ตอนที่แล้วบทที่ 41 : [ด่าน 2] ภาระที่แบกรับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 43: [เนื้อเรื่องเสริม] เอวาเจลีน ครอส

บทที่ 42: [เนื้อเรื่องเสริม] เปิดกล่อง (2)


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 42: [เนื้อเรื่องเสริม] เปิดกล่อง (2)

สามวันหลังจากด่านที่ 2 ได้จบลง

เมืองป้อมปราการครอสโรดได้เต็มไปด้วยท่วงทำนองบทเพลงขับขาน แต่ความรู้สึกเศร้ากลับแผ่ซ่านไปทั่วอากาศ

ทั่วทั้งเมืองมีธงงานศพปลิวว่อนไปตามสายลม

ชาวเมืองชูธงสีขาวด้วยความสมัครใจ พวกเขาโบกธงไปมาจากหนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง นอกจากนั้นก็มีการติดไว้ที่ประตูเมืองและอาคารต่างๆ

ชาร์เลส มาร์คกราฟได้สละตำแหน่งเจ้าเมืองไปแล้ว แต่เขาก็ยังเป็นคนที่ปกครองเมืองนี้มานานหลายทศวรรษ

ไม่ใช่ทุกคนที่ให้เกียรติเขาอย่างสูง แต่ทุกคนก็ไม่อาจปฏิเสธความมุ่งมั่นของเขาที่มีต่อเมืองแห่งนี้ไปได้

เป็นเรื่องธรรมดาที่บรรยากาศจะเต็มไปด้วยความโศกเศร้า เพราะบุคคลที่เป็นสัญลักษณ์เช่นนี้กลับเสียชีวิตลง ขวัญกำลังใจลดลง ไม่มีสัญญาณว่าจะฟื้นตัวได้โดยเร็ว

’คงเป็นอย่างนี้จนกว่าจะถึงด่านถัดไปสักพักเลยสินะ’

ข้าเหลือบมองหน้าต่างระบบ

[ด่านที่ 3]

– เริ่มใน: 12 วัน

เมื่อนับสามวันที่ผ่านมา เวลาโดยรวมที่ด่านต่อไปจะมาถึงคือ 15 วัน

นี่เป็นระยะเวลาที่ถือว่าให้มามากพอสมควร

โชคดีที่ความเสียหายที่เกิดขึ้นกับกำแพงในครั้งนี้มีความรุนแรงน้อยกว่า ในอีกประมาณห้าวัน การซ่อมแซมทั้งหมดก็เสร็จสิ้นแล้ว

หัวหน้าของสมาคมช่างก่ออิฐได้ให้คำมั่นสัญญากับชีวิตของเขาแล้วว่า การซ่อมแซมครั้งนี้เสร็จสมบูรณ์อย่างไร้ที่ติด ซึ่งข้าก็ได้แต่เชื่อมั่นในคำพูดของเขา

’ด้วยกำแพงที่ได้รับการซ่อมแซมอย่างไร้ที่ติ เราคงสามารถต่อสู้ในศึกถัดไปได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น’

ข้ากัดฟันกรอดพลางคิดเช่นนั้น

’แต่จะเกิดอะไรขึ้นกันหากมีภาวะแทรกซ้อนที่ไม่คาดคิดเกิดขึ้นในด่านต่อไปอีก?'

ข้านึกถึงภาพของ NPC ที่เป็นปฏิปักษ์อย่าง ’ผู้เป่าขลุ่ย’ จากด่านก่อนหน้านี้

เขาเป็นเพียตัวเสริมของการโจมตีส่วนหนึ่ง แต่นั่นเกือบจะทำให้ทั้งด่านจบลงโดยพวกเขาเป็ฯฝ่ายพ่ายแพ้

’ข้านจำเป็นต้องลดตัวแปรที่เป็นไปได้ทั้งหมดลง ทว่าก็มีโอกาสที่สิ่งที่ไม่คาดคิดเช่นนั้นจะปรากฏขึ้นมาอีก…'

อาการปวดหัวได้กระตุ้นให้ข้าลูบหน้าผาก แต่ข้าก็พลันนึกได้ถึงคำพูดของไอเดอร์

– เคลียร์อีกด่านหนึ่ง แล้วท่านจะเข้าใจถึงเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นเอง...

“…”

ข้าจับสร้อยคอของข้า

ตามที่ไอเดอร์กล่าว มันจะทำงานหลังเคลียร์ด่านที่ 3 ได้

– ข้าหวังว่าท่านจะรับมือกับมันได้ แม้ว่าท่านจะค้นพบความจริงทั้งหมดของโลกที่บ้าคลั่งนี้แล้ว ข้าก็หวังเป็นอย่างยิ่งว่าท่านจะสามารถต่อสู้ต่ออย่างที่เป็นอยู่เช่นนี้

นั่นคือสิ่งที่ไอเดอร์บอกข้า

ข้าได้แต่ขมวดคิ้ว ความจริงของโลกที่บ้าคลั่งนี้งั้นเหรอ?

มีเรื่องอะไรในเกมที่ข้ายังไม่รู้อีก?

ข้าจะรู้เรื่องของพวกมันทั้งหมดได้ยังไง?

มีปริศนามากมายนับไม่ถ้วน แต่ตอนนี้ข้าคงได้แต่ต้องฝืนทนต่อไป

’ให้ไปสู่ด่านถัดไปสินะ’

แล้วต่อจากนั้นล่ะ?

’คงต้องมุ่งไปสู่ด่านถัดไปเรื่อยๆ’

ไปทีละด่าน ทีละครั้ง

จนข้าไปถึงจุดจบ

บทบาทของข้ายังคงเป็นเช่นเดิม ไม่มีการเปลี่ยนแปลง มันไม่มีอะไรเลย...

***

หลังจากนั้นข้าก็ให้สมาชิกในปาร์ตี้ของข้าไปพักผ่อน

ซ่อมแซมกำแพงที่ถูกเจาะ ซ่อมรั้วและสิ่งกีดขวาง

ขายหินเวทมนตร์ จัดหาคนและทรัพยากร บริหารการเงิน...

หลังจากสิ้นสุดด่านที่แล้วไป ข้าก็ยุ่งไปอีกเป็นเวลาสามวัน แต่มีสิ่งหนึ่งที่ข้าต้องรีบจัดการ

กล่องสีเทาสามกล่องและกล่องสีม่วงหนึ่งกล่องได้ถูกเก็บไว้อย่างเรียบร้อยในกระเป๋าเก็บของ

– กล่องรางวัลระดับ N: 3

– กล่องรางวัลระดับ SR: 1

นี่คือกล่องสุ่มของรางวัลที่ข้าได้รับเป็นรางวัลจากการเคลียร์ด่านก่อนหน้า

’กล่องระดับ SR ในช่วงต้นเกมขนาดนี้เลยเหรอ? ไม่คาดคิดเลยทีเดียว’

ในห้องนอนของคฤหาสน์เจ้าเมือง ช่วงกลางคืน

เมื่อวางมันอยู่บนเตียง ข้าก็ตรวจสอบกล่องสีม่วงในมือ

เหตุใดสิ่งนี้จึงโผล่มาในด่านสอง? มันเป็นค่าตอบแทนสำหรับข้าที่ผ่านความยากระดับนรกแตกงั้นเหรอ?

’ดูเหมือนจะยังคงไม่ได้ยากจนเกินไปสินะ’

อย่างน้อยก็มีกล่องรางวัลมาให้

ด้วยกล่องระดับ SR ก็หมายความว่าเขาจะได้ของระดับ SR หรือสูงกว่าแน่นอน มันไม่ใช่สิ่งที่ข้าคาดหวังเลยว่าจะได้ในด่านที่ 2

’แต่ถ้ามันให้มา ข้าก็พร้อมรับเอาไว้’

ไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธเลย มาตรวจสอบอย่างละเอียด นำมันไปใช้ให้เกิดประโยชน์กันเถอะ

ข้าเปิดกล่องระดับ N ก่อนทั้งสามกล่องพร้อมกัน!

“จะถูกแจ็คพอตหรือเปล่านะ?!”

ราวกับว่ามันกำลังเยาะเย้ยเสียงโวยวายของข้า ทั้งสามกล่องเปล่งแสงสีเทาออกมา

พวกมันเป็นเพียงไอเท็มระดับ N เท่านั้น...

“บัดซบจริง ไม่มีอะไรให้หรือไงเนี่ย”

ข้าพึมพำขณะสำรวจของในกล่อง

[ได้รับ]

– ยาฟื้นฟูสถานะผิดปกติ

– ยาฟื้นฟูสถานะผิดปกติ

– แกนเวทมาตรฐานระดับต่ำ (N)

ยาฟื้นฟูสถานะผิดปกติสอง และแกนเวทระดับ N หนึ่งชิ้น

ทั้งหมดมีประโยชน์ แต่แทบไม่ทำให้ข้ารู้สึกยินดีเลย ข้าโยนของที่ได้แย่ๆ ลงในกระเป๋าเก็บของ ริมฝีปากของข้าบิดเบี้ยวด้วยความไม่พอใจ

’ตอนนี้ได้เวลาถึงงานหลักแล้ว!'

ข้าถือกล่องระดับ SR ไว้ในมือและกลืนน้ำลายลงอย่างแรง ได้โปรดเถอะ!

“ขออีกหนึ่งแจ็คพอตที!”

ครั้งที่แล้วข้าได้รับไอเท็มที่ต้องพึ่งพาโชค ครานี้ขอไอเท็มโคตรโกงทีเถอะ!

ข้าเปิดกล่องออกมาทันที

“จะได้ของดีหรือเปล่า?!”

แสงที่พุ่งออกมาจากกล่องคือ… สีม่วง

"เวร"

ดูเหมือนสุดท้ายก็ยังไม่ได้ SSR อยู่ดี แต่ระดับ SR ก็ใช่ว่าจะแย่

ผมหยิบของรางวัลจากกล่องออกมา ข้าสัมผัสได้ถึงน้ำหนักและลักษณะของมัน หรือว่าจะโชคหล่นทับจริง?!

[ได้รับ]

– <ปืนเวทมนตร์> การลงทัณฑ์ของนักล่า (SR)

“แจ็คพอตจริงเหรอเนี่ย?!”

ภายในกล่อง มีปืนไรเฟิลยาวโผล่ออกมา ข้าตรวจสอบค่าสถานะของมันอย่างรวดเร็ว

[การลงทัณฑ์ของนักล่า (SR) ระดับ 25]

-ประเภท: ปืนเวทย์มนตร์

– พลังโจมตี: 50-75

- ความทนทาน: 5/5

- กระสุน 10/10

– เมื่อโจมตีด้านหลังของศัตรู การเจาะเกราะจะเพิ่มขึ้น 10%

– เมื่อโจมตีด้านหลังของศัตรู โอกาสโจมตีติดคริติคอลจะเพิ่มขึ้น 10%

“ปืนเวทมนตร์ที่นี่เนี่ยนะ…?”

ข้าอุทานพลางมองดูปืนไรเฟิลในมือ

ปืนเวทมนตร์

อาวุธคล้ายกับปืนบนโลก แต่ทำงานด้วยหลักการที่แตกต่างกัน มันเสกกระสุนเวทมนตร์จากแกนเวทมนตร์ ใส่เข้าไปในลำกล้องและขับเคลื่อนพวกมันออกมา

พูดง่ายๆ ก็คือมันเป็นเหมือนปืนใหญ่เวทมนตร์ขนาดเล็ก ที่สามารถถูกใช้ได้ด้วยคนๆ เดียว

ระยะยิงสั้นกว่าคันธนู แต่มีพลังยิงและอัตราการยิงที่แม่นยำ

มองแวบรากมันอาจดูแข็งแกร่งยิ่ง แต่ในความเป็นจริง อาวุธนี้กลับเต็มไปด้วยข้อเสีย

เริ่มต้นด้วยการออกแบบที่เหมือนปืนใหญ่ขนาดเล็ก ทำให้การถือมันไปมายากยิ่ง

ดังนั้นเรื่องแรงถีบและการเล็งจึงเป็นสิ่งที่ลำบากนัก ทำให้การเล็งปืนให้เข้าเป็นงานที่หนักหน่วงเหลือเกิน

ด้วยเหตุผลเช่นนี้ การใช้งานมันจึงไร้ซึ่งความเสถียร

มันก็เหมือนกับปืนใหญ่ที่ใช้แกนเวทย์มนตร์ เมื่อแกนเวทย์มนตร์ร้อนเกินไป มันก็จะไร้ประโยชน์

ทว่าปัญหาที่สำคัญที่สุดคือขีดความสามารถของกระสุนทั้งหมด

จำนวนกระสุนเวทที่แกนเวทย์มนตร์สามารถสร้างขึ้นได้ถูกกำหนดค่าไว้แล้ว

เมื่อกระสุนทั้งหมดถูกใช้ไป มันจะไม่สามารถใช้ได้เป็นเวลาหลายชั่วงโมง

สิ่งนี้ทำให้ผู้เล่นส่วนใหญ่หลีกเลี่ยงที่จะใช้มัน ทำให้มันเป็นอาวุธประเภทที่ไม่ค่อยมีใครหยิบมาใช้

แทนที่จะใช้ปืนเวทมนตร์ที่พึ่งพาไม่ค่อยได้ ใช้หน้าไม้กับธนูย่อมมีประโยชน์กว่า

’ให้ตายเถอะ ทำไมถึงเอาแต่ขยะมาให้ข้า ทำไมถึงต้องทำเช่นนี้ด้วย?'

ข้าคร่ำครวญ

’จะใช้สิ่งนี้ได้ที่ไหนกัน... เดี๋ยวก่อนนะ’

ขณะที่ข้าครุ่นคิด ความคิดหนึ่งก็แวบเข้ามาในหัวราวสายฟ้าแลบ

’จะเกิดอะไรขึ้นถ้าให้เดเมี่ยนใช้อาวุธนี้?'

ปืนเวทมนตร์สร้างความเสียหายสูงสุดในหมู่อาวุธปืน

สำหรับเดเมี่ยนที่ไม่มีทักษะการโจมตีใดๆ ปืนเวทมนตร์อาจเป็นทางเลือกที่น่าสนใจมาก

’แต่ข้อเสียหลักของปืนเวทมนตร์มีอยู่สามอย่าง เล็งยาก ขาดความมั่นคง และปัญหาใหญ่สุดคือกระสุทนี่ขาดแคลน'

จากปัญหาเหล่านี้ ปัญหาเรื่องการเล็งไม่น่ามีปัญหา เพราะเดเมี่ยนครอบครอง [ดวงตาพันลี้] อยู่

ถ้าข้าสามารถจัดการสองปัญหาที่เหลืออยู่ มันก็สามารถเพิ่มประสิทธิภาพการต่อสู้ของเดเมี่ยนได้อย่างน่าทึ่ง...

"...เอาอย่างนี้แหละ!"

หลังจากหลับตาลงและคิดอยู่ชั่วครู่ ข้าก็กระโดดออกจากเก้าอี้

เมื่อออกจากห้อง ข้าก็เดินไปที่ทางเข้าคฤหาสน์พร้อมกับตะโกนเรียก

“ลูคัส! เตรียมรถม้าให้พร้อม! เรากำลังออกไปกันแล้ว!”

***

แม้จะเป็นเวลาดึก แต่ข้าก็ขึ้นรถม้าที่ลูคัสเตรียมไว้และพุ่งเข้าไปในเมือง

ข้าตั้งใจจะมาหาช่างตีเหล็ก

“ฝ่าบาท ท่านมาที่นี่ทำไมหรือ?”

ช่างตีเหล็กจัดระเบียบร้านของเขาคนเดียว เขาต้อนรับข้าด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความตกใจ

“อะไรทำให้ท่านมายังเวลาเช่นนี้…”

“ข้ามาที่นี่เพราะมีเรื่องด่วน”

ข้าพุ่งเข้าไปในร้านตีเหล็กและวางสิ่งของที่ข้าขนไปไว้บนโต๊ะ โดยไม่อธิบายสิ่งใด

"เจ้ารู้ใช่ไหมว่าสิ่งนี้คืออะไร?"

ของที่วางอยู่บนโต๊ะคือปืนเวทมนตร์ระดับ SR 'การลงทัณฑ์ของนักล่า'

ช่างตีเหล็กหยิบปืนเวทย์มนตร์ขึ้นมาอย่างระมัดระวัง เขาชื่นชมมันด้วยจนส่งเสียงออกมาว่า ’โอ้ โอ้’

“นี่คือ… ปืนเวทมนตร์หรือ...”

“เจ้าเข้าใจถูกแล้ว”

"แต่ว่า มันเป็นอาวุธที่พัฒนาขึ้นเมื่อประมาณ 100 ปีก่อน การศึกษาเรื่องนี้ได้ถูกยุติไป ทำให้ยามนี้การถือมันยังคงยาก ทั้งยังไม่มั่นคงเสียเท่าไร…”

ดูเหมือนว่าจะมีปัญหาเยอะมากเลยสินะ

“แล้วมันใช้งานไม่ได้เหรอ?”

“ฮ่าฮ่า ถูกต้องขอรับ มันมีราคาแพงและไม่มีประสิทธิภาพ ท่านใช้ปืนใหญ่คงดีกว่า…ทว่าสิ่งนี้มันมีคุณค่าในฐานะของเก่า”

ข้าเคาะไปยังปืนเวทมนตร์ด้วยปลายนิ้วของข้า

“แล้วตัดสินจากสิ่งนี้ เจ้าสามารถมันขึ้นมาใหม่ได้ไหม?”

"หือ? ได้แน่นอนขอรับ มันเป็นอุปกรณ์มาตรฐานของกองทัพจักรวรรดิ การออกแบบของมันก็เหมือนกับปืนใหญ่เวทมนตร์”

หัวหน้าสมาคมของช่างตีเหล็กพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว

“ทว่ามันใกล้เคียงกับวัตถุโบราณมากกว่าอาวุธ ดังนั้นจึงจำเป็นต้องใช้นักเล่นแร่แปรธาตุมาช่วยในการสร้างด้วย”

“ข้าจะหารือเรื่องนี้ในห้องทดลองกับนักเล่นแร่แปรธาตุเอง เราจะต้องสร้างมันขึ้นมา”

“เข้าใจแล้วขอรับ ตราบใดที่ท่านจัดหาแกนเวทย์มนตร์ที่เป็นหัวใจของอุปกรณ์ได้ เราก็สามารถเริ่มต้นการผลิตได้ทันที…”

ก่อนที่หัวหน้าสมาคมจะพูดจบ ข้าก็เทแกนเวทที่พกมาลงบนโต๊ะ

แกนเวทห้าแกนได้หล่นลงมาบนโต๊ะจนส่งเสียงดัง

แกนเวทย์มนตร์มาตรฐานระดับต่ำ(N) หนึ่งชิ้น

แกนเวทมนตร์มนุษย์หนูผู้มีชัย (R) สามชิ้น

และแกนเวทย์มนตร์ราชินีแมงมุมดำ (SSR) หนึ่งชิ้น

ทั้งหมดนี้เป็นแกนเวทย์มนตร์ที่ข้าได้รวบรวมมาไว้

“…”

เมื่อมองไปที่แกนเวทย์มนตร์ เขาก็อ้าปากค้างไปแล้ว ข้าจึงพยักหน้าให้หัวหน้าสมาคมช่างตีเหล็กทันที

“จงประดิษฐ์มันขึ้นมาห้าชิ้น”

เจ้าขาดแคลนวัตถุดิบงั้นนเหรอ?

มันไม่เสถียรหรือ?

อืม ก็จงใช้จำนวนเข้าสู้สิ

ในเกม ตัวละครสามารถใช้อาวุธได้เพียงชิ้นเดียว แต่นี่คือโลกแห่งความเป็นจริง

ไม่มีใครจะตราหน้าว่ามันไม่ยุติธรรมหรอก หากพกพาปืนไปหลายกระบอก

’จงอย่าถูกจำกัดด้วยกฎของเกม’

กระทั่งพวกสัตว์ประหลาดก็ยังไม่เคลื่อนไหวตามกฎของเกมเลย ข้าจึงต้องคิดอย่างยืดหยุ่นให้มากขึ้นด้วย

’ข้าจะเอาชนะมันให้ได้อย่างแน่นอน ไอ้เกมบัดซบนี้’

ข้ากัดริมฝีปากแน่น

’ข้าจะทำให้สำเร็จ ไม่ว่าจะเป็นตอนจบที่แท้จริงหรืออะไรที่รออยู่ก็ตาม...!'

***

ระหว่างการเดินทางกลับคฤหาสน์ ช่วงกลางคืน

ขณะที่ข้านั่งในรถม้า ครุ่นคิดอย่างหนัก ข้าก็กำลังสรุปกำหนดการถึงเรื่องต่างๆ ที่ต้องจัดการ

ทันใดนั้น ลูคัส ซึ่งอยู่ในตำแหน่งบนที่นั่งของคนคุมม้าก็เอ่ยขึ้นมา

“องค์ชาย”

"อืม?"

“ข้าเข้าใจว่าท่านต้องทำมันขึ้นมาให้ได้… แต่แกนเวทย์มนตร์นั้นหายากมาก เป็นทรัพย์สินที่มีค่าอย่างยิ่ง บางทีการเอามันไปใช้เพียงบางส่วน เก็บไว้จำนวนหนึ่งแทนที่จะนำมันมาใช้ทั้งหมดเช่นนี้อาจจะ…”

ก็จริง แกนเวทมนตร์มีค่ามาก

เป็นสิ่งสำคัญสำหรับการประดิษฐ์อุปกรณ์หรือสิ่งประดิษฐ์ชั้นสูง ป้อมปราการป้องกันอัตโนมัติที่ข้าประกอบขึ้นเมื่อไม่กี่วันก่อนก็ทำงานได้ด้วยการใช้ แกนเวทย์มนตร์ระดับ R

ซึ่งยามนี้ข้ากลับได้ใช้มันไปทั้งหมดในครั้งเดียว

ยิ่งไปกว่านั้น ข้ายังคิดที่จะใช้แกนผลึกทั้งหมดนี้เพื่อสร้างอุปกรณ์หลายชิ้นให้กับคนๆ เดียว มันเป็นการใช้แบบไม่มีประสิทธิภาพอย่างแน่นอน

’แต่ถ้าคนๆ นั้นคือเดเมี่ยน มันก็เป็นคนละเรื่องกัน’

[ดวงตาพันลี้] ของเดเมี่ยนสามารถมองทะลุจุดอ่อนของศัตรูได้ทันที

หากใช้อย่างถูกต้อง การใช้แกนเวทย์มนตร์ไปหลายชิ้นก็ไม่ถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองเลย

“ขอบคุณสำหรับคำแนะนำนะ ลูคัส แต่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นในการป้องกันป้อมปราการครั้งถัดไป”

ข้าส่งยิ้มกว้างให้ลูคัส

“ตอนนี้เราไม่สามารถเก็บของอย่างแกนเวทย์มนตร์ไว้ได้ แต่อีกไม่นาน เราก็คงจะได้มันมาอีก”

เรื่องนี้เป็นความจริง

ในพื้นที่สำรวจจุดที่สองที่เราจะไป มันจะต้องมีแกนเวทย์มนตร์ให้อย่างแน่นอน อาจจะได้ค่อนข้างมากเลยด้วยซ้ำ

’การใช้มันไปทั้งหมดจึงไม่ใช่เรื่องบุ่มบ่ามอย่างแน่นอน แทนที่จะเก็บงำมันเอาไว้ เอาไปใช้หมุนเวียนเช่นนี้คงจะดีเสียกว่า'

"อืม ข้ายอมรับว่านั่นอาจจะค่อนข้างหุนหันพลันแล่นไปหน่อย แต่มันไม่ใช่ปัญหา!”

ลูคัสไม่พูดอะไรอีก และยังคงนำทางรถม้าต่อไป ข้าซาบซึ้งในคำแนะนำที่ตรงไปตรงมาของเขา

เมื่อเห็นคฤหาสน์ เราก็ไม่ได้เดินทางไปไกลกว่านี้ ทันใดนั้น คล้ายกับความเหนื่อยล้าได้ซัดเข้าใส่ตัวข้า ข้าหาวออกมา

"ฮู้ว..."

วันนี้ข้าได้แก้ไขปัญหาหมดแล้ว คงไม่มีสิ่งใดต้องทำอีก ข้าจะได้นอนหลับให้เพียงพอเสียที เมื่อคิดเช่นนั้น ข้าจึงหันมองไปยังคฤหาสน์

"หา?"

มีบางอย่างแปลกๆ สะดุดตาข้า

ที่ทางเข้าของคฤหาสน์

เด็กสาวตัวเล็กๆ คนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น

"อะไรเนี่ย?"

เด็กสาวผู้หนึ่ง ผมสีขาวของนางเปล่งประกายภายใต้แสงจันทร์ ดวงตาสีเขียวที่จับจ้องมานั้นโดดเด่นยิ่ง

ตุบ!

ทันทีที่นางเห็นเรา นางก็พุ่งเข้าหารถม้าทันที

“ลูคัส นั่นมันอะไร -”

ก่อนที่ข้าจะได้ถามออกมา...

เด็กสาวก็วิ่งเหยาะๆ เอาสิ่งที่นางถือพุ่งเสียดแทงใส่รถม้า

มันเป็นหอกขนาดใหญ่เป็นพิเศษ

"บ้าอะไรกันวะเนี่ย-?!"

ขณะที่ข้าโพล่งออกมานั้นเอง

ปั๊ก-!

ทันใดนั้น หอกที่ขว้างออกมาก็ทำลายรถม้าจนหมดสภาพ

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด