บทที่ 42 : การสอบสวน ผลลัพธ์ที่เหมือนเดิม
บทที่ 42 : การสอบสวน ผลลัพธ์ที่เหมือนเดิม
สิ่งที่ทำให้ลู่หยุนประหลาดใจก็คือเจตนาฆ่าจากอีกฝ่ายที่ค่อนข้างโกลาหลวุ่นวาย
แม้ว่าหัวหน้าหวังจะหยุดฆ่าตั้งแต่นี้เป็นต้นไป แต่กว่าเจตนาฆ่าบนร่างกายของเขาจะหายไปอย่างสมบูรณ์ก็คงจะต้องใช้เวลาสามถึงห้าปี
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงการคาดเดาของลู่หยุน
เสี่ยวเฉินโค้งคำนับเล็กน้อย “หัวหน้าหวัง!”
“นายน้อยเสี่ยวสุภาพเกินไปแล้ว!” หัวหน้าหวังรีบโค้งคำนับคืนตามมารยาท
“ถ้านายน้อยเสี่ยวมีอะไรที่อยากจะทราบ ท่านก็แค่พูดมา แล้วข้าจะบอกทุกอย่างที่ข้ารู้”
แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นเพียงเด็กหนุ่ม แต่เขาก็ไม่ได้ดูถูกเหยียดหยามอีกฝ่ายแม้แต่ในใจ
และไม่ต้องพูดถึงความเคารพเลย เขาสัมผัสได้ถึงความอันตรายของอีกฝ่ายด้วยซ้ำ
และสิ่งสำคัญที่สุดคืออีกฝ่ายเป็นศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์
ตัวตนของศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์นั้นเพียงพอแล้วที่จะทำให้คนจำนวนมากหวาดกลัวและเคารพพวกเขา
เมื่อคิดถึงสิ่งนี้ หัวหน้าหวังก็ไม่กล้าที่จะดูถูกอีกฝ่ายเลย
เสี่ยวเฉินถามว่า “สถาบันศึกษาวรยุทธ์ของเราพบว่าพรรคบัวขาวมีความเชื่อมโยงกับโจรภูเขาในมณฑลเมฆาเขียว และได้สร้างฐานที่มั่นแล้ว เราหวังว่าหัวหน้าหวังจะสามารถแนะนำข้อมูลทั้งหมดเกี่ยวกับโจรภูเขาให้เราทราบได้”
“พรรคบัวขาว?”
ความเคร่งเครียดปรากฏขึ้นบนใบหน้าของหัวหน้าหวัง และสีหน้าของเขาก็ดูจริงจังขึ้น จากนั้นเขาก็ดูเหมือนจะตกอยู่ในความทรงจำ และหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็เริ่มพูดอย่างช้าๆ
“ตั้งแต่ท่านจ้าวเข้ามารับตำแหน่งเป็นผู้ว่าการมณฑล เขาก็ได้แก้ไขสถานการณ์เหล่านี้อย่างจริงจัง กลุ่มอันธพาลในมณฑลถูกกำจัดออกไปทีละกลุ่ม และโจรภูเขาก็หยุดเคลื่อนไหวและหนีเข้าไปในภูเขาหรือป่าลึก”
“แม้แต่หลังจากเวลาผ่านไป ทหารยามก็ยังคงตามล่าพวกมันอยู่ เมื่อไม่มีแหล่งรายได้อื่น พวกโจรภูเขาส่วนใหญ่จึงเริ่มยุบกลุ่มและแยกย้ายกันไป”
“และตอนนี้ มันก็ยังมีพวกโจรภูเขาเหลืออยู่อีกเพียงสามกลุ่มใหญ่เท่านั้น ได้แก่ หมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬ กลุ่มหมาป่าทมิฬ และศาลาเมฆขาว”
เสี่ยวเฉินและลู่หยุนนั่งฟังคำพูดของหัวหน้าหวังอย่างจริงจัง
จากคำพูดของอีกฝ่าย จะเห็นได้ว่าเขาเคารพจ้าวอู๋จื่อเป็นอย่างมาก
และเมื่ออีกฝ่ายพูดจบ ลู่หยุนก็ถามว่า “ศาลาเมฆขาวฟังดูไม่เหมือนกับชื่อกองโจรภูเขาเลย”
“ศาลาเมฆขาวเคยเป็นหมู่บ้านโจรบนภูเขาเมฆขาวมาก่อน แต่หลังจากที่หัวหน้าคนใหม่เข้ามารับตำแหน่ง พวกเขาก็ได้เปลี่ยนชื่อและได้เริ่มเปลี่ยนแปลงตนเอง”
หัวหน้าหวังเพิ่งพูดจบ และจ้าวอู๋จื่อก็ได้เข้ามาร่วมบทสนทนา
“ศาลาเมฆขาวไม่ได้เกี่ยวข้องกับการลักขโมยและการโจรกรรมเลยในช่วงหลายปีที่ผ่านมา ในเวลานี้ พวกเขากำลังเริ่มดำเนินธุรกิจของตนเองและกลายเป็นส่วนหนึ่งของมณฑลอย่างถูกต้อง ดังนั้นพวกเขาจึงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคบัวขาวมากนัก”
“สิ่งที่ข้าระแวงก็คือหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬและกลุ่มหมาป่าทมิฬ ซึ่งหากพวกเขาเกี่ยวข้องกับพรรคบัวขาวจริง ข้าก็จะไม่ปล่อยพวกมันไปแน่!”
“ศาลาเมฆขาวแห่งนี้ค่อนข้างน่าสนใจเลยทีเดียว?” ลู่หยุนลูบคางและคิดอย่างลับๆ
ในความเห็นของเขา ศาลาเมฆขาวก็จะต้องไม่ธรรมดาแน่ โดยเฉพาะหัวหน้ารุ่นสองที่เพิ่งเข้ามารับตำแหน่ง
อย่างไรก็ตาม จ้าวอู๋จื่อก็ไม่ผิดที่จะมองว่าศาลาเมฆขาวได้กำจัดตัวตนของโจรภูเขาลงไปแล้ว
ตามข้อมูลจากสถาบันศึกษาวรยุทธ์ หมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬและกลุ่ทหมาป่าทมิฬก็มีแนวโน้มสูงกว่าจริงๆ ที่จะเป็นฐานที่มั่นของพรรคบัวขาว
“การสืบสวนและกำจัดฐานที่มั่นของพรรคบัวขาวในมณฑลเมฆาเขียวเป็นเป้าหมายในการเดินทางครั้งนี้ของน้องลู่กับข้า ดังนั้นท่านจ้าวโปรดวางใจได้” เสี่ยวเฉินกล่าวอย่างไม่แยแส
“เอาล่ะ เนื่องจากมันเป็นภารกิจของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ ดังนั้นเราจึงจะไม่รบกวนการทำงานของพวกท่าน และข้าก็เชื่อว่าด้วยความแข็งแกร่งของพวกท่าน มันก็น่าจะไม่มีปัญหาอะไร”
ในตอนท้าย จ้าวอู๋จื่อกล่าวชื่นชมลู่หยุนและเสี่ยวเฉิน
อันที่จริง สิ่งที่เขาพูดมานั้นก็เป็นความจริง ไม่ใช่ศิษย์ทุกคนในสถาบันศึกษาวรยุทธ์ที่จะสามารถจัดการกับคนจากพรรคมารได้
หากไม่มีความแข็งแกร่งที่มากเพียงพอ พวกเขาก็ทำได้เพียงเก็บตัวอยู่ในสถาบันและทำภารกิจง่อยๆ รับใช้ครูอาจารย์ต่อไปเท่านั้นจนกว่าจะจบ
ท้ายที่สุดแล้ว ผู้ที่สามารถเข้าสู่สถาบันศึกษาวรยุทธ์ได้นั้นก็ล้วนมีพรสวรรค์ที่ดี ดังนั้นไม่ว่าจะยังไง เมื่อพวกเขาจบไป พวกเขาก็จะหางานได้อย่างแน่นอน
“แล้วหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬ กลุ่มหมาป่าทมิฬและศาลาเมฆขาวตั้งอยู่ที่ไหน?”
“ทั้งหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬและกลุ่มหมาป่าทมิฬอยู่ลึกเข้าไปในเทือกเขาเมฆาเขียวทางทิศตะวันออก ขณะที่ศาลาเมฆขาวอยู่ด้านนอกประตูทิศตะวันตกของมณฑลเมฆาเขียว ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณสามสิบลี้” หัวหน้าหวังตอบในครั้งนี้
“ทั้งสองตั้งอยู่ในสองทิศทางที่ตรงกันข้าม นี่มันค่อนข้างยากซะแล้วสิ!” เสี่ยวเฉินขมวดคิ้วเล็กน้อย
ในขณะนี้ จ้าวอู๋จื่อก็พูดขึ้นว่า “แม้ว่านี่จะเป็นภารกิจของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ แต่เนื่องจากมันเกิดขึ้นภายในอาณาเขตใต้การปกครองของข้า ดังนั้นข้าจึงไม่สามารถยืนอยู่เฉยๆ ได้แน่ ข้าเองก็จะให้ความช่วยเหลือพวกท่านด้วย”
เมื่อพูดอย่างนั้น เขามองไปที่หัวหน้าหวังและสั่งว่า “เนื่องจากนายน้อยเสี่ยวและนายน้อยลู่ได้มาเยี่ยมชมมณฑลเมฆาเขียวเป็นครั้งแรกและยังไม่คุ้นเคยกับสถานที่บางแห่งมากนัก ดังนั้นข้าจึงอยากขอให้หัวหน้าหวังช่วยนำทางนายน้อยทั้งสองหน่อย!”
“ขอบคุณท่านจ้าว!”
เสี่ยวเฉินไม่ปฏิเสธข้อเสนอของจ้าวอู๋จื่อ พวกเขาต้องการคนที่คุ้นเคยกับพื้นที่ในมณฑลเมฆาวารีในการเดินทางครั้งนี้ มิฉะนั้นแล้ว ใครจะไปรู้ว่าเขาและลู่หยุนจะต้องใช้เวลานานแค่ไหนกว่าจะพบหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬและกลุ่มหมาป่าทมิฬหากหาด้วยตัวเอง?
“ตอนนี้เริ่มจะเย็นแล้ว หากเราออกเดินทางกันตอนนี้ กว่าจะถึงที่นั่นก็คงจะมืดแล้ว ดังนั้นพวกท่านคิดว่ายังไงหากจะพักค้างแรมกันก่อนสักคืน?”
เสี่ยวเฉินและลู่หยุนมองหน้ากัน และหลังจากพยักหน้าพร้อมกันแล้ว พวกเขาก็พูดว่า “เอาล่ะ เราจะออกเดินทางกันแต่เช้าพรุ่งนี้!”
แม้ว่านี่จะเป็นภารกิจแรกของพวกเขา แต่พวกเขาก็ไม่ใช่มือใหม่ที่ไม่มีประสบการณ์เลย
นอกจากพวกเขาจะไม่คุ้นกับเส้นทางแล้ว การเดินทางไกลยังกินพลังไปมาก ดังนั้นการเดินทางตอนกลางคืนในสถานที่ที่ไม่คุ้นเคยนั้นจึงมีความเสี่ยงสูงมาก
หากพวกเขาไม่อยู่ในสถานะเตรียมพร้อมและพบเข้ากับฐานที่มั่นของพรรคบัวขาว ภารกิจนี้ก็อาจจะไม่ง่ายนัก
ด้วยเหตุนี้เอง จ้าวอู๋จื่อจึงจัดที่พักให้กับเสี่ยวเฉินและลู่หยุน
เดิมทีจ้าวอู๋จื่อต้องการจะจัดงานเลี้ยงสำหรับทั้งสองคนด้วย แต่ลู่หยุนก็ปฎิเสธ
ภารกิจของพวกเขาในการเดินทางครั้งนี้คือการไม่เปิดเผยตัวตน มิฉะนั้น พรรคบัวขาวก็จะค้นพบเบาะแสของพวกเขาเอาได้ และพวกเขาก็อาจพยายามหลบหนีซึ่งจะทำให้เสียแผนเอาในท้ายที่สุด
“นายน้อยทั้งสองพักผ่อนให้เต็มที่ แล้วเจอกันพรุ่งนี้เช้า!”
หลังจากจัดเตรียมที่พักให้กับเสี่ยวเฉินและลู่หยุนแล้ว หัวหน้าหวังก็จากไป
หลังจากที่หัวหน้าหวังจากไปแล้ว มันก็มีเพียงเสี่ยวเฉินและลู่หยุนเท่านั้นที่ยังคงอยู่
ลู่หยุนปิดประตูเบาๆ แล้วหัวเราะพร้อมกับพูดว่า “พี่เสี่ยว ท่านคิดอย่างไรกับการเดินทางของเราในวันพรุ่งนี้”
“ไม่ว่าจะยังไงก็ตาม การเดินทางในวันพรุ่งนี้ก็จะต้องสำเร็จ!”
“ท่านคิดว่าหมู่บ้านพยัคฆ์ทมิฬกับกลุ่มหมาป่าทมิฬจะมีความเกี่ยวข้องกับพรรคบัวขาวไหม? หรือแม้แต่ฐานที่มั่นของพวกมัน?”
“เรื่องนั้นข้าไม่รู้ แต่สุดท้ายแล้วผลลัพธ์ก็มีเพียงสิ่งเดียว”
“ในฐานะศิษย์ของสถาบันศึกษาวรยุทธ์ แม้ว่าพวกมันจะไม่ได้เกี่ยวข้องกับพรรคมาร แต่การกระทำอันชั่วช้าของพวกโจรภูเขาก็เป็นสิ่งที่เราไม่สามารถเพิกเฉยได้ มันเป็นหน้าที่ของเราที่จะต้องกำจัดโจรภูเขาที่ทำร้ายชาวประชาผู้บริสุทธิ์”
เสี่ยวเฉินค่อยๆ เดินตรงไปที่หน้าต่าง เขามองดูพระจันทร์สีเงินที่ค่อยๆ ลอยขึ้นอย่างช้าๆ และจมอยู่กับความคิด
แสงสีเงินเจิดจ้าตกกระทบลงบนใบหน้าที่เย็นชาไร้อารมณ์ มันทำให้ออร่าเย็นชาบนร่างของเขาแข็งแกร่งขึ้น...