ตอนที่แล้วนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 101
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปนักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 103

นักฆ่าเกิดใหม่กลายเป็นจอมดาบอัจฉริยะ 102


ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

บทที่ 102

เปลวไฟแห่งความเบิกบานลุกโชนในดวงตาของราอน

'มันคือดาบสัญชาตญาณ’

ดาบสัญชาตญาณคือวิชาดาบประเภทหนึ่งที่สามารถเพิ่มระดับได้ผ่านการต่อสู้จริง ไม่ใช่การจะฝึกฝนเทคนิคซ้ำแล้วซ้ำอีก

นอกจากนี้ยังเป็นเทคนิคที่เด็กฝึกจากสนามฝึกที่หกเกือบจะใช้เอาชนะเบอร์เรนได้

เนื่องจากมันสามารถใช้ในการต่อสู้จริงได้ทันทีและสามารถเพิ่มระดับขึ้นได้อย่างรวดเร็ว ดาบสัญชาตญาณระดับดีๆ จึงหาไม่ได้ด้วยเงินเพียงอย่างเดียว

'และมันก็เป็นดาบสัญชาตญาณระดับสูง'

เขาเคยเรียนรู้ดาบสัญชาตญาณในชีวิตก่อนหน้านี้ เขี้ยวแห่งความวิกลจริตเป็นวิชาดาบขั้นสูง มันยอดเยี่ยมพอที่จะเรียกได้ว่าเป็นระดับสูงในหมู่ดาบสัญชาตญาณด้วยกัน

'แต่มันรุนแรงมาก’

มันเป็นเทคนิคล้ำค่า แต่ก็มีความรุนแรงอย่างมาก

เขี้ยวแห่งความวิกลจริต เช่นเดียวกับชื่อของมัน มันจะโหยหาการแทงเข้าไปที่คอของศัตรู

'ฉันต้องระวังให้ดี’

หากเขาทำพลาด ดาบก็สามารถแทงคอของเขาเองแทนคอของศัตรูได้ ดูเหมือนว่าเขาจะต้องระมัดระวังระหว่างการเรียนรู้มัน

ราอนเปิดหนังสือและเริ่มอ่านอีกครั้ง เขาตรวจสอบทุกอย่างอย่างรอบคอบอีกครั้งเผื่อในกรณีที่เขาพลาดอะไรบางอย่างไป

'แปลกแฮะ’

เขารู้สึกซาบซ่าแปลกๆ ในหัวทุกครั้งที่อ่านหนังสือ เขารู้สึกเหมือนกับว่าเขี้ยวแห่งความวิกลจริตมีอย่างอื่นที่ไม่ใช่วิชาดาบผสมอยู่ด้วย

'มันคืออะไรกัน’

เขาตรวจดูภาพวาดและคำศัพท์ในหนังสือโดยละเอียด แต่เขาไม่รู้ว่าเขาพลาดอะไรไป

"แต่มันก็เป็นสิ่งที่คุ้มค่าดี”

เขาจะต้องแกว่งดาบให้บ่อยเท่าที่จะทำได้ก่อนไปถึงปราสาทฮาบุน เขาอาจจะสามารถบรรลุเขี้ยวแห่งความวิกลจริตได้ตอนที่ไปถึงที่นั่น

'ลองทำดีกว่า'

ราอนวางหนังสือลงแล้วลุกขึ้นยืน เขาควงดาบและพยายามฝึกท่าพื้นฐานของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตทีละท่า

พื้นฐานคือส่วนที่สำคัญที่สุดในวิชาดาบทุกแขนง เขาจะใช้มันได้ก็ต่อเมื่อเขามีท่าทางพื้นฐานที่สมบูรณ์แบบแล้วเท่านั้น และท่าพื้นฐานนั้นก็ยิ่งสำคัญสำหรับดาบสัญชาตญาณ

ราอนฝึกฝนจนกระทั่งเขาปรับท่าทางได้สมบูรณ์ จากนั้นจึงชักดาบออกมา

เมื่อเขาตั้งท่าได้แล้วก็ถึงเวลาสำหรับการต่อสู้ที่แท้จริง ท้ายที่สุดแล้ว การฝึกฝนดาบสัญชาตญาณด้วยตัวเองก็ไม่มีประโยชน์อะไรเลย

'ต้องเป็นการต่อสู้จริงๆ สินะ?’

ราอนยิ้และแตะที่ดาบที่ห้อยอยู่ข้างเอวของเขา

“คงจะดีไม่น้อยถ้าได้ต่อสู้กับพวกเขาหลังจากเวลาผ่านไปนานขนาดนี้”

***

วันรุ่งขึ้น ราอนไปที่สนามฝึกที่ห้าหลังจากเสร็จสิ้นการฝึกฝนในยามรุ่งสาง สนามฝึกว่างเปล่า

หลังจากอบอุ่นร่างกายเบาๆ เขาก็กำลังฝึกท่าทางและหลักการของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตที่เขาได้เรียนรู้เมื่อวานนี้ ในเวลานั้นเองที่ประตูสนามฝึกเปิดออกและเบอร์เรนก็เข้ามา

“นึกว่าฉันจะเป็นคนแรกซะอีก…”

เบอร์เรนขมวดคิ้วและเริ่มวอร์มร่างกาย เนื่องจากมันเป็นเวลาสำหรับการฝึกแบบอิสระ จึงมีคนเข้ามาอีกน้อยมาก

หลังจากปรับท่าทางของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตแล้ว ราอนก็มองไปที่เบอร์เรน ดูเหมือนเขาคงกำลังเรียนรู้เทคนิควิชาดาบอันใหม่ที่เขาไม่รู้จักเช่นกัน

หลังจากดูเขาพักหนึ่ง ราอนก็กลับมาฝึกเขี้ยวแห่งความวิกลจริตต่อ หลังจากผ่านไปประมาณสองชั่วโมง ประตูสนามฝึกก็เปิดออก ริมเมอร์ก็เดินเข้ามาโดยเอามือไพล่หลัง

"ยังเหมือนเดิมกันเลยนะ”

เขาเดินเข้ามาแบบกร่างๆ และหาวไปด้วยเหมือนกับคนว่างงานจอมขี้เกียจ อย่างไรก็ตาม รอบดวงตาข้างซ้ายของเขาเป็นสีเข้มเล็กน้อยเหมือนรอยช้ำ

เขาถูกซ้อมในบ่อนพนันหรือเปล่านะ?

“ฉันจะไปนอนแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็…”

ขณะที่เขาเดินไปที่ห้องพัก ราอนก็ขวางทางไว้

“ช่วยดูผมต่อสู้หน่อยได้ไหมครับ”

"ต่อสู้เหรอ? กับใคร?”

ริมเมอร์มองหาคู่ต่อสู้ แต่ไม่มีใครยกมือขึ้น

“ผมจะสู้กับเบอร์เรน”

“ฮะ? ฉันเหรอ?”

ดวงตาของเบอร์เรนเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจ

"ทำไมอยู่ๆ ถึง...?”

"ไม่เหรอ?”

"ด-ได้สิ! ฉันจะสู้!"

เบอร์เรนรีบพยักหน้า

"ผมจะสู้ครับ! ... ให้ผมสู้เถอะนะครับ!”

'ฉันจะพลาดโอกาสนี้ไม่ได้'

เบอร์เรนไม่ได้ต่อสู้กับราอนเลยตั้งแต่เขาแพ้ระหว่างการสอบของเด็กฝึกหัดชั่วคราว เขารู้ว่าราอนแข็งแกร่ง แต่เขาก็ยังอยากลองต่อสู้กับเขา

"อืม... น่ารำคาญจัง”

ริมเมอร์ขมวดคิ้วและเกาแก้ม

“อาจารย์!”

"โอ้ว โอเค เตรียมตัวให้พร้อม”

"ครับ!”

เบอร์เรนพยักหน้าและวิ่งไปที่ตรงกลางลานฝึก

"ไม่ไปเตรียมตัวเหรอ?”

“อาจารย์ครับ ถ้ามันดูเหมือนว่าผมจะทำให้เบอร์เรนบาดเจ็บ ช่วยหยุดผมหน่อยนะครับ”

"หยุดเหรอ?”

"ครับ"

นั่นคือเหตุผลที่เขารอให้ริมเมอร์มาถึง

ดาบสัญชาตญาณนั้นควบคุมได้ยาก เขาสามารถสร้างบาดแผลสาหัสให้เบอร์เรนได้อย่างง่ายดายด้วยความผิดพลาดเพียงครั้งเดียว

"เฮ้อ น่ารำคาญจริงๆ..."

"นะครับ”

ราอนโค้งคำนับแล้วไปที่สนามประลองชั่วคราว ยังไงริมเมอร์ก็จะหยุดเขาอย่างแน่นอน

ราอนกวัดแกว่งดาบฝึกทื่อๆ และเผชิญหน้ากับเบอร์เรน เด็กฝึกหัดทุกคนที่อยู่ที่นี่ก็มายืนมองพวกเขา

“โอ๊ยย...มาเริ่ม...เฮ้อ...กันเถอะ”

ริมเมอร์แสดงท่าทีไม่เต็มใจอย่างเห็นได้ชัด

“ใช้ดาบเพื่อพัฒนาตนเองเท่านั้นและห้ามทำการใดที่ทำให้คู่ต่อสู้ถึงแก่ความตาย”

"ครับ!”

"ครับ"

“มีอะไรอยากจะบอกอีกฝ่ายบ้างไหม?”

เขากระดิกนิ้วส่งสัญญาณให้พวกเขารีบพูด

"ฉันจะใช้เทคนิคใหม่ นายควรจะระวังไว้เพราะมันอาจจะอันตราย”

“ฉันจะใช้สิ่งที่ฉันคุ้นเคยอยู่แล้ว มันจะแตกต่างจากครั้งก่อนแน่นอน”

ราอนบอกว่าเขาจะใช้เทคนิคใหม่ ส่วนเบอร์เรนบอกว่าเขาจะใช้เทคนิคเก่า

"เสร็จรึยัง? งั้น... เริ่มได้!”

ริมเมอร์ลดมือลง เบอร์เรนและราออนก็เตะออกจากพื้นทันที

* * *

* * *

เบอร์เรนกัดฟัน

'นี่เป็นโอกาสของฉัน’

เขาฝันที่จะได้สู้กับราอนมาโดยตลอดนับตั้งแต่พ่ายแพ้ให้กับเขา

การเติบโตของราอนอาจเรียกได้ว่ายอดเยี่ยม แต่เขาเองก็ฝึกซ้อมหนักอย่างไม่สิ้นสุดเช่นกัน เขาจะไม่แพ้แบบง่ายๆ อีกแล้ว

"ฮ่า!”

แทนที่จะใช้วิชาดาบแบบใหม่ เบอร์เรนใช้วิชาดาบคิรินที่เขาได้เรียนรู้จากการฝึกฝนของสายตรง

ฟรึ่บ!

ความเร็วของดาบเพิ่มขึ้นด้วยความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะของเขา ดาบไปถึงหน้าผากของราอนในเวลาอันรวดเร็ว

'หือ?'

ดวงตาของเบอร์เรนเบิกกว้าง ก่อนที่ดาบของเขาจะโดนตัวราอน ดาบก็มีประกายออกมาราวกับสายฟ้า

แคร้ง!

การปะทะกันอย่างรุนแรงทำให้วิถีของดาบทั้งสองโค้งงอในพร้อมๆ กัน

“อึก…”

เบอร์เรนรีบถอยออกไปและกัดริมฝีปากของเขา

'เขาโจมตีล่วงหน้าเหรอ?'

ราอนโจมตีเขาก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวซะอีก เขาไม่คิดว่าจะเป็นแบบนี้

"ได้! งั้นเข้ามาเลย!"

เมื่อเบอร์เรนเปลี่ยนท่าหลังจากถูกผลักกลับ ราอนก็เตะพื้นและพุ่งเข้ามาหาเขา

เขาใช้เทคนิคที่สองของ 'วิชาดาบคิริน' กับราอน ดาบเหวี่ยงลงมาในแนวทแยง

แคร้ง!

มือของเขาสั่นเพราะพลังโจมตีอันมหาศาลของราอน ไม่ใช่พลังของดาบของราอนที่ทำให้เบอร์เรนสับสน

แต่เป็นจิตวิญญาณที่รุนแรงของราออน ความดุร้ายไม่เหมือนกับเป็นราอนทำให้เขาขนลุก

แคร้ง! แคร้ง!

เบอร์เรนกัดฟันและป้องกันการโจมตีต่อเนื่องของราอน

'ฉันไม่ได้ฝึกหนักมาเพื่อพ่ายแพ้แบบนี้!'

เขาดึงออร่าทั้งหมดที่เหลืออยู่ออกมา เขาเชื่อมโยงการหมุนโดยเริ่มจากร่างกายส่วนล่างไปจนถึงดาบ เพื่อเหวี่ยงมันตรงไปที่เขา

ดาบคิริน, ดาบเฉือน

การโจมตีแบบหมุนมุ่งเป้าไปที่ราอน

“อึก…”

แต่ราอนไม่ได้ถอยหนี เขาพุ่งเข้าหาดาบเฉือนด้วยจิตวิญญาณที่ดุร้ายกว่าเดิม

เคร้ง! เคร้ง!

เขาเหวี่ยงดาบของเขาซ้ำอีกและแยกดาบเฉือนออกจากกัน เขาดูเหมือนสัตว์ดุร้าย

แต่ดาบของราอนยังคงหิวโหยหลังจากกินดาบเฉือนเข้าไปจนหมด มันพุ่งเข้าหาเบอร์เรนเพื่อเขมือบอาหารชิ้นต่อไป

“เห้ย!”

เบอร์เรนกัดฟัน เขาย่อตัวลงและแทงดาบด้วยความคมจากลม

พรึ่บ!

แม้ว่ามันจะเป็นการโจมตีที่ดีที่สุดที่เขาสามารถทำได้ในปัจจุบัน แต่ดาบของราอนกลับดุร้ายยิ่งขึ้นและฟาดฟันเขา

ครืน!

จิตวิญญาณอันสุดขั้วของดาบของราอน ทำลายการโจมตีครั้งสุดท้ายของเบอร์เรนได้อย่างง่ายดาย

'ด-ดาบนั่นคืออะไร?’

เบอร์เรนอ้าปากค้าง ดาบของราอนดูเหมือนงูพิษที่มองหาจุดอ่อนในวิชาดาบของเขา มันรวดเร็ว มุ่งมั่น และทรงพลัง ทำให้เขาไม่สามารถหลบหนีได้

“อ๊ะ!”

เบอร์เรนรีบพยายามแกว่งดาบของเขา แต่ดาบของราอนกลับเร็วกว่า

แสงสะท้อนจากดาบฉายในดวงตาของเขา ดาบของราอนอยู่แค่ปลายจมูก

'มันยังไม่จบหรอก!'

เบอร์เรนคนก่อนคงจะยอมแพ้ไปแล้ว แต่ตอนนี้เขาไม่ใช่คนเดิม เขาหมุนตัวเพื่อที่จะกลับไปตั้งหลัก แต่ดาบของราอนก็ตามเขามาทันทีเหมือนกับสัตว์ที่มีชีวิต

แคร้ง!

ดาบของราอนเจาะทะลุเทคนิคของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวและพุ่งหาคอของเขา ดูเหมือนว่าราอนไม่มีความตั้งใจที่จะหยุด เนื่องจากความเร็วของดาบไม่ได้ลดลงเลย

'น-นี่มันบ้าไปแล้ว! นี่มันการฝึกซ้อมเฉยๆ นะ!’

ขณะที่เบอร์เรนเริ่มกรีดร้องอยู่ข้างใน ลมสีฟ้าก็ปรากฏขึ้น

เคร้ง!

นอกจากเสียงโลหะแล้ว ราอนก็กระเด็นออกไปไกล

"โอ๊ยยย..."

ริมเมอร์ยืนอยู่ตรงหน้าเบอร์เรนด้วยสีหน้ารำคาญใจ

"เฮ้อ..ขอบคุณนะครับ”

ราอนยกร่างที่โซเซของเขาขึ้นมาและโค้งคำนับให้ฃริมเมอร์

"อ-ไอ้เวร!" แกพยายามจะฆ่าฉันรึไง?”

เบอร์เรนชี้นิ้วที่สั่นเทาไปที่ราอน

“ฉันบอกให้นายระวังแล้ว”

“นั่นมันคำพูดทักทาย!”

“แต่ฉันพูดจริงนะ”

ราอนปัดฝุ่นเสื้อผ้าออกและตอบอย่างไม่ใส่ใจ

"ไอ้บ้าเอ้ย..."

เบอร์เรนถึงกับสติหลุดและใช้คำพูดหยาบคายที่เขาเกลียดมาก

“โอเค แค่นี้ใช่มั้ย?”

ริมเมอร์เก็บดาบเข้าฝักแล้วหาว

“งั้นฉันจะไปนอนแล้ว...”

"อย่าพึ่งครับ"

ราอนขวางริมเมอร์ไว้และส่ายหน้า

“หือ? แต่เธอไม่มีคู่ต่อสู้แล้วนะ ฉันไม่คิดว่าเบอร์เรนจะสู้ต่อหรอก”

"มีอีกตั้งหลายคนนี่ครับ”

เขาหันไปชี้เด็กฝึกหัดที่กำลังยืนดูพวกเขาอยู่

"พ-พวกเราเหรอ?”

"ทำไมถึงเป็นพวกเราล่ะ?”

เด็กฝึกหัดที่ถูกชี้อย่างกะทันหันเริ่มก้าวถอยหลัง

“ฉันเป็นตัวแทนเด็กฝึกหัดแท้ๆ แต่ไม่ค่อยได้ใส่ใจพวกนายเท่าไหร่เลย ฉันควรจะตรวจสอบความสามารถของพวกนายก่อนออกเดินทางสิ”

"แต่ฉัน..."

“เอ่อ… อ่า?”

"ด-เดี๋ยวสิ! หอพักของฉันถูกไฟไหม้...."

“ฉันขอปฏิเสธการปฏิเสธของพวกนาย งั้นฉันขอเริ่มที่เครนละกัน”

ราอนลากเครนเข้าสู่สนามประลองเนื่องจากเขาเป็นเป้าหมายที่ง่ายที่สุด

“ด-เดี๋ยวนะ เอาจริงเหรอเนี่ย?”

ริมฝีปากของเครนสั่นเทา ราอนคงบ้าไปแล้วที่จะให้เขาต่อสู้หลังจากโชว์วิชาดาบอันดุเดือดไปเมื่อครู่

"ค-ใครก็ได้! ท่านเบอร์เรนคร้าบบ!”

“หึ…”

เครนขอความช่วยเหลือ แต่เบอร์เรนหันหน้าหนีโดยแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน

“อาจารย์ครับ...?”

“อืม...ทักษะของเธอจะดีขึ้นอย่างแน่นอนหลังจากต่อสู้นี้”

ริมเมอร์เร่งให้เครนรีบต่อสู้เพราะยังไงเขาก็หนีไม่พ้นอยู่แล้ว

“ไม่ต้องกังวลหรอก อาจารย์จะหยุดฉันถ้ามันอันตรายเกินไป”

ราอนยิ้มและชักดาบของเขาออกมา

"เอาล่ะนะ!”

"อ๊ากกกกกก!”

เสียงกรีดร้องของเด็กฝึกหัดดังก้องทั่วทั้งสนามฝึกที่ห้าตลอดทั้งวัน

***

“เฮอะ”

ราอนนั่งอยู่ที่สนามฝึกซ้อม สนามฝึกอันกว้างใหญ่นั้นว่างเปล่า เหลือเพียงเขานั่งอยู่ตรงนั้นเพียงลำพัง

“ไม่มีใครให้สู้ด้วยแล้ว”

เขาต่อสู้กับเด็กฝึกหัดทุกวันตลอดสองสัปดาห์ที่ผ่านมา

เขาคิดว่ามันจะได้ประโยชน์สองอย่างในคราวเดียว: คือช่วยให้เด็กฝึกหัดคนอื่นๆ พัฒนาและได้ฝึกฝนเขี้ยวแห่งความวิกลจริตไปพร้อมกัน เห็นได้ชัดว่าเขาเป็นคนเดียวที่คิดแบบนั้น

ไม่มีใครอยากสู้กับเขาอีกต่อไป

เบอร์เรนไม่ยอมมาที่สนามฝึกอีกหลังจากต่อสู้แพ้ไปเจ็ดครั้งติด ส่วนมาร์ธาก็ตะโกนว่า "ไปตายซะ!" ใส่หน้าเขาแล้วก็หายตัวไปหลังจากพ่ายแพ้สิบครั้ง

รูนันกำลังแอบมองเขาผ่านรอยแยกของประตูสนามฝึก

"ไม่สู้อีกเหรอ?”

ดูเหมือนว่าเธอจะแปลกใจมาก

"ก็คงไม่"

ราอนส่ายหัว รูนันก็เข้ามาในสนามฝึก เธอวิ่งเหยาะๆ มาหาเขาและนั่งลงข้างเขา

“เฮ้อ…”

ราอนส่ายหัว

'ให้สู้กับเด็กฝึกหัดอีกก็คงไม่ได้แล้ว’

ความกลัวของพวกเขาก็เป็นปัญหา แต่ความต่างชั้นของความสามารถก็กว้างมากเกินไป

'แต่อย่างน้อยก็ได้รู้อะไรมาบ้าง'

เขาเจอลักษณะเฉพาะของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตแล้ว

'หมาป่าดุร้าย'

เขี้ยวแห่งความวิกลจริต เป็นวิชาดาบที่น่าสะพรึงกลัวซึ่งเชี่ยวชาญในการเจาะเข้าไปในการไหลที่ไม่เป็นระเบียบของคู่ต่อสู้หรือชิ้นส่วนที่มีข้อบกพร่องเพื่อแยกพวกมันออกจากกัน

เด็กฝึกหัดจึงกลัวว่าเขี้ยวแห่งความวิกลจริตจะค้นพบจุดอ่อนของพวกเขา มากกว่ากลัวความดุร้ายของมัน

แม้ว่าเบอร์เรนและมาร์ธาจะพยายามท้าทายเขาอีกหลายครั้งหลังจากทำใจได้ สุดท้ายพวกเขาก็วิ่งหนีไปอีก

'แต่...'

ราอนเหลือบมองรูนันที่นั่งข้างๆ เขา เธอไม่เคยขอให้เขาสู้ด้วยอีกเลยหลังจากการสู้กันในวันแรก ไม่เหมือนกับเบอร์เรนหรือมาร์ธา

ดูเหมือนว่าเธอจะเกลียดการต่อสู้กับเขา

"รูนัน”

“อื้อ?”

"สู้กะ..."

รูนันรุดถอยหลังไปก่อนที่เขาจะพูดจบ น่ามหัศจรรย์ที่เธอสามารถหนีเขาไปพร้อมกับเก้าอี้ได้

"ไม่เอา ฉันไม่สู้"

รูนันกลับมาอยู่ข้างๆ เขาเพื่อยืนยัน

'อาจจะเป็นเพราะไซเรีย'

ไซเรีย ซัลเลียน คงเป็นเพราะไอ้สารเลวนั่นที่ทำให้รูนันไม่อยากต่อสู้กับคนใกล้ตัว แม้ว่ามันจะเป็นแค่การฝึกซ้อมก็ตาม

ราชาแห่งแก่นแท้สามารถต่อสู้กับเจ้าได้ตลอดทั้งคืน แต่เจ้าคงจะถูกนิ้วก้อยของราชาแก่นแท้บี้แบนจนตายเสียก่อน

'แกเนี่ยนะจะสู้กับฉัน?’

ใช่ ส่งร่างกายของเจ้ามาสิ ราชาแห่งแก่นแท้จะสร้างโลกแห่งจิตวิญญาณและ...

'ขอปฏิเสธ’

อ-ไอ้เด็กนี่! ราชาแห่งแก่นแท้กำลังพูดเรื่องสำคัญ...

ราอนโบกมือเหมือนพัดเพื่อปัดราธให้ปลิวไป มันยังคงสบถในขณะที่ล่องลอยไปตามสายลม แต่ราอนกลับเมินเฉยเพราะเดี๋ยวมันก็กลับมาอยู่ดี

“เฮ้อ…”

ราอนถอนหายใจ

'แล้วฉันควรฝึกยังไงต่อดี?'

ขณะที่เขากำลังขบคิดว่าเขาจะเพิ่มความสามารถของเขี้ยวแห่งความวิกลจริตได้อย่างไร ประตูเก่าๆ ในสนามฝึกก็เปิดออก

“เฮ้ ฉันได้ยินเสียงเธอถอนหายใจมาถึงนี่เลยนะ!”

นั่นคือริมเมอร์ เขาเดินมาพร้อมกับเกาหัวแล้วหยุดอยู่ตรงหน้าราอน

"เธอคงไม่มีคู่ฝึกซ้อมแล้วใช่ไหมล่ะ?"

"ใช่ครับ พวกเขาวิ่งหนีผมหมดเลย”

"อืม ถ้าอย่างนั้น..."

เขายิ้มและชี้ไปที่ตัวเอง

"สู้กับฉันเป็นไง?”

ติดตามเป็นกำลังใจให้ผู้แปลได้ที่แฟนเพจ:BamแปลNiyay

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด