ตอนที่แล้วตอนที่ 28 สู้เพื่อศิลาจิต
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปตอนที่ 30 ขอบเขตชำระปราณขั้นสอง

ตอนที่ 29 เหล่าองค์ชายเร่ขายโอสถ


เย่เฉาจงหยุดเดินและหันมาช้า ๆ เขามองด้วยสายตาน่าสะพรึงกลัวจนทุกคนหนาวสั่นไปถึงกระดูก

เมื่อเห็นว่าการต่อสู้กำลังจะเกิดขึ้น องค์ชายฉีและองค์ชายหยานรีบรั้งเสี่ยวเฉิน ส่วนองค์ชายจ้าวเดินไปหาเย่เฉาจงและยิ้มรับ

“ไม่มีอะไรแล้วศิษย์พี่เย่ พวกข้าจะจ่ายศิลาจิตเดือนหน้าให้แบบตรงเวลา”

เย่เฉาจงยิ้มอย่างชั่วร้าย

“ฉลาดมาก จำไว้ว่าข้าคือราชาที่นี่ เจ้าจะได้รับความช่วยเหลือเท่าที่ต้องการ ข้าจะอยู่รอเจ้าที่นี่”

เมื่อเขาพูดจบแล้วเขาก็หันหลังแสยะยิ้มเดินไป

หลังจากนั้นทั้งองค์ชายฉีและองค์ชายหยานต่างลูบอกเสี่ยวเฉินเพื่อทำให้เขาหายโกรธ

“พี่เสี่ยวใจเย็นก่อน อย่าเอามือพี่ไปเปื้อนขยะเลยนะ…”

องค์ชายจ้าวเดินเข้ามาถอนหายใจ

“พวกข้าแค่อยากให้ศิษย์พี่เสี่ยวมาด้วยกัน แค่มีศิษย์พี่เสี่ยวอยู่พวกข้าก็สบายใจแล้ว พวกข้าไม่คิดจะให้ศิษย์พี่เสี่ยวต่อต้านเขาแทนเรา…”

เสี่ยวเฉินมองรอยตบหน้าบนใบหน้าเขา

“ข้าขอโทษด้วย รอข้าก่อน อีกไม่นานข้าจะเป็นขั้นสอง”

ไม่นานหลังจากนั้นชายหนุ่มสองคนเดินมาหาพวกเขา หนึ่งในนั้นพูด

“เจ้าคือเสี่ยวเฉินรึ? พี่ฉีหัวหน้าพวกเราชอบเจ้า เขาอยากรู้ว่าเจ้าสนใจจะเข้าร่วมก๊กเขาเหนือกับเราหรือไม่?”

องค์ชายจ้าวอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก เขาเงยหน้ามองด้วยความแปลกใจ

“พวกเจ้าคือคนที่เป็นคู่ปรับกับเย่เฉาจงรึ?”

ชายหนุ่มชุดขาวคนหนึ่งพยักหน้า

“ใช่แล้ว”

“ดี ดี ดี…”

องค์ชายจ้าวเริ่มตื่นเต้น แต่ก่อนที่เขาจะได้พูดต่อเสี่ยวเฉินก็พูดออกมาก่อน

“ขออภัย ข้าไม่คิดจะรับข้อเสนอหรอก”

ชายหนุ่มพยักหน้า

“เช่นนั้นพวกข้าขอตัวก่อน โปรดพิจารณาข้อเสนอนี้ด้วย เจ้าตัวคนเดียวทำได้เพียงเท่านี้ ก๊กเขาเหนือยินดีต้อนรับเจ้าทุกเมื่อ”

จากนั้นพวกเขาเดินจากไป พวกเขาอยู่ที่ทิศใต้ของหุบเขาชมนภาได้ไม่นาน

มีศิษย์สองก๊กอยู่ในยอดเขาตะวันลับ เย่เฉาจงนั้นคุมทิศใต้ของยอดเขา ส่วนเขาเหนือนั้นนำโดยโจวอู๋เหิน ศิษย์ที่ไร้ก๊กนั้นจะต้องจ่ายศิลาจิตหนึ่งก้อนในแต่ละเดือน ส่วนคนที่ไม่ต้องจ่ายนั้นจะต้องคอยทำตามคำสั่งของหัวหน้าก๊ก

นี่เป็นธรรมเนียมที่แม้แต่สามผู้เฒ่าก็ไม่กล้ายุ่ง พวกเขาเองก็เคยเข้าร่วมก๊กเช่นนี้มาก่อนในตอนที่เป็นศิษย์

องค์ชายจ้าวพูด

“เราอย่ามายุ่งเกี่ยวกับพวกสารเลวนี่เลยศิษย์พี่เสี่ยว เราต้องเพิ่มพลังและเป็นศิษย์ในให้ได้”

เสี่ยวเฉินไม่ตอบอะไร โลกที่พวกเขาอยู่ในตอนนี้เป็นเหมือนกับทุกที่ ผู้ที่ข่มเหงรังแกนั้นมีพลังอำนาจ หากไร้ซึ่งพลังแล้วย่อมต้องยอมโอนอ่อนต่อพวกเขา เขาเคยเจอเรื่องแบบนี้จากชิ่นฉิวผู้มาจากนิกายวายุนภาแล้ว และตอนนี้เขายังมาเจอกับเย่เฉาจงในยอดเขาตะวันลับที่คอยทรมานพวกเขา เขาไม่ลืมว่ายังมีม่อหยูที่เป็นผู้นำศิษย์ในอย่างร้ายกาจอยู่

เขาไม่ใช่ศิษย์นิกายครามพิสดารอีกแล้ว เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาเพียงแค่พูดถึงเซียนเหมี่ยวหยินที่เป็นอาจารย์เขาในนิกายครามพิสดาร เพียงเท่านี้ศัตรูเขาก็ล้วนหนีไป

แต่เวลานี้ไม่เหมือนเดิมอีกแล้วเมื่อผู้บ่มเพาะพลังแค่ขอบเขตชำระปราณยังกล้าข่มเหงเขา ดังนั้นเขารู้ว่าไม่มีทางอื่น เขาต้องแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งจนทุกคนต้องพูดชื่อของเขาด้วยความกลัว เขาอยากจะเป็นอย่างพี่ยี่เฟิงที่แม้แต่ห้าผู้เฒ่าหวาดกลัว

“ข้าจะกลับแล้ว”

เขายกเท้าขึ้นเดินออกจากหุบเขา

“ถ้างั้นพวกเราก็ไปด้วยเถอะ”

สามองค์ชายเดินตามเขามา

ขณะที่เดิน องค์ชายจ้าวถอนหายใจยาว

“ไม่ต้องกลัว! ตอนนี้พวกเรามีกันแค่ไม่กี่คน แต่อีกไม่นานจะมีคนอื่นที่อยู่กับพวกเรา ข้ายังมีกองทัพที่ฟังคำสั่…”

“เลิกเพ้อฝันได้แล้ว! ข้ายังไม่เห็นแม้แต่เงากองทัพของเจ้าเลย!”

องค์ชายหยานแหย่

เสี่ยวเฉินยิ้มเบา ๆ กับการพูดคุยกันของพวกเขาและโบกมือเรียกศิลาจิตออกมาก้อนหนึ่ง องค์ชายจ้าวอ้าปากค้าง

“อะไรกัน! ศิษย์พี่สุดยอดไปเลย! แค่ไม่นานศิษย์พี่ก็ใช้วิชาสายเทพได้แล้ว!”

เสี่ยวเฉินยิ้มโยนศิลาจิตให้เขา องค์ชายจ้าวเกาหัว เสี่ยวเฉินอยากให้เขาลองวิชาด้วยตัวเองรึ?

พอผ่านไปครู่หนึ่ง เขายืนนิ่งและนึกขึ้นได้ว่าเขาให้ศิลาจิตก้อนหนึ่งกับเย่เฉาจงไปเมื่อครู่นี้ เขารีบพูด

“นี่มันศิลาจิตของศิษย์พี่นี่! ข้าไม่รับไว้หรอกนะ!”

เขายัดศิลาจิตใส่มือเสี่ยวเฉิน

กลับมาที่สวนในบ้าน หลิวรั่วเห็นเสี่ยวเฉินกลับมาเร็ว นางรีบมองดูว่าเขาบาดเจ็บหรือไม่ด้วยความวิตกและอ้าปากถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่อเห็นว่าเขาปลอดภัยดี นางหัวเราะเบา ๆ

“ข้าทำอะไรให้กินนะนายน้อย”

“ได้สิ”

เสี่ยวเฉินยิ้มพยักหน้า เขาเดินเข้าห้องนอนบนเตียง เขามองไปที่กระบี่หักบนเตียง เขาหัวเราะเยาะตัวเอง

“พลัง! ข้าต้องการพลัง!”

เคล็ดบ่มเพาะครามพิสดารไม่ช่วยเขาเลยจนกว่าเขาจะเจอที่ที่มีพลังปราณหนาแน่นกว่านี้ เขาเรียกศิลาจิตออกมาสองก้อนและดูดซับพลัง เขารู้สึกว่าพลังเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย

เขาต้องใช้ศิลาจิตอย่างน้อยอีกยี่สิบก้อนเพื่อที่จะไปถึงขั้นสองได้สำเร็จ แต่เขาได้เพียงแค่สามก้อนในแต่ละเดือน แล้วเขาจะหายี่สิบก้อนที่ไหนได้ในเวลาไม่นานล่ะ? แล้วเขาก็ไม่เหลือเงินมากเท่าใดนัก…

ในตอนนั้นเองเกิดความคิดในหัวของเขา เขารีบออกไปข้างนอก

“หลิวรั่ว! หลิวรั่ว! อย่าเพิ่งทำกับข้าว! ข้าอยากให้เจ้าเข้าเมืองไปซื้อของให้ข้าหน่อย!”

หลิวรั่วรีบวิ่งมาจากครัวและเช็ดมือถาม

“นายน้อยอยากได้อะไรรึ?”

เสี่ยวเฉินพูดกับนางด้วยความดีใจ

“ฟังให้ดี ข้าอยากให้เจ้าซื้อสมุนไพรโอสถทั้งหมดนี้ให้ข้า ซื้อมาให้มากที่สุด…”

จากนั้นเขาจึงพูดรายการสมุนไพรให้นาง นางเขียนรายการที่เขาพูดเพราะกลัวว่าจะลืมอะไรไป

“โอ๊ะ โอ้! เข้าใจแล้ว ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”

เขากลับมาที่เตียง เขายิ้มพลางคิด

“ใกล้จะถึงเวลาแล้ว เย่เฉาจง…รอก่อนเถอะ…ขอบเขตชำระปราณขั้นสองอยู่ในมือข้าแล้ว…”

หลิวรั่วกลับมาเมื่อตกเย็น หน้าผากนางชุ่มเหงื่อเมื่อกลับมาพร้อมกับถุงสมุนไพร เสี่ยวเฉินรับถุงจากนางและบอก

“เจ้าไปพักก่อนนะ วันนี้ไม่มีงานให้เจ้าทำแล้ว”

เสี่ยวเฉินกลับห้อง เขาเริ่มหลอมโอสถที่ต่างกันสามชนิด โอสถชำระปราณ โอสถพลัง และโอสถเสริมพลัง โอสถชำระปราณนั้นมีฤทธิ์เหมือนดั่งชื่อ มันจะช่วยศิษย์ในขอบเขตชำระกายและขอบเขตชำระปราณให้ได้รับพลังเป็นจำนวนมาก เป็นของบำรุงกำลังที่มักจะเป็นที่นิยมของศิษย์ยอดเขาตะวันลับ

โอสถพลังนั้นใช้เพื่อฟื้นฟูพลังกาย เป็นโอสถพื้นฐานที่ศิษย์ในนิกายใช้กันบ่อยที่สุด โอสถเสริมพลังนั้นใช้เพื่อเพิ่มพลังจากขอบเขตเดิม มักจะใช้ร่วมกับโอสถชำระปราณเพื่อการออกฤทธิ์ที่ดียิ่งขึ้น

เสี่ยวเฉินใช้เวลาทั้งคืนหลอมโอสถพลังหลายสิบเม็ดและโอสถเสริมพลังมากกว่าสิบเม็ด และได้โอสถชำระปราณอีกสามเม็ด เขาถือโอสถสีขาวมุกในมือและมองมันราวกับเป็นสิ่งที่น่าหลงใหล

นี่คือหนึ่งในโอสถชำระปราณ มันทำให้เพิ่มพลังเป็นขอบเขตชำระปราณขั้นสองได้อย่างรวดเร็วเพียงแค่ชั่วยามเดียว และอาจกินเข้าไปมากกว่านี้เพื่อไปถึงขั้นสามอย่างรวดเร็ว

เขาส่ายหน้าราวกับตื่นจากภวังค์ เขาเก็บโอสถทั้งหมดในขวดหยกสามขวด คำพูดของอาจารย์หลิงหยินยังคงก้องอยู่ในใจเขาแม้ผ่านมาหลายพันปี

“จำไว้นะเฉินเอ๋อ โอสถอาจเพิ่มพลังเจ้าได้มหาศาลในเวลาเพียงชั่วครู่ แต่จากนั้นจะไม่มีอะไรช่วยเจ้าได้อีก มันไม่มีค่าอะไรถ้าเจ้าไม่แข็งแกร่งขึ้นด้วยความยากลำบากและการบ่มเพาะของตัวเจ้าเอง เจ้าจะเข้าใจข้าในสักวันหนึ่ง”

โอสถอย่างโอสถชำระปราณ โอสถตั้งฐาน โอสถตั้งแกน โอสถก่อวิญญาณ โอสถเซียน และโอสถในทำนองนี้มักจะถูกกล่าวอ้างว่าเป็นโอสถที่หายากที่สุดและดีที่สุดในบรรดาโอสถทั้งมวล เพราะมันจะเพิ่มพลังบ่มเพาะได้ในทันที นี่เป็นเหตุผลสำคัญที่มมันเป็นโอสถที่นิยมที่สุดในบรรดาผู้บ่มเพาะพลัง

แต่ไม่ว่าจะเป็นโอสถตั้งฐานหรือแม้กระทั่งโอสถตั้งแกน เสี่ยวเฉินนั้นไม่เคยกินเลยสักเม็ดเดียว

เมื่อเก็บของเรียบร้อยแล้วเสี่ยวเฉินได้นำโอสถติดตัวเขาไปที่หุบเขาชมนภา เขาได้เจอสามองค์ชายนั่งสมาธิอยู่แล้ว เมื่อพวกเขาเห็นเสี่ยวเฉินเข้ามาพวกเขาก็หาที่นั่งให้เสี่ยวเฉินทันที

ครึ่งชั่วยามต่อมา เสี่ยวเฉินมองรอบ ๆ และพบว่าศิษย์ส่วนใหญ่ในยอดเขาตะวันลับได้มาแล้ว เขาหันไปผิวปากให้สามองค์ชายและเรียกพวกเขา สามองค์ชายเข้ามากระซิบด้วยความสงสัย

“มีอะไรรึศิษย์พี่เสี่ยว?”

เสี่ยวเฉินมองรอบ ๆ ให้มั่นใจว่าไม่มีใครมองอยู่ เขาเรียกขวดหยกทั้งสามออกมาให้องค์ชายจ้าวดม

“เจ้าเอามันไปขายให้ข้าที”

องค์ชายจ้าวแทบจะสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ เขาเบิกตากว้าง

“ศิษย์พี่ทำโอสถต้องห้าม!”

เสี่ยวเฉินรีบทำมือให้เขาเงียบ

“ต้องห้ามกับผีน่ะสิ! มันคือโอสถชำระปราณ โอสถพลังและโอสถเสริมพลัง!”

องค์ชายจ้าวส่ายหน้า

“ไม่ ไม่ ไม่ ไม่! ข้าเป็นองค์ชายนะ! พี่อยากให้ข้าไปเร่ขายโอสถรึ? ท่านพ่อฆ่าข้าตายแน่ถ้ากลับไปแคว้นจ้าว!”

เสี่ยวเฉินหน้าหมอง

“ถ้าอย่างนั้น เจ้าจะให้นายน้อยตระกูลร่ำรวยอย่างข้าไปขายรึ?”

องค์ชายจ้าวกลืนน้ำลายเสียงดัง

“เจ้าจะไปหรือไม่?”

“ก็ได้! ข้าจะไป!”

องค์ชายจ้าวพูดเสียงดัง เขาโยนสองขวดให้อีกสองคน

“เจ้าสองคน! มากับข้า!”

องค์ชายจ้าวเจอหม้อเก่าใบหนึ่ง เขาเคาะมันด้วยกิ่งไม้ เขาไปหากลุ่มศิษย์ที่พูดคุยกันอยู่พร้อมกับตะโกน

“ทุกคน ทุกคน! มาดูนี่เร็ว อย่าพลาดของวันนี้นะ!”

“หุบปาก! เงียบ ๆ หน่อย!”

จากนั้นเขาจึงไปหาคนอีกกลุ่มหนึ่ง

“เฮ้! มาดูนี่เร็ว…”

“ไสหัวไป!”

“อะแฮ่ม เอาล่ะ…”

องค์ชายจ้าวเดินต่อไปรอบ ๆ ก่อนจะไปยังที่โล่งของหุบเขา เขาหยิบเอาโอสถชำระปราณออกมาและพูดเสียงดัง

“ทุกคน! โอสถชำระปราณต้มใหม่ ๆ จากห้องโอสถยอดเขามังกรดำ! เรามีทุกอย่างที่พวกเจ้าต้องการ มีทั้งโอสถชำระปราณ โอสถพลัง และยังมีโอสถเสริมพลังด้วย! ราคาเป็นกันเองเลยนะ!”

เขาตะโกนอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง แต่มีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่เงยหน้ามองเขาก่อนจะส่ายหน้าและทำสมาธิบ่มเพาะพลังต่อไป

จนกระทั่งใกล้เที่ยง เมื่อองค์ชายทั้งสามกลับมาหาเสี่ยวเฉิน พวกเขาคอแหบแห้งจากการตะโกนมาโดยตลอดแต่ก็ขายอะไรไม่ได้เลย

“น่าขายหน้านัก! ไม่มีใครมาซื้ออะไรเลย!”

องค์ชายจ้าวบ่นและโยนหม้อทิ้งบนพื้น

เสี่ยวเฉินขมวดคิ้ว สามโอสถที่เขาหลอมขึ้นมานั้นควรจะขายดี โดยเฉพาะโอสถชำระปราณ ทำไมถึงไม่มีใครสนใจกัน?

ในตอนนั้นเอง ชายหนุ่มคนหนึ่งเดินมาหาเขาและถามเสียงเบา

“เจ้าขายโอสถชำระปราณรึ?”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด