ตอนที่แล้วบทที่ 44: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 46: [เนื้อเรื่องเสริม] ทีมหลัก (2)

บทที่ 45: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (3)


บทที่ 45: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (3)

ฉันตกตะลึงอย่างมาก

ปากของฉันถึงกับห้อยลงมาเล็กน้อย

“เพราะท่านเป็นองค์ชายที่ชอบสร้างปัญหามากที่สุดในจักรวรรดิ!”

คำตอบของเอวานเจลีนว่าทำไมเธอถึงกลายเป็นแฟนตัวยงของฉันทำให้ฉันพูดไม่ออก

“…”

เธอประชดฉันอยู่หรือไง?

ขณะที่ฉันรู้สึกงุนงงและไม่อาจเข้าใจความคิดของเด็กสาวคนนี้ เอวานเจลีนก็ส่ายมือทั้งสองข้างและอธิบายอย่างละเอียด

“ไม่นะ คือฉันไม่ได้พยายามล้อเลียนหรือประชดประชัน! ฉันชื่นชมท่านจริงๆ ที่เป็นพวกหัวขบถไม่สนกฎ”

“เอ่อ…อะไรนะ? ทำไมกันเล่า?”

“ก็ฉัน… ต้องการท้าทายท่านพ่อ”

เอวานเจลีนยักไหล่อย่างเชื่องช้า

“ฉันปรารถนาที่จะทำให้พ่อเดือดดาลให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ สร้างปัญหา สร้างความวุ่นวายทำให้นามสกุลต้องมัวหมอง ฉันอยากใช้ชีวิตแบบนั้น”

ดูเหมือนการแก้ปัญหาจิตใจที่ซับซ้อนของวัยรุ่นจะไม่ใช่เรื่องง่าย

“แต่ฉันจะว่ายังไงดี…มันดูจะยากกว่าที่ฉันจินตนาการไว้มากโข ในตอนแรกมันได้ผล เพราะพ่อของฉันเกลียดอัศวินจากราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์ ดังนั้นทันทีที่ฉันหนีไป ฉันก็ลงทะเบียนที่นั่นเลย”

"แล้วจากนั้น?"

“แต่แล้วเมื่อฉันเข้าร่วมสถาบันการศึกษา สิ่งที่พวกเขาให้ฉันทำคือฝึกทั้งวันทั้งคืน ทำให้ตัวฉันห่างไกลจากการหลงผิด ถูกหล่อหลอมให้เป็นนักเรียนต้นแบบ”

นักเรียนต้นแบบ แหม ก็ชมตัวเองน้อยไปนะ

เอวานเจลีนสำเร็จการศึกษาหลักสูตรหกปีราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์ในเวลาเพียงสามปี จบการศึกษาด้วยระดับสูงสุดของชั้นเรียนของเธอ เธอเป็นอัจฉริยะที่จะได้รับการจดจำในประวัติศาสตร์ของสถาบันการศึกษาแห่งนี้เลยทีเดียว

“สิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำได้คือการตัดการสื่อสารทั้งหมดกับพ่อของฉัน”

“นั่นถือเป็นการประท้วงที่มีเสน่ห์ทีเดียว…”

“ในขณะที่ฉันใช้ชีวิตเช่นนี้ ฉันก็ได้ยินเกี่ยวกับท่าน เจ้าชายแอช”

สายตาของเอวานเจลีนหันมามองฉัน ดวงตาของเธอเป็นประกาย

“ความกล้าหาญของท่านที่จะท้าทายจักรพรรดิผู้มีอำนาจสูงสุดของจักรวรรดิ กระทั่งเขาผู้เป็นบิดาของท่านเอง! วิธีที่สร้างสรรค์ของท่านในการปลุกปั่นปัญหาสัปดาห์แล้วสัปดาห์เล่า! ถึงขั้นฟุ่มเฟือยสร้างน้ำพุจากเหรียญทองและทำลายกำแพงที่ประดับไปด้วยอัญมณีล้ำค่า!”

“…”

“องค์จักพรรดิถึงกับพิโรธท่านจนทรุดเลยไม่ใช่เหรอ? นั่นเป็นสิ่งที่น่าทึ่งจริงๆ! เป็นตำนานที่ควรถูกเล่าขานสืบต่อไป!”

ฉันรู้สึกได้เลยว่าเธอกำลังล้อเลียนฉันอยู่ ใช่ไหมนะ? หรือว่าไม่ใช่กัน?

“ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเรื่องข่าวของท่านยามใด ฉันก็รู้สึกใจเต้นทุกครั้ง ท่านเป็นแบบอย่างของฉันเลย!”

"ฉันเข้าใจแล้ว..."

ใครจะคิดกันเล่าว่าวิถีชีวิตที่บ้าบิ่นของฉันจะเป็นแรงบันดาลใจให้ใครบางคนมายกย่องฉันแบบนี้? ชีวิตช่างเต็มไปด้วยเรื่องประหลาดใจมากเสียจริง

’ยินดีด้วยแอช ชีวิตที่เสเพลของนายไม่ได้มีไว้เสียเปล่า’

ฉันหัวเราะกลวงๆ และถามอย่างไม่แน่ใจว่า

“แล้วเธอเกลียดพ่อของเธอจริงๆ ใช่ไหมเอวานเจลีน?”

"อืม...."

เอวานเจลีนหยุดชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้าตอบไป

"ใช่แล้ว ฉัน…เกลียดเขาจริงๆ ”

“แล้วทำไมถึงเกลียดล่ะ?”

“คือว่ามีเหตุผลหลายประการ …”

สีหน้าที่ซับซ้อนปรากฏบนใบหน้าของเธอ แต่เธอรีบปัดมันออก ยืดคอของเธอและมองไปรอบๆ

“แล้วพ่อที่รักของฉันอยู่ที่ไหนกันแน่เนี่ย? แม้ว่าเขาจะเกลียดลูกสาวที่หนีไป แต่อย่างน้อยเขาก็ควรจะมาพบและพูดคุยกับฉันทั้งที่หายไปสามปีไม่ใช่เหรอ?”

“…”

“ฉันวางแผนที่จะจุดดอกไม้ไฟ 100 วิธีที่คิดขึ้นมาได้หลังจากสังเกตการกระทำของท่านมาหลายปี เขาซ่อนตัวเพราะกลัวงั้นเหรอ?”

ฉันกลืนน้ำลายลงไปอย่างเงียบงัน

“นี่เธอเดินทางมาที่นี่โดยไม่รู้ข่าวอะไรเลยเหรอ เอวานเจลีน?”

"เอ๊? มีข่าวอะไรเหรอ? ฉันเพิ่งเรียนจบและกลับบ้านเองนะ”

“…”

"อะไรเล่า? มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นงั้นเหรอ...?"

“…”

คำพูดของฉันติดอยู่ในลำคอ เมื่อสังเกตความเงียบของฉัน ใบหน้าของเอวานเจลีนก็เริ่มเปลี่ยนไป

บางทีเธออาจรู้แล้วว่ามีบางอย่างผิดปกติ

ฉันไม่สามารถมองสายตาของเธอได้อีกต่อไปและค่อยๆ ก้มศีรษะลง

ความรู้สึกนั้นแปลกประหลาดมาก

การที่ต้องมาเป็นผู้แจ้งข่าวที่น่าเศร้าเกี่ยวกับพ่อของเธอเอง

“ฉันเสียใจที่ต้องบอกเธอเรื่องนี้ด้วย เอวานเจลีน”

ความรู้สึกร้อนและอึดอัดราวกับว่าฉันกลืนชิ้นส่วนโลหะร้อนเข้าไปในท้อง

เมื่อหยุดแรงกระตุ้นที่จะเก็บมันไว้ ฉันก็ฝืนคำพูดที่เป็นดั่งโชคชะตา

“พ่อของเธอเสียชีวิตแล้ว”

“…”

“ไม่กี่วันที่ผ่านมา ในการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด เขาเสียสละตัวเองเพื่อช่วยทุกคนในเมือง เขาตายเยี่ยงวีรบุรุษ”

ฉันเล่าถึงการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของชาร์เลส มาร์คกราฟแห่งครอสโรด เอวานเจลีนฟังด้วยใบหน้าอันไร้อารมณ์

“ฉันได้รวบรวมการกระทำของเขาและรายงานต่อราชวงศ์ ด้วยความกล้าหาญของเขา เขาอาจได้รับพระราชทานเหรียญเกียรติยศทางทหาร”

“…”

“งานศพจะจัดขึ้นในอีกสามวันและฉันตั้งใจที่จะให้ความเคารพอย่างสูงสุด”

เอวานเจลีนนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง แข็งเหมือนดั่งหิน

ฉันตัดสินใจว่ามันคงไม่ใช่เวลาที่จะบอกความปรารถนาสุดท้ายของมาร์คกราฟ ดังนั้นฉันจึงเงียบไปและนั่งอยู่ข้างๆ เธอ

เธอกลับบ้านหลังจากห่างหายไปนาน เพื่อมารู้ว่าพ่อที่เธอทิ้งไปได้เสียชีวิตแล้ว

ฉันไม่สามารถจินตนาการได้เลยว่าเด็กสาวตรงหน้าฉันจะรู้สึกยังไง

"...ฮ่าฮ่า"

หลังจากเงียบไปสองสามนาที เสียงหัวเราะแห้งๆ ก็ดังออกมาจากเอวานเจลีน

“ฉันอุตส่าห์กำลังจะเริ่มสวมบทบาทเป็นลูกสาวแสนดื้อด้านอย่างจริงจังสักหน่อย แต่เขาดันต่อยฉันเข้าเต็มเปาเลยแฮะ”

“…”

“เขาพูดเสมอว่าจะตายจากการต่อสู้กับสัตว์ประหลาด ฉันไม่คิดว่าเขาจะทำแบบนั้นจริงๆ”

ใบหน้าของเอวานเจลีนซีดเผือดขณะที่เธอหัวเราะออกมา

“เขาจากไปโดยไม่แม้แต่จะมารับความขุ่นเคืองจากฉัน…”

"ฉันขอโทษด้วย"

เอวานเจลีนมองมาที่ฉันความสับสนที่ฝังอยู่บนใบหน้าของเธอ

“ทำไมองค์ชายต้องขอโทษด้วย?”

“เพราะฉันคือเจ้าเมืองแห่งนี้ ผู้บังคับบัญชาแนวหน้า การตายของพ่อเธอย่อมเป็นหนึ่งในภาระที่ฉันควรแบกรับเอาไว้”

ฉันโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งต่อเอวานเจลีน

“ดังนั้นเธอจะตำหนิฉันแทนก็ได้”

“…”

"ฉันขอโทษด้วย"

เอวานเจลีนที่เฝ้าสังเกตฉันอย่างเงียบๆ ก็ได้ถามออกมาด้วยความประหลาดใจ

“… ท่านคือเจ้าชายแอชจริงหรือ?”

"อะไรนะ?"

“ไม่สิ มันก็แค่ …เจ้าชายแอชที่ฉันเคยได้ยินมาคือเหมือนว่าจะมากกว่านี้…”

เอวานเจลีนกลอกตาชั่วขณะ เพื่อค้นหาคำตอบที่ถูกต้อง

“เขาเป็นคนโหดเหี้ยมที่หมกมุ่นอยู่กับตัวเอง บ้าบิ่นและปฏิบัติต่อคนรอบข้างไม่ดีนัก แต่ท่านดู เป็นห่วงผู้อื่นมากเกินไป”

“เลิกเรียกฉันว่าคนบ้าต่อหน้าเถอะ…”

“แต่มันก็จริงใช่ไหมล่ะ? จำสิ่งที่ท่านทำในเมืองหลวงได้ไหม?”

“แม้ว่ามันจะเป็นเรื่องจริง แต่ฉันก็ยังเป็นเจ้าชายนะ ให้ตายเถอะ! เคยได้ยินเรื่องความผิดฐานดูหมิ่นราชวงศ์ไหม? ทำอย่างนี้ต่อไปเดี๋ยวก็จะมีผลตามมาหรอก”

“อืม ค่อนข้างน่าขันแฮะเมื่อได้ยินคำแบบนี้จากคนที่ถูกเนรเทศมาที่นี่…”

บัดซบ ที่เธอพูดมามีเหตุผลนัก

เด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าฉันเป็นทายาทของตระกูลครอส ซึ่งปกครองเมืองแห่งนี้มาหลายชั่วอายุคน

ในขณะเดียวกัน ตัวฉันแทบจะถูกเนรเทศออกจากราชวงศ์และต้องมาลงหลักปักฐานที่นี่

โดยสรุปแล้ว ส่วนใต้สุดของจักรวรรดินี้ เอวานเจลีนอาจจะมีอำนาจมากกว่าฉันด้วยซ้ำ...

“ยังไงก็ขอบคุณที่เป็นห่วงนะองค์ชาย”

เอวานเจลีนเหมือนกลับมาได้สติอีกครั้ง

“แต่มันเหมือนกับไม่ใช่ความจริงเลย ทุกอย่างดูปลอมราวกับเป็นเพียงความฝัน”

“…”

“คือว่าฉันขอเวลาอยู่คนเดียวสักหน่อยนะคะ”

ฉันค่อยๆ ลุกขึ้นจากที่นั่งทันที

“คนรับใช้จะยืนอยู่ข้างนอกประตู หากต้องการอะไรเพิ่มเติม ก็เรียกได้เลย”

“…”

“พักผ่อนเถอะ”

เอวานเจลีนดึงผ้าห่มขึ้นมาที่ เธอไม่ได้มองมาทางฉันอีกต่อไป

หลังจากเหลือบมองเด็กสาวเป็นครั้งสุดท้ายด้วยความคิดที่ยุ่งเหยิง ฉันก็ออกจากห้องไป

***

เอวานเจลีนที่ฉันพบในเกมเป็นผู้หญิงที่มีความสูงมากพอสมควร แต่เอวานเจลีนที่ฉันพบในครั้งนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นเพียงวัยรุ่น

เมื่อฉันถามไอเดอร์ว่าทำไมมันถึงแตกต่างขนาดนี้ เขาก็อธิบายด้วยรอยยิ้ม

“ก่อนอื่นท่านต้องรู้อายุของเอวานเจลีนก่อน เธอจะอายุสิบหกปีในปีนี้”

“อืม งั้นก็…”

เดเมียนเป็นสมาชิกที่อายุน้อยที่สุดในปาร์ตี้ของเรา อายุเพียงสิบแปดปี ส่วนเธอเป็นรุ่นน้องของเขาถึงสองปี

’แต่ดูจากรูปลักษณ์ภายนอก เธอก็ดูไม่ถึงสิบห้าด้วยซ้ำ’

ฉันส่ายหัวด้วยความไม่อยากจะเชื่อ

“ฉันไม่ได้คิดเลยว่าลูกสาวของมาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสจะยังเด็กนักเมื่อดูจากอายุของเขา…”

“มาร์คกราฟแห่งตระกูลครอสไม่ได้แต่งงานกันจนกระทั่งอายุสี่สิบกลางๆ เขาอายุมากกว่าห้าสิบปีเมื่อลูกสาวของเขาเกิดขึ้นมา”

ไอเดอร์กลั้นหัวเราะเบาๆ

“จะว่าไปแล้ว มาร์คกราฟกับภรรยาของเขามีอายุต่างกันสิบห้าปี ตอนนั้นมีเรื่องวุ่นวายมากเลยทีเดียวล่ะครับ”

“นายอายุเท่าไรกันเนี่ยถึงจะจำเรื่องทั้งหมดนี้ได้ ?”

“อายุของผู้ชายเป็นความลับที่ไม่ควรเปิดเผยนะครับ”

ไอเดอร์หลบเลี่ยงคำถามด้วยเสียงหัวเราะเบาๆ เป็นผู้อำนวยการเกมที่น่ากระทืบเสียจริง

“ซึ่งก็อย่างที่คุณรู้ เอวานเจลีนจะไม่ปรากฏในเกมจนกว่าจะถึงช่วงครึ่งหลังของปีที่สองหรือต้นปีที่สาม”

"อ๊า!"

ทันใดนั้นฉันก็เพิ่งจำได้

นั่นคือเวลาที่เอวานเจลีนควรจะปรากฏตัวในเกม มันคือประมาณสองปีนับจากนี้

ไม่น่าแปลกใจเลยที่เด็กสาวคนนั้นจะเบ่งบานกลายเป็นวีรสตรีในอีกสองปีข้างหน้า ดูเหมือนสมัยนี้เด็กจะโตกันไวมากเลยนะ...

“ทว่าเนื่องจากสถานการณ์ต่างๆ ในเกม ’นี้’ เธอจึงเข้ามาเร็วกว่าที่คาดไว้มาก”

"ฉันเข้าใจแล้ว"

ฉันดึงหน้าต่างระบบขึ้นมาทันที ข้อมูลของเอวานเจลีนพลันปรากฏขึ้น

[เอวานเจลีน (SSR)] <ตัวละครรับเชิญ>

-ระดับ: 35

-สมญานาม: ผู้สืบทอดไร้ประสบการณ์

-อาชีพ: อัศวินหอกขั้นสูง

-ความแข็งแกร่ง: 35 ความคล่องแคล่ว: 30 ค่าสติปัญญา: 20 ความทนทาน: 35 พลังเวทมนตร์: 20

ว้าว ระดับ SSR...

เพียงแค่เหลือบมองไปที่ค่าสถานะเหล่านี้ คลื่นแห่งความสุขก็ปรากฏบนใจของฉัน

แท๊งค์ล้วนผู้มีโล่และหอกอัศวิน ว่องไวและรุนแรง ช่างน่าประทับใจอะไรเช่นนี้ เธอเหมาะที่จะแทงค์ที่สามารถเข้ากับได้ทุกองค์ประกอบ

แต่สิ่งที่ทำให้เอวานเจลีนแตกต่างในฐานะแท๊งค์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในเกมนี้ไม่ใช่แค่ค่าสถานะของเธอ แต่เป็นการผสมผสานทักษะร่วมกันของเธอต่างหาก

[ทักษะที่มีอยู่]

> ทักษะติดตัว: เสียงคำรามแห่งสนามรบ

> ทักษะที่ 1: เก็บความเสียหาย

> ทักษะที่ 2: สนองคืน

> ท่าไม้ตาย: ??? (ปลดล็อคหลังจากผ่านการเลื่อนอาชีพครั้งที่ 3)

ทักษะติดตัวเสียงคำรามแห่งสนามรบเป็นแก่นแท้ของอัศวินโล่ มันทำให้ศัตรูปั่นป่วนและสนับสนุนฝ่ายพันธมิตร

ทักษะทั่วไปเช่นนี้อาจแตกต่างกันอย่างมาก มันจะขึ้นอยู่กับอันดับและระดับของตัวละคร เนื่องจากเอวานเจลีนมีระดับ SSR ประสิทธิภาพทักษะของเธอจึงน่าจะยอดเยี่ยมเป็นพิเศษ

เสียงคำรามเพียงครั้งเดียวในสนามรบ คงจะทำให้สถานการณ์ทั้งหมดได้เปลี่ยนไป

‘ทว่าตัวเปลี่ยนเกมที่แท้จริงคือทักษะที่สามารถใช้งานได้ต่างหาก’

ทักษะที่ 1: เก็บความเสียหาย

ทักษะที่ 2: สนองคืน

ความสามารถของพวกมันตรงไปตรงมาอย่างน่าอัศจรรย์ เก็บความเสียหายจะสะสมความเสียหายดูดซับไว้ที่โล่

ส่วนสนองคืนจะส่งความเสียหายที่สะสมไว้กลับไปยังศัตรู

ความสามารถที่แท้จริงของมันคือ แม้ว่าจะได้รับความเสียหาย เธอก็ไม่ได้รับมันเพราะเพียงแค่ ’เก็บ’ มันเอาไว้เท่านั้น

จากนั้นจึง ’สะท้อน’ ความเสียหายที่เกิดขึ้นใส่ศัตรู

‘แน่นอนว่าความจุในการจัดเก็บมีขีดจำกัด และทักษะที่สองไม่สามารถใช้ได้ตลอด’

หากความเสียหายเกินความจุในการเก็บ มันก็จะถูกตัวเธอโดยตรง

เหมือนกับการชก 777 ด้วยหมัดของฉันเมื่อวานนี้ หากการโจมตีที่รุนแรงเกิดขึ้นในครั้งเดียว ความเสียหายก็จะโดนทั้งหมด

และทักษะที่สองจะถูกเรียกใช้เมื่อความจุในการเก็บความเสียหายเต็มในระดับหนึ่งเท่านั้น

หากการโจมตีของศัตรูไม่ได้มีศักยภาพจะไม่มากพอ มันจะทำให้ทักษะที่สองไร้ประโยชน์

‘แม้จะมีจุดอ่อนเล็กน้อยเหล่านี้ แต่มันก็ไม่ได้ลดความจริงที่ว่าเธอมีพลังอันแข็งแกร่งมาก’

ส่วนที่ดีที่สุดคือคือแม้ว่าเธอจะเป็นสายแท๊งค์ล้วน แต่เธอก็สามารถมีส่วนร่วมในการโจมตีได้มากกว่าสายโจมตีทั่วไป

หากเธอเป็นส่วนหนึ่งของทีม เธอจะเป็นได้ทั้งแท๊งค์และตัวสร้างความเสียหาย

เธอเกือบจะเป็นตัวอย่างของแท๊งค์ที่มีความสามารถรอบด้านทั้งโจมตีและป้องกัน ดังนั้นผู้เล่นทุกคนจึงต้องการตัวเธอเป็นอ่ยางมาก

‘แต่มันไม่ได้มีแค่นั้น’

คุณลักษณะที่เอวานเจลีนมีก็เรียกได้ว่าอยู่เหนือทุกคนไประดับหนึ่ง

– คุณลักษณะที่สวมใส่ (2/3)

> ไม่อาจหยุดยั้ง

> เกิดสิ่งผิดพลาดได้ง่าย (ไม่สามารถลบล้างได้)

ไม่อาจหยุดยั้ง

มันเป็นเหมือนดั่งคำพูดของมัน เอวานเจลีน ’ไม่อาจหยุดยั้ง’ เธอมีความต้านทานต่อสถานะที่ส่งผลต่อการเคลื่อนไหว 100% เช่นการจับ การทำให้ช้าหรือแช่แข็ง

ไม่ว่าศัตรูจะพยายามขัดขวางอะไร เธอก็สามารถเพิกเฉยได้ทั้งหมด พุ่งตรงไปเหมือนรถถังนำวิถีและขจัดทุกสิ่งที่ขวางทาง

นี่เป็นทักษะติดตัวที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ เป็นเรื่องยากสำหรับแท๊งค์ที่จะมีทักษะติดตัวที่มีประสิทธิภาพเช่นนี้

‘เธอเป็นตัวละครที่ขี้โกงจริงๆ เป็นตัวละครที่ขี้โกง… เดี๋ยวก่อนอะไรเนี่ย’

คุณลักษณะที่สองเป็นสิ่งที่ฉันไม่เคยพบมาก่อน

‘เกิดสิ่งที่ผิดพลาดได้ง่าย?'

เอวานเจลีนมีคุณลักษณะแบบนี้ด้วยเหรอ?

เพื่อตรวจสอบเพิ่มเติม ฉันจึงเรียกคำอธิบายขึ้นมา

[เกิดสิ่งผิดพลาดได้ง่าย]

– เนื่องด้วยเพราะยังเยาว์วัย เธอจึงไม่มีประสบการณ์นัก อาจมีแนวโน้มที่จะเกิดข้อผิดพลาดเป็นครั้งคราว โอกาสที่เธอจะทำผิดพลาดทั้งครั้งใหญ่และครั้งเล็กในสนามรบจะสูงขึ้น

(คุณลักษณะนี้จะสลายไปเมื่อได้รับประสบการณ์บางอย่างแล้ว)

คำอธิบายนี้ปรากฏขึ้น

“บัดซบเอ๊ย!”

ฉันได้แต่ก่ายหน้าผาก

แน่นอนว่าคุณลักษณะที่ปรากฏก่อนหน้านี้ของเธอนั้นเป็นประโยชน์ แต่มันดันมาพร้อมกับคุณลักษณะที่เป็นอันตรายเช่นนี้เสียได้

’อืม แต่เธอก็ยังเด็กอยู่เลย...’

ด้วยอายุเพียงสิบหก เธอก็คงยังเป็นเพียงเด็ก

นี่ไม่ใช่สนามรบของเธอ แต่เป็นวัยที่ควรเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและการพูดคุยกับเพื่อนๆ อย่างไร้กังวลมากกว่า

"นายท่าน!"

“…”

แรงสั่นสะเทือนที่ไม่คาดคิดได้พุ่งผ่านปลายนิ้วของฉัน

ไอเดอร์เข้ามาใกล้ฉันมากขึ้นเมื่อฉันนิ่งเงียบไป

“นายท่าน ท่านวางแผนที่จะรับคุณหนูเอวานเจลีนเข้าทีมของเราแล้วใช่ไหม?”

"หือ? อืม...."

ฉันพบว่าตัวเองไม่สามารถตอบกลับไปได้ทันที

มันเหมือนกับมีก้อนทองคำวางอยู่ตรงหน้าฉัน

เอวานเจลีนเป็นแท๊งค์ที่โดดเด่นในเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัยเลย การรับเธอเข้าร่วมทีมเป็นสิ่งที่จำเป็น

ทว่า-

“สัญญากับฉันอย่างหนึ่งนะ องค์ชายแอช”

เสียงสะท้อนของคำวิงวอนสุดท้ายของมาร์คกราฟได้กระซิบเข้ามาในหูของฉันเมื่อหลายวันก่อน ยามที่เขาเสียชีวิตในอ้อมแขนของฉัน มันยังคงดังก้องอยู่ในใจของฉันอยู่เสมอ

ฉันจึงไม่สามารถตอบคำถามของไอเดอร์ได้ทันที ฉันได้แต่กัดริมฝีปากของตนจนเลือดแทบไหลรินออกมา

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด