ตอนที่แล้วบทที่ 10: ค่าตอบแทน (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 12 : ค่าตอบแทน (3)

บทที่ 11 : ค่าตอบแทน (3)


[แก้ไขตอนที่ 6-10 แล้วสามารถกลับไปอ่านใหม่ได้เลยครับ เรื่องนี้เนื้อเรื่องหลักจบภายใน 238 ตอนครับ ต้นฉบับจบแล้ว]

บทที่ 11 : ค่าตอบแทน (3)

หลังจากคุยกับพี่อดัมแล้ว ฉันก็เดินผ่านหมู่บ้านอย่างเงียบๆ

ยังคงมีบรรยากาศรื่นเริงเกิดขึ้นโดยรอบ

สมาชิกที่ออกเดินทางกับพี่เป็นเวลาสองสัปดาห์เพื่อพบลูกค้า พอกลับมาก็หาครอบครัวทันที เพื่อทำให้อารมณ์ของพวกเขาดีขึ้น

พวกเขาต่างเต้นรำ เล่นมุกตลก ตะโกนอย่างร่าเริง และร้องเพลง

เด็กๆ ที่น่ารักและภรรยาของเหล่าสมาชิกก็ยังรวมตัวกันเป็นกลุ่มละสองสามคน พาหัวเราะกัน

เพราะคำพูดที่แพร่กระจายถึงข้อเสนอของพี่อดัม จึงส่งผลให้มีปาร์ตี้เล็กๆ เกิดขึ้น

ความรู้สึกคุ้นเคยของกลุ่มทหารรับจ้างแพร่กระจาย

ทุกคนสนุกสนานกับปัจจุบัน ราวกับว่าไม่มีวันพรุ่งนี้

ส่งผลให้บรรยากาศอันอบอุ่นแผ่ซ่านไปทั่วหมู่บ้าน

'เราต้องมองอนาคตหลังสงครามสิเบิร์ก นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะรับประกันความปลอดภัยของกองทหารรับจ้างและครอบครัวของสมาชิกของเรา’

ฉันไตร่ตรองคำพูดของพี่อดัม

ยิ่งบรรยากาศการเฉลิมฉลองดำเนินต่อไป คำพูดของพี่ก็ยิ่งดังก้องในใจฉันมากขึ้นเท่านั้น

ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองรู้สึกอย่างไร จู่ๆ ก็มีเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ วิ่งมาเกาะขาฉันไว้

"หยุด!"

มีเด็กสาวมาเกาะขาฉัน ดูเหมือนเธอกำลังพยายามหลบจากเด็กหนุ่มที่กำลังวิ่งไล่จับเธอ

หญิงสาวตะโกนด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

“กล้าก็เข้ามา!”

"เฮ้! ระวัง!"

เด็กๆ สนุกกับการเล่นอย่างไร้เดียงสา

เด็กผู้หญิงที่เกาะขาของฉันหัวเราะคิกคัก

ด้วยความตกใจกับการกระทำของเด็กสาว พ่อแม่ของเธอก็รีบวิ่งเข้ามาทันที

“เมลิซ่า! ปล่อยขารองกัปตันเบิร์กสิ!”

"ฮะ? ทำไมเหรอคะ…?"

ท่าทางของเด็กสาวเปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

เธอเงยหน้าขึ้นมองฉัน ดวงตาของเธอเอ่อล้นไปด้วยน้ำตา

ฉันพูดพร้อมกับลูบหัวเธอเบาๆ

"ไม่เป็นไรๆ"

ทันใดนั้น ใบหน้าของเด็กสาวก็สดใสขึ้นอีกครั้ง

เธอมองดูพ่อแม่ของเธอแล้วตะโกนด้วยรอยยิ้มที่สดใส

“เบิร์กบอกว่าไม่เป็นไร!”

“เมลิซ่า!”

ฉันมองไปที่พ่อแม่ของเด็กผู้หญิง

พวกเขาดูแก่กว่าฉัน

"ไม่เป็นไร พวกเขาเป็นแค่เด็ก”

ทันทีที่ฉันพูดแบบนั้น พวกเขาก็สบายใจมากขึ้นเช่นกัน

ฉันไม่อยากรบกวนบรรยากาศที่สนุกสนาน

เนื่องจากมีเรื่องวุ่นวายเล็กๆ น้อยๆ ผู้คนจึงเริ่มสังเกตเห็นการปรากฏตัวของฉัน

“รองกัปตัน!”

“รองกัปตัน! เมื่อวานคุณไม่ได้ฝึกซ้อมมากเกินไปเหรอ?”

“รองกัปตัน! มาดื่มกันเถอะ!”

ฉันปฏิเสธข้อเสนอของพวกเขาด้วยการโบกมือเล็กน้อย

มีสถานที่หนึ่งที่ฉันอยากไปตอนนี้

ฉันแตะหน้าผากของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่เกาะอยู่ที่ขาของฉันแล้วพูดว่า

“เอาล่ะ ไปเล่นต่อเถอะ”

สาวน้อยประหลาดใจ จากนั้นจึงปล่อยขาของฉันแล้วเริ่มวิ่งหนีอีกครั้งและเด็กชายก็ไล่ตามเธอเช่นกัน

ฉันเฝ้าดูพวกเขาอยู่ครู่หนึ่ง

มันเป็นภาพในอดีตที่ซ้อนทับกันขึ้นมาในใจฉัน

“รองกัปตันครับ”

ขณะที่ฉันเดินอยู่ ก็มีคนวิ่งเข้ามาหาฉัน

นั่นคือบารอนผู้ช่วยของฉัน

จากสีของเขา ดูเหมือนว่าเขากำลังดื่มอยู่

แม้แต่ริมฝีปากของเขาก็ยังมันเยิ้ม

ดูเหมือนว่าเขาจะพยายามปกปิดความมึนเมาของเขา

ด้านหลังของเขาไป ฉันสังเกตเห็นผู้หญิงคนหนึ่งกำลังจ้องมองฉันและบารอนอย่างตั้งใจ

"คนรักเหรอ?"

เมื่อฉันถามอย่างเงียบๆ บารอนก็มองกลับมาที่เธอแล้วตอบด้วย

"ใช่ครับ"

“นายเปลี่ยนคู่รักทุกครั้งเลยเหรอ? พาเธอมาตั้งแต่เมื่อไหร่?”

“ผมพาเธอมาระหว่างการสำรวจครั้งสุดท้าย คราวนี้ผมจริงจังนะครับ”

เมื่อเห็นท่าทีของเขา ฉันก็หัวเราะออกมา

“นายมีความสามารถค่อนข้างมาก”

บารอนเองก็หัวเราะพร้อมกับฉัน

“รองกัปตันน่าจะมีความสามารถที่ดีกว่าผมมากกว่า คุณทั้งหล่อและก็ประสบความสำเร็จ…”

“นายให้คำเยินยอกับฉันมามากพอแล้ว”

"รองกัปตันมีอะไรที่คุณต้องการไหมครับ?”

บารอนถามคำถามส่วนตัวกับฉันด้วยบรรยากาศที่นุ่มนวลไม่เหมือนกับตอนกลางวัน

ฉันไม่ได้ตอบอะไรในสิ่งที่เขาถาม

คงเป็นเพราะข้อเสนอของพี่อดัมยังอยู่ในใจฉัน

ฉันรู้สึกความพร้อมทางจิตใจที่จะก้าวไปสู่เส้นทางใหม่จากอดีต แต่ร่างกายของฉันกลับไม่ขยับเขยื้อน

ฉันจึงเปลี่ยนเรื่องคุย

"บารอน"

“ครับ รองกัปตัน”

“…ฉันขอโทษสำหรับเรื่องก่อนหน้านี้”

มีความรู้สึกว่าเมื่อเร็วๆ นี้ฉันได้ทำการฝึกฝนหนักเกินไปจริง

พี่อดัมบอกว่าเหตุผลที่ฉันมีความคิดแบบนั้นก็เพราะว่าฉันไม่มีคู่ แต่เรื่องราวที่ฉันผ่านพ้นมา...มันก็เหมือนเป็นเพียงเรื่องราวแสนน่าขบขันในอดีต

บารอนยิ้มตอบคำขอโทษของฉัน

“…ไม่เป็นไรหรอกครับรองกัปตัน ผมเข้าใจว่าคุณกำลังทำสิ่งนี้เพราะเป็นห่วงสมาชิกคนอื่นๆ”

“…ไปสนุกกับคนรักของนายสิ เลิกตามฉันได้แล้ว”

"ครับ แล้วพบกันครับ”

บารอนหันกลับมาพูดกับฉัน

ขณะที่เขาจากไป ฉันพบว่าตัวเองจมอยู่กับความคิดที่ไร้สาระ

มันเป็นความรู้สึกแปลกๆ ราวกับว่ามีแค่ฉันเป็นคนเดียวที่ไม่มีคู่ครอง

ครั้งหนึ่งฉันมีคนที่ใกล้ชิดฉันมากกว่าใครๆ

แต่นั้นมันเจ็ดปีแล้ว ยามนี้มีแค่ไม่กี่วันที่ฉันคิดถึงชีอัน

อย่างไรก็ตาม ในใจฉันที่เธอเคยครอบครองนั้น ตอนนี้มันยังคงว่างเปล่า

ฉันรู้ว่าการมีคนอยู่ข้างๆ มันรู้สึกยังไง ฉันเองก็รู้สึกโหยหาเช่นเดียวกัน

ความเหงานี้ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะอดทน

ฉันแค่ยังยึดมั่นกับมันอยู่

“…อ่า”

ความกังวลของฉันก็เพิ่มมากขึ้น

ความจริงที่ว่าฉันไม่สามารถปฏิเสธข้อเสนอของพี่อดัมได้ บ่งบอกว่ามีการเปลี่ยนแปลงในตัวฉัน

ฉันไปเยี่ยมสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในหมู่บ้าน

เด็กหลายคนตะโกนอย่างตื่นเต้นเมื่อฉันมาถึง

“พี่เบิร์ก!”

“พี่เบิร์ก!”

เด็กหลายคนวิ่งมาหาฉัน

เด็กๆ ต่างก็เพลิดเพลินกับกลิ่นหอมของเนื้ออันแสนอร่อย

โชคดีที่อาหารถูกแจกจ่ายอย่างเท่าเทียมกัน

ฉันลูบหัวเด็กๆ ที่อยู่รอบๆ ตัวฉันทีละคน

เด็กเหล่านี้เป็นลูกหลานของทหารรับจ้าง เมื่อสมาชิกเสียชีวิตและแม่ของพวกเขาหนีไป เราก็ดูแลเด็กๆ ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลังเหล่านี้

แม่ชีเดินมาตามเด็กๆ

“รองกัปตันเบิร์ก คุณมาที่นี่อีกแล้วสินะคะ”

เธอชื่อจูเลีย เป็นแม่ชีในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าที่รับใช้เทพเจ้าแห่งความบริสุทธิ์

“คือว่ามีเรื่องอะไรให้ช่วยไหม?”

จูเลียพยักหน้าให้กับคำถามของฉัน

เธอมองลงไปที่พื้นโดยไม่สบตากับฉัน

พวกเด็กซุกซนที่เห็นภาพนั้นร้องเรียกฉัน

“ซิสเตอร์จูเลียกำลังรอพี่เบิร์กอยู่เหรอ…?”

“พอล!”

ปั้ก!

ซิสเตอร์จูเลียตบหัวพอลเบา ๆ

ฉันหัวเราะ

จูเลียทำตัวไม่ถูกกับเสียงหัวเราะของฉัน และเธอก็ขยับเข้าไปข้างในราวกับกำลังหลบหน้า

“รองกัปตันเบิร์ก ถ้าจะมาแจกจ่ายอาหารก็อยู่กินข้าวด้วยกันก่อนสิค่ะ…”

เธอชวนฉันให้ฉันในขณะที่เธอหันหลังให้ฉัน

ฉันรู้ด้วยว่าเธออาจรู้สึกอะไรกับฉัน

อย่างไรก็ตาม เพราะหัวใจของฉันไม่สามารถตอบรับความรู้สึกเธอได้ ฉันจึงแสร้งทำเป็นไม่รู้อยู่เสมอ

เพื่อหลีกเลี่ยงการให้ความหวังเธอ ฉันจึงปฏิเสธเธอไปกลายๆ

"ขอโทษด้วยนะ ผมมาที่นี่เพราะผมมีบางอย่างที่ต้องทำ พอลมานี่หน่อย”

"…ผมเหรอ?"

พอลที่ถูกจูเลียตีเมื่อครู่ได้วิ่งมาหาฉัน

“ฉันได้ยินมาว่าเมื่อวันก่อนเป็นวันเกิดของเธอ แต่ฉันมาช้าไปหน่อย แต่นี่คือของขวัญของเธอนะ”

ฉันยื่นถุงมือหนังให้พอล

พอลรับของขวัญและมองดูถุงมือด้วยดวงตาเป็นประกาย

“ว้าว…ว้าว!”

เขากระโดดไปมาอย่างมีความสุขโดยมีถุงมืออยู่ในมือ เด็กคนอื่นๆ มารวมตัวกันรอบๆ เขาหลังจากเห็นเขาได้รับของขวัญ

ฉันเหลือบมองภาพอันอบอุ่นใจนั้นอยู่ครู่หนึ่ง

พูดตามตรง ฉันรู้สึกเสียใจที่ฉันทำได้แค่นี้ พ่อของพอลเป็นลูกน้องของฉัน เขาเป็นกลุ่มลูกน้องอันดับต้นๆ ของฉันและเขาได้เสียชีวิตในสนามรบ

ฉันไม่ได้ดูแลพวกเขาเพราะฉันชอบเด็กๆ แต่มันเป็นน้ำใจเล็กๆ น้อยๆ แด่สหายของฉันที่สละชีวิตและจากไป

เป็นอีกครั้งที่รู้สึกเหมือนฉันได้ยินคำพูดของพี่อดัม

'เราต้องมองอนาคตหลังสงครามสิเบิร์ก' นั่นเป็นวิธีเดียวที่จะรับประกันความปลอดภัยของทหารรับจ้างและครอบครัวของสมาชิกของเรา’

หากกองกำลังเราพังทลายลง...

สมาชิกทุกคนยังคงแข็งแกร่ง พวกเขาจะสามารถค้นหาเส้นทางของตัวเองได้ ถึงมันอาจจะยาก แต่ก็สามารถหาเงินมา ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็คงสามารถเลี้ยงดูครอบครัวตนเองกันได้

แต่เด็กกำพร้าเหล่านี้ล่ะ?

หากเด็กเหล่านี้ออกจาก 'สต็อกฟิน' พวกเขาจะต้องอาศัยอยู่ในเมืองใกล้เคียง พวกเขาสามารถเข้าสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้หรือไม่ก็...

หากเป็นเช่นนั้น บางคนอาจจะต้องสัมผัสกับชีวิตในสลัมเหมือนกับฉัน

พวกเขาจะต้องขโมยของ ต่อสู้ และเอาชีวิตรอดในบรรยากาศอันมืดมิดนั้น

แค่คิดก็กระอักกระอ่วนแล้ว

สิ่งที่ฉันสัญญากับสมาชิกที่ตายไปไม่ใช่อะไรแบบนั้น

เหตุผลบอกฉันเสมอว่าตัวเลือกใดถูกต้อง

แต่ฉันก็สลัดความสับสนของตัวเองออกไปไม่ได้

“พี่เบิร์ก! ขอบคุณมากนะครับ!”

ทันใดนั้นพอลก็เข้ามากอดฉัน

“…”

ในความอบอุ่นนั้น ก็ทำให้ความคิดหนักๆ ได้หลุดลอยออกไป

ฉันกระพริบตาและมองดูเด็กๆ ที่อยู่ข้างหน้าฉัน

และฉันก็ถอนหายใจออกมา

ราวกับว่าความกังวลในใจถูกชะล้างไป หัวใจของฉันนั้นรู้สึกเบาลง

มันไม่ใช่สิ่งที่ฉันสามารถฉุดรั้งได้อีกต่อไป

เมื่อเลือกได้แล้ว ฉันก็รู้สึกสดชื่นขึ้นมาก

ฉันพยักหน้าให้พอล

"อืม"

เมื่อฉันกลับมาที่ใจกลางหมู่บ้าน กองไฟขนาดใหญ่ก็ลุกโชน

ผู้คนมารวมตัวกันรอบๆ เต้นรำและร้องเพลง

ทุกคนถือเครื่องดื่มและเนื้อในมือ และเสียงหัวเราะก็ดังก้องไปทั่วบริเวณ

เทศกาลนี้เต็มไปด้วยความสนุกสนาน

ฉันเห็นพี่อดัมยืนอยู่

เขาหัวเราะและดื่มกินร่วมกับสมาชิกคนอื่นๆ ที่เคียงบ่าเคียงไหล่เขามาตลอด

ขณะที่ฉันเฝ้าดูเขาอยู่ครู่หนึ่ง พี่อดัมก็สังเกตเห็นฉันพอดี

เราสบตากันจากระยะไกล

“…”

“…”

ในที่สุดฉันก็พยักหน้าเบาๆ

พี่อดัมตอบด้วยรอยยิ้มอ่อนโยนและพยักหน้ากลับมาที่ฉัน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด