บทที่ 23: ซื้อยา
บทที่ 23: ซื้อยา
มณฑลต้าหยู ตลาดตะวันออก
“นี่คือค่าคุ้มครองในครั้งนี้”
ลู่หยวนแบกตะกร้าไว้บนหลังของเขาและหยิบเงินออกมามอบให้กับชายคนหนึ่งที่มีรอยแผลเป็นบนใบหน้า
นี่คือหัวหน้าคนใหม่ที่แก๊งหมาป่าทมิฬส่งมาเก็บค่าคุ้มครองแทนเปียวเย่
ผู้คนต่างเรียกเขาว่าหน้าบากเพราะใบหน้าที่ดูดุร้ายของเขา และว่ากันว่าเขาเคยเป็นโจรที่แข็งแกร่งซึ่งทำให้ทั้งมณฑลหวาดกลัวมาก่อน และหลังจากเข้าร่วมแก๊งกับหมาป่าทมิฬ เขาก็ได้กลายเป็นหนึ่งในสมาชิกที่มีชื่อเสียงภายในแก๊ง
เนื่องจากเปียวเย่ได้ถูกส่งไปลงนรกตั้งแต่เมื่อปีก่อนแล้ว ดังนั้นแก๊งหมาป่าทมิฬจึงส่งคนที่แข็งแกร่งยิ่งขึ้นมาคุมที่นี่
ในขณะนี้ ชายชุดดำหกคนยืนอยู่ด้านหลังหน้าบาก แต่ละคนมีมีดสั้นคาดอยู่ที่เอว มันส่องแสงแวววาวท่ามกลางแสงแดดและทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัวเมื่อเห็นพวกมัน
“ไม่เลว เจ้าฉลาดกว่าคนอื่นๆ”
หน้าบากเดินเข้าไปหาลู่หยวน เขาพลิกตะกร้าของลู่หยวนและประเมินมูลค่าของสิ่งของที่อยู่ข้างในอย่างรวดเร็ว มันเช็คเสร็จแล้ว หน้าบากก็หน้าด้วยความพึงพอใจ “เช็คง่ายจ่ายคล่อง แบบนี้แหละถึงจะดีสำหรับเราทั้งคู่!”
“ท่านพูดถูก” ลู่หยวนยิ้มอย่างประจบประแจง
หน้าบากตบไหล่ของเขา จากนั้นเขาก็รับเงินแล้วจากไป
ผู้คนที่สัญจรไปมาบนถนนต่างแยกย้ายกันไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อเห็นชายกลุ่มนี้เดินเข้ามา พวกเขาเปิดเส้นทางโล่งเอาไว้ให้พวกเขาเดินอย่างชัดเจน
“ไอ้พวกผีดูดเลือด!”
เมื่อมองดูร่างที่เดินจากไปของพวกเขา ลู่หยุนก็บ่นและสาปแช่งในใจ
เมื่อถูกปล้นโดยพวกผีดูดเลือดเหล่านี้ สามในสิบของเงินที่หามาอย่างยากลำบากเป็นเวลาหลายเดือนก็ถูกเอาไปโดยเปล่าประโยชน์ สิ่งนี้ย่อมทำให้ทุกคนต้องรู้สึกเสียใจเป็นธรรมดา
นั่นคือเงินและเงินหยาดเหงื่อที่เขาแลกมาอย่างอุตสาหะ!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่เขาเริ่มฝึกวรยุทธ์ ค่าใช้จ่ายของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มันทำให้น่าเจ็บปวดใจมากยิ่งขึ้น
แต่กระนั้นหากเขาไม่จ่ายล่ะ?
แม้ว่าเขาจะเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์และความแข็งแกร่งของเขาจะเพิ่มขึ้นมาหลายเท่าตัวแล้ว
แต่ลู่หยวนก็รู้ดีว่าความแข็งแกร่งในปัจจุบันของเขายังห่างไกลจากการแข่งขันกับคู่ต่อสู้ของเขา
แม้แต่หม่าจื่อชิงซึ่งบรรลุกำลังภายในแล้วและสามารถกระโดดไปมาหลายร้อยเมตรในก้าวเดียวได้ก็ยังต้องหนีหยั่งหมาเมื่อเผชิญหน้ากับแก๊งหมาป่าทมิฬทั้งแก๊ง
และในที่สุด เขาก็มาเสียชีวิตลงหยั่งหมาอีกเช่นกันด้วยน้ำมือของลู่หยวนล
“อย่างน้อยๆ หม่าจื่อชิงก็น่าจะเปิดเส้นลมปราณได้สองเส้นแล้ว ซึ่งนั่นก็เพียงพอแล้วที่จะถือว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ขั้นสาม กลับกัน ฉันยังไม่ได้เปิดเส้นลมปราณเลย ดังนั้นมันคงจะเป็นไปไม่ได้สำหรับฉันที่จะไปยั่วยุพวกมันในตอนนี้”
ลู่หยวนมีความเข้าใจชัดเจนเกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตัวเอง
ด้วยเหตุนี้เอง แม้ว่าเขาจะไม่พอใจอย่างมากกับการถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่เขาก็ยังอดกลั้นเพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของเขา
ความอัปยศอดสูที่เขากำลังประสบอยู่ในตอนนี้จะคงอยู่ต่อไปอีกเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อเขาสะสมความแข็งแกร่งได้มากเพียงพอแล้ว เขาก็จะกลับมาชำระหนี้แค้นแน่นอน
“แต่เมื่อพิจารณาถึงความก้าวหน้าในปัจจุบันของฉันแล้ว กว่าฉันจะฝึกฝ่ามือเมฆาจนถึงขั้นสมบูรณ์ มันก็อาจจะต้องใช้เวลาสามสิบถึงห้าสิบปีนับต่อจากนี้ ซึ่งกว่าจะถึงเวลานั้น มันก็น่าคิดว่าไอ้หน้าบากนี่กับแก๊งหมาวัดของมันจะอยู่ถึงรึเปล่า”
ทันใดนั้น ลู่หยวนก็คิดถึงปัญหานี้ แต่ในไม่ช้าเขาก็ส่ายหัว “ชั่งแม่ง ถ้าถึงเวลานั้นแล้วไอ้เวรพวกนั้นมันตายแล้ว ฉันก็จะไปคิดบัญชีแค้นกับลูกชายหรือไม่ก็หลานชายของพวกมันแทน มันเป็นเรื่องปกติอยู่แล้วที่ลูกหลานจะชดใช้กรรมแทนบรรพบุรุษของพวกเขา”
…
หลังจากจดบันทึกความแค้นครั้งนี้แล้ว ลู่หยวนก็หันไปทางตลาด
หลังจากต่อรองราคาขายกันตามปกติแล้ว ลู่หยวนก็ได้รับเงินมาประมาณสองตำลึง
ด้วยเงินที่เพิ่งได้รับมา เขาก็เดินไปที่ร้านขายยาที่อยู่ติดกันโดยทันที
“หมอโจว โปรดเตรียมสมุนไพรพวกนี้ให้ข้าที”
เหมือนเช่นเคย ลู่หยวนหยิบใบสั่งยาออกมาแล้วยื่นให้กับหมอโจวซึ่งกำลังทำบัญชีอยู่หลังเคาน์เตอร์
หมอโจวมีชื่อเต็มว่าโจวเจ๋อ เขาอายุประมาณ 30 ปี เขามีหนวดเคราสั้นที่คางและทำให้เขาดูเหมือนกับบัณฑิต
ร้านยาแห่งนี้บริหารงานโดยครอบครัวของเขามาหลายชั่วอายุคนแล้ว และกล่าวกันว่ามันมีอายุมากกว่าร้อยปีแล้ว
เนื่องจากลู่หยวนเริ่มฝึกฝนวรยุทธ์ เขาจึงมาเยือนเมืองนี้บ่อยครั้งเกือบทุกเดือน โดยมักจะมาที่นี่เพื่อซื้อยาและได้กลายเป็นลูกค้าประจำในท้ายที่สุด
หลังจากผ่านไปครึ่งปี ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มคุ้นเคยกันมากขึ้น
โจวเจ๋อรับใบสั่งยาและดูส่วนผสมในนั้น เขาขมวดคิ้วเล็กน้อย “มันแตกต่างจากใบสั่งยาคราวก่อนนี่ ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นสมุนไพรบำรุงโลหิตละควบคุมพลังปราณภายใน นี่เจ้าได้รับบาดเจ็บภายในมาหรอ?”
โจวเจ๋อรู้เพียงเล็กน้อยเกี่ยวกับการฝึกฝนวรยุทธ์ ดังนั้นเขาจึงไม่รู้ว่าลู่หยุนกำลังฝึกวรยุทธ์
และเมื่อเห็นการเปลี่ยนแปลงของใบสั่งยา ดังนั้นเขาจึงคิดว่าลู่หยวนซื้อยาเพื่อเอาไปรักษาตัว
“ไม่ ข้าแค่รู้สึกว่าวิธีการฝึกฝนก่อนหน้านี้มันผิด ดังนั้นฉันจึงเปลี่ยนวิธีอื่น” ลู่หยวนได้เตรียมเหตุผลไว้ล่วงหน้าแล้ว และตอนนี้เขาก็หยิบยกมันขึ้นมาใช้
โจวเจ๋อขมวดคิ้ว “แม้ว่าสมุนไพรเหล่านี้จะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายของเจ้าเมื่อรับประทานเข้าไป แต่รับพวกมันเข้าไปในปริมาณมากก็จะยังคงเป็นภาระต่อร่างกายของเจ้า ร่างกายมนุษย์นั้นบอบบาง และถ้าเจ้าทำอะไรเกินเลย เจ้าก็อาจจะป่วยเพราะมันเอาได้”
“ฉะนั้นแล้ว ข้าจึงขอแนะนำให้เจ้าระวังเอาไว้ให้ดี”
“แม้กระทั่งการต่อสู้และการฆ่า เราอาจเสียชีวิตลงได้หากไม่ระวัง”
“ดังนั้นแทนที่จะมัวฝันถึงการฝึกวรยุทธ์มายาเหล่านั้น เจ้าอาจประหยัดเงิน แต่งงานกับภรรยา และมีชีวิตที่มั่นคงแทนก็ได้”
หมอโจวพิสูจน์ให้เห็นว่าแพทย์มีจิตใจเมตตา แม้ว่าเขาจะทำกำไรจากการขายยา แต่กระนั้นสุขภาพของลูกค้าก็สำคัญกว่า
ลู่หยวนส่ายหัวแล้วยิ้ม “ไม่เป็นไร ข้ารู้ขีดจำกัดของตัวเองดี”
โจวเจ๋อถอนหายใจ “เอาล่ะ ธุระของเจ้าก็คือธุระของเจ้าเอง ข้าเป็นใครถึงจะไปมีสิทธิ์มาห้ามเจ้า? รอข้าอยู่ที่นี่ก่อน ข้าจะไปเอาสมุนไพรมาให้เดี๋ยวนี้แหละ”
จากนั้นเขาก็เริ่มเดินไปรอบๆ ตู้ยาแต่ละตู้และเตรียมสมุนไพรตามใบสั่ง...