ตอนที่แล้วบทที่ 43: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 45: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (3)

บทที่ 44: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (2)


บทที่ 44: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (2)

(ขอเปลี่ยนเป็นใช้ ผม,ฉัน แทนข้าเจ้านะครับ)

ติ้ง! ติ้ง! ติ้ง!

สล็อตคะแนนของโชคกระแทกหมุนวนอย่างบ้าคลั่ง ในที่สุดก็กลายเป็นตัวเลข 777

ตองเจ็ด

พลังเต็มรูปแบบของอาวุธประหลาดนี้ได้ถูกปลดปล่อยออกมาแล้ว

“เกิดอะไรขึ้น ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยเล่า?!”

ถึงฉันจะเป็นคนโจมตีออกไป แต่ฉันก็ได้แค่ตะโกนออกมาด้วยความตื่นตระหนก ไม่นะ ไม่! ไม่เอา 777 สิ!

ความเสียหายระดับนั้นสามารถกำจัดบอสในเกมได้ในการโจมตีครั้งเดียวเลย หากมีคนถูกชกเข้า พวกเขาอาจจะพบกับนรกแหง!

“เอวาเจลีน! หลบไป...”

แน่นอนว่ามันสายเกินไปแล้ว

สล็อตได้ถูกเปิดใช้งานในวินาทีที่หมัดของฉันสัมผัสกับโล่ของเอวาเจลีน

7 7 7!

[ขอแสดงความยินดีด้วย]

[☆★☆ลาภลอย!★☆★]

พลุระเบิดทั่วทั้งหน้าจอระบบ เป็นการบอกว่าโชคดีมาก

ทันใดนั้นหน้าต่างระบบก็หายไปอย่างรวดเร็ว

ตุบ-!

เลเซอร์พุ่งออกมาจากมือที่กำแน่นของฉัน

“…”

ไม่ได้ล้อเล่นนะ ไม่มีระบบขับเคลื่อนอะไรทั้งนั้น มันมีลำแสงสีรุ่งพุ่งออกมาด้วย นี่มันบ้าไปแล้วชัดๆ

ฟู่มมมมมม!

แสงที่เปล่งประกายส่องผ่านชั้นบรรยากาศ ส่องสว่างทุกอย่างในเส้นทางของมัน

"เหวอออ!?"

ด้วยความที่อยู่ในเส้นทางของแสงเลเซอร์ เอวาเจลีนจึงกระเด็นตีลังกาไปในระยะไกล...

***

วู้บบ-

หลังจากที่ฝุ่นได้หายไปจนหมดสิ้น

ทางเข้ากำแพงหินของคฤหาสน์ถูกทำลายอย่างหมดจดโดยหมัดของฉัน(หรือพูดให้ชัดกว่านั้นก็คือเลเซอร์ที่ปล่อยออกมาจากหมัด)

“…”

“…”

ลูคัสยืนตะลึงอยู่บนพื้นดินที่ร้อนระอุ เหงื่อได้ไหลออกมามากมายในขณะที่เขาเหลือบมองมาทางฉัน

“ฝ่าบาท นั่นเป็นหมัดที่น่าทึ่งนัก ท่านทำได้ยังไง…ไม่สิ นั่นไม่ใช่ประเด็นสักหน่อย”

“…”

“ถึงแม้อีกฝ่ายจะเริ่มก่อน แต่เหตุใดถึงต้องโหดร้ายปานนี้…”

“ไม่ มันไม่ใช่อย่างนั้นสักหน่อย! ฉันไม่ได้ตั้งใจ!”

ฉันเพียงแค่พยายามที่จะโจมตีเบาๆ เพื่อดึงดูดความสนใจของพวกเขาต่างหาก

ฉันเพียงแค่อยากจะยุติการต่อสู้บ้าบอเท่านั้นเอง! ฉันจะรู้ได้ยังไงกันเล่าว่ามันจะแจ็คพอแตกต่างนั้น?

เอวานเจลีนได้ถูกเหวี่ยงไปไกลมาก ชนเข้ากับกำแพงหินของคฤหาสน์ด้านหนึ่งจนเป็นซากปรักหักพัง และตอนนี้เธอถูกฝังอยู่ใต้ซากปรักหักพัง

ตึก ตึก ตึก...

เธอไม่ได้กระตุกจนร่วงหล่นลงมา แม้ว่าเศษกองหินจะไหลลงไปทั่วพื้น สภาพดูน่าเป็นห่วงยิ่ง

“เธอตายแล้วหรือยัง? เดี้ยงแล้วเหรอ?”

ด้วยความรู้สึกผิดที่อาจทำให้ทั้งแม่และลูกสาวเสียชีวิตไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ยิ่งทำให้ฉันตัวสั่นเข้าไปอีก

เทพเจ้าแห่งโชคชะตา! ไหงไอ้ปีศาจเลข 777 ถึงโผล่มาตอนนี้เล่า ให้ตายเถอะ!

ลูคัสรีบวิ่งไปที่ด้านข้างของเอวานเจลีนและส่งยิ้มเครียดๆ ให้ฉัน

“ไม่ครับ เธอไม่เป็นไร เธอยังหายใจตามปกติ”

"จริงเหรอ?!"

รอดจากโชคกระแทก 777 ที่สร้างความเสียหายสูงสุดได้งั้นเหรอ? สมกับที่เป็นแท๊งค์ได้รับการจัดอันดับระดับ SSR อย่างแท้จริง คลื่นแห่งความโล่งอกได้ซัดมา และยังทำให้ฉันตระหนักถึงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของเธอด้วย

“เธอมีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ดูเหมือนจะไม่มีอันตรายถึงชีวิต ทว่า...”

สายตาของลูคัสล่องลอยไปด้านหนึ่ง ฉันมองตามสายตาของเขา

ที่นั่น โล่อินทรีที่กระจัดกระจายและหอกทหารม้าได้แตกสลาย พวกมันทั้งหมดเป็นส่วนหนึ่งในอุปกรณ์ของเอวานเจลีน

หมัดแห่งโชคชะตาของฉันทำให้อาวุธของเธอแตกสลายไป

“นั่นดูแพงมากเลยนะ…”

“ครับ...”

อย่างน้อยก็เห็นได้ชัดเลยว่านี่เป็นอาวุธระดับ SR อืม แต่สภาพมันตอนนี้...

ฉันถอนหายใจและถือส่วนที่เหลือของปีกนกอินทรีที่แตกเป็นเสี่ยงๆ แล้วต่อจากนี้ฉันจะทำยังไงต่อดีล่ะ? สิ่งนี้สามารถซ่อมแซมได้หรือเปล่า?

จากนั้นลูคัสก็ค่อยๆ ยกเอวาเจลีนที่หมดสติออกจากซากกำแพงหินเถอะ

“ไม่ว่ายังไง สิ่งที่ฝ่าบาททำก็น่าทึ่งมากเลยครับ ถึงกับโค่นล้มคู่ต่อสู้ที่ผมดิ้นรนต่อสู้ด้วยภายในการโจมตีเพียงครั้งเดียว”

“ไม่ใช่ฉันสักหน่อย เป็นเพราะไอ้เทพลูกเต๋าจอมเจ้าเล่ห์ต่างหาก…”

"ขอรับ?"

“ช่างมันเถอะ ช่างหัวไอ้เกมโชคชะตาบ้าบอนี้”

ในขณะนั้นเอง ความโกลาหลก็ปรากฏออกมาจากทิศทางของประตูใหญ่ ผู้คนก็เริ่มหลั่งไหลออกมาจากคฤหาสน์

ฉันตะโกนใส่ไอเดอร์ที่เป็นผู้นำกลุ่มคนที่เดินเข้ามาทันที

"ไอเดอร์! เรียกผู้รักษาจากอารามมาเดี๋ยวนี้! นอกจากนี้ยังเตรียมห้องไว้ให้เธอพักผ่อนด้วย!”

ฉันถอนหายใจลึกๆ ขณะที่เหลือบมองเอวาเจลีนที่หมดสติและสิ้นสภาพ อนิจจา!

ขอบคุณที่ไม่มีใครเสียชีวิต ยังดีที่สถานการณ์ทุกอย่างสามารถจบลงด้วยดี...

***

เอวาเจลีนยามนี้กำลังจมอยู่ในห้วงความฝัน

ความฝันในวัยเด็กของเธอเอง

ในมุมหนึ่งของคฤหาสน์ที่กว้างใหญ่และเต็มไปด้วยสิ่งที่น่าหวนนึกถึง ห้องที่เป็นของเอวานเจลีนมาตั้งแต่เกิด

แม่ของเธอมักจะมาเยี่ยมเธออยู่เสมอ คอยอุ้มเอวานเจลีนอย่างด้วยอ้อมกอดของเธอ

ในไม่ช้า เอวาเจลีนก็ได้รู้ว่าแม่ของเธอจะมาเมื่อใด

มันจะเป็นตอนที่พ่อของเธอออกไปทำศึก

เมื่อใดก็ตามที่สัตว์ประหลาดโจมตีเมืองและพ่อของเธอรีบไปที่แนวหน้า แม่ของเธอจะอำลาเขาแล้วกลับมาอยู่ภายในห้องของเอวานเจลีน

เธอจะอุ้มเอวาเจลีนไว้เป็นเวลาหลายชั่วโมง

’แม่ของลูกมาปลอบใจลูกเพราะกลัวว่าลูกอาจกลัวพวกสัตว์ประหลาด’

แม่ของเธออธิบายด้วยรอยยิ้ม แต่เอวานเจลีนรู้ความจริง

ไม่ใช่เธอที่กลัวสัตว์ประหลาด แต่เป็นแม่ของเธอต่างหาก

แม่ของเธอต่างหากที่กลัว แขนของเธอสั่นยิ่งขณะที่อุ้มลูกเอาไว้

เอวานเจลีนมักจะตบหลังแม่ของเธอและส่งยิ้มปลอบประโลนให้

’ท่านแม่งี่เง่าจัง พ่อจะเอาชนะพวกสัตว์ประหลาดทั้งหมดอยู่แล้ว ทำไมแม่ถึงต้องกลัวด้วย?'

เมื่อใดก็ตามที่เอวาเจลีนพูดเช่นนั้น แม่ของเธอจะตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ค่อนข้างเศร้าโศก

ต่อมาเอวาเจลีนก็เข้าใจ

สิ่งที่แม่ของเธอกลัวไม่ใช่สัตว์ประหลาด

สิ่งที่แม่ของเธอกลัวคือการสูญเสียพ่อของเธอไป

และโชคชะตาที่โหดร้ายกำลังรอลูกสาวของเธอ ที่วันหนึ่งเธอเองก็จะต้องก้าวเข้าสู่สนามรบที่โหดร้ายนั้น

***

"....อืม"

เอวานเจลีนค่อยๆ ลืมตาขึ้นท่ามกลางแสงแดดยามเช้า

จากระยะไกล มีนกที่ไม่ทราบสายพันธุ์ได้ส่งเสียงร้องออกมา

“...หือ”

ลักษณะห้องที่คุ้นเคย

กลิ่นของผ้าห่มที่เพิ่งซักเสร็จใหม่ๆ

ลวดลายบนเพดานที่ฝังอยู่ในความทรงจำของเธอตลอดไป

เอวาเจลีนจ้องมองไปรอบๆ ด้วยความสับสนและตระหนักว่านี่คือห้องของเธอในคฤหาสน์ของตระกูล

"อา...!"

ใช่แล้ว เธอกลับมายังบ้านแล้ว

สามปีที่แล้ว หลังจากการจากไปของแม่เธอ เธอได้หนีออกจากสถานที่แห่งนี้เพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองหลวงโดยไม่มีจุดหมายในใจ

เธอลงทะเบียนเรียนในราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์ของเมืองหลวงจักรวรรดิ

หลังจากจบหลักสูตรอัศวินทั้งหมดในช่วงสามปี เธอก็สำเร็จการศึกษาด้วยเกียรตินิยมสูงสุด...

“แล้วจะไปไหนต่อดีนะ?”

หลังจากรับประกาศนียบัตรแล้ว เธอก็ตกอยู่ในห้วงภวังค์ไปสักพักหนึ่ง ราวกับได้รับคำแนะนำจากบางสิ่งที่มองไม่เห็น เธอพบว่าตัวเองกลับไปที่บ้านเกิดของเธอ

ไม่มีเหตุผลอะไรที่ตัดสินใจเช่นนี้อยู่แล้ว

เพราะว่ามันจะเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้ไปเยี่ยมบ้านในวัยเด็กของเธอ ก่อนที่เธอจะรับหน้าที่เป็นอัศวินอย่างเป็นทางการและไปยังแนวหน้า

เธอตัดสินใจที่จะไปเยือนสถานที่อันไม่เป็นที่น่าจดจำของเมืองนี้เป็นครั้งสุดท้าย โดยไม่มีเจตนาที่จะหวนกลับมาอีก

จนในยามดึก เธอก็พบว่าเธอได้กลับมายังครอสโรดแล้ว...

’เกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นกันนะ... ฉันจำไม่ได้เลย’

เธอจำได้ว่าเข้ามาในเมือง แต่นอกเหนือจากนั้นก็โล่งไปหมด เธอมาอยู่ในห้องได้ยังไง?

’ฉันดื่มมาหรือเปล่า?’

เธอยังไม่บรรลุนิติภาวะและไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ กระทั่งในวันสำเร็จการศึกษาก็ตาม เป็นไปได้ไหมว่าพอเธอกลับมาถึงบ้าน เธอจึงอยากเพลิดเพลินสักหน่อย?

ทันใดนั้น เอวาเจลีนก็ตระหนักถึงอะไรบบางอย่าง มีคนนั่งอยู่ข้างเตียงของเธอ

"...แม่?"

เธอพึมพำโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่แล้วความเป็นจริงก็คล้ายกับกำลังกระแทกใส่เธอ

แม่ของเธอไม่อยู่แล้ว เธอทิ้งพวกเขาไปเมื่อสามปีก่อน

ดวงตาของเธอเริ่มแสบ เอวานเจลีนรีบเอามือปิดเสียงอันแหบพร่า

“ไม่ใช่ พ่อต่างหาก”

“…”

“สามปีมาแล้วนะที่เราได้เจอกัน พ่อเป็นยังไงมาไงบ้างล่ะ?”

“…”

“อืม หนูคงไม่จำเป็นต้องถามหรอกเนอะ พ่อคงพอใจกับการต่อสู้กับสัตว์ประหลาดทุกวันใช่ไหม?”

อา

เธอไม่ได้ตั้งใจจะพูดแรงขนาดนั้นสักหน่อย

แต่คำพูดที่ขมขื่นกลับหลุดออกมาจากตัวเธอ เธอกัดริมฝีปากด้วยความหงุดหงิด

ฟันแหลมคมของเธอกัดเข้าไปในริมฝีปากของเธอเอง

นี่ไม่ใช่คำพูดที่เธออยากจะพูดออกไปเลย

ต้อง… สุภาพ…มากกว่านี้

“ยกโทษให้ฉันด้วยนะ เอวาเจลีน”

เสียงแปลกๆ ทำให้ภาพลวงตาทั้งหมดหายไป

“ฉันไม่ใช่แม่หรือพ่อของเธอ”

“?!”

เอวานเจลีนลุกขึ้นนั่งอย่างกะทันหัน เธอขยับไปที่หัวเตียงทันที

เธอเอื้อมมือไปหยิบอาวุธที่เธอได้รับการฝึกฝนมาโดยสัญชาตญาณ ที่เธอมักจะเก็บไว้เคียงข้างเธอเสมอ แต่มือที่พันผ้าพันแผลของเธอกลับไม่ได้จับอะไรเลย

’ผ้าพันแผล? ฉันได้รับบาดเจ็บงั้นเหรอ?’

ขณะที่เธอพยายามเข้าใจสถานการณ์ ชายคนหนึ่งนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงของเธอก็ปรากฏตัวขึ้นในสายตาของเธอ

เขาเป็นชายหนุ่มที่มีผมสีดำ หวีเรียบร้อย

ชายคนนั้นแต่งตัวสบายๆ และกำลังตรวจสอบเอกสารบางอย่าง เขาเหลือบมองเอวาเจลีนและขมวดคิ้ว

"อึก เธอยังตื่นไม่เต็มที่งั้นเหรอ? บางทีเมื่อวันก่อนฉันอาจจะต่อยเจ้าแรงไปหน่อย …”

“เอ่อ”

คล้ายกับมีอะไรบบางอย่างกระแทกศีรษะเธออีกครั้ง เกิดอะไรขึ้นเมื่อวานนี้กัน

ความทรงจำหนึ่งได้ท่วมท้นจิตใจของเธอราวกับน้ำตก เธอชี้นิ้วไปที่ชายคนนั้นพร้อมกับขึ้นเสียงทันที

“นายคือตาลุงเมื่อวันก่อนนี้!”

สีหน้าของชายคนนั้นเปลี่ยนไปในทันที

“ไม่ ฉันไม่ใช่ตาลุงสักหน่อย”

“นายคือตาลุงคนนั้นที่ดูอ่อนแอ แต่มีหมัดที่สุดยอด!”

“ฉันไม่ได้ดูอ่อนแอ…เฮ้อ ช่างมันเถอะ แต่ฉันไม่ใช่ตาลุงสักหน่อย!”

“นายล้อเลียนความสูงของฉัน! ให้ตายเถอะ นายน่ะสูงเกินไปแล้ว! คงจะต้องดีแน่ๆ ถ้าสูงแบบนั้น!”

“ไม่ อะไรของเธอกันเนี่ย…ฉันขอโทษที่ว่าเธอไปแบบนั้น…แล้วฉันก็ไม่ใช่ตาลุงด้วย…”

ชายผู้นั้นพึมพำพลางทิ้งกองเอกสารและวางมือเหนือหัวใจของเขา

“ขออนุญาตแนะนำตัวเองอีกครั้ง คุณผู้หญิงเอวาเจลีน ครอส ฉันชื่อแอช เอเวอร์แบล็ค ฉันเป็นเจ้าชายองค์ที่สามของจักรวรรดิและปัจจุบันเป็นเจ้าเมืองแห่งครอสโรด”

ดวงตาสีเขียวคมของเอวานเจลีนหรี่ลงด้วยความสงสัย

“หยุดพูดไร้สาระได้แล้ว ถ้านายเป็นเจ้าชาย ฉันก็เป็นราชินีของประเทศแล้ว?”

“บ้าจริง เด็กผู้หญิงสมัยนี้ช่างสงสัยกันเหลือเกินนะ เธอไม่เชื่อเหรอว่าฉันเป็นเจ้าชาย? ฉันควรแสดงตราประจำราชวงศ์ให้เธอดูไหม?”

"เอาสิ! พิสูจน์เลย! ตอนนี้แหละ!"

เอวานเจลีนพยักหน้าอย่างกระตือรือร้น

ชายคนนั้นก็หยิบตราสัญลักษณ์ที่ทำจากหยกดำออกมาจากกระเป๋าของเขาและส่งให้เธอด้วยความไม่เต็มใจ

ดวงตาของเอวานเจลีนเบิกกว้างขณะที่เธอตรวจสอบตราสัญลักษณ์ที่ส่งมาให้เธอ

“มัน… มันเป็นของจริง”

“บอกแล้วไงว่าของแท้!”

"ทำไมมันถึงเป็นของแท้ได้ล่ะ... ?"

สายตาของเอวานเจลีนจับจ้องไปที่ชายคนนั้น-แอช และสัญลักษณ์ในมือของเธอ จากนั้นจึงมองไปยังใบหน้าของเขาและกลับไปที่ตราสัญลักษณ์อีกครั้ง เธอทำวนซ้ำหลายรอบ

“ของแท้จริงเหรอ? นายคือ… องค์ชายสามที่ฉาวโฉ่ แอชคนนั้นเหรอ?”

“ฉันเนี่ยนะฉาวโฉ่…?”

“แน่นอนสิ นายเป็นคนที่มีชื่อเสียมากที่สุด! เป็นหนึ่งในสามองค์ชายของราชวงศ์!”

เอวานเจลีนใช้เวลาสามปีที่ผ่านมาอยู่ภายในราชบัณฑิตยสถานแห่งเวทมนตร์

ทว่าเรื่องการนินทาเกี่ยวกับเจ้าชายของจักรพรรดิมักจะมาถึงหูเธอเสมอ ซึ่งที่จริงชื่อของเขาก็มักจะแพร่สะพัดไปทั่วนครหลวง

ทหารผู้อดทนและหยิ่งทระนง เจ้าชายคนโต

นักการเมืองผู้ใจดี อ่อนโยนและมากด้วยเล่ห์ เจ้าชายองค์ที่สอง

และเจ้าชายผู้บ้าบิ่นองค์ที่สาม

เจ้าชายทั้งสามเป็นหัวข้อการสนทนาเป็นประจำ แต่เรื่องราวขององค์ชายสามนั้นมักถูกเล่าลือบ่อยสุด

เป็นที่รู้กันว่าเขาก่อให้เกิดความโกลาหลทุกรูปแบบภายในเมืองหลวง

หากมีปัญหาในราชวงศ์ เก้าจากสิบครั้งล้วนเป็นฝีมือของแอช

“ฉันกำลังเตรียมตัวสำหรับการสำเร็จการศึกษาก่อนวัยอันควรและคงจะพลาดข่าวล่าสุดไป ฉันไม่อยากเชื่อเลยว่าเจ้าชายจะมาเยือนสถานที่ห่างไกลเช่นนี้”

เมื่อคืนตราสัญลักษณ์ไป เอวานเจลีนก็ยกกระเป๋าของเธอที่อยู่ข้างเตียงของเธอ ดึงปากกาและกระดาษออกมา ก่อนจะยื่นมันไปทางแอช

“ฉันขอลายเซ็นของท่านได้ไหมคะ?”

"ห-หา...?"

“ฉันบอกว่าฉันต้องการลายเซ็นของท่านไงล่ะ! เป็นเจ้าชายก็ต้องมีลายเซ็นไม่ใช่เหรอ?”

“ไม่ อืม ก็ใช่ ฉันมี”

แอชขีดเขียนลายเซ็นของเขาบนกระดาษอย่างกระอักกระอ่วน

มันไม่ใช่ภาษาทั่วไป แต่เป็นสัญลักษณ์ประหลาดคล้ายของมนุษย์ต่างดาว ทว่าดูเหมือนว่าเอวานเจลีนจะไม่สนใจเลย เธอพับกระดาษอย่างระมัดระวังและซ่อนมันไว้ในกระเป๋าของเธอ

จากนั้นเธอก็ยื่นมือขวาไปหาแอช

“ขอจับมือหน่อยได้ไหม?”

"หา? เอ่อ ได้มั้ง?”

แอชตกตะลึง เขาเอื้อมมือไปจับมือกับเอวานเจลีนอย่างลังเล

ใบหน้าของเธอดูสดใสมากด้วยความตื่นเต้น เธอจับมือเขาอย่างกระฉับกระเฉง รอยยิ้มกว้างประดับไปทั่วใบหน้าของเธอ

“ฉันเป็นแฟนตัวยงเลยล่ะ!”

"อะไรนะ?"

“ข้าเป็นแฟนตัวยงของท่านเลย”

"แฟนตัวยง? แฟนตัวยงแบบตรงตัวใช่ไหม?”

"ใช่เลย! ในบรรดาราชวงศ์ทั้งหมด ฉันเป็นผู้สนับสนุนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดขององค์ชายสามเลย! ฉันถึงขั้นเก็บข่าวของท่านไว้ในสมุดภาพจากหนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ที่ตีพิมพ์ในเมืองหลวงด้วย!”

เอวานเจลีนดึงสมุดภาพออกมาจากกระเป๋าของเธอ และเปิดมันออก

จากการตรวจสอบ แอชก็ยืนยันได้เลยว่ามันเป็นความจริง

ทุกสัปดาห์ เหตุการณ์ที่ลุกเป็นไฟและอุบัติเหตุที่เกิดจากแอชล้วนถูกบันทึกไว้อย่างเรียบร้อยตรงสมุดภาพ...

“อืม ฉันรู้สึกขอบคุณจริงๆ ที่มีแฟนตัวยงอยู่ด้วย”

แอชไม่สามารถสลัดท่าทีอันสงสัยของเขาออกไปได้เลย เขาจึงได้แต่ถามออกไปว่า

"แต่ทำไมล่ะ? ทำไมเธอถึงมาเป็นแฟนคลับของฉัน?”

“ก็มีแค่เหตุผลเดียว!”

เอวานเจลีนยิ้มออกมาอย่างสดใส

มันเป็นรอยยิ้มที่ไร้เดียงสา แต่ค่อนข้างชั่วร้าย เหมาะกับเด็กสาววัยรุ่นยิ่ง

“เพราะท่านเป็นองค์ชายที่ชอบสร้างปัญหามากที่สุดในจักรวรรดิ!”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด