ตอนที่แล้วบทที่ 40 การโต้เถียงรายงานจากอาชญากร
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 42 มันยังไม่จบ

บทที่ 41 เขตกักกันถูกโจมตี


บทที่ 41

เขตกักกันถูกโจมตี

ไม่นานหลังจากที่เฉินเทียนเซิงจากไป ลัวหมิงโทรศัพท์มาที่เขตกักกัน ทหารคนหนึ่งรีบวิ่งไปที่ทางเข้าเพื่อมองหาใครบางคน แต่เขาพบแค่สองพี่น้องนั่นก็คือ ลัวหลงและลัวเฟิง

“อาจารย์ของหลานอยู่ที่ไหน?”

ลัวหมิงถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น

ลัวหลงเป็นคนรับหน้า เกาหัวและตอบกลับอย่างเชื่องช้าว่า

“อาจารย์ออกไปหาของ เลยไม่ได้อยู่ด้วยกันครับ”

“ทำไมต้องออกไปข้างนอกตอนนี้ แทนที่จะออกไปตอนเช้ากับตอนมืด”

เมื่อได้ฟังน้ำเสียงร้อนรนของลุงตัวเอง ลัวหลงจึงถามกลับไปว่า

“มีเรื่องอะไรรึเปล่าครับ มีเรื่องใหญ่ใช่ไหม?”

เดิมทีลัวหมิงแค่ต้องการหาเวลาติดต่อกับเฉินเทียนเซิงล่วงหน้า เพื่อบอกเขาเกี่ยวกับสถานการณ์ในปัจจุบัน

หากตัวเขาตัดสินใจพลาดเอง ก็ไม่สำคัญว่าจะโดนอะไรบ้าง แต่ถ้าสำเร็จเขาจะได้รับเครดิตทั้งหมด ส่วน                  เฉินเทียนเซิงจะไม่ได้รับประโยชน์อะไรเลย บางทีเขาคิดว่าทำไมต้องบอกเขาด้วย แต่อีกใจหนึ่งกลับคิดว่า ถ้าเกิดความขุ่นเคืองในใจกัน ก็ไม่คุ้มค่ากับมิตรภาพที่เสียไปเลย

“ไม่เป็นไร ถ้าเขากลับมาเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกให้เขาติดต่อลุงกลับด้วย ลุงมีอะไรจะบอกเขา”

“ได้ครับลุง”

ถ้าเขาทำพลาดอีกในครั้งนี้ ทุกอย่างในอนาคตก็จะพังลงเช่นกัน หากมันสำเร็จก็จะถือเป็นผลงานที่ยิ่งใหญ่และเป็นความดีความชอบของลัวหมิง แต่ต่อให้เขายึดเครดิตไว้ทั้งหมดเอาไว้เองก็ไม่ได้มีประโยชน์อะไร

แน่นอนว่าเฉินเทียนเซิงยังไม่รู้เรื่องนี้ ต่อให้เขารู้เขาก็ไม่ได้จริงจังกับเรื่องนี้อยู่แล้ว

ขณะเดียวกัน

บนถนนร้างเขตชานเมือง

เฉินเทียนเซิงเดินไปข้างหน้าอย่างสบาย ๆ ต่างจาก  หยางเซวี่ยที่เดินนำเขาไปข้างหน้าอยู่ครู่หนึ่ง และอีกสักพักหนึ่งก็เดินตามหลังเขา เนื่องจากเธอยังปรับตัวให้เข้ากับพลังไม่ได้

เฉินเทียนเซิงหยุดเดิน มองไปที่ซากปั๊มน้ำมันซึ่งถูกไฟไหม้ แล้วพูดใส่อารมณ์ว่า

“นึกแล้วก็เสียดายจริง ๆ เมื่อสองสามวันก่อนฉันเพิ่งเผาปั๊มน้ำมันทิ้งไป”

หยางเซวี่ยพูดเสริมขึ้นว่า

“ความจริงแล้วเราขอยืมน้ำมันจากพวกทหารก็ได้นี่นา ไม่เห็นต้องออกมาหาให้เหนื่อยเลย”

เฉินเทียนเซิงยิ้มอย่างมีเลศนัย “ใครมันอยากจะไปก้มหัวให้พวกบ้าอำนาจกันเล่า!”

หลังจากพยายามทำความเข้าใจในไม่กี่วันที่ผ่านมา ตอนนี้หยางเซวี่ยเข้าใจนิสัยใจคอของเฉินเทียนเซิงเป็นอย่างดี

เขามีอิสระ มีวิถีของตัวเอง ทำอะไรตามใจ ปากเป็นมีดแต่มีหัวใจเต้าหู้* ไม่แปลกที่ใคร ๆ ก็เข้าใจเขาผิด แถมเขายังไม่มามัวนั่งอธิบายให้เสียเวลา ตอนนี้เธอรู้สึกว่าผู้ชายที่ทรงพลังและลึกลับแบบนี้ ช่างน่าหลงใหลจริง ๆ

*ปากเป็นมีดแต่มีหัวใจเต้าหู้ = ปากร้ายแต่ใจดี ภายนอกแม้พูดไม่ดีแต่ภายในกลับไม่มีพิษมีภัยอะไรเลย

...

ทันใดนั้น เฉินเทียนเซิงก็หยุดชะงักอีกครั้ง

1 แต้ม

จู่ ๆ ระบบก็แจ้งเตือนการได้รับคะแนนขึ้นมา เขาจึงรีบเปิดระบบ

คะแนนยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เฉินเทียนเซิงตกใจและงุนงง

ฉันยังไม่ได้ฆ่าซอมบี้เลยสักตัว ความเป็นไปได้เพียงอย่างเดียวคือลัวหมิงและลัวเฟิงที่อยู่ในเขตกักกัน

ดูจากคะแนนที่เพิ่มขึ้น แปลว่าเขตกักกันต้องถูกโจมตี

“แย่แล้ว เราต้องรีบกลับ!”

เฉินเทียนเซิงหันหลังกลับและออกตัววิ่งทันที

“เกิดเรื่องที่เขตกักกัน หยางเซวี่ย คุณเร็วกว่า รีบไปดูแล้วกลับมาบอกผม!”

ความเร็วของเฉินเทียนเซิงไม่ได้ช้าเลย แต่เมื่อเทียบกับ หยางเซวี่ยแล้ว ความเร็วแค่ 40 กว่า ๆ นั้นเทียบไม่ติดเลย

...

แนวหน้าของเขตกักกัน

เดิมทีสภาพอากาศนั้นสงบและไม่มีลมแรง ลัวหลงและลัวเฟิงนั่งอยู่ในรถด้วยความเบื่อหน่าย

ทันใดนั้นท้องฟ้าก็เปลี่ยนเป็นสีดำมืด ฝูงนกจำนวนนับไม่ถ้วนบินเข้ามาปกคลุมทั้งเขตกักกันอย่างรวดเร็วและน่ากลัว

“ไม่นะ รีบหนีเร็ว!”

“ยิงมัน!”

“ช่วยเราด้วย!”

ภายในเขตกักกัน คนทั้งหมดตกอยู่ในความโกลาหล

พวกทหารยังไม่ทันจะกลับมามีกำลังใจหลังจากทำภารกิจล้มเหลว ก็ถูกฝูงนกจู่โจม

เสียงปืนผสมกับเสียงกรีดร้องดังขึ้นไม่รู้จบ

“ปังปังปัง!”

ขณะที่กราดยิงขึ้นไปบนท้องฟ้า ทหารหลายคนตะโกนสั่งให้ฝูงชนรีบหาที่หลบซ่อน

“ไปซ่อนตัวในเต็นท์ อย่าวิ่งออกมา!”

ก่อนที่เขาจะพูดจบ ทหารคนหนึ่งถูกนกกลายพันธุ์โจมตี มันพุ่งเข้าใส่และจิกตาของเขาจนตาบอด

“โอ๊ยย ไปให้พ้น ไอ้พวกสารเลว!”

ปากกระบอกปืนของทหารคนนี้กราดยิงไปทั่วทิศทางอย่างบ้าคลั่ง แต่นกกลายพันธุ์นั้นรวดเร็วเกินไป ทั้งยังมีจำนวนไม่น้อย แถมยังโจมตีแบบไม่เลือกหน้า ทำให้ผู้คนบาดเจ็บล้มตายนับไม่ถ้วน

“ปังปังปัง”

ทหารคนหนึ่งกราดยิงด้วยความกลัวจนปืนหมดแม็ก ในวินาทีต่อมา เขาถูกฝูงนกกระโจนเข้าใส่พร้อมกันจนล้มลงกับพื้น ก่อนถูกพวกมันรุมทึ้งอย่างน่าสยดสยอง ร่างของเขาเต็มไปด้วยบาดแผลเหวอะหวะในพริบตา

“ไปลงนรกซะ ไอ้พวกสัตว์นรก”

ทหารคนนั้นตัวเปียกโชกไปด้วยเลือด ตะโกนด่าฝูงนกในขณะที่กำลังดึงวงแหวนของระเบิดมือ

“ตู้ม ปังปัง”

“โธ่เว้ย!”

เพื่อนของทหารคนนั้นตะโกน เขาทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากยืนดูเพื่อนระเบิดตัวเองตายไปพร้อมกับฝูงนกจำนวนหนึ่ง

“ไอ้นกสวะ ฉันจะฆ่าพวกแก!”

เขารีบเปลี่ยนแม็กกาซีนเตรียมกราดยิง แต่จำนวนนกกลับเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเต็มท้องฟ้าและพื้นดิน พร้อมโจมตีจากทุกทิศทาง

ขณะที่นกกลายพันธุ์กำลังโจมตีทุกคน ขนของพวกมันก็ลุกเป็นไฟและมอดไหม้อย่างรวดเร็ว

ในเสี้ยววินาที นกกลายพันธุ์ทุกตัวที่อยู่รอบ ๆ ต่างลุกเป็นไฟ บางตัวรีบบินหนีทั้ง ๆ ที่ตัวมันถูกไฟคลอกอยู่

ทหารคนนั้นชะงักไปครู่หนึ่ง เมื่อเงยหน้าขึ้น เขาเห็นว่าฝูงนกถูกไฟเผาจนมอดไหม้ ตอนนี้ท้องฟ้าเต็มไปด้วยนกที่ทั้งตัวลุกเป็นไฟ

บรรดาทหารที่เห็นฉากตรงหน้านี้ ต่างตกตะลึงจนลืมไปว่าต้องยิงปืน

“อะไรกันเนี่ย จู่ ๆ นกก็ถูกไฟเผา?”

“พรึ่บ ตุบ”

นกที่ไหม้เกรียมตัวหนึ่งตกลงมาจากท้องฟ้าสู่พื้นดิน ตัวของมันไหม้เป็นสีดำสนิท และส่งกลิ่นเหม็นเน่าสะอิดสะเอียน

หลังจากนั้น นกกลายพันธุ์ที่ถูกไฟเผาก็ทยอยร่วงตกลงมาจากท้องฟ้าทีละตัว ไม่มีตัวไหนรอดชีวิตเลย

“พวกเรารอดแล้ว มีเทพเจ้ามาช่วยเหรอ?”

เจ้าหน้าที่ชุดชีวเคมีที่ซ่อนตัวอยู่ใต้ท้องรถพึมพำอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นฉากตรงหน้า

ในขณะเดียวกัน คนที่ช่วยให้พวกเขารอดชีวิตมาได้ ปรากฏตัวพร้อมกับเปลวไฟที่ลุกไหม้ไปทั่วร่าง ตะโกนขณะวิ่งไปด้วยว่า

“ลัวเฟิง เดี๋ยวฉันจะจุดไฟอีกรอบ ช่วยคุมลมให้โหมกองเพลิงที!”

การปรากฏตัวอย่างกะทันหันของมนุษย์เพลิงทำให้ทุกคนตกตะลึง ลัวเฟิงที่อยู่ด้านหลังมนุษย์เพลิงซึ่งสวมชุดกันลม ได้สร้างคลื่นลมขึ้นรอบ ๆ ตัวเธอ ก่อนควบคุมให้ลมกระโชกแรงขึ้น แล้วสั่งให้พายุหมุนลอยขึ้นไปบนท้องฟ้า

เปลวไฟในตอนแรกได้รับอิทธิพลจากพายุหมุน ทำให้เปลวไฟกระจายไปทั่วท้องฟ้า แสดงให้เห็นถึงพลังอันน่าทึ่ง

ท้องฟ้าเต็มไปด้วยพายุเพลิง

ฉากตรงหน้านี้ไม่ธรรมดาเลยจริง ๆ

ผู้รอดชีวิตที่หลบอยู่ในเต็นท์ ทหารที่ต่อสู้จนนองเลือด และอีกหลายคนต่างเงยหน้าขึ้นไปบนท้องฟ้าโดยไม่รู้ตัว พวกเขาเฝ้าดูพายุเพลิงที่กำลังแผดเผาฝูงนกนับไม่ถ้วน

นกที่ถูกไฟเผาร่วงตกลงมาทีละตัว สภาพของพวกมันไม่ต่างจากไก่ที่ถูกย่างสด

เมื่อสัมผัสถึงความหวังในความสิ้นหวัง ผู้รอดชีวิตต่างร่ำไห้ด้วยความยินดี

บรรดาทหารยกปืนขึ้นและช่วยยิงฝูงนก ขณะที่กราดยิงขึ้นไป พวกเขาเหมือนได้ระบายความเครียดไปด้วย

ขณะที่เจิ้งเหว่ยยิงปืนขึ้นฟ้า เขาหันไปมองสองพี่น้อง    ลัวหลงและลัวเฟิง เกิดความรู้สึกว่าหนุ่มสาวคู่นี้น่าชื่นชมมาก

แต่เมื่อนึกถึงผู้ปกครองของพวกเขา แม้จะไม่สบอารมณ์ในนิสัยของอีกฝ่าย เขาก็อดรู้สึกอิจฉาขึ้นมาอย่างอธิบายไม่ถูก

เมื่อทุกคนคิดว่าการโจมตีของฝูงนกกลายพันธุ์จบลงแล้ว

เสียงโหยหวนพลันดังก้องอยู่ในกลุ่มเมฆดำบนท้องฟ้า

คลื่นเสียงนั้นแหลมคมมากจนทะลุผ่านเมฆ แม้แต่อากาศข้างบนยังสั่นสะเทือน

แสงแดดที่หายไปนานลอดส่องผ่านเมฆบาง ๆ ลงมาบนพื้นราวกับแสงแห่งความศักดิ์สิทธิ์ เงาสองร่างปรากฏขึ้น ลัวหลงที่ร่างกำลังลุกไหม้เป็นไฟ และลัวเฟิงที่มีสายลมพัดอยู่รอบตัว

แสงศักดิ์สิทธิ์ที่ส่องลงมานั้น ทำให้พวกเขาดูน่าหวั่นเกรงมากขึ้น ราวกับทูตสวรรค์ที่มาช่วยมนุษย์ผู้โง่เขลาในวันสิ้นโลก

แต่ก่อนที่ทุกคนจะได้ชื่นชมยินดี แสงทองที่ส่องลงมา ถูกเงานกขนาดใหญ่บดบังอย่างน่าหวาดกลัว

เมื่อมองขึ้นไปบนฟ้า ทุกคนพบว่ามีสัตว์ประหลาดตัวใหญ่หลบอยู่ในเมฆดำทะมึน ซึ่งกำลังเคลื่อนที่ด้วยความเร็วจนมองแทบไม่ทัน จู่ ๆ มันก็บินทะลุท้องฟ้าออกมา แล้วพุ่งตรงมายังลัวหลงและลัวเฟิงที่ยืนนิ่งอยู่

“ปกป้องเด็กสองคนนั้นเดี๋ยวนี้!”

ทหารออกคำสั่งเสียงดังด้วยน้ำเสียงแหบแห้งที่แฝงไปด้วยความกลัว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด