ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 115
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 117

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 116


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 116

ราอนเลียริมฝีปาก

'ติดกับแล้ว’

พลังสยดสยองนั้นแตกต่างจากการใช้ออร่าทั่วไปเล็กน้อย

ซึ่งเขาไม่มีปัญหาในส่วนนั้นเลยเพราะกริชแห่งเรควีเอ็มช่วยแนะนำให้เขาได้ แต่มีพลังอยู่อย่างหนึ่งที่เขายังควบคุมไม่ค่อยได้

ผลึกเยือกแข็ง

หนังสือเทคนิคหมื่นเปลวเพลิงทำให้เขาสามารถใช้พลังธาตุไฟได้อย่างเต็มความสามารถของมัน แต่ในกรณีของพลังธาตุน้ำแข็งนั้น เขาแทบไม่สามารถใช้งานมันได้เลยเพราะเขามีเพียงออร่าน้ำแข็งแต่ไม่รู้วิธีใช้มัน

แน่นอนว่าเขาเคยใช้มันในตอนต่อสู้กับปีศาจกระหายเลือดแต่ตอนนั้นเขาไม่ได้ใช้มันแบบถูกต้อง เขาทั้งพยายามทำตามวิธีของหมื่นเปลวเพลิง ดาบเชื่อมดาว รวมไปถึงเลียนแบบรูนัน แต่มันก็ยังรู้สึกแปลกๆ

'ฉันต้องรู้วิธีควบคุมพลังน้ำแข็งให้ได้'

ผู้ที่รู้ดีที่สุดเรื่องวิธีจัดการกับพลังน้ำแข็งก็คือราชาแห่งความพิโรธที่อยู่ที่ข้อมือของเขานี่เอง

'นั่นคือเหตุผลที่ฉันเริ่มวางแผนการ'

เขาเริ่มทำตัวใกล้ชิดกับกริชแห่งเรควีเอ็ม นั่นทำให้ราธกระวนกระวายและอยากมีส่วนร่วมกับพวกเขา

หลังจากผ่านไปสองสัปดาห์ ราธก็รู้สึกแปลกแยกและกระวนกระวายมากจนมากินเบ็ดของเขา

มันเสนอวิธีควบคุมน้ำแข็งให้ แต่ปฏิกิริยาของราอนกลับเฉยเมย

'ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะดึงคันเบ็ด'

ราธไม่ใช่ปีศาจโง่เง่า หากเขาตอบกลับทันทีราธจะสงสัยว่าเขาวางแผนเอาไว้และเปลี่ยนใจไม่สอนเขา

'คงต้องรออีกหน่อย’

มันก็เหมือนกับการจับปลาตัวใหญ่ หากดึงคันเบ็ดทันที คันเบ็ดอาจจะหักหรือสายเบ็ดจะขาดเอาได้

ก่อนอื่นเขาต้องเหวี่ยงคันเบ็ดไปมาเพื่อทำให้ปลาหมดแรง

'วิธีใช้พลังน้ำแข็งเหรอ?'

ราอนแกล้งทำเป็นไม่สนใจโดยถามกลับแบบนิ่งๆ

ช-ใช่ จากมุมมองของราชาแห่งแก่นแท้ เจ้ายังไม่เข้าใจพลังที่แท้จริงของน้ำแข็งเลย

'อืม...'

เจ้าน่าจะรู้อยู่แล้วว่าเจ้าขาดสิ่งนั้น

'แน่นอนว่าฉันมีปัญหากับมัน'

ใช่แล้วล่ะ! หากราชาแห่งแก่นแท้ช่วยเจ้าเพียงเล็กน้อยเจ้าก็จะเก่งกว่ามนุษย์ทุกคนที่ใช้พลังน้ำแข็ง เพราะข้ามีวิธีควบคุมน้ำแข็งตั้งหลายวิธี!

ราธพูดดังและเร็วขึ้นเรื่อยๆ

'แกเก่งเรื่องการควบคุมน้ำแข็งจริงหรือเปล่า? ที่ฉันเคยเห็นมีแต่การที่แกตะโกนว่า 'อ๊าาากก!' แล้วก็ปล่อยน้ำแข็งออกมานิดหน่อยแค่นั้น'

น-นั่นเป็นเพราะปัจจุบันราชาแห่งแก่นแท้ไม่มีร่างกาย! หากข้ามี ข้าจะแสดงให้เจ้าเห็นว่าข้าสามารถควบคุมมันได้อย่างละเอียดอ่อนเพียงใด!

'จริงๆ มันก็น่าสนใจอยู่แหละ...'

ราอนหันหน้าหนี ราธจ้องมองเขาอย่างลุ้นๆ

คิดดูดีๆ เจ้าจะเก็บซ่อนพลังน้ำแข็งของเจ้าตลอดไปไม่ได้ ในที่สุดทุกคนก็จะรู้เกี่ยวกับมัน ดังนั้นการเรียนรู้ที่จะควบคุมมันไว้ก่อนจะเป็นประโยชน์มากกว่าสำหรับเจ้า

'ก็ถูก'

หวนกลับไปในดินแดนปีศาจ ปีศาจนับไม่ถ้วนมาหาราชาแห่งแก่นแท้เพื่อขอให้สอนการควบคุมน้ำแข็ง แต่ข้าไม่เคยสอนใครเกี่ยวกับมัน นี่จึงเป็นโอกาสทองสำหรับเจ้า…

'พูดยาวไป ฉันง่วงแล้ว'

ราอนหันหน้าหนีแล้วดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงคอ

เฮ้ย!

'ฉันจะไปนอนแล้ว ไว้คุยกันใหม่ทีหลัง'

เขาหลับตาและแกล้งทำเป็นไม่สนใจ

ราอน ซีกฮาร์ท! เจ้ากำลังจะพลาดโอกาสทองครั้งเดียวในชีวิต! วิธีการควบคุมน้ำแข็งของราชาแห่งแก่นแท้มีค่ามากกว่าสมบัติใดๆ รวมถึงชีวิตของเจ้าด้วย! ถ้าเจ้าพลาดโอกาสนี้…

'อะแฮ่ม ฉันจะนอน’

เขาผลักราธที่พูดไปเรื่อยเปื่อยแบบไม่รู้จบออกไป และแอบยิ้มเล็กน้อย

'เร็วๆ นี้แหละน่า'

ราธกำลังกระวนกระวายอย่างหนัก และในไม่ช้ามันจะได้สอนวิธีจัดการกับน้ำแข็งแบบหมดเปลือกแน่นอน

ราอนแตะกริชเบาๆ เพื่อชื่นชมมัน และมันก็สั่นสะเทือนเล็กน้อยราวกับว่ามันรู้ว่าเขาหมายถึงอะไร

* * *

ราอนค่อยๆ หายใจเข้า มองขึ้นไปบนกำแพงปราสาทที่ทรุดโทรม กำแพงมีสีเหลืองตามอายุและมีคราบเลือดปกคลุมเป็นด่างๆ

บรรยากาศเต็มไปด้วยกลิ่นของศพที่ถูกเผา เลือด และอสูร มันน่าขยะแขยงจนใครๆ ก็รู้สึกคลื่นไส้

"อุแหวะ!”

ดอเรียนเกาะกำแพงที่ไหม้เกรียมเป็นสีดำและเริ่มอาเจียน ราอนตบหลังเขาและมองไปที่กำแพงปราสาท

“ที่นี่คือปราสาทฮาบุนสินะ…?”

กำแพงปราสาทเต็มไปด้วยร่องรอยการต่อสู้และกลิ่นอายของสนามรบ

มันเป็นนรกแห่งการต่อสู้ที่ไม่มีวันสิ้นสุด

ฮาาา! บรรยากาศในสนามรบทำให้ราชาแห่งแก่นแท้รู้สึกมีชีวิตชีวามาก!

ดูเหมือนว่าราจะเพลิดเพลินกับกลิ่นเลือดและซากศพเน่าเปื่อย ในขณะที่เขาพยายามหายใจเข้าลึกๆ

“ม-แม่ครับ ลูกชายคนนี้คงต้องขอตัวไปสวรรค์ก่อนแล้ว! ผ-ผมคงไม่...”

"ตั้งสติก่อน"

เขายืนอยู่หน้าประตูปราสาทกับดอเรียน แล้วชายหนุ่มวัยยี่สิบปลายๆ ก็โผล่ขึ้นมาเหนือกำแพงปราสาท ผมสีม่วงสั้นและดวงตาที่เย็นชาของเขาน่าประทับใจ

"พวกเธอเป็นใคร?"

“เราเป็นทหารรับจ้างที่มาเสริมกำลัง”

ราอนแสดงแผ่นป้ายทหารรับจ้างที่ริมเมอร์มอบให้

"พวกเธอชื่ออะไร?”

"ราอนกับดอเรียนครับ”

ดวงตาของชายคนนั้นเป็นประกายเมื่อได้ยินชื่อ เหมือนว่าเขาจะรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกเขา

"เปิดประตูได้”

"เปิดประตู!”

อาจเป็นเพราะชายคนนั้นเป็นคนสำคัญ ประตูปราสาทฮาบุนจึงเปิดออกตามคำสั่งของเขา

เมื่อพวกเขาเข้าไปข้างใน กลิ่นคาวของเลือดก็ยิ่งแย่ลงไปอีก ดูเหมือนมีการต่อสู้เกิดขึ้นมากมายภายในปราสาท

"ราอนกับดอเรียน”

เขามองไปทางขวาเมื่อได้ยินเสียงเรียกชื่อของเขา

ชายคนที่อยู่บนกำแพงปราสาทก่อนหน้านี้มายืนอยู่ข้างๆ เขา เขาไม่ได้ตัวสูงมากนักแต่ร่างกายของเขาค่อนข้างหนาและมีดาบเล่มใหญ่ห้อยอยู่ตรงเอวของเขา

“พวกเธอมาช้ากว่าเวลาเล็กน้อย”

ตามที่คาดไว้ เขารู้ว่าพวกเขาเป็นเด็กฝึกหัดของซีกฮาร์ท

“ไม่เป็นไรใช่ไหมนั่น?”

เขาหรี่ตาลง มองดูดอเรียนที่เหมือนจะเป็นลม

"เขาเป็นแบบนี้ตลอดแหละครับ ไม่ต้องเป็นห่วงเขาหรอก”

ราอนพยักหน้าและมองไปที่ดอเรียน

"ฉันชื่อเทอเรียน ต่อจากนี้ไปให้เรียกฉันว่ารองผู้บัญชาการ”

"ครับ"

"ตามฉันมา"

“เข้าใจแล้วครับ”

"ฮือ...”

เขาลากคอดอเรียนที่เหมือนจะล้มได้ทุกเมื่อและเดินตามเทอเรียนไป เมื่อเข้าไปในอาคารห้าชั้นที่อยู่ใจกลางปราสาท เขาก็มองเห็นอัศวิน นักดาบ และทหารที่กำลังเดินไปมาอย่างวุ่นวาย

'สายตาของพวกเขาไม่เหมือนที่ไหนเลย’

เมื่อเทียบกับนักดาบของซีกฮาร์ทแล้วพวกเขายังไม่แข็งแกร่งเท่าไหร่ แต่สายตาของพวกเขานั้นแข็งแกร่งแน่นอน

มันมีจิตวิญญาณของนักรบผู้แข็งแกร่งที่ได้เผชิญสถานการณ์เสี่ยงเป็นเสี่ยงตายมานับไม่ถ้วน เขาจึงตระหนักได้อีกครั้งว่าเขากำลังอยู่กลางสนามรบ

"มาทางนี้”

เขาเดินขึ้นบันไดเก่าๆ ตามเทอเรียน เมื่อขึ้นไปถึงชั้นที่ 5 ก็พบกับประตูหนาที่ทำจากไม้สีดำ

“ทหารรับจ้างมาถึงแล้วครับ”

"เข้ามา”

เทอเรียนเคาะประตูและบอกจุดประสงค์ของการมาพบ น้ำเสียงอันหนักแน่นตอบกลับออกมา

เอี๊ยด!

* * *

* * *

ประตูบานเก่าเปิดออกพร้อมกับเสียงสนิมของบานพับ

ห้องนี้ค่อนข้างกว้างแต่ภายในกลับเรียบง่ายจนแทบจะว่างเปล่า ถ้าไม่ใช่เพราะแผนที่ของปราสาทฮาบุนและชั้นหนังสือที่เต็มไปด้วยหนังสือ มันคงดูเหมือนเป็นห้องของทหารทั่วไปมากกว่าห้องของผู้บัญชาการ

ชายชราผมหงอกลุกออกมาจากโต๊ะเก่าๆ เขาตัวไม่สูงเท่าไหร่แต่มีพละกำลังกับแรงกดดันมหาศาลอยู่ในดวงตาของเขา การปรากฏตัวอันยิ่งใหญ่ของเขาทำให้ราอนรู้สึกเหมือนกำลังเผชิญหน้ากับยักษ์

'ชายคนนี้คือมิลแลนด์ ไบรดอน'

ชายชราตัวเล็กคนนี้คือชายที่ถูกเรียกว่ายักษ์แห่งแดนเหนือ ผู้พิทักษ์ปราสาทฮาบุนที่คอยปกป้องปราสาทอันเก่าแก่มานานกว่าสองทศวรรษ

นั่นคือสายตาของผู้บัญชาการที่แท้จริง ข้าไม่ได้เห็นสายตาแบบนั้นมานานแล้ว

'แกก็รู้สึกเหมือนกันเหรอ?'

ใช่ นั่นคือสายตาของมนุษย์ที่สนใจเพียงสิ่งเดียวมานานหลายทศวรรษ หวนกลับไปในดินแดนปีศาจ ราชาแห่งแก่นแท้มีผู้ใต้บังคับบัญชาแบบเขานับไม่ถ้วนที่สาบานว่าจะจงรักภักดีต่อ...

'อืม'

ฟังข้า! หยุดเมินราชาแห่งแก่นแท้เสียที!

เขาหันหน้าหนีเพราะมันเริ่มพูดยาวเกินไป

“เธอคือราอน ซีกฮาร์ท ใช่ไหม?”

เสียงของมิลแลนด์แหบแห้งมาก เขาน่าจะได้รับบาดเจ็บภายในช่องเสียง

"ใช่ครับ"

"ช-ใช่ครับ"

ราอนตอบอย่างสบายๆ ขณะที่ดอเรียนกลัวจนตัวแข็งทื่อ

“ที่นี่มีแค่รองผู้บัญชาการกับฉันที่รู้ว่าพวกเธอเป็นใคร”

มิลแลนด์ชี้ไปที่เทอเรียนซึ่งยืนอยู่ทางด้านซ้ายของเขา ดูเหมือนว่ารองผู้บัญชาการจะเป็นลูกชายของมิลแลนด์ด้วย

“ฉันรู้ว่าทำไมริมเมอร์ส่งพวกเธอมาที่นี่ มันคงจะทำให้พวกเธอได้รับประสบการณ์มากมายกลับไป แต่มันไม่มีสิ่งที่เรียกว่าการฝึกซ้อมหรือการเรียนรู้ในที่แห่งนี้”

เสียงของมิลแลนด์เต็มไปด้วยความเชื่อมั่นอันหนักแน่น ราอนกลืนน้ำลายเมื่อเผชิญกับแรงกดดันของยักษ์ที่คอยปกป้องปราสาทมาทั้งชีวิต

“ไม่มีอาจารย์ที่ใจดี ไม่มีอาหารอุ่นๆ หรือเครื่องนอนที่นุ่มสบาย สิ่งที่ที่นี่มีคือลมหนาวที่ทิ่มแทงกระดูก กับการต่อสู้ที่ไม่มีที่สิ้นสุด หากพวกเธออยากอยู่แบบสบายๆ ก็ควรจะกลับไปตอนนี้เลย”

"ผ-ผมกลับได้จริ..."

"พวกเรารับได้ครับ เรามาที่นี่เพื่อแข็งแกร่งขึ้น เราพร้อมสู้ในทุกสมรภูมิและทุกสถานการณ์อยู่แล้ว”

ราอนปิดปากของดอเรียนที่กำลังจะขอยอมแพ้ และก้าวไปข้างหน้า

“อย่างน้อยฉันก็ชอบสายตาของเธอ”

แม้จะพูดอย่างนั้นแต่มิลแลนด์ไม่ได้ยิ้มเลยแม้แต่น้อย

“ฉันจะรอดูว่าสายตาแบบนั้นจะอยู่ได้นานแค่ไหน จากนี้ไปยศของพวกเธอคือทหารใหม่ จงไปเริ่มจากศูนย์ซะ ...ชาร์ลส์!”

มิลแลนด์ทุบโต๊ะแล้วตะโกน ชายวัยกลางคนที่มีเครายาวก็เข้ามาในห้อง

“เรียกผมเหรอครับ?”

“สองคนนั้น ให้พวกเขาเข้าร่วมหน่วยสอดแนมที่สามซะ”

“แต่จะให้ทหารรับจ้างไปอยู่หน่วยสอดแนมมันก็...”

“ฉันอยากให้พวกเขาลองทดสอบดูก่อน”

"รับทราบครับ ...ตามฉันมา"

ราอนหิ้วคอดอเรียนที่ยืนอยู่อย่างว่างเปล่าราวกับวิญญาณออกจากร่าง และตามชายที่ชื่อชาร์ลส์ไป

ปัง!

ประตูอันหนักอึ้งปิดลง มิลแลนด์และเทอเรียนยังคงอยู่ในห้องผู้บัญชาการ

"น่าสมเพช”

เทอเรียนขมวดคิ้วด้วยความไม่พอใจ

"แกพูดเรื่องอะไร?"

"พ่อก็เห็นนี่ เด็กที่ชื่อราอนมีท่าทีผ่อนคลายเกินไปเหมือนกับว่าเขามาที่นี่เพื่อวิ่งเล่น ส่วนเด็กที่ชื่อดอเรียนก็ขี้กลัวจนเกินไปจนพลังของเขาหายไปหมดแล้ว พวกเขามีแต่จะก่อปัญหาให้ที่นี่เพิ่มเท่านั้น”

“อืม…”

“พวกเขาสนใจแค่รูปลักษณ์ภายนอกของตัวเอง พวกเขามีดาบหลายเล่มเกินไปแล้วเด็กที่ชื่อราอนก็ยังสวมสร้อยข้อมือดอกไม้อีกด้วย ซึ่งนั่นไม่ใช่สิ่งที่นักรบควรเป็นเลย เราควรส่งพวกเขากลับเดี๋ยวนี้ การเก็บพวกเขาไว้ที่นี่มีแต่จะส่งผลให้ทหารได้รับบาดเจ็บมากขึ้นเท่านั้น”

“ดูเหมือนแกจะไม่ชอบพวกเขามากนะ”

มิลแลนด์ยิ้มเล็กๆ มองดูเทอเรียนที่โกรธจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดง

“เหมือนกับพวกเขากำลังดูถูกปราสาทที่พวกเรากำลังปกป้องด้วยชีวิต”

“มันก็อาจจะเป็นแบบนั้น แต่…”

สายตาของมิลแลนด์จริงจังมากขึ้น

“แกไม่สามารถตัดสินคนจากรูปลักษณ์ภายนอกได้นะ พวกเขาผ่านการฝึกฝนของซีกฮาร์ทอันยากลำบากมาได้และตอนนี้พวกเขากำลังอยู่ในการทดสอบครั้งสุดท้าย พวกเขาไม่ได้ไร้เดียงสาอย่างที่เห็น”

“ก็หวังว่าจะเป็นแบบนั้น”

เทอเรียนยังคงไม่ชอบพวกเขา

“รอดูไปก่อนแล้วค่อยตัดสินก็ได้ ไม่เห็นต้องอคติขนาดนั้นเลย”

"ก็ได้ครับ"

“แต่ว่านะ...”

มิลแลนด์เลียริมฝีปากแล้วหยิบจดหมายออกมาจากลิ้นชักใต้โต๊ะ

“ฉันไม่แน่ใจว่าทำไมเขาถึงขอให้ฉันรายงานข้อมูลให้เขาทุกๆ สองสัปดาห์”

“คงเพราะเด็กพวกนั้นเป็นเด็กที่ถูกเลี้ยงดูมาอย่างดีเพื่อเป็นกองกำลังของซีกฮาร์ท”

“อาจจะเป็นไปได้ แต่นี่ไม่ใช่จดหมายจากริมเมอร์หรือสนามฝึกที่ห้า”

"ครับ?"

“จดหมายฉบับนี้มาจากคฤหาสน์ของผู้นำซีกฮาร์ท เขาขอให้ฉันบอกเขาทุกเรื่องตั้งแต่งานที่พวกเขาทำไปจนถึงการปฏิบัติตัวของพวกเขา”

"คฤหาสน์ของผู้นำ...ม-หมายความว่ามันมาจากราชาผู้ทำลายล้างแห่งแดนเหนือเหรอ?”

"ใช่ ฉันไม่แน่ใจว่าทำไม เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาร้องขอแบบนี้ เขาเน้นว่าขอคำอธิบายอย่างละเอียดด้วย เฮอะ"

“หา! เกิดอะไรขึ้นกับเ...?”

ในขณะที่พวกเขากำลังหาคำตอบ ประตูก็เปิดหลังจากมีเสียงเคาะเบาๆ จนแทบไม่ได้ยิน

“ราดิน! หัวหน้าหน่วยสอดแนมที่สามมาตามคำสั่งของผู้บัญชาการ ที่สั่งมาในระหว่างเวลาทานอาหารแล้วครับ!”

ชายคนหนึ่งเข้ามาในห้องและทำความเคารพ เขาสวมชุดสีขาวราวกับหิมะ

“บ่นไปเถอะ ฉันไม่ให้อะไรแกหรอก”

"ฮ่าๆๆ"

ชายที่เรียกตัวเองว่าราดินหัวเราะ

“แล้วเรียกผมมาทำไมครับ?”

“ฉันส่งทหารรับจ้างสองคนไปที่หน่วยสอดแนมที่สามแล้ว”

“โอ้ คุณรู้ได้ยังไงว่าเราขาดกำลังคน?”

“อย่าพึ่งดีใจ พวกเขาอาจถูกย้ายให้ไปหน่วยอื่นในเร็วๆ นี้”

“หมายความว่าพวกเขาไม่ต้องทำงานแบบเดียวกับผมแล้ว... อา อยู่ๆ ผมก็มีความสุขขึ้นมาเฉยเลย”

“พวกเขาคือทหารที่จะมาเป็นกำลังของเรา สอนพวกเขาดีๆ พวกเขาจะได้เอาตัวรอดในสนามรบได้”

“งั้นผมจะส่งพวกเขาไปทำหน้าที่ทันที การลงสนามจริงคือการเรียนรู้ที่ดีที่สุด”

ราดินยิ้มและพยักหน้า

“เมื่อเร็วๆ นี้การเคลื่อนไหวของพวกมอนสเตอร์เเริ่มแปลกไป พวกมันเริ่มออกมานอกเขตของตัวเอง ดังนั้นระวังเอาไว้ด้วย”

"ผมเป็นหน่วยสอดแนมที่สามเชียวนะ ไว้ใจผมได้เลย!”

เขาทำความเคารพอีกครั้งก่อนออกจากห้อง

“พวกเขาต้องลงสนามทันที พวกเขาจะไม่เป็นไรจริงๆ หรอครับ?”

"ก็อาจจะ ฉันไม่มั่นใจเกี่ยวกับดอเรียนจอมขี้ขลาด แต่ว่าราอน…”

มิลแลนด์เคาะโต๊ะแล้วยิ้ม

“เขาไม่ใช่แค่เด็กทั่วๆ ไปหรอกนะ”

* * *

ราอนและดอเรียนตามชาร์ลส์ไปจนถึงบ้านพักของหน่วยสอดแนม อาจเป็นเพราะมีห้องว่างเพียงพอ พวกเขาจึงได้อยู่ห้องเดียวกันเพียงสองคน

“อุก!”

มือของโดเรียนสั่นเพราะเขายังคงไม่ชินกับกลิ่นคาวเลือด

“ท-ทำไมมันถึงมีภูเขากองศพด้วยล่ะ?!”

"ใจเย็นๆ ก่อน"

“แต่คุณชายก็เห็นนี่ครับ มันไม่ได้มีแค่ซากมอนสเตอร์แต่ยังมีซากศพของมนุษย์ตั้งเยอะแยะเลย!”

“ฉันบอกให้สงบสติอารมณ์ไว้ก่อน ยิ่งกังวลมากเท่าไหร่ก็ยิ่งผ่านไปยากขึ้นเท่านั้น ถ้าเป็นแบบนี้นายจะยิ่งแย่เอา”

"อึก!"

ดอเรียนปิดปากและหายใจเข้าทางจมูกช้าๆ

“เอาสัมภาระของนายออกมาสิ เราคงต้องอยู่ที่นี่สักพัก”

"ครับ..."

เขาเช็ดน้ำตาที่ไหลออกและวางฟูกบนเตียง

เขาหยิบที่นอน ฟูกและผ้าห่มอุ่นๆ ออกมาจากกระเป๋าหน้าท้อง เขาวางลงบนเตียงแล้วเอาผ้าสีฟ้ามาตกแต่งข้างๆ เตียง

"มีของตกแต่งด้วยเหรอ?”

“บรรยากาศมืดมนเกินไปอย่างกับงานศพ ขนาดผมตกแต่งแล้วแต่ก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้นเลย”

เขาถอนหายใจและมองดูผ้าจากมุมต่างๆ

"นายมีผ้าสีทองด้วยไหม?”

"มีสิครับ”

ดอเรียนพยักหน้าและหยิบผ้าสีทองออกมา

"สีเขียว”

ฟึ่บ!

"น้ำเงิน”

ฟึ่บ!

"สีชมพู”

"แท่น แทน แท๊น!”

เขาหยิบสีผ้าตามที่ราอนพูดออกมาอย่างรวดเร็ว การเตรียมพร้อมของเขาน่าทึ่งมาก

“คุณชายก็ควรจะนอนบนฟูกเหมือนกัน ถ้าคุณนอนบนเตียงแบบนั้นจะปวดหลังเอานะครับ”

แม้ว่าเขาจะขมวดคิ้วแต่ดอเรียนก็ยังให้ที่นอนและผ้าห่มแก่เขา

“ขอบคุณ”

ราอนพยักหน้า ขณะที่เขากำลังจะจัดเตียงประตูก็เปิดออก

“ทหารใหม่ จัดห้องกันเสร็จรึยัง?”

ชายคนหนึ่งในวัยสามสิบต้นๆ ถึงกลางๆ สวมเสื้อผ้าสีขาวเหมือนหิมะเดินเข้ามาด้วยรอยยิ้ม

“ฉันชื่อราดิน หัวหน้าหน่วยสอดแนมที่สามที่พวกเธออยู่”

"ผมราอนครับ”

"ผ-ผมชื่อดอเรียน..."

ราอนโค้งคำนับอย่างรวดเร็ว ขณะที่ดอเรียนโค้งคำนับด้วยริมฝีปากที่สั่นเทา

"หน้าตาดีนะเนี่ย ว่าแต่พวกเธอไปเอาฟูกกับผ้าห่มมาจากไหนกัน?”

"ผ-ผมพกใส่กระเป๋ามาด้วย...”

“ฮะ...”

ดอเรียนยกมือขึ้นตอบ จากนั้นราดินก็เอียงหัวพึมพำว่านี่เป็นครั้งแรกที่เขาต้องรับมือกับคนแบบเขา

“ช่างเถอะ ค่อยมาจัดเตียงทีหลัง ใส่เสื้อคลุมตัวนอกซะ”

"ครับ?"

“เราต้องออกไปทำภารกิจกันแล้ว”

ราดินยิ้มและขว้างเสื้อคลุมกันหิมะสีขาวมาให้พวกเขา

“เราจะตรวจสอบความสามารถในการสอดแนม การตัดสินใจ และประสาทสัมผัสของพวกเธอ เพื่อดูว่าเธอจะสามารถเอาชีวิตรอดในหน่วยสอดแนมในอนาคตได้หรือไม่”

เขาเริ่มพูดขู่ว่าพวกเขาจะตายในไม่ช้านี้ถ้าหากพวกเขาขาดคุณสมบัติเพียงแค่หนึ่งในสามอย่าง

"เอ๋!”

โดเรียนเริ่มกรีดร้องด้วยความกลัว แต่ราอนแตกต่างออกไป เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมกับยิ้มเล็กน้อย

“จะตรวจสอบความสามารถในการสอดแนมกับประสาทสัมผัสของเราเหรอครับ?”

ราอนมั่นใจว่าเรื่องนี้เขาไม่แพ้ใครในปราสาทฮาบุนแน่นอน

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด