ตอนที่แล้วบทที่ 11 : ค่าตอบแทน (3)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 13: หมาป่าเดี่ยวดาย (1)

บทที่ 12 : ค่าตอบแทน (3)


บทที่ 12 : ค่าตอบแทน (3)

เส้นทางไปยังแบล็ควูดเต็มไปด้วยเสียงรบกวน

นอกจากนี้มันก็เต็มไปด้วยเรื่องราวเกี่ยวกับตัวฉัน

"ยินดีด้วย! รองกัปตัน!”

“ว้าว… ผมไม่อยากจะเชื่อเลย รองกัปตันกำลังจะแต่งงาน…”

“รองกัปตันคงยอมแต่งงานกับเธอเพราะเธอสวยมากใช่ไหมล่ะครับ?”

“เธอเป็นถึงขุนนางด้วย… รองกัปตันเราคงโชคหล่นทับแล้ว”

“แล้วรองกัปตันก็จะกลายเป็นขุนนางด้วยเหรอ?”

“ไม่ มันจะเป็นไปได้ยังไงล่ะ? เขาไม่มีที่ดินให้ปกครอง และเขาก็ไม่ได้ใช้นามสกุลแบล็ควูดด้วยซ้ำ รองกัปตันจะยังคงเหมือนเดิมแหละ”

ฉันเงียบและไม่ตอบอะไรต่อสิ่งที่พวกเขาพูด

อย่างไรก็ตาม พี่อดัมที่อยู่บนหลังม้าไม่สามารถกลั้นเสียงหัวเราะได้

ดูเหมือนเขาจะพอใจกับความลำบากใจของฉัน เขาจึงหัวเราะออกมาดังๆ

ตอนแรกฉันรู้สึกรำคาญและหงุดหงิด แต่พอผ่านไปฉันก็เริ่มหัวเราะด้วย

บางทีอาจเป็นเพราะฉันรู้ว่าทุกคนพยายามคลายความตึงเครียดและแสดงความยินดีกับฉันไปพร้อมๆ กัน

พี่อดัมที่หัวเราะอยู่สักพักก็สงบเสียงหัวเราะลงแล้วพูด

“ยังไงก็เถอะเบิร์ก นายตัดสินใจได้ดีมากจริงๆ”

“…”

“มันอาจจะเป็นการแต่งงานแบบข้ามเผ่าพันธุ์… แต่นายรู้ไหมว่าลักษณะเฉพาะของเผ่ามนุษย์หมาป่าคืออะไร”

สำหรับคำถามของเขานั้นทำให้ฉันมองไปที่พี่อดัมทันที

เขายกนิ้วชี้ที่ห้อยอยู่ขึ้นมา

“พวกเขารักคนเพียงคนเดียวตลอดชีวิต”

“…”

“น่าประทับใจใช่ไหมล่ะ?”

ด้วยเหตุผลบางอย่างถ้อยคำเหล่านั้นจึงฝังลึกอยู่ในใจฉัน พี่อดัมให้คำอธิบายเพิ่มเติม

“และนั่นคือสาเหตุที่พวกเขาเรียกการแต่งงานว่าเป็นสายสัมพันธ์ของจิตวิญญาณ พวกเขาบอกว่าทั้งคู่จะอยู่ด้วยกันแม้หลังความตาย”

ฉันไตร่ตรองคำพูดของเขาสักพักแล้วจึงพูดว่า

“…แต่คนในเผ่ามนุษย์หมาป่าที่ผมเห็นในกลุ่มทหารรับจ้างกลับไม่ได้ประพฤติตัวแบบนั้นสักคน พวกเขาพาผู้หญิงโสเภณีมาและใช้ชีวิตอยู่ในความเสเพลกันแทบทุกคน”

“เอ่อ คือว่า...”

พี่อดัมเปิดปากของเขาราวกับจะปฏิเสธ และเขาก็หลีกเลี่ยงการสบตา

จากนั้นเขาจึงตอบด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจนัก

“…อันที่จริงข่าวลือเรื่องการรักคนเพียงคนเดียวก็เป็นสิ่งที่ฉันได้ยินเหมือนกัน”

“….”

ฉันถอนหายใจและพยายามเปลี่ยนเรื่องอย่างรวดเร็ว

มันรู้สึกเหมือนว่าฉันแค่กำลังสนทนาอย่างไร้จุดหมายกับพี่อดัม

ขณะที่ฉันก้าวไปข้างหน้า พี่อดัมก็ตามฉันมาอย่างรวดเร็ว

แม้แต่กลุ่มทหารรับจ้างที่ตามมาในตอนท้ายก็ยังต้องเร่งฝีเท้าให้ทัน

พี่อดัมที่เดินตามมาพูดไปเรื่อยๆ

“แต่ว่าภรรยาตระกูลแบล็ควูดของนายจะเคียงข้างนายตลอดไปเลยนะ ภรรยาของทางตระกูลน่ะจะคอยสนับสนุนสามีของพวกเธออยู่เสมอ”

“พี่พูดเหมือนพี่มีภรรยาแล้วเลยนะ”

“ฉันมีผู้หญิงมากี่คนแล้วล่ะ นายลองคิดดู…”

“…”

เขายื่นแขนออกมาแล้วตบไหล่ของฉัน

“มันก็แบบนั้นแหละ อย่าเอาแต่ซ่อนตัวอยู่ในกลุ่มทหารรับจ้าง ให้ชื่อของนายเป็นที่รู้จักสิ ไปเป็นลูกเขยของตระกูลแบล็ควูด อย่ามาอยู่แบบนี้ต่อไปแล้ว ที่นี่น่ะเป็นกลุ่มทหารรับจ้างที่นายและฉันตั้งใจรักษามาด้วยกัน มันสมเหตุสมผลไหมที่คนอื่นจะไม่รู้จักนายเลย?”

“…ผมไม่ได้ทำสิ่งนี้เพื่อให้มีชื่อเสียงหรืออะไรสักหน่อย”

“ยังไงก็ตาม เมื่อนายแต่งงาน—”

“ขอเลื่อนการพูดคุยเรื่องการแต่งงานออกไปก่อนเถอะครับ การจัดการกับฝูงสัตว์ประหลาดเป็นสิ่งสำคัญอันดับแรก”

ฉันขัดจังหวะราวกับว่ามีบางอย่างที่พี่อดัมลืมไป เป็นเวลานานแล้วที่เรานำกลุ่มทหารรับจ้างทั้งหมดในการรบขนาดใหญ่เช่นนี้

บางทีอาจมีผู้เสียชีวิตจำนวนมากรออยู่ข้างหน้า

“ก็ได้…เราจะสามารถจัดการกับมันได้แน่ เชื่อใจเด็กๆ สินอกจากนี้ทุกคนยังดูมีแรงฮึดสู้อีก เพราะพวกเขารู้ว่านายกำลังจะมีภรรยายังไงล่ะ”

ฉันมองไปทางทหารรับจ้างที่ตามหลังอยู่ครู่หนึ่ง

เป็นเวลานานแล้วที่กลุ่มทหารรับจ้างทั้งหมดของเราออกมาเช่นนี้

แต่ก็จริงแล้วอย่างที่เขาพูด ทุกคนต่างมีรอยยิ้มประดับบนใบหน้าเหมือนกัน

ฉันส่ายหัวแล้วพูดว่า

“…แต่อาจเป็นเพราะว่าตอนนี้พวกเขาจะมีความเกี่ยวข้องกับพวกขุนนางแล้วต่างหาก”

มีสมาชิกหลายคนที่รู้สึกภาคภูมิใจเพียงแค่ได้รู้จักกับผู้สูงศักดิ์ เพราะตอนนี้กลุ่มทหารของเรากำลังจะเปลี่ยนจากกลุ่มสามัญชนเป็นกลุ่มที่มีขุนนางคอยสนับสนุน

“ไม่ว่ายังไง ก็ไม่ต้องสนเรื่องนั้นหรอกน่า”

“….”

พี่อดัมแสดงสีหน้าซุกซนครู่หนึ่งแล้วพูดต่อ

“…ถ้านายอยากจะกังวล ก็กังวลเรื่องคืนแรกของนายเถอะ”

“อาาา พี่หยุดพูดซักทีเถอะ”

"ฮ่า ฮ่า ฮ่า!"

พี่อดัมหัวเราะจนน้ำตาไหล

บารอนที่ขี่ม้าอยู่ข้างหลังฉันก็อดหัวเราะไม่ได้เช่นกัน

ฉันพยายามไม่สนใจต่อคำพูดของเขาให้มากที่สุด

หลังจากเดินทางมาแบบนั้นได้สักพัก คราวนี้เป็นบารอนที่ถาม

“รองกัปตันเบิร์ก คุณพร้อมหรือยังครับ?”

“…?”

“แบบแหวนหรืออะไรสักอย่าง…ไม่มีเลยเหรอครับ?”

บางทีอาจเป็นเพราะฉันแสดงท่าทีไม่สนใจในเรื่องนี้อย่างชัดเจน บารอนจึงกังวลแม้กระทั่งเรื่องเล็กๆ น้อยๆ

ฉันพยักหน้า

ในตอนแรก การตัดสินใจไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับฉันเช่นกัน

แม้ว่าฉันจะไม่มีความคิดที่จะแต่งงาน แต่หากฉันตัดสินใจแต่งงาน ฉันก็จะต้องทำอย่างถูกต้อง

ฉันไม่ได้ตั้งใจจะปฏิบัติต่อภรรยาในอนาคตอย่างหยาบคาย

ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น เธอก็จะอยู่เคียงข้างฉันจนตาย

ดังนั้นฉันจึงต้องทำให้มันเหมาะสมเช่นกัน

ในท้ายที่สุดเราก็จะคอยเกื้อกูลกันและกัน

นั่นคือสิ่งที่คู่รักควรเป็น

“แต่เผ่ามนุษ์หมาป่ามีวัฒนธรรมแบบแลกแหวนด้วยงั้นเหรอ?”

จู่ๆ พี่อดัมก็ถามขึ้น

“ฉันไม่คิดว่าพวกเขาจะมีนะ...”

บารอนยิ้มกับคำพูดของเขาและตอบไป

“แต่มันไม่ดีกว่าเหรอครับถ้าเราผสมผสานวัฒนธรรมกัน? แล้วก็การให้แหวนเป็นของขวัญ จะมีผู้หญิงคนไหนไม่ชอบบ้างล่ะ?”

“อย่างงั้นเหรอ?”

“แต่ผมก็กังวลนิดหน่อย มันคงไม่ง่ายเลยที่จะปรับตัวให้เข้ากับวัฒนธรรมของกันและกัน…”

“ถ้าเป็นเบิร์ก เขาจะต้องทำได้ดีแน่”

คำพูดของพี่อดัมดังขึ้นมาอีกครั้ง

เขาเอื้อมมือมาตบไหล่ฉันขณะพูด

"ถึงยังไง ฉันก็ดีใจนะที่นายตัดสินใจแบบนี้”

“…”

“…เบิร์ก รักแรกมักลืมยากเสมอ ตอนนี้เวลานั้นผ่านไปแล้ว ปัดมันออกแล้วเดินหน้าต่อไปเถอะ”

บารอนผงะกับคำพูดของพี่อดัม

"อะไรนะ? รองกัปตันเบิร์กมีรักครั้งแรกด้วยเหรอครับ?”

“…”

“อ่อ เพราะเหตุนี้คุณจึงผลักไสผู้หญิงออกไปสินะ? ว้าว…คุณดูจะโรแมนติกมากกว่าที่คิดไว้อีกนะครับ”

“เฮ้อ..มันไม่ใช่แบบนั้นหรอก”

ฉันถอนหายใจและกุมบังเหียนม้า

ฉันอยากจะหนีจากการสนทนาที่กำลังดำเนินอยู่นี้

“ผมจะไปดูด้านหลัง”

ฉันพูดกับพี่อดัมและมุ่งหน้าไปทางด้านหลังของขบวน

แม้ว่าฉันจะกลับข้างหลัง ฉันก็ยังรู้สึกตื้นตันใจกับคำแสดงความยินดีจากสมาชิกหลายคน

ความมืดใกล้เข้ามาแล้ว

ทหารรับจ้างตั้งค่ายพักแรมในลักษณะที่คุ้นเคยในพื้นที่ที่เหมาะสม

กองไฟปะทุขึ้นที่นี่และที่นั่น และกลิ่นอาหารก็ฟุ้งไปในอากาศ

เสียงหัวเราะ เสียงถอนหายใจ และบทสนทนาดังก้องไปทั่ว

อย่างไรก็ตาม ฉันขึ้นหลังม้าและออกจากที่ตั้งแคมป์ไป

ฉันต้องการเวลาอยู่คนเดียว ห่างไกลจากเสียงอึกทึกครึกโครม

เมื่อเราเข้าใกล้เขตแบล็ควูด อากาศก็แจ่มใสขึ้น

ต้นไม้ก็หนาแน่นขึ้น หญ้าก็สูงขึ้น

ป่าไม้ยังมองเห็นได้กระจัดกระจายในระยะไกล

มันให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเรากำลังเดินทางไกลออกไปสู่ธรรมชาติ บางทีอาจถึงขั้นเข้าไปในดินแดนของเอลฟ์ด้วยซ้ำ

ทว่าในเวลาเดียวกัน ก็มีสัญญาณของการทำลายล้างที่กระจัดกระจายไปจากฝีมือของเหล่าสัตว์ประหลาด

ขณะที่เราเดินหน้าต่อไป ความเสียหายที่เกิดขึ้นในอาณาเขตเริ่มปรากฏทีละนิด

ฉันสำรวจรอบๆ และไตร่ตรอง

การแต่งงาน…

มันเป็นคำที่หนักมาก

ฉันนึกไม่ถึงเลยว่าจู่ๆ ฉันก็จะต้องแต่งงานกับคนแปลกหน้า

ฉันไม่ได้แสดงอาการออกมา แต่ในฐานะมนุษย์ ฉันรู้สึกกังวล

เป็นเพราะฉันตระหนักดีว่าพิธีนี้มีความสำคัญเพียงใด

มีช่วงหนึ่งที่ฉันถือว่ามันเป็นพิธีกรรมที่สำคัญที่สุดในชีวิตของฉัน มีช่วงหนึ่งที่ฉันปรารถนาที่จะแต่งงาน

ความตึงเครียดที่ฉันเคยมีในช่วงเวลานั้นดูเหมือนจะกลับมาเล็กน้อย

'ฉันจะทำให้คู่ของฉันมีความสุขได้ไหม? เราจะเข้ากันได้ดีไหม? เราจะไม่ทะเลาะกันเหรอ? ฉันควรจินตนาการถึงอนาคตแบบไหน?

ฉันไม่สามารถรับรู้อะไรได้เลยเพราะฉันไม่รู้จักคู่แต่งงานของฉัน

อาจมีปัญหาที่เกิดขึ้นในการแต่งงานครั้งนี้ด้วย ซึ่งมันอาจจะเพิ่มภาระให้ฉัน

บางทีการแต่งงานครั้งนี้อาจชี้ชะตากลุ่มทหารรับจ้างของเรา

ตามที่พี่อดัมกล่าวไว้ มันอาจเป็นเส้นสายที่คอยชีวิตของเราหลังสงคราม

เพราะเหตุนั้น การแต่งงานกับ 'เนอร์ แบล็ควูด' มีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด

นั่นหมายความว่าฉันต้องใช้ความพยายามให้มากขึ้น ซึ่งก็คงจะดีถ้าฉันเข้ากับเธอได้ดี

แต่ฉันก็คงได้แค่หวังว่าเธอจะเข้ากันได้ดีกับฉัน

ฉันไม่ต้องการที่จะใช้ชีวิตขัดแย้งกับผู้หญิงที่ฉันจะใช้เวลาทั้งชีวิตด้วย

แน่นอนว่ามันอาจจะต้องมีเรื่องลำบากเกิดขึ้น ฉันก็คิดเผื่อเอาไว้บ้าง

เนื่องจากเราสองต่างเผ่าพันธุ์กัน ฉันรู้ดีว่าวัฒนธรรมของเราจะแตกต่างกันอย่างมาก

ฉันเคยมีประสบการณ์มาแล้วในกลุ่มทหารรับจ้างก่อนหน้านี้ มีหลายครั้งที่ความแตกต่างทางวัฒนธรรมระหว่างสมาชิกของกลุ่มทหารรับจ้างไม่ได้ลดลงเลย จนฉันต้องทนทุกข์ทรมานเพื่อผ่านมันไป

ฉันคิดย้อนกลับไปตอนนั้น แต่มันอาจจะต่างจาดตอนนี้ลิบลับ

ในฐานะคู่รัก การคิดคำนึงถึงสิ่งที่อีกฝ่ายต้องการย่อมมีความสำคัญมากกว่าสิ่งอื่นใด

มันจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้างนะ?

ฉันก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน เพราะฉันไม่รู้วัฒนธรรมของอีกฝ่ายเลย

“รองกัปตันเบิร์ก!”

ฉันได้ยินเสียงเรียกฉันจากด้านหลัง

“กลับไปรับประทานอาหารเถอะครับ! เราจะสอดแนมทางนี้เอง!”

ฉันละทิ้งความคิดของฉัน และสนใจกับคำพูดของทหารผู้ใต้บังคับบัญชาของฉันแทน

ฉันพยักหน้าแล้วหันบังเหียนม้า

“ใหญ่โตมากใช่ไหม?”

“…”

ขณะที่เราเข้าไปในปราสาทแบล็ควูด พี่อดัมก็ร้องเรียกฉัน

ฉันไม่จำเป็นต้องตอบ เนื่องจากอาณาเขตของแบล็ควูดมีขนาดใหญ่มาก

แม้แต่กลุ่มทหารรับจ้างที่เดินขบวนก็ดูเยอะแยะและวุ่นวาย

แต่ฉันเข้าใจปฏิกิริยาของพวกเขาได้

ฉันเคยไปที่นิคมของขุนนางอื่นๆ มากมาย แต่ที่นี่มีระดับที่แตกต่างกัน

ในบรรดาขุนนางที่เราเคยพบมา ที่นี่มันอาจจะมีชื่อเสียงมากที่สุด

บางทีอาจเป็นเพราะความแตกต่างทางวัฒนธรรม แต่บรรยากาศที่นี่ก็ให้ความรู้สึกเป็นเอกลักษณ์ยิ่ง

ปราสาทที่สร้างขึ้นบนเนินเขาสูงชันให้ความรู้สึกแปลกๆ

ตามทางลาดนั้นมีต้นไม้ขึ้นมากมาย

นกจำนวนมากบินอย่างอิสระในท้องฟ้า

มีบ้านหลายหลังที่ทำให้ฉันนึกถึงถ้ำอันแสนอบอุ่น

รูปปั้นหินที่ดูเหมือนเป็นวีรบุรุษของพวกเขาในอดีตเงยหน้าขึ้นมองขึ้น

และ…

'มีน้ำตกขนาดยักษ์ไหลอยู่ในปราสาทแบล็ควูด เบลล์! เราก็ต้องไปดูมันด้วยกันนะ!'

น้ำตก

ฉันหลับตาลงครู่หนึ่งเมื่อได้ยินเสียงที่ดังเข้ามาในหัวของฉัน

“….”

'มันยังคงอยู่ในใจฉันสินะ ดูเหมือนไม่ว่ายังไงฉันก็คงไม่อาจสลัดมันออกไปได้'

“…เบิร์ก?”

พี่อดัมเรียกฉันจากด้านข้าง

“…”

"อะไร? ประหลาดใจกับน้ำตกเหรอ? มันสวยใช่ไหมล่ะ?”

ฉันมองดูน้ำตกแล้วค่อยๆ สลัดความคิดออกไป

“…มันเล็กกว่าที่ผมคิดไว้”

"ฮะ? เดี๋ยวก่อนๆ นายรู้ว่ามีน้ำตกเหรอ?”

ไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของพี่อดัมเลย

แท๊มมม! แท๊มมม!

ดุ้ง! ดรุ้ง! ดรุ๊ง! ดรุ๊ง!

ทันใดนั้น วงดนตรีทหารที่เล่นพร้อมเพรียงกันก็บรรเลงขึ้นเพื่อทักทายเรา

เสียงดังขึ้นจากทหารมนุษย์หมาป่าจำนวนมาก

ผู้คนในดินแดนและเด็กๆ ก็ปรบมือเช่นกัน

ไม่มีสักคนเดียวที่ไม่ต้อนรับเราที่มาพร้อมความหวัง

บรรยากาศน่ารื่นรมย์ยิ่ง

“นี่เป็นครั้งแรกที่ผมได้เห็นมนุษย์หมาป่าจำนวนมากพร้อมกันแบบนี้!”

บารอนตะโกนใส่หูฉันและเขยิบเข้ามาใกล้ๆ

ฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน

เมื่อถูกรายล้อมไปด้วยคนเหล่านี้ มันให้ความรู้สึกเหมือนเราเป็นชางต่างแดนอย่างชัดเจน

พลเมืองทุกคนมีหาง และมีหูคล้ายหมาป่า สองทั้งสองข้างอยู่เหนือหัว

เปลวไฟสีแดงถูกจุดช้าๆ ไปตามเส้นทางที่เกิดขึ้น

และสุดเส้นทางนี้ก็มีคนรอเราอยู่ด้วย บรรยากาศดูสูงศักดิ์ที่ไม่เหมือนใคร

เงาที่ไหลออกมาจากหางของพวกเขานั้นแตกต่างออกไป

พวกเขาเหมือนกับเป็นขุนนางมนุษย์ที่เต็มไปด้วยศักดิ์ศรี มนุษย์หมาป่าเหล่านั้นก็เต็มไปด้วยศักดิ์ศรีเช่นกัน

มีคนรอเราอยู่ทั้งหมดหกคน

ชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่มีรูปร่างหน้าตาเป็นผู้ใหญ่ ชายหนุ่มสามคนที่ดูเหมือนลูกชายของเขา และหญิงสาวสองคนที่ดูเหมือนจะเป็นลูกสาวของเขา

ฉันชำเลืองมองเพื่อดูว่าคนไหนอาจเป็นเนอร์

พวกเขาทั้งหมดไม่ได้แย่ แต่ฉันบอกได้เลยว่าคำพูดของพี่อดัมที่ว่า “ฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่สวยขนาดนี้มาก่อน” ถือเป็นการพูดเกินจริงไปหน่อย

ไม่ว่าจะเป็นคนไหน พวกเธอก็สวยเพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น

พวกเธอไม่ได้ถึงระดับที่สวยสะดุดตาด้วยซ้ำ

พี่อดัมและฉันลงจากหลังม้าด้วยระยะห่างที่เหมาะสม

สมาชิกคนอื่นๆ ก็ลงจากหลังม้าเช่นกัน

พี่อดัมเดินไปข้างหน้า ส่วนฉันก็เดินตามเขาไป

เสียงปรบมือ เสียงเชียร์ และเสียงเครื่องดนตรีก็ดังก้องไปทั่วอากาศ

เราได้ยินเสียงกระซิบประเมินเรา

“มนุษย์ที่อยู่ข้างหลังคือใคร? หล่อมาก…”

“คนๆ นั้นคือว่าที่สามีของคุณเนอร์ใช่ไหม?”

พี่อดัมยิ้มให้คำชมที่ชมฉัน

และด้วยเสียงหัวเราะนั้น เขาก็ยิ้มตอบชายวัยกลางคนที่เข้ามาใกล้

ชายคนนั้นมีรูปร่างใหญ่ ผมหงอก หางก็หงอกและเขามีรอยแผลเป็นที่ดูเหมือนเป็นสัญลักษณ์ของเกียรติยศ

กิ้บสัน แบล็ควูด

เขาเป็นหัวหน้าตระกูลแบล็ควูด

พี่อดัมยื่นมือออกไปจับมือก่อน

“ท่านแบล็ควูด ยินดีที่ได้รู้จัก”

“อดัม ฉันหวังว่าการเดินทางของคุณคงจะราบรื่นใช่ไหม?”

พวกเขาทักทายกันสั้นๆ และไม่นานก็เปลี่ยนความสนใจมาที่ฉัน

“นี่คือลูกเขยของฉันเหรอ?”

ฉันก้มหัวลงเบาๆ

"ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่อเบิร์ก”

“เบิร์ก! นั่นเป็นชื่อที่ดี อย่างที่อดัมพูด เธอดูตัวสูงมาก โอ้จะตกลงไหมถ้าฉันพูดสบายๆ ?”

"ได้ครับ"

เราจับมือกัน และฉันรู้สึกได้ถึงความแข็งแกร่งที่อยู่ในมือของเขา

"ดีๆ ในเมื่อเราจะเป็นครอบครัวกันแล้ว เรามาสนิทกันไว้เถอะเบิร์กอย่ายึดติดกับคำนำหน้าแบบทางการ เรียกฉันว่า 'พ่อตา' ดีกว่า”

ฉันพยักหน้าและขยับสายตาของฉันไปอีกทาง

ก่อนอื่น ฉันต้องการให้แน่ใจว่าเนอร์คือใคร

แต่ในขณะนั้นเอง กิ้ปสัน แบล็ควูดก็เริ่มมองมาที่ฉันและพี่อดัม

"คือว่า…"

พี่อดัมก็เอียงหัวด้วยความสับสน

ฉันใช้เวลาไม่นานก็รู้ว่าเขาสงสัยอะไร

“…ดูเหมือนว่าเนอร์จะไม่อยู่ที่นี่”

เมื่อคำพูดของเขาดังขึ้น ก็มีช่วงเวลาแห่งความเงียบงันที่น่าอึดอัดใจปรากฏ

กิ้ปสันเองถอนหายใจยาวแล้วตอบกลับ

“…จู่ๆ เธอก็ล้มป่วยเมื่อเช้านี้…และไม่สามารถออกมาได้”

“…”

“…”

ฉันเหลือบมองพี่อดัมด้วยหางตาของฉัน

เขายังคงรักษารอยยิ้มอันสุภาพ

แต่เขาคงรู้สึกอย่างที่ฉันรู้สึก

กิ้ปสันกำลังโกหก

ฉันถอนหายใจเบาๆ อย่างระมัดระวังและพยายามไม่แสดงอาการใดๆ

เส้นทางสู่การแต่งงานคงไม่ได้ราบรื่นตั้งแต่แรกเริ่ม

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด