ตอนที่แล้วบทที่ 42: [เนื้อเรื่องเสริม] เปิดกล่อง (2)
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 44: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส (2)

บทที่ 43: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 43: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส

หอกของเด็กสาวนิรนามได้พุ่งเข้าใส่ล้อรถม้าโดยตรง

ปั๊ก-! ตู้มม!

ล้อรถม้าถูกทำลายโดยการโจมตีที่ไม่คาดคิด จนเศษซากกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณใกล้เคียง

"เหวอ?!"

รถม้าไร้ล้อได้ขูดไปตามถนน ก่อนที่มันจะหยุดลง

ม้าตกใจจนส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัว มันพุ่งกระจัดกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

“อ๊ะ โอ้พระเจ้า…เกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย…”

ความคิดของข้าเริ่มปั่นป่วนท่ามกลางความโกลาหลที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน

ข้ารู้เพียงว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งพุ่งออกมาจากที่ไหนก็ไม่รู้ ทำให้ล้อรถม้าได้แตกออก แต่แล้วยังไงต่อ?

ทันใดนั้น ประตูรถม้าก็เปิดออกและลูคัสก็เอาศีรษะของเขาเข้าไปข้างใน

“เป็นอะไรหรือเปล่าฝ่าบาท?!”

ข้าโบกมือตอบ

"ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เป็นอะไร" แค่สับสนเล็กน้อย …”

“ข้าช่วยท่านเอง ได้โปรดออกมาข้างนอกก่อนเถอะครับ”

ด้วยความช่วยเหลือของลูคัส ข้าจึงเดินโซเซออกมาและวางเท้าลงบนพื้น

โชคดีที่ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ

เมื่อแน่ใจว่าข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ ลูคัสก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก จากนั้นเขาก็หันไปมองผู้พุ่งเข้ามาโจมตี

“เจ้าเป็นใครกัน?”

“…”

“รู้ไหมว่าเจ้ากำลังคุกคามผู้ใด ทั้งยังกล้าชี้หอกมาเช่นนี้ ข้าจะจับกุมเจ้าและลงโทษอย่างรุนแรงเอง!”

หญิงสาวลึกลับที่ทำลายรถม้าของเรายืนอยู่กลางถนนด้วยสีหน้างุนงง

ในที่สุดข้าก็หายใจคล่องเสียที ข้าจึงมองดูหญิงสาวอย่างถี่ถ้วน

ผมสีขาวของนางยาวสลวย มันถูกมัดไว้ที่ด้านหลังของคอของนาง

ดวงตาที่คมกริบของนางเป็นสีเขียวสดใส มีเขี้ยวแหลมเล็กๆ ที่โผล่ออกมาระหว่างริมฝีปากที่ปิดสนิทของนาง

“…นางเป็นแค่เด็ก”

เด็กมากจริงๆ อายุอาจจะสิบสี่หรืออาจจะสิบห้ากระมัง? ไม่สิ นางดูเด็กมากกว่านั้นอีก

“อย่าให้อายุของนางหลอกท่าน ฝ่าบาท ดูเหมือนว่านางจะเป็นนักรบที่ได้รับการฝึกฝนมาอย่างดี”

"ผ่านการฝึกงั้นเหรอ?"

“สังเกตการแต่งกายของนางสิครับ”

การแต่งกาย? หมายความว่ายังไง? หลังจากได้ยินเบาะแสจากลูคัส ข้าก็ตรวจสอบเสื้อผ้าของเด็กสาวทันที

แจ็คเก็ตสีขาวประดับด้วยงานปักสีทอง กระโปรงสีดำและผ้าคลุมสีแดงพาดอยู่บนไหล่ของนาง

“… ชุดนักเรียนงั้นเหรอ?”

เมื่อจำรูปแบบชุดที่คุ้นเคยได้ ข้าก็ถามลูคัสด้วยความประหลาดใจ

“นั่นคือชุดนักเรียนใช่ไหม?”

"ถูกต้องแล้วครับ มันเป็นเครื่องแบบของของโรงเรียนจักรวรรดิหลวง ตราสัญลักษณ์บนผ้าคลุมเป็นตัวยืนยัน”

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือนางเป็นนักเรียนจากสถาบันอัศวิน เป็นวัยกระเตาะที่ยังต้องกินอาหารโรงเรียน

“แล้วทำไมนักเรียนจากสถาบันศึกษาหลวงถึงมาอยู่ที่นี่! บอกตัวตนของเจ้ามา!”

ขณะที่ลูคัสตะโกน เด็กสาวก็เผยให้เห็นเขี้ยวอันแหลมคมของนางและคำรามออกมา

“เอาแต่พูดว่า ’เจ้าเป็นใคร’ คนที่ถามพวกตาลุง ควรจะเป็นข้าต่างหาก”

"หา อะไรนะ? พวกตาลุงงั้นเหรอ?"

ข้าตกตะลึงกับน้ำเสียงของนาง แต่เด็กสาวก็ยังคงเฉยเมยเช่นเดิม

“ถ้าพวกเจ้าแก่กว่าข้า พวกเจ้าก็เป็น ’ตาลุง’ สำหรับข้า มันเป็นอย่างงั้นไม่ใช่เหรอ? ข้าก็พูดถูกแล้วนิ?”

“เอ่อ อือ…!”

ข้าไม่สามารถโต้กลับได้เลย ทำได้เพียงกำหมัดแน่น ยัยวัยรุ่นประสาทเสีย…!

เด็กสาวได้ชี้ไปที่คฤหาสน์ด้วยหอกขนาดมหึมาที่นางถืออยู่

“ครั้งหนึ่งที่นี่เคยเป็นบ้านของข้า ข้ากลับมาหลังจากหายไปนาน และพบว่ามีทหารที่ไม่คุ้นเคยครอบครองมันเนี่ยนะ? กระทั่งตราสัญลักษณ์ตระกูลที่มีอยู่มานานหลายศตวรรษก็ถูกลบเลือนออกไปอย่างไม่ใส่ใจ”

ดวงตาคมกริบของเด็กสาวหรี่ลง

“มีพวกโจรมายึดถิ่นฐานที่นี่ไปงั้นเหรอ? หรือมีกองกำลังแดนอื่นแอบลอบเข้ามา? ฉันกำลังพิจารณาความเป็นไปได้จากเรื่องราวทั้งหมด แต่ไม่อาจรู้ได้ ข้าจึงหยุดรถม้าที่พุ่งเข้ามาเพื่อถามไถ่”

“เฮ้ นี่เจ้าต้องการแค่จะถามเนี่ยนะ! แล้วมันมีความจำเป็นต้องทำลายรถม้าด้วยงั้นเหรอ!”

“อืม ก็ข้าถูกสอนในโรงเรียนให้จัดการทุกคนที่อาจเป็นศัตรูก่อน”

เด็กสาวเหวี่ยงหอกมาทางพวกเราอย่างไม่ใส่ใจนัก

“แล้วพวกตาลุงเป็นใครกัน? ทำไมถึงอาศัยอยู่ในบ้านของคนอื่นได้? ตอบมาให้ดีๆ ล่ะ ข้าขอเตือนพวกตาลุงไว้ก่อนเลย”

ลูคัสกระวนกระวายอย่างเห็นได้ชัด เขาเร่งรีบตอบกลับไปในนามของข้าทันที

“หา เจ้าพูดถึงเรื่องอะไรกัน? ที่นี่คือที่อยู่ของเจ้าเมืองครอสโรด มันเป็นที่อยู่ของนายท่านข้าอย่างถูกต้อง!”

“…? หมายความว่ายังไง?”

เด็กสาวดูสับสนมาก

“ก็เจ้าเมืองที่นี่เป็นพ่อของข้าไม่ใช่เหรอ?”

ความเงียบได้เข้ามาปกคลุมทันที

ลูคัสกับข้าแลกเปลี่ยนสายตากัน พวกเราต่างเข้าใจถึงตัวตนของเด็กสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเราแล้ว

"งั้นเจ้าก็เป็น..."

ข้าพูดชื่อเด็กสาวอย่างระมัดระวัง

“…เอวาเจลีน ครอสโรด”

เมื่อได้ยินชื่อของตนเอง ดวงตาที่ดูระมัดระวังของหญิงสาวก็เบิกกว้าง

“ท่านรู้จักข้าด้วยงั้นเหรอ?”

“ข้าได้ยินเรื่องของเจ้าจากพ่อของเจ้ามามาก”

เมื่อเราสบตากัน ข้าก็รู้แล้วจริงๆ ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้เป็นลูกสาวของมาร์คกราฟแห่งตระกูลครอส ดวงตาสีเขียวของนางคล้ายกันกับเขาอย่างน่าทึ่ง

’เดี๋ยวก่อนนะ’

เอวาเจลีน ครอสโรดที่ข้าเคยเห็นในเกมเป็นตัวแท๊งค์ระดับ SSR เป็นตัวละครที่ทั้งสูงและโดดเด่นมากอย่างไม่ต้องสงสัย

ทว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าข้าไม่เพียงแต่อ่อนเยาว์เท่านั้น แต่ยัง...

“… เตี้ยกว่าที่ข้าคาดไว้มาก”

นางตัวเล็ก

ตัวเตี้ยกว่าข้าประมาณสองคืบ

เรียกได้ว่านางมีขนาดกะทัดรัดและเล็ก นิ้วของนางอันเรียวเล็กกลับสามารถจับหอกที่ใหญ่โตนี้ได้

ในเกมนางไม่ได้ดูเด็กเท่านี้ ทั้งยังสูงกว่ามาก

ข้าจำนางไม่ได้ในทันที เพราะภาพลักษณ์ของนางแตกต่างกันมาก

’ทำไมนางถึงแตกต่างกันขนาดนี้? ลูคัสและจูปิเตอร์มีลักษณะคล้ายกับภาพในเกมเลยไม่ใช่เหรอ?’

ขณะที่ข้ากำลังเปรียบเทียบเอวาเจลีนของเกมกับเอวาเจลีนในชีวิตจริง ลูคัสก็สะกิดข้าที่ด้านข้าง หือ? ทำไมกันล่ะ?

“ฝ่าบาท การวิจารณ์รูปร่างของผู้อื่นต่อหน้าเป็นสิ่งที่ไม่ควรนะขอรับ…”

"เอ่อ.."

ข้าหยุดคิดและเงยหน้าขึ้นมอง สีหน้าของเอวานเจลีนเย็นชายิ่ง นางดูอารมณ์เสียอย่างมาก

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้นเลย เอวาเจลีน! เจ้าเข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้บอกว่าเจ้าเตี้ย แต่เจ้าแค่ตัวเล็กกว่าที่ข้าเคยเห็นในเกม… ไม่สิ ตัวเล็กกว่าที่ข้าคิดไว้น่ะ!”

“…”

ข้าโบกมืออย่างเร่งรีบพร้อมกับอธิบายอย่างตรงไปตรงมาแต่โดยดี ทว่าสถานการณ์ไม่ได้ดีขึ้นเลย

คิ้วของเอวานเจลีนถึงกับกระตุก

“ดูถูกรูปร่างผู้อื่นต่อหน้าเช่นนี้ สงสัยเจ้าจะไม่ได้ให้ความสำคัญกับชีวิตของเจ้ามากนักสินะ?”

“ไม่เลย ข้าเองก็มีเพียงชีวิตเดียว…”

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าก็ควรจะทะนุถนอมมันไว้”

เอวาเจลีนทุบหอกยักษ์ในมือของนาง

“ข้าได้พิจารณาอีกครั้งแล้ว ข้าพยายามทำความเข้าใจสถานการณ์ก่อนหน้านี้เล็กน้อย แต่ตอนนี้ดูท่าข้าคงแค่ต้องจัดการกับพวกเจ้าสินะ”

วู้บบ!

คลื่นพลังแห่งต่อสู้ที่จับต้องได้แผ่ออกมาจากเด็กสาว

กระทั่งตัวข้าก็รับรู้ได้ถึงความตึงเครียด นี่มันชักจะเป็นปัญหาแล้วสิ

ฟึบ!

ลูคัสชักดาบออกมาและมายืนอยู่ต่อหน้าข้า

“ลดหอกของเจ้าลง เอวาเจลีน ครอส! ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้าคือเจ้าชายองค์ที่สามของจักรวรรดิ แอช เอเวอร์แบล็ค!”

เอวาเจลีนแค่นเสียงออกมา

“อย่างแรก พวกเจ้าละเมิดทรัพย์สินของผู้อื่น อีกทั้งตอนนี้เจ้ากำลังปลอมตัวเป็นเชื้อพระวงศ์อีกเหรอ? ข้าขอชื่นชมความตั้งใจของพวกเจ้า แต่มันขาดความน่าเชื่อถือไป เจ้าไม่คิดเช่นนั้นหรือ?”

"อะไรนะ?"

“องค์ชายสามมีชื่อเสียงฉาวโฉ่! ทำไมเขาต้องเดินทางมายังที่ห่างไกลแห่งนี้ด้วย?”

ไม่เฟ้ย เขามาที่นี่จริงๆ!

ฟุ๊บ!

ขณะที่เอวาเจลีนกระทืบพื้น ปล่องภูเขาไฟตื้นๆ ก็ก่อตัวขึ้นที่เท้าเล็กๆ ของนาง

ข้ากะพริบตาและสิ่งต่อไปที่ข้าได้เห็นคือ นักรบหอกหญิงได้ลอยอยู่ตรงหน้าเรา ความเร็วของนางใกล้เคียงกับขีปนาวุธ

แคร๊ง-!

ลูคัสใช้ดาบของเขากันหอกที่เข้ามา

ประกายไฟกระจัดกระจายขณะที่ปลายหอกและใบมีดปะทะกัน ประกายแวววาวพลันปรากฏในดวงตาของเอวาเจลีน

“โอ้ เจ้าคนนี้ดูมีความสามารถทีเดียวเลยนะ?”

“ย่อมเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว เอวาเจลีน ตัวข้าเป็นรุ่นพี่ของเจ้าที่สถาบัน…”

เมื่อสงบสติอารมณ์ได้แล้ว ลูคัสก็แนะนำตัวเอง

“ข้าคือ ลูคัส แมคเกรเกอร์ นักเรียนอันดับสองของสถาบันการศึกษาจักรวรรดิรุ่น 369”

โอ้ อันดับที่สอง! เจ้าถึงกับเป็นอันดอบสองเลยสินะลูคัส? ช่างน่าประทับใจมาก!

ขณะที่ข้าชื่นชมเขา จู่ๆ ลูคัสก็หันมาทางข้า

“ส่วนฝ่าบาทแอช เอเวอร์แบล็กผู้ยืนอยู่ข้างหลังข้าก็เป็นรุ่นพี่ของเจ้าจากสถาบันการศึกษาเช่นกัน!”

เอ๊? เอาจริงหรือ? ข้าก็เป็นศิษย์เก่าด้วยงั้นเหรอ?

“ในบรรดานักเรียนรุ่น 369 เขาเป็นตำนาน!”

อะไรเนี่ย? ข้าเป็นตำนานงั้นเหรอ?!

“ตำนานแบบไหนกัน? ข้าเป็นตำนานแบบไหนลูคัส? หา?”

"เอ่อ คือว่า..."

ทว่าหลังจากพูดถึงคำว่า ’ตำนาน’ ออกมาแล้ว ลูคัสก็ไม่ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติม นอกจากนี้ ดูเหมือนว่าเขาจะหลบสายตาของข้าด้วย

ข้ารู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย จึงถามอย่างถี่ถ้วน

“ลูคัส ข้าขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?”

“ได้แน่นอนพะยะค่ะฝ่าบาท อะไรก็ได้เลย”

“อืม… ตอนที่ข้าเรียนจบ อันดับของฉันเป็นเท่าไรหรือ?”

“…”

หลังจากหยุดเงียบไปพักหนึ่ง ลูคัสก็เหงื่อออกอย่างเห็นได้ชัด เขาตอบกลับอย่างไม่เต็มใจนัก

“ท่านเป็น…อันดับหนึ่ง …”

“… จากด้านล่างเหรอ?”

"...ขอรับ"

ข้าลูบหน้าผากที่กำลังมีเหงื่อไหลออกมา

“นั่นคือเหตุผลที่ข้าเป็นตำนานเนี่ยนะ?”

“ใช่ขอรับ…มันก็ไม่ได้ผิดทั้งหมด…เพราะท่านมีเลือดของจักรพรรดิจริงๆ! ท่านมีความกระตือรือร้นและมั่นใจมาก จนไม่สนใจการเรียนของท่าน! เป้าหมายของท่านจึงคือการเป็นคนแรก…จากด้านล่าง!”

“ช่างเป็นความกล้าหาญมากมายเหลือล้นเสียจริง! เจ้าพูดถูก ถ้าหากหย่อนยานมาก เช่นนั้นก็เพียงแค่ต้องน้อมรับตำแหน่งอันดับสุดท้ายอย่างงดงามสินะ แหม สุดยอดไปเลยนะ แอช เอเวอร์แบล็ค!”

“ถึงขั้นแสร้งทำเป็นรุ่นพี่ในโรงเรียนของเรา…พวกตาลุงช่างซื่อสัตย์มากจริงๆ”

เอวาเจลีน ผู้ซึ่งคอยฟังการพูดคุยของเราก็ได้เปลี่ยนท่าทีของนางไป

มือที่ถือหอกของนางยังคงมั่นคง ในขณะที่ได้เอื้อมมือออกไปข้างหนึ่ง จากนั้นก็ดึงเข้าหาหน้าอกของนางพร้อมกับเอนตัวลง

เท้าข้างหนึ่งถูกยกออกจากเข่าทั้งสองข้าง งออย่างนุ่มนวล

ท่าทางของนางนั้นทั้งไร้ที่ติและสง่างาม ถ้าเพียงแต่นางไม่ได้ถือหอกขนาดใหญ่ไว้ด้วยล่ะนะ

“เข้าใจแล้ว เช่นนั้นตัวข้า เอวาเจลีน จบการศึกษารุ่น 375 ถ้าอย่างนั้นก็ถือเป็น ’นักเรียนอาวุโส’ ของพวกตาลุงหรือเปล่า…”

ทันทีหลังจากนั้น ดวงตาสีมรกตของนางก็เป็นประกาย

"ยินดีที่ได้รู้จัก!"

นางพุ่งเข้ามาข้างหน้า!

ลูคัสเริ่มลงมือตอบโต้โดยไม่ลังเล

แคร๊ง! -แคร๊ง! ครืดด!

อัศวินทั้งสองปะทะกันด้วยดาบและหอก

ทักษะของพวกเขาดูทัดเทียมกันยิ่ง ไม่มีใครเป็นรองใครเลย

สมกับที่ทั้งคู่เป็นตัวละครที่ได้รับการจัดอันดับเป็น SSR อัจฉริยะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมในอาณาจักรแห่งนี้

ความสามารถของพวกเขาอาจถือได้ว่าเท่าเทียมกันเลย

แคร๊งง! ฟู่ม!

ทว่าการต่อสู้เริ่มเอียงไปทางลูคัส

ลูคัสเริ่มกดดันการโจมตี ทางด้านเอวาเจลีนก็พบว่าตัวนางเองได้แต่ตั้งรับ

เอวาเจลีนใช้แรงผลักกลับไป เพื่อเบี่ยงเบนการโจมตีที่รุนแรงของลูคัส

พรสวรรค์ของพวกเขาอาจดูไม่ต่าง แต่ประสบการณ์พวกเขานั้นแตกต่างกันมาก

ลูคัสได้ฝึกฝนทักษะของเขาผ่านการต่อสู้ที่แท้จริงมากมายเพื่อปกป้องข้า ซึ่งเป็นสิ่งที่เอวาเจลีนขาดไป

"ชิ!"

ในขณะนั้นเอง เอวานเจลีนก็หันหลังไปชิดมุม นางขมวดคิ้วและยึดบางอย่างจากด้านหลังเข้ากับแขนซ้ายของนาง

“คิดว่าเก่งกว่าข้าหรือไงกัน? อันที่จริงข้าก็ไม่อยากใช้วิธีนี้หรอก!”

มันเป็นโล่ขนาดเล็กที่มีรูปร่างเหมือนนกอินทรี

แคร๊ง!

ทันทีที่เอวาเจลีนติดโล่ที่แขนซ้ายของนาง ปีกของนกอินทรีก็กางออกด้านนอก

หอกในมือขวาของนาง โล่ทางด้านซ้ายของนาง

เมื่อเห็นเช่นนี้ก็ปฏิเสธไม่ได้เลย

’นางเป็นลูกสาวขอมาร์คกราฟจริงๆ’

เมื่อตั้งท่าใหม่แล้ว เอวาเจลีนก็พุ่งเข้าใส่ลูคัสอีกครั้ง

“ข้าจะเร่งความเร็วเต็มที่แล้ว!”

ลูคัสเปลี่ยนสีหน้าไปเป็นจริงจัง เขายกดาบขึ้นอย่างเงียบๆ เพื่อรับการโจมตีของนาง

แคร๊ง!

ด้วยโล่ในมือ การต่อสู้ของเอวาเจลีนก็เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด

นางใช้โล่เพื่อรับการโจมตีจากดาบที่แม่นยำของลูคัส ในขณะที่กวัดแกว่งหอกขนาดใหญ่ของนางด้วยมือขวาเพื่อโจมตี

แม้ว่านางจะเคยเสียเปรียบ แต่เมื่อมีโล่แล้ว ก็ทำให้ทั้งสองฝ่ายทัดเทียมกันอีกครั้ง

’มันเป็นภาพที่น่าตื่นตะลึงอย่างแท้จริง’

การดวลกันระหว่างนักรบฝีมือสูงทั้งสองนั้นทั้งน่าตื่นตะลึงและน่าดูยิ่ง

ประกายไฟปรากฏทุกครั้งที่อาวุธของพวกเขาปะทะกัน สร้างความตื่นตาตื่นใจคล้ายกับดอกไม้ไฟในอากาศ

’แต่เท่าที่เห็น... อาจมีคนได้รับบาดเจ็บแน่หากมันยังเป็นเช่นนี้ต่อไป’

ในความเป็นจริง ทั้งสองคนไม่ได้พยายามที่จะฆ่าอีกฝ่ายเลย หากพวกเขาทำเช่นนั้นจริง พวกเขาคงใช้ทักษะที่พวกเขามีกันแล้ว

แต่แม้ว่าจะไม่มีเจตนาร้าย แต่การต่อสู้ของพวกเขาก็เต็มไปด้วยอันตราย

ข้าจึงต้องค่อยๆ คลี่คลายสถานการณ์นี้ ข้าก้าวไปข้างหน้า

“เฮ้! เจ้าสองคน พอได้แล้ว!”

แคร๊ง! แคร๊ง!

“เห็นได้ชัดว่าเราเข้าใจผิดกัน มาคุยกันแบบมีเหตุผลไม่ได้เหรอ?”

แคร๊ง! ฟึบ!

"สวัสดี? พวกเจ้าฟังข้าอยู่ไหม? พวกเจ้า?"

ไม่เลย อัศวินทั้งสองได้หลุดเข้าสู่ห้วงภวังค์แห่งการต่อสู้ไปแล้ว

‘ไม่มีวิธีหยุดเรื่องนี้เลยเหรอ?'

พวกเขาจมอยู่กับการต่อสู้

ภายใต้สถานการณ์เช่นนี้ ทางออกเดียวคือให้บุคคลที่สามมาขัดขวาง

สายตาของข้าจับจ้องไปที่มือของตัวข้า อาวุธแห่งโชคระดับ SSR ‘โชคกระแทก’ ได้แวววาวขึ้นมา

‘ไม่มีทางเลือกอื่นแล้ว!'

ไม่สำคัญหรอกว่าการโจมตีจะอ่อนแอเพียงใด ข้าแค่ต้องทำยังไงก็ได้ขัดขวางการต่อสู้ครั้งนี้

ไม่ว่าจะโชคดีหรือโชคร้าย เอวาเจลีนก็คงไม่สนใจข้าอยู่ดี

เพราะดูเหมือนว่านางจะจมอยู่กับการต่อสู้กับลูคัส

ข้าจึงค่อยๆ ลอบเข้าหาตำแหน่งไปประชิดพวกเขา

ดูเหมือนว่าตัวตนของข้ายามนี้แทบจะไม่ต่างจากอากาศธาตุ พวกเขาไม่ได้สนใจข้าเลย

‘แค่ตีเบาๆ ก็น่าจะพอแล้ว!'

ข้ากำหมัดแน่น ผ่อนคลายลมหายใจให้นิ่งสงบ

เอาล่ะนะ มาทำกันเลยเถอะ!

“หมัดองค์ชาย~!”

ข้าใช้แรงออกไปเพียงครึ่งเดียว

"หา อะไรเนี่ย?! มาตอนไหนกัน?!"

ทันใดนั้น เอวาเจลีนที่ตกใจก็ยกโล่ขึ้นเพื่อป้องกันหมัดของข้า

ทันทีที่กำปั้นของข้าสัมผัสกับโล่ของนาง ช่องตัวเลขเริ่มหมุนอย่างรวดเร็วที่ขอบสายตาของข้า

ติ้ง!

7

หือ?

เมื่อตัวเลขเดียวปรากฏขึ้น คลื่นแห่งความหวาดกลัวก็ซัดเข้าใส่ข้า

มันคล้ายกับสัญชาตญาณของนักเล่นเกม

ต่อมาเป็นเลขหลักสิบ

ติ้ง!

7

ลางสังหรณ์ของ ‘บางสิ่งที่น่ากังวล’ ได้พุ่งผ่านความคิดของข้าราวกับสายฟ้าฟาด

เป็นไปไม่ได้หรอก!

เดี๋ยวก่อนสิ เดี๋ยวก่อน มันเป็นไปได้ยังไง? เอาจริงเหรอเนี่ย?

และหลักสุดท้ายหลักร้อย มันคือ -

ติ้ง!

7

อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาก!

มันเกิดขึ้นแล้ว! มันเกิดขึ้นจริงด้วย 777 -!

ข้าอ้าปากค้างอย่างตกใจ

แล้วทำไมถึงมาเกิดขึ้นตอนนี้กันล่ะโว้ย?!

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด