ตอนที่แล้วบทที่ 41 เขตกักกันถูกโจมตี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43 เขตกักกันไม่ปลอดภัย

บทที่ 42 มันยังไม่จบ


บทที่ 42

มันยังไม่จบ

“ปังปังปังปัง…”

ทุกมุมของเขตกักกัน ทหารทุกคนช่วยกันยิงปืนใส่นกยักษ์บนท้องฟ้าที่บินตรงลงมา โดยไม่มีทีท่าจะผ่อนความเร็วลงเลย

ควันดินปืนลอยโขมง ปลอกกระสุนเกลื่อนพื้น

ร่างของนกยักษ์หดปีกเข้าหาลำตัว ทำให้ความเร็วของมันเพิ่มมากขึ้น ราวกับศรคมที่พุ่งแหวกอากาศ

“ซูม”

หางของนกยักษ์กระพือจนเกิดแรงดันอากาศ ทำให้ความเร็วเพิ่มขึ้นจนตาเปล่ามองไม่ทัน

“ไม่ไหว รีบหนีไปเร็ว!”

เจิ้งเหว่ยตะโกนสุดเสียง เขาเข้าใจความเร็วที่เทียบเท่ากับโซนิคบูมได้ดี มันมีพลังทำลายล้างไม่ต่างจากเครื่องบินตก

แน่นอนว่าไม่มีใครสามารถต้านทานการโจมตีนี้ได้ ต่อให้เสริมการป้องกันทั้งหมดที่มีก็เปล่าประโยชน์ เมื่อต้องเผชิญความเร็วแบบโซนิคบูม

แต่ลัวหลงกลับไม่รู้สึกกลัวเลย ทั้งยังตะโกนขู่นกยักษ์อีกว่า

“สู้ให้ตายกันไปข้างเลย ไอ้นกสวะ!”

ในขณะเดียวกัน ร่างของลัวหลงก็ลุกเป็นกองเพลิงขนาดใหญ่ พร้อมที่จะระเบิดตัวเองตายไปพร้อมกับนกยักษ์กลายพันธุ์

ทันใดนั้นร่างของสาวงามก็ปรากฏขึ้น เธอเหยียบเต็นท์และกระโดดลอยอยู่กลางอากาศด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

“ฉันเอง!”

ความเร็วของหญิงสาวคนนี้เร็วมาก จนทุกคนรู้สึกตาพร่ามัวเล็กน้อย จากนั้นทุกคนก็ได้ยินเสียงแหวกลมที่แหลมจนแสบหูดังไปทั่วพื้นที่ในเขตกักกัน

ตอนนี้ทุกคนรู้สึกสบายใจอย่างอธิบายไม่ถูก ในที่สุดก็มียอดมนุษย์เข้ามาช่วยเหลืออีกคนแล้ว!

แต่หลังจากเงาของหญิงสาวโผล่ออกมาไม่ทันไร ร่างของนกยักษ์ก็พุ่งมาถึงพื้นแล้ว

“ตูม”

เกิดแรงระเบิดจากคลื่นอากาศ พัดกระจายอย่างรุนแรง ทำให้ฝุ่นทรายและเศษหินปลิวว่อนทันที

ผู้คนที่อยู่ใกล้แรงระเบิดที่สุดถูกพัดปลิวออกไป แม้แต่ผู้คนที่อยู่ในระยะไกลก็ถูกพัดปลิวไปไกลเช่นกัน

เมื่อพวกเขาเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง นกยักษ์ยังคงบินวนอยู่บนท้องฟ้า แต่มันบินไปรอบ ๆ อย่างร้อนรนเหมือนกับแมลงวันหัวขาด

หลังจากสังเกตดี ๆ          ทุกคนพบว่ามีใครคนหนึ่งห้อยโตงเตงอยู่บนหัวของนกยักษ์ คนที่เกาะอยู่ก็คือหญิงสาวที่โผล่ออกมาเมื่อกี้

“เธอเป็นใครกัน?”

หัวใจของเจิ้งเหว่ยเต็มไปด้วยความประหลาดใจ สงสัยว่าคนที่แข็งแกร่งอีกคนนั้นมาจากไหน?

“พี่เซวี่ย ระวังตัวด้วย!” ลัวเฟิงตะโกนจากพื้นดิน

ขณะนี้หยางเซวี่ยกำลูกดอกหนูไว้แน่น หลังจากถูกนกยักษ์พุ่งชน เธอใช้ลูกดอกหนูแทงเข้าไปในดวงตามัน

ตอนนี้นกยักษ์กำลังทรมาน แต่มันก็ทำได้แค่บินไปรอบ ๆ อยู่บนท้องฟ้า พยายามสะบัดหยางเซวี่ยออกไป

แต่หยางเซวี่ยไม่ยอมปล่อย เธอใช้อีกมือหนึ่งจับจะงอยปากของนกยักษ์เอาไว้ พยายามสู้สุดชีวิตราวกับกระต่ายกำลังต่อสู้กับนกอินทรี แต่นกยักษ์ก็โจมตีสวนกลับด้วยกรงเล็บ

“โอ๊ย...”

ทันใดนั้น ต้นขาและเอวของหยางเซวี่ยก็ถูกกรงเล็บของนกยักษ์ข่วนไปหลายแผล

“ไปลงนรกซะ เดี๋ยวแม่จัดการเอง”

เธอจับจะงอยปากของนกยักษ์ไม่ยอมปล่อย ก่อนดึงลูกดอกหนูออกมาแล้วแทงลงไปที่หัวของมันอย่างรุนแรง ด้วยกำลังทั้งหมดที่มี

ไม่นานนกยักษ์ก็ฝืนทนความเจ็บปวดไม่ไหว จนกรีดร้องเสียงดัง

หลังจากนั้น นกยักษ์เจ็บปวดจนสิ้นใจตายในที่สุด ด้วยความพยายามของหยางเซวี่ย นกยักษ์ต้องพ่ายแพ้ให้กับน้ำมือมนุษย์ที่ดูอ่อนแอกว่า และร่วงตกลงสู่พื้นดิน

“ตึง โครม โครม”

นกยักษ์ร่วงลงมา ทำให้เศษหินและทรายพัดกระจาย

หลังจากที่หยางเซวี่ยตกลงมา ร่างของเธอกลิ้งไปไกลหลายสิบเมตร จนกลิ้งไปชนเข้ากับเต็นท์หนึ่งและนอนซมอยู่อย่างนั้น

“พี่เซวี่ย”

ลัวเฟิงรีบวิ่งไปดูอาการบาดเจ็บของหยางเซวี่ยทันที

ร่างของหยางเซวี่ยมีรอยแผลเป็นมากกว่าหนึ่งโหล แถมแต่ละแผลยังลึกไปจนเห็นกระดูก

“พี่เซวี่ย”

ลัวเฟิงกอดหยางเซวี่ยแล้วตะโกนว่า

“ใครก็ได้ เรียกหมอมาทางนี้เร็วเข้า!”

หลังวิกฤตนกกลายพันธุ์โจมตีผ่านพ้นไป บรรดาทหารเริ่มจัดการกับการสูญเสียที่ตามมาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

เจิ้งเหว่ยพูดกับทหารคนหนึ่งขณะวิ่งว่า

“รีบรวมผู้ที่ได้รับบาดเจ็บ แล้วบอกให้หมอทุกคนเตรียมการรักษาทุกคนโดยเร็ว”

“ครับ”

ทหารคนนั้นรับคำสั่งและจากไป

เจิ้งเหว่ยมาวิ่งมาที่ด้านข้างของหยางเซวี่ย หลังเห็นบาดแผลเขาก็ได้แต่อ้าปากค้าง

“เร็วเข้า เรียกหมอมาทางนี้ที เราต้องรีบรักษาเธอเดี๋ยวนี้!”

ในขณะที่ทหารกำลังวุ่นวาย เสียงของเฉินเทียนเซิงก็ดังมาจากทางเข้า

“เดี๋ยวก่อน!”

“อาจารย์”

ลัวเฟิงหันไปมองตามเสียง เมื่อเห็นเฉินเทียนเซิงเธอก็ดีใจมากจนน้ำตาคลอ

เฉินเทียนเซิงประคองเอวหยางเซวี่ยด้วยมือข้างเดียว และเดินจากไปอย่างรวดเร็ว

“คุณไม่ต้องห่วงเรื่องบาดแผลของเธอหรอก รีบไปแยกผู้บาดเจ็บคนอื่น ๆ ออกก่อน ต่อให้รักษาไปก็ไม่มีประโยชน์ มีแต่เสียเวลาเปล่า ถ้าคุณไม่อยากฆ่าคนไปมากกว่านี้ ก็แค่ยิงพวกเขาทิ้งทั้งหมด”

สิ่งที่เฉินเทียนเซิงพูดนั้นสมเหตุสมผล แต่เมื่อคนอื่นได้ฟังแบบนี้ พวกเขากลับมีความคิดต่างออกไป

นอกจากผู้รอดชีวิตแล้ว ยังมีทหารอีกมากมายในหมู่ผู้บาดเจ็บ ซึ่งคนเหล่านี้ล้วนเป็นเพื่อนร่วมรบที่คลุกคลีกับพวกเขามานาน

ยิงทิ้งเหรอ!

เจิ้งเหว่ยไม่สามารถระงับความโกรธได้อีกต่อไป ก่อนเดินไปขวางทางเฉินเทียนเซิง แล้วคว้าคอเสื้อของเขา

“ในเวลาสิ้นหวังแบบนี้ คุณยังกล้ามาสร้างปัญหาอยู่อีก!”

ทหารคนอื่นต่างจ้องมองด้วยความโกรธเช่นกัน

เนื่องจากเขาไม่อยู่ตอนที่ฝูงนกโจมตี แต่ดันออกมาป่วนคนอื่น แถมยังมาบอกให้พวกเขายิงเพื่อนตัวเอง ในเวลาแบบนี้ไม่ว่าใครก็ตาม ต่างรู้สึกหมดความอดทนกับเฉินเทียนเซิงจนถึงขีดสุดแล้ว

“ไปให้พ้น”

เฉินเทียนเซิงผลักเจิ้งเหว่ยที่กำลังโกรธออกไป เดินฝ่าวงกลมของพวกทหาร ก่อนวางหยางเซวี่ยลงเพื่อดูอาการบาดเจ็บอีกครั้ง

“ผมบอกให้คุณมาดูสถานการณ์ ไม่ได้ขอให้คุณมาเจ็บตัวแบบนี้ อาการบาดเจ็บสาหัสมากซะด้วย ถ้าคุณตาย ผมคงเสียใจมาก!”

เฉินเทียนเซิงอุ้มหยางเซวี่ยขึ้นมาขณะพึมพำ

หลังจากที่เขาอุ้มเธอขึ้นมา ทหารรอบ ๆ ตัวเขาก็เข้ามายืนล้อมอีกครั้ง และจ้องเขม็งใส่

เจิ้งเหว่ยพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาพร้อมกับสีหน้าเศร้าหมองว่า

“ผมไม่สนหรอกว่าคุณต้องการจะทำอะไร แต่เธอคือฮีโร่ของเรา อีกไม่นานหมอก็มาถึงแล้ว คุณควรวางร่างเธอลงซะ”

เฉินเทียนเซิงตอบกลับอย่างเย้ยหยัน “ดูแลตัวเองก่อนไหมคนเก่ง ผลพวงจากการโจมตียังไม่จบ นี่แค่เริ่มต้นเท่านั้น ลัวเฟิง!”

ลัวเฟิงใช้ลมผลักทหารที่ขวางทางกระเด็นออกไป

“ถอยไป หลีกทางไปให้พ้น อย่าต้องให้พูดซ้ำ”

ลัวเฟิงพูดจบ เฉินเทียนเซิงก็พาหยางเซวี่ยออกมาจากวงล้อมของพวกทหารได้สำเร็จ

แต่ทหารกลับรู้สึกโกรธมากขึ้น พวกเขาต่างสาปแช่งในใจ ถึงแม้จะรู้สึกเจ็บปวด แต่ก็ไม่มีใครยอมไปหาหมอ อดสงสัยไม่ได้ว่าทำไมบนโลกนี้ต้องมีคนขวางโลกแบบเฉินเทียนเซิงอยู่ด้วย

“ปล่อยเขาไป!”

เจิ้งเหว่ยยืนกำหมัดและแอบสาบานในใจว่า เมื่อทุกอย่างกลับมาอยู่ในความสงบเมื่อไหร่ เขาจะขับไล่เฉินเทียนเซิงออกจากเขตกักกัน ไม่ว่าเขาจะพูดแก้ตัวยังไง สำหรับเจิ้งเหว่ยแล้ว คนแบบนี้ไม่ควรพาตัวกลับไปที่ฐานผู้รอดชีวิตด้วยซ้ำ

เฉินเทียนเซิงกอดหยางเซวี่ยและรีบวิ่งออกไปข้างนอก ภายในรถบรรทุกที่อยู่ไม่ไกล ลัวหลงเห็นสภาพหยางเซวี่ยแล้วจึงถามขึ้นว่า

“อาจารย์ ผมควรทำยังไงดี?”

เฉินเทียนเซิงชำเลืองมองลัวหลง

“ลองคิดดูสิว่าต้องทำอะไร”

โดยไม่รอช้า ลัวหลงรีบวิ่งไปด้านหลังและกระโดดขึ้นรถบรรทุก หยิบน้ำแร่ของเฉินเทียนเซิงที่ออกมาจากกระเป๋าเป้อวกาศ แล้วยื่นน้ำแร่ให้หยางเซวี่ย

“อาจารย์ พี่เซวี่ยจะตายไหม?” ลัวเฟิงถามอย่างกระวนกระวาย

“เธอสบายดี ไม่ตายหรอก แต่คนในเขตกักกันน่ะไม่แน่”

เฉินเทียนเซิงอธิบายขณะป้อนน้ำให้หยางเซวี่ย

“ยีนของคนที่วิวัฒนาการแล้วจะถูกดัดแปลง ต่อให้ถูกสัตว์กลายพันธุ์ข่วนหรือกัด ก็ไม่มีทางติดเชื้อ แต่คนธรรมดานั้นต่างออกไป”

หลังจากพูดจบ เฉินเทียนเซิงพูดอย่างเคร่งขรึมว่า

“กลับไปที่เขตกักกันเร็ว ถ้าเห็นคนบาดเจ็บกลายพันธุ์ ให้รีบฆ่าทิ้งทันที ไม่อย่างนั้นได้เกิดหายนะแน่”

“ค่ะ เข้าใจแล้ว”

ลัวเฟิงหันหลังกลับและวิ่งเข้าไปในเขตกักกัน ขณะที่วิ่งกลับเข้าไป เธอเหลือบไปเห็นทหารสองสามคนถอดเสื้อออกแล้วยื่นให้ลัวหลงอย่างติดตลก

“มนุษย์เพลิง ความสามารถของนายเจ๋งจริง ๆ แต่นายต้องเปลือยกายทุกครั้งที่ใช้พลังเลยเหรอ?”

สีหน้าของลัวหลงเปลี่ยนเป็นแดงก่ำเมื่อได้ยินแบบนั้น

ลัวเฟิงรีบวิ่งไปหาและพูดอย่างกระตือรือร้นว่า “พี่ชาย อย่าเพิ่งรีบใส่เสื้อผ้า มันยังไม่จบ พี่อาจต้องใช้ไฟอีกพักใหญ่!”

ลัวหลงตกตะลึง

“ยังไม่จบเหรอ?”

ในขณะนี้ อีกวิกฤตหนึ่งกำลังเกิดขึ้นอย่างช้า ๆ

“ซอมบี้ ศพกลายร่างได้!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด