ตอนที่แล้วบทที่ 113 : ซาโตรุ ยกภูเขาด้วยนิ้วเดียวเหรอ?
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 115 : คาคุซึ ฮิดัน และร่างสถิตย์หกหาง

บทที่ 114 : ใช้คาถาลดน้ำหนักหิน และออกเดินทางเพื่อโจมตีแสงอุษา


บทที่ 114 : ใช้คาถาลดน้ำหนักหิน และออกเดินทางเพื่อโจมตีแสงอุษา

“อาจารย์ซาโตรุ?”

ทุกคนในทีมที่เจ็ดต่างตกตะลึง พวกเขาจ้องมองอย่างไม่เชื่อสายตากับภาพที่อยู่ตรงหน้า ในมือของซาโตรุนั้นมีภูเขาที่สูงประมาณสิบเมตร ตอนนี้อาจารย์ของพวกเขาถือมันเหมือนของเล่นที่เบาหวิวไร้น้ำหนัก

ทีมที่เจ็ดตอนนี้เหมือนคนโง่เขลา

คาถาดิน ลดน้ำหนักหินคืออะไรกัน?

พวกเขารู้สึกได้เลยว่าคาถานี้อันตรายมากกว่ากระสุนวงจักรหลายเท่า!

ทักษะเฉพาะตัวของซึจิคาเงะงั้นเหรอ?

แล้วซึจิคาเงะที่ได้เรียนรู้คาถานี้...จะแข็งแกร่งขนาดไหน?

แต่ดูแล้วอาจารย์ซาโตรุคงแข็งแกร่งยิ่งกว่าซึจิคาเงะ ความแข็งแกร่งที่แท้จริงของอาจารย์ซาโตรุ...นั้นเกินกว่าจะจินตนาการได้

“ซาโตรุ?”

หลังจากที่คุเรไนและคนอื่นๆ โผล่มา สิ่งแรกที่พวกเขาเห็นคือภาพที่ซาโตรุกำลังยกภูเขาทั้งหมดได้ด้วยนิ้วเดียว

“คาถาลดน้ำหนักหิน? นี่มันคาถาดินที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นของหมู่บ้านอิวะใช่ไหม?” ซึนาเดะเลิกคิ้วเล็กน้อย มองดูซาโตรุพลางคิดกับตัวเองในใจ

เธอเคยเห็นมันในตอนที่ยังเป็นเด็ก ซึจิคาเงะรุ่นที่สองใช้คาถาลดน้ำหนักหิน อันเป็นทักษะลับเฉพาะที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ซึจิคาเงะรุ่นสอง

ทว่าซาโตรุกลับสามารถเรียนรู้มันได้

ถ้าซึจิคาเงะรุ่นสามคนปัจจุบันรู้ เขาคงจะโกรธมากเลยใช่ไหม?

“คาถาลดน้ำหนักหินคืออะไรกัน? ดูอันตรายมาก” ดวงตาสีแดงสดของคุเรไนตกตะลึง เธอตกใจจริงๆ ที่เห็นซาโตรุยกภูเขาด้วยนิ้วเดียว

การยกภูเขานั้นเหลือเชื่อกว่าการทำลายมันให้สิ้นซากซะอีก!

“ลดมวลของวัตถุ นี่แหละคือวิธีการทำงานของคาถาลดน้ำหนักหิน และในทางกลับกัน จะเกิดอะไรขึ้นถ้ามวลของวัตถุหนักมากขึ้นกว่าเดิมล่ะ?” ซาโตรุโยนภูเขาทั้งลูกลงบนพื้น

“ตู้มมมมม” ภูเขาสูง 10 เมตรร่วงลงถึงพื้นทำให้เกิดแรงสั่นสะเทือนคล้ายกับแผ่นดินไหว

ผู้คนจำนวนมากในหมู่บ้านต่างหวาดกลัวที่จู่ๆ ก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง

"คาถาดิน · เพิ่มน้ำหนักหิน" ซาโตรุกดมือของเขาบนยอดเขา และจักระสีขาวก็ปกคลุมทั่วทั้งเนินเขา

“บู้มม...” ทั่วทั้งเนินเขาสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง รอยแตกค่อยๆปรากฏขึ้นทีละน้อย จากนั้นก็แตกออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย หินก้อนใหญ่กลิ้งลงมา

"ดูสิ"

“มันสามารถเพิ่มน้ำหนักให้กับวัตถุหรือลดน้ำหนักของวัตถุได้ และแน่นอนว่ามันสามารถนำไปใช้กับคนได้ด้วยเหมือนกัน” ซาโตรุปรบมือแล้วลงไปหน้าเด็กๆ ทีมที่เจ็ด

"เข้าใจไหม?"

“อาจารย์ซาโตรุ หนูเข้าใจแล้วค่ะ” ซากุระพยักหน้าเล็กน้อย หลังจากซาโตรุแสดงกระบวนท่าให้ดู เธอก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าผลของคาถาทั้งสองนี้อันตรายแค่ไหน

คาถาลดน้ำหนักจะทำให้น้ำหนักของวัตถุลดลง และถ้านำไปใช้กับคน ความเร็วก็จะเพิ่มมากขึ้น

เช่นเดียวคาถาเพิ่มน้ำหนักหิน ที่สามารถทำให้ความแข็งแกร่งของคนๆ หนึ่งมากขึ้นกว่าเดิมได้

“ฮึ ถ้าฉันเรียนรู้กระสุนวงจักรธาตุไฟแล้ว ฉันจะเชี่ยวชาญทั้งสองคาถานี้ได้อย่างง่ายดายแน่” หลังจากตกใจกับคาถาทั้งสองนั้น ซาสึเกะก็กัดฟันแกล้งทำเป็นฮึดฮัดและฝึกซ้อมต่อไปอย่างเงียบๆ

เขาต้องเร่งการฝึกฝนของเขา จึงจะแข็งแกร่งมากขึ้น!

ถ้าซากุระเรียนรู้คาถาลดน้ำหนักหินและการเพิ่มนำหนักหิน เขาก็คงถูกแซงหน้าไปไกลแล้ว

ทั้งซาสึเกะและซากุระเข้าใจแนวคิดของคาถาทั้งสองนี้ได้ทันที แต่นารูโตะนั้นกลับสับสน

ซาโตรุพูดด้วยรอยยิ้ม "เจ้าเด็กอุจิวะ เธอมีธาตุไฟและธาตุสายฟ้า เพราะงั้นเธอจึงไม่สามารถใช้คาถาดินขั้นสูงได้หรอก"

ผู้ที่ไม่มีธาตุดินสามารถใช้คาถาดินปกติได้ แต่ไม่สามารถใช้คาถาดินขั้นสูงได้

"ฮึ่ม" ซาสึเกะเกือบจะสะดุดล้ม เขาถอนหายใจอย่างเย็นชาและฝึกซ้อมต่อไป

หลังจากเรียนรู้การเปลี่ยนธาตุไฟแล้ว เขาจะใช้กระสุนวงจักรธาตุไฟเพื่อพิสูจน์ให้เห็นเองว่าใครคือผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในทีมที่เจ็ด!

“อ๋อ ผมเข้าใจ ผมเข้าใจแล้ว สรุปว่ามันแข็งแกร่งมากเลยใช่ไหมล่ะ?” นารูโตะกอดอกด้วยสีหน้าที่สื่อว่าเขาเข้าใจเป็นอย่างดี เขาพูดด้วยความหวังว่า "อาจารย์ซาโตรุ เมื่อไหร่จะสอนทั้งสองคาถานี้ให้ผมบ้าง?"

คาถาอัญเชิญไร้สาระมาก เขาเริ่มรู้สึกเบื่อซะแล้ว

เขาต้องการเรียนคาถาลดน้ำหนักหินที่ดูเท่ และคาถาเพิ่มน้ำหนักหินที่ทรงพลัง แล้วมาอวดต่อหน้าซากุระกับเจ้าซาสึเกะตัวเหม็น!

"ออกไปเล่นทางนู้นไป" ซาโตรุเตะนารูโตะออกไปอย่างแรง ที่เขาอธิบายตั้งเยอะนั้นมันไม่เข้าหูนารูโตะเลยแม้แต่นิดเดียว

เขาเพิ่งพูดไปว่าถ้าไม่มีธาตุดินในตัว ก็ไม่มีทางที่จะเรียนรู้คาถาดินขั้นสูงได้ แต่ไอ้เด็กจิ้งจอกยังเอาแต่งอแงอยากจะเรียนคาถาทั้งสองนี้อยู่ได้

ซาโตรุพูดอย่างไม่พอใจ "เจ้าเด็กจิ้งจอก เธอน่ะเลิกคิดซะ หลังจากที่เธอเรียนคาถาอัญเชิญและเรียนรู้ร่างเซียนสำเร็จแล้ว เธอก็ค่อยไปเรียนสิ่งอื่นต่อ”

แต่ก่อนอื่น คงต้องเรียนคาถาอัญเชิญให้เสร็จก่อน เพื่อที่จะเรียนรู้วิธีใช้ร่างเซียนต่อ

เพราะมันจำเป็นต้องปรับร่างกายให้เหมาะสมที่สุดกับสัตว์อัญเชิญ เพื่อสัมผัสจักระธรรมชาติผ่านสัตว์อัญเชิญ

นี่แหละคือจุดเริ่มต้นของโหมดเซียน

หลังจากที่เชี่ยวชาญแล้ว แม้ว่าจะไม่มีอสูรอัญเชิญ ก็สามารถดูดซับพลังงานธรรมชาติได้

ความคืบหน้าในการฝึกฝนของเด็กจิ้งจอกดูเหมือนจะตามหลังซาสึเกะและซากุระอยู่

แต่ถ้าเจ้าเด็กจิ้งจอกตัวน้อยนี้เรียนรู้โหมดเซียนสำเร็จแล้ว ความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าซาสึเกะและซากุระแน่นอน!

“ชิ แล้วผมต้องอัญเชิญแมวโง่ทุกวันเนี่ยนะ” นารูโตะบ่น แม้ว่าปากของเขาจะบ่น แต่มือของเขากลับประสานอินอย่างขยันขันแข็ง และยังคงฝึกคาถาอัญเชิญต่อไป

ตอนนี้เขาสามารถเรียกแมวตัวโตออกมาได้เป็นครั้งคราว แต่ส่วนใหญ่เขาจะเรียกแค่ลูกแมวออกมามากกว่า

"วิธีการสอนของนาย...ไร้ข้อจำกัดมากเลยนะ" คุเรไนถอนหายใจ นี่เป็นครั้งแรกเลยที่เธอได้เห็นว่าซาโตรุสอนเด็กๆ ทีมที่เจ็ดยังไง

กระสุนวงจักร เบียคุโก โหมดเซียน คาถาลดน้ำหนักหิน และคาถาเพิ่มน้ำหนักหิน ทั้งหมดนี้ล้วนแต่เป็นคาถาที่มีชื่อเสียงในโลกนินจา

ทว่าซาโตรุกลับคาถาเหล่านี้ให้ทีมที่เจ็ดโดยไม่ใส่ใจนัก

เธอเองคิดว่าในโลกนินจาทั้งหมด คงมีเพียงซาโตรุเท่านั้นที่ทำอะไรแบบนี้ได้

เพราะซาโตรุแข็งแกร่งพอ

ในความเป็นจริง เด็กๆ ในทีมทีเจ็ดคงไม่ได้รู้หรอกว่าคาถาทั้งหมดที่พวกเขาได้เรียนรู้มานั้นช่างอันตรายเพียงใด

หากข่าวนี้เผยแพร่ออกไป ไม่ต้องพูดถึงนักเรียนในโรงเรียนนินจาหรอก กระทั่งอาจารย์ที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ยังอยากจะกราบขอซาโตรุเป็นอาจารย์

“อาจารย์คุเรไน ท่านซึนาเดะ” ซากุระกล่าวทักทายอย่างสุภาพ

“อาจารย์ซาโตรุ ขอตัวก่อนนะคะ หนูจะต้องรีบไปทบทวนเนื้อหาก่อนหน้านี้” หลังจากที่ซากุระพูดจบ เธอก็เดินออกไปด้วยความมั่นใจเต็มเปี่ยม

เธอต้องการที่จะทำมันสำเร็จเร็วที่สุด ใช้เบียคุโกและจากนั้นก็เริ่มเรียนรู้คาถาลดน้ำหนักหิน และก็คาถาเพิ่มน้ำหนักหิน

ในบรรดาสมาชิกสามคนของทีมที่เจ็ด มีเพียงเธอเท่านั้นที่เป็นนินจาธาตุดิน

ซาโตรุพูดติดตลกว่า "เป็นไง ลูกศิษย์ของผมสติปัญญาเฉียบแหลมดีเลยใช่ไหม?"

ซึนาเดะพูดอย่างเอือมระอา "เข้าเรื่องเลยนะ ฉันมีเรื่องสำคัญต้องให้นายทำ"

ซาโตรุลูบคางของเขาแสร้งทำเป็นพูดไร้สาระ ก่อนเหลือบมองที่ซึนาเดะและคุเรไน

เขายิ้มแล้วพูดว่า "สองคนพร้อมกันเลยเหรอ? ก็ได้เหมือนกันนะ"

"ฮึ่มมมม" มีความโกรธฉายแววในดวงตาของซึนาเดะ เธอค่อยๆ กำหมัดแน่น แต่ในท้ายที่สุดเธอก็ระงับความโกรธไว้ได้ จากนั้นเธอจึงพูดอย่างเย็นชาว่า "จิไรยะได้ลอบเข้าไปในหมู่บ้านอาเมะเพื่อทำการตรวจสอบตัวตนของยาฮิโกะ นางาโตะและโคนันแล้ว”

ซาโตรุขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาเคยเตือนจิไรยะแล้วว่าอย่าเข้าไปที่หมู่บ้าอาเมะเพื่อไปสืบเรื่องนี้

เขาบอกถึงความสามารถและจุดอ่อนของเนตรวงแหวนนั้นไปแล้วด้วย

แต่สุดท้ายตาแก่ลามกจิไรยะคนนั้นก็อดใจไม่ได้ใช่ไหม?

ก็พอจะเข้าใจได้

จิไรยะเป็นตาแก่ที่มีความรับผิดชอบมาก หากเขาได้รู้ว่าอดีตศิษย์ของเขายังมีชีวิตอยู่ และยังเป็นผู้นำขององค์กรแสงอุษาอีกด้วย

จิไรยะจะยังคงสงบสติอารมณ์ได้อย่างไร?

เข้าใจได้อยู่แล้ว

แต่ซาโตรุไม่คิดสนใจที่จะมีส่วนร่วมในเรื่องไร้สาระนี้ เพราะเขาบอกจิไรยะไปแล้วถึงเรื่องเนตรวงแหวน ความสามารถและจุดอ่อนทั้งหมดของมัน

เมื่อรู้จุดแข็งและจุดอ่อน ก็คงหาวิธีหนีออกมาได้อยู่หรอกใช่ไหม?

ซึนาเดะหยิบม้วนหนังสือออกมาแล้วพูดอย่างเคร่งเครียดว่า "เมื่อวันก่อนนี้คาคาชิพบผู้ต้องสงสัยสองคนคือ ฮิดันและคาคุซึที่ตลาดมืด”

“ความสามารถของฮิดันนั้นอันตรายมาก ส่วนคาคุซึ...ความสามารถของเขานั้นยังคงลึกลับ” ซึนาเดะพูดต่อไป "จากการสืบสวนของหน่วยข่าวกรอง คาคุซึเคยต่อสู้กับโฮคาเงะรุ่นที่หนึ่งด้วย"

เธอเคยตรวจสอบข้อมูลของคาคุซึมาก่อน และพบบางสิ่งที่น่าอัศจรรย์

คาคุซึเคยต่อสู้กับปู่ของเธอ เซนจู ฮาชิรามะ โฮคาเงะรุ่นที่ 1 เมื่อนานมาแล้ว

หากเขาสามารถต่อสู้กับปู่ของเธอได้ ก็พอที่จะจินตนาการถึงความแข็งแกร่งของเขาได้เช่นกัน!

ซึนาเดะเป็นกังวล “นายพอจะสู้เขาได้อยู่ใช่ไหม?”

“ไม่เป็นไรหรอก ผมน่ะไร้เทียมทานอยู่แล้ว” ซาโตรุยิ้มกวนๆ แน่นอนว่าเขารู้ถึงความสามารถของฮิดันและเรื่องประวัติของคาคุซึดี

แต่คาคุซึแพ้ในการต่อสู้ครั้งนั้นใช่ไหมนะ?

“ซาโตรุ รับนี้ไปสิ” คุเรไนหยิบเครื่องรางอันวิจิตรออกมาและวางไว้ในมือของซาโตรุ

นี่คือเครื่องรางที่เธอทำเมื่อคืนนี้ เพื่อมอบให้กับซาโตรุ

“อย่าทำอะไรแบบนี้สิ ฉันเกลียดมันมากเลยนะ” ซาโตรุมีท่าทีรังเกียจ แม้ว่าเขาจะพูดแบบนั้น แต่เขาก็ยังคงเก็บเครื่องรางนั้นไว้

ซึนาเดะขมวดคิ้วเล็กน้อยเมื่อเห็นคุเรไนมอบเครื่องรางให้ซาโตรุ เธอรู้สึกอิจฉาเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร

“ขอให้ปลอดภัยนะ” ซึนาเดะพูด

“เดี๋ยวมา ผมแวะไปเล่นกับพวกนั้นสักแปบก่อน แล้วผมจะกลับมา ทั้งสองคนไปอาบน้ำรอผมได้เลย” ทันทีที่พูดจบ ซาโตรุก็หายไปในอากาศ

ทุกคนในทีมที่เจ็ดต่างก็สงสัยว่าอาจารย์ซาโตรุไปไหน?

มีความอายและความโกรธปะทุในดวงตาของซึนาเดะ เธอกัดฟันก่อนจะพูดว่า "ทำตัวให้มันดีๆ หน่อยสิ เจ้าเด็กคนนี้ชักเริ่มจะเอาใหญ่มากขึ้นเรื่อยๆ ทุกวันแล้วนะ"

คุเรไนถามอย่างระมัดระวัง “ท่านโฮคาเงะ แล้วเรื่องของการฝึก…”

“ไม่เห็นจำเป็นต้องแข็งแกร่งขึ้นเลยนิ ไปทำเครื่องรางต่อสิ” หลังจากที่ซึนาเดะพูดอย่างเย็นชา เธอก็หันหลังและเดินจากไป

"โธ่เอ้ย" คุเรไนแลบลิ้นออกมา เธอรู้สึกได้เลยว่าโดนท่านซึนาเดะเกลียดเขาให้แล้ว

ซึนาเดะหยุดเดิน และถอนหายใจเงียบๆ จากนั้นก็มองกลับมาที่คุเรไนและพูดแกมปนสั่งว่า “เธอจะยืนนิ่งอยู่ที่นั่นอีกนานแค่ไหน? ตามฉันมาสิ”

“ค่ะ ท่านซึนาเดะ” คุเรไนมีความสุขมากและรีบวิ่งตามซึนาเดะไปในทันที

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด