บทที่ 24: กำเนิดปราณภายใน
บทที่ 24: กำเนิดปราณภายใน
โจวเจ๋อเป็นหมอที่ดีและเป็นคนดีด้วย
เมื่อมองดูท่าทางที่ยุ่งวุ่นวายของเขา ลู่หยวนก็คิดอย่างเงียบๆ จิตใจของเขาล่องลอยไป
มณฑลต้าหยูเป็นสถานที่เล็กๆ มันมีร้ายยาเพียงแห่งเดียวในเมือง ดังนั้นนี่จึงเป็นสถานที่เดียวที่เขาจะสามารถหาซื้อสมุนไพรได้
โชคดีที่หมอโจวเป็นแพทย์ และด้วยประสบการณ์ที่สืบทอดต่อกันมาของเขา เขาจึงมีรายได้มากมายจากการรักษาผู้ป่วยทั่วทั้งมณฑล และไม่ต้องกังวลเรื่องการหาเลี้ยงชีพ
ด้วยเหตุนี้เอง สำหรับการฝึกฝนวรยุทธ์ การฆ่าและการต่อสู้ งานที่ท้าทายและอันตรายเช่นนี้ เขาจึงไม่ได้สนใจเลย
หลังจากได้โต้ตอบกันหลายครั้ง ลู่หยวนก็เชื่อใจหมอโจวมากและไม่กังวลว่าเขาสงสัยในการฝึกฝนวรยุทธ์ของเขา
ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงยอมรับอย่างเปิดเผยว่าเขาซื้อสมุนไพรไปเพื่อฝึกวรยุทธ์
ท้ายที่สุดแล้ว สิ่งที่เขามอบให้อีกฝ่ายก็คือใบสั่งยา มันไม่ใช่ตำราวรยุทธ์และสิ่งที่เดาได้จากสมุนไพรอย่างมากที่สุดก็คือเขากำลังฝึกวรยุทธ์เท่านั้น
“ท้ายที่สุดแล้ว ใครจะสนใจตำราวรยุทธ์ที่นายพรานฝึก? พวกเขาคงจะแค่หัวเราะออกมาเมื่อได้ยินมัน” ลู่หยวนคิด
สำหรับนายพรานเช่นเขาที่พยายามเปลี่ยนชะตากรรมของเขาด้วยการฝึกวรยุทธ์ มันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกตาสำหรับใครเลย
บางทีสิ่งเดียวที่แปลกก็คือการที่นายพรานคนนี้ยังสามารถหาเงินมาซื้อสมุนไพรได้ก็เท่านั้น
ในขณะที่ลู่หยวนกำลังคิดอย่างไร้จุดหมาย หมอโจวก็เตรียมยาไว้แล้ว เขาวางสมุนไพรหลายชิ้นไว้บนเคาน์เตอร์แล้วสะบัดลูกคิด “ตามกฎเก่าๆ ของพวกนี้มีราคาห้าตำลึง”
“แพงมาก”
เมื่อได้ยินราคานี้ ปากของลู่หยุนก็กระตุก ขณะที่ล้วงเงินเข้าไปในกระเป๋า เขาก็พูดว่า “ท่านลดให้ข้าอีกหน่อยไม่ได้หรอ?”
หมอโจวมองเขาแล้วพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ร้านของฉันก็เล็กแค่นี้ เราไม่มีส่วนลดให้หรอก หากเจ้าคิดว่ามันแพง ทำไมเจ้าไม่เลิกฝึกวรยุทธ์แทนล่ะ? ด้วยวิธีนี้ เจ้าก็จะไม่จำเป็นต้องใช้จ่ายมากนักและไม่ต้องบ่นเรื่องค่าใช้จ่ายด้วย”
หมอโจวยังคงกังวลแทนลู่หยวนที่อยากจะฝึกวรยุทธ์ ด้วยเหตุนี้เอง เขาจึงให้คำแนะนำทางอ้อมผ่านการหยอกล้อ
ลู่หยวนนิ่งเงียบไปโดยทันที
เขาหยิบเงินออกมาอย่างจำใจ เงินสองตำลึงที่ได้มาใหม่ยังไม่ทันได้เติมเต็มถุงเงินของเขาเลย แต่ตอนนี้พวกมันก็ได้หายไปแล้ว
“การฝึกฝนวรยุทธ์ต้องใช้เงินมากจริงๆ!”
ลู่หยวนวางสมุนไพรลงในตะกร้าและเดินออกจากร้านขายยา เขามองไปที่แสงแดดอันสดใสด้านนอก ดวงอาทิตย์ที่เจิดจ้าดูเหมือนกับเหรียญทองแดงขนาดใหญ่ในสายตาเขา
เงินออมของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง และเงินออมของเขาก็จวนจะหมดลงแล้ว
เขาเริ่มยากจนลงเรื่อยๆ และเขาก็เกือบจะมองเห็นวันที่เขาจะไม่มีเงินเหลือและต้องนอนข้างถนนแล้ว
“ไม่ ถึงฉันเงินหมดและต้องขายบ้าน แต่ฉันก็ยังสามารถกลับไปใช้ชีวิตบนภูเขาได้ ฉันจะไม่จบลงที่ข้างถนน!” ลู่หยวนรีบส่ายหัวแล้วเดินไปที่ประตูเมือง
ครั้งนี้เขาไม่ได้ไปทานอาหารในร้านอาหารเพื่อประหยัดเงินมากขึ้น และเพื่อหลีกเลี่ยงวันที่เขาจะล้มละลาย
แล้วเขาจะทำยังไงถ้าเขาหิว?
เขาได้เตรียมข้าวปั้นเนื้อรมควันเอาไว้ล่วงหน้าแล้ว
มันเป็นระยะทางที่ยาวไกลระหว่างเมืองมณฑลกับเมืองหยางเหมย ระยะทางรวมนั้นไกลนับ 30 กิโลได้ ดังนั้นลู่หยวนจึงเพิ่งกลับมาถึงบ้านตอนใกล้ค่ำเท่านั้น
หลังจากกลับมาถึงบ้าน เขาก็วางสมุนไพรไว้ในห้องนอน ในช่องที่ซ่อนอยู่ใต้เตียง พร้อมด้วยเงินที่ติดตัวอยู่ สิ่งเหล่านี้ล้ำค่ามาก และเขาก็ไม่สามารถปล่อยให้มันถูกขโมยไปได้
หลังจากล็อคกล่องสีทองใบเล็กแล้ว ลู่หยวนก็ไปที่ห้องครัว เขาปรุงอาหารตามปกติ
และโดยใช้ประโยชน์จากเวลาทำอาหาร เขาไปที่ลานบ้านและฝึกวรยุทธ์เพื่อเรียกเหงื่อ
หลังจากอาบน้ำสองสามถังและทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ลู่หยวนก็กลับไปที่ห้องนอนของเขาและนั่งขัดสมาธิบนเตียงของเขา เขาไม่ได้นอนลงแต่จมดิ่งกับความคิดและเริ่มใคร่ครวญ
“สิ่งที่เรียกว่ากำลังภายในตามในหนังสือบอกแล้วคือการหลอมรวมของจิตวิญญาณและแก่นแท้โลหิตภายในร่างกาย สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เข้าใจยาก มันมีจริงและจับต้องไม่ได้ มีแก่นแท้แต่ไม่มีแก่นสาร”
“ดังนั้นแล้วบางคนจึงเรียกมันว่า 'ปราณ'”
เมื่อวิญญาณและเลือดหลอมรวมกัน พวกมันจะก่อตัวเป็น 'ปราณ'; แก่นแท้ ปราณและวิญญาณเป็นสมบัติสามประการในร่างกายของมนุษย์ ดังนั้นแล้วผู้ที่ฝึกกำลังภายในเมื่อกำลังภายในเพิ่มขึ้น ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาจึงจะอุดมสมบูรณ์ขึ้นด้วย ขณะเดียวกัน เมื่อกำลังภายในลดลง ร่างกายและจิตวิญญาณของพวกเขาก็จะอ่อนแอลงด้วย
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมในโลกยุทธ์ บางคนจึงป่วยและอ่อนแอหลังจากสูญเสียกำลังภายในไป
ลู่หยวนคุ้นเคยกับคำว่าปราณดีอยู่แล้ว และขณะที่เขาคิดเกี่ยวกับมัน ทุกคำและวลีก็ดูจะแจ่มแจ้งชัดเจนอยู่ในใจของเขา
“ดังนั้นแล้วกุญแจสำคัญในการฝึกพลังปราณภายในคือการหลอมรวมจิตวิญญาณเข้ากับร่างกายและนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้งจนกลายเป็น 'ปราณ' ในที่สุด”
“และวิธีการนี้ก็คือเทคนิคการฝึกฝนกำลังภายใน”
ลู่หยวนกำลังนึกถึงทักษะวิญญาณซึ่งเป็นสิ่งที่เขาเคยเห็นมานับพันครั้งแล้ว
“ทักษะวิญญาณของฝ่ามือเมฆาเกิดจากการสังเกตความหมายของเมฆและน้ำแล้วขยายความมันจากจุดนั้น”
“ดังนั้นเมื่อใช้เทคนิคนี้เพื่อสัมผัสถึงแก่นแท้ภายในร่างกาย สิ่งสำคัญคือต้องเคลื่อนไหวให้เหมือนกับเมฆที่ล่องลอยและน้ำที่ไหลริน”
ลองนึกภาพจิตวิญญาณเป็นเหมือนเมฆที่ฟุ้งกระจายไปทั่วร่างกาย
ลองนึกภาพแก่นแท้โลหิตเป็นเหมือนแม่น้ำที่ไหลผ่านเส้นลมปราณต่างๆ
เมื่อเมฆและแม่น้ำหลอมรวมกัน พลังปราณภายในก็จะถูกปลดปล่อยออกมา”
ท่ามกลางความว่างเปล่า ลู่หยวนทำจิตใจให้แจ่มแจ้งและเริ่มจินตนาการถึงการก่อกำเนิดปราณ
จิตวิญญาณที่เป็นดั่งเมฆรวมตัวกันและลอยไปตามลม
ในขณะเดียวกัน ภายในร่างกาย แก่นแท้โลหิตที่ได้รับการบำรุงมานานกว่าหนึ่งปีตอนนี้ดูเหมือนจะไหลเหมือนลำธารในหลอดเลือดภายใต้การนำทางของความคิดของเขา
เสียงเลือดไหลเวียน ความรู้สึกของการไหล และแม้กระทั่งวิญญาณที่ลอยอยู่ในตัวเขา ทั้งหมดนี้กำลังค่อยๆ ชัดเจนมากขึ้น!
ทิวทัศน์ที่ไม่อาจรับรู้ได้มาก่อนปรากฏขึ้นในใจของเขา!
ราวกับแว่นขยายที่กำลังฉายสถานที่ที่เมฆและแม่น้ำเคลื่อนตัดกัน
เลือดยังคงไหลอย่างต่อเนื่อง และเมฆวิญญาณก็ลอยอยู่เหนือมัน พวกมันเคลื่อนตัวไปตามเส้นลมปราณพร้อมๆ กัน
เมฆบางส่วนที่ขับเคลื่อนไปพร้อมกับชีพจรค่อยๆ หลุดออกจากความว่างเปล่าและไหลรวมเข้าสู่หลอดเลือดก่อนจะผสานเข้ากับเลือด
บู้มมม!!
การระเบิดที่ดูเหมือนจะมีอยู่เพียงในจิตวิญญาณเท่านั้นปะทุขึ้น พลังที่ดูเหมือนลวงตาแต่จับต้องได้ปรากฏขึ้นในเส้นลมปราณของลู่หยวน
ปราณภายในได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว!!
หลังจากศึกษาทักษะวิญญาณมาหนึ่งปี ในที่สุดเขาก็สร้างปราณภายในขึ้นมาได้สำเร็จ!
...
สามวันต่อมา
บนถนนของเมืองหยางเหมย
พร้อมกับตะกร้าบนหลังและมีดกับธนูในมือ ลู่หยวนก็พร้อมที่จะไปล่าสัตว์บนภูเขาแล้ว
แม้ว่าตอนนี้หิมะจะยังตกและสัตว์ส่วนใหญ่บนภูเขาก็ยังไม่ตื่นจากจำศีล แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าหากเขาไปหาพวกมันที่ถ้ำ เขาจะไม่เจอพวกมัน
“แต่เดิม การหาถ้ำหรือที่อยู่ของพวกสัตว์ตัวเล็กๆ อย่างกระต่ายนั้นก็เป็นเรื่องที่ยากมาก”
“แต่สำหรับสัตว์นักล่าขนาดใหญ่อย่างสุนัขจิ้งจอก หมาป่า เสือและเสือดาวแล้ว รังของพวกมันก็หาง่ายกว่ามาก ถึงอย่างนั้น ความยากในการล่าเองก็สูงขึ้นมากด้วยเช่นกัน”
ในขณะที่เดิน ลู่หยวนก็คิดว่า “แต่ตอนนี้ฉันได้ฝึกฝนปราณภายในเรียบร้อยแล้ว และทั้งความแข็งแกร่งและความเร็วของฉันก็แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิมมาก ซึ่งมันก็แข็งแกร่งขึ้นเกือบๆ จะสองเท่า”
“ตอนนี้ ฉันคิดว่าฉันน่าจะสามารถสู้กับเสือหรือหมีป่าแบบตัวๆ ได้แล้ว”
“แต่เพื่อความปลอดภัย ตอนนี้ฉันจะยังไม่ไปยุ่งกับพวกมันก็แล้วกัน”
หลังจากฝึกฝนปราณภายในแล้ว ร่างกายของเขาก็พัฒนาขึ้นกว่าแต่ก่อนมาก
ด้วยเหตุนี้เอง เพื่อจะรักษาระดับพลังนี้ไว้ เขาจึงต้องหาพลังงานมาเติมแต่งร่างกายของเขาให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น
และในความเป็นจริงแล้ว ความอยากอาหารของลู่หยวนก็ได้เพิ่มขึ้นโดยทันทีหลังจากที่เขาฝึกเสร็จ
ปริมาณอาหารที่เขาเคยกินก่อนหน้านี้ไม่สามารถเติมเต็มความต้องการในปัจจุบันของเขาได้อีกต่อไป
ในตอนนี้ เนื้อสัตว์หนึ่งถึงสองโลและข้าวหนึ่งโลก็นับเป็นเรื่องปกติสำหรับเขาแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยการบริโภคสมุนไพรบำรุงต่างๆ ในแต่ละวัน ค่าใช้จ่ายรายวันของเขาจึงไหลราวกับน้ำตามไปด้วย
ตามการประมาณอย่างคร่าวๆ แล้ว เขาก็จะต้องหาเงินให้ได้อย่างน้อยสิบตำลึงต่อเดือน ไม่อย่างนั้นมันก็จะไม่ครอบคลุมค่าใช้จ่ายของเขา และเขาก็จะจนลงเรื่อยๆ
ดังนั้นแล้วเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ เขาจึงต้องใช้พละกำลังที่เพิ่มขึ้นมาให้เกิดประโยชน์
แต่เพราะอยู่ในช่วงกลางฤดูหนาวเช่นนี้ ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องออกไปหารายได้จากการล่าสัตว์พิเศษๆ บนภูเขา....