะเป็นเพียงพวกลิ่วล้อ แต่พวกมันก็ยังเป็นพวกสารเลวที่เข่นฆ่าผู้บริสุทธิ์ได้อย่างไร้เมตตาด้วย!”

ขณะที่เขาพูด เขาก็สะบัดดาบยาวของเขา แสงดาบหลายสายพุ่งออกมาโดยทันที แสงดาบนั้นเหมือนกับดวงดาวที่ส่องประกายระยิบระยับพร่างพราว มันทำให้พวกโจรตาบอดและทำให้พวกมันสูญเสียการรับรู้ทิศทาง

เมื่อแสงดาบหายไป เสี่ยวเฉินก็ได้เก็บกระบี่ของเขากลับเข้าฝัก ทั้งร่างกายและแม้แต่ใบดาบไม่มีเลือดติดอยู่เลยแม้แต่หยดเดียว ราวกับว่าการต่อสู้อันดุเดือดที่เพิ่งเกิดขึ้นนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับเขาเลย

เมื่อมองดูศพที่ร่วงหล่นล้มลงกับพื้น ลู่หยุนก็ไม่ได้พูดอะไรเลย

เสี่ยวเฉินพูดถูก แม้ว่าโจรเหล่านี้จะสูญเสียผู้นำไปแล้ว แต่เมื่อเปรียบเทียบกับคนธรรมดา พวกมันก็ยังคงเป็นตัวอันตรายที่ต้องถูกกำจัดอยู่ดี

ยิ่งไปกว่านั้น คนเหล่านี้ก็ยังเป็นพวกมือเปื้อนเลือดกันทั้งนั้น ดังนั้นการสังหารหมู่พวกมันในวันนี้จึงเป็นสิ่งที่พวกเขาสมควรทำแล้ว

“อืม หัวหน้าหวังหายไปอยู่ไหนกัน?”

ทันใดนั้นลู่หยุนก็ตระหนักได้ว่าหัวหน้าหวังซึ่งบุกเข้ามาในโถงภักดีชอบธรรมพร้อมๆ กับพวกเขาได้หายตัวไป

“มีโจรคนหนึ่งวิ่งหนีไปก่อนหน้านี้ และหัวหน้าหวังก็ได้ไล่ตามมันไป!” เสี่ยวเฉินตอบแล้วเริ่มค้นซากศพ

ลู่หยุนผงะกับการกระทำของเขา

แต่หลังจากชะงักไปไม่นาน เขาก็เริ่มก้มลงและดำเนินการค้นศพร่วมกับเสี่ยวเฉิน

หลังจากผ่านไปสิบห้านาที ทั้งสองก็มองหน้ากันและอดไม่ได้ที่จะส่งยิ้มให้กันและกัน

การเก็บเกี่ยวครั้งนี้ได้มาไม่มากนัก ลู่หยุนพบเงินเพียงสองร้อยตำลึงกว่าเท่านั้น

ถึงอย่างนั้น เมื่อมองว่ามันเป็นรายได้พิเศษ ลู่หยุนก็รู้สึกค่อนข้างพึงพอใจกับมัน

“จะว่าไปเราลืมจับตัวประกันไว้รึเปล่า?” ดูเหมือนเขาจะเพิ่งคิดอะไรขึ้นได้ และเสี่ยวเฉินก็ขมวดคิ้วเล็กน้อยขณะที่อุทานออกมา

“ห้ะ?”

เมื่อเห็นการจ้องมองที่งุนงงของลู่หยุน เสี่ยวเฉินจึงกล่าวต่อว่า “มันน่าจะมีห้องเก็บสมบัติอยู่ในหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬ ดังนั้นหากไม่มีใครนำทาง พวกเราก็อาจจะต้องใช้เวลานานกว่าจะหามันพบ”

“ใช่แล้ว ข้าลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไปได้ยังไงกันนะ!”

ลู่หยุนกระทืบเท้าแล้วพูดกับเสี่ยวเฉินว่า “ตามข้ามา!”

เสี่ยวเฉินไม่ได้สงสัยอะไร เขาเดินตามลู่หยุนออกไปจากห้องโถงภักดีชอบธรรมและมุ่งหน้าไปยังอาคารที่พักอาศัย

ลู่หยุนมุ่งหน้าตรงไปยังอาคารที่ตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง และหลังจากเข้าไปในห้องด้านใน ออร่าหยางอันทรงพลังก็รวมตัวกันบนใบกระบี่ จากนั้นเขาก็ฟันออกไปในแนวนอนและทำให้ผนังตรงหน้าพังทลายลงโดยทันที

ตามที่ลู่หยุนคาดไว้ มันมีอีกโลกหนึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังกำแพงจริงๆ

“เจ้ารู้ได้ยังไงว่าจะมีห้องลับอยู่ที่นี่? ราวกับว่าเจ้าเคยมาที่นี่มาก่อนเลย” เสี่ยวเฉินมองดูลู่หยุนด้วยความประหลาดใจ

หากไม่ใช่เพราะความจริงที่ว่าลู่หยุนมาที่นี่พร้อมกันกับเขา เขาก็อาจคิดว่าลู่หยุนเป็นสมาชิกของหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬได้

“ในหมู่บ้านทั้งหมด หัวหน้าหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬก็ดำรงตำแหน่งสูงสุด และโดยธรรมชาติแล้ว ห้องเก็บสมบัติก็มักจะได้รับการดูแลโดยผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดด้วยเช่นเดียวกัน ดังนั้นมันจึงเป็นไปได้สูงที่มันจะถูกเก็บเอาไว้ในบ้านของหัวหน้าหมู่บ้าน”

“แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของข้า และมันก็โชคดีที่ข้าเดาไม่ผิด”

หลังจากพูดจบแล้ว ลู่หยุนก็เดินไปข้างหน้า

มีหีบขนาดใหญ่ทั้งหมดสามหีบที่นี่ และด้วยการสะบัดมือขวาของลู่หยุน ล็อคบนหีบก็พังลง

“ดูเหมือนว่าครั้งนี้เราจะได้กำไรมางามๆ เลยนะ!”

เมื่อมองดูเงินที่ส่องประกายอยู่ข้างหน้าเขา ลู่หยุนก็พยักหน้าเล็กน้อยแล้วปิดหีบ

จากนั้นเขาก็เปิดหีบอีกสองใบ

อย่างไรก็ตาม คราวนี้มันก็มีคนเร็วกว่าเขาแล้ว ลู่หยุนหัวเราะเบาๆ และส่ายหัว

คนที่เปิดหีบคือเสี่ยวเฉิน ซึ่งดูเหมือนจะมีทักษะและความเชี่ยวชาญมากกว่าลู่หยุนมาก

ดวงตาของลู่หยุนจ้องมองไปที่หีบสมบัติทั้งสอง อันหนึ่งบรรจุอัญมณีหลากสีสันและเครื่องประดับเงินที่แวววาวเอาไว้

ขณะที่อีกหีบหนึ่งว่างเปล่า มันมีเพียงตำราหนังสือเล่มสีเหลืองสองเล่มวางไว้อยู่ข้างในเท่านั้น

“นี่คือตำรายุทธ์หรอ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด