เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 19 ร่างที่แท้จริงของอสูรนก
เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 19 ร่างที่แท้จริงของอสูรนก
เถาเหยาเย่ถามว่า "ในเมื่ออสูรนกตามหาจางก้วนเจี๋ย เจ้าลองปล่อยให้สัตว์อสูรนกพบกับจางก้วนเจี๋ยแล้วหรือยัง?"
จ้าวเมืองถอนหายใจ “อสูรนกเพิ่งพบกับจางก้วนเจี๋ยเมื่อไม่กี่วันก่อน เมื่ออสูรนกบินไปยังบ้านของจางก้วนเจี๋ย นกก็ตะโกนใส่จางก้วนเจี๋ยว่า 'อสูรชั่วร้าย!' จากนั้นมันก็ออกไปนอกหน้าต่างไปยังบ้านหลังอื่น”
“เมื่อเราไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไร ท่านหัวหน้าเซียนทั้งสองก็มาถึง”
เถาเหยาเย่ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดาว่า "จางก้วนเจี๋ยเป็นอสูรชั่วร้ายหรือไม่? อสูรนกกำลังเตือนให้เจ้าระวังจางก้วนเจี๋ยหรือไม่?"
มนุษย์ที่มีจิตใจดีหลายคนนั้นกลับมีร่างที่แท้จริงเป็นอสูร หรือไม่ก็จะเปิดเผยร่างกายที่แท้จริงเพื่อเตือนผู้คนถึงหายนะที่กำลังจะเกิดขึ้น
เช่นราชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่จู้เหยียน ตามตำนานพื้นบ้านเล่าว่า สถานที่ที่จู้เหยียนย่างกรายผ่านหมายถึงความโกลาหลที่จะต้องเกิดขึ้น ดังนั้นจู้เหยียนจึงถือเป็นอสูรชั่วร้าย
ทว่านิกายเซียนรู้ดีว่าไม่ใช่เพราะจู้เหยียนที่ทำให้เกิดความโกลาหล แต่เพราะจู้เหยียนที่รู้ล่วงหน้าว่าความโกลาหลกำลังจะมาถึง เขาข้ามมาจากดินแดนอสูรจนมาถึงทวีปจงหยางเพื่อตักเตือนเผ่าพันธุ์มนุษย์ เขาล้วนแต่มีเจตนาดีทั้งสิ้น
แน่นอนว่าจู้เหยียนก็มีความรับผิดชอบต่อความเข้าใจผิดในหมู่ผู้คนเช่นกัน จากนั้นเขาก็หวาดกลัวสังคมและไม่กล้าออกมาทำอะไรอีก
อสูรที่เงียบขรึมและมีใบหน้าดุร้ายทำให้ผู้คนยากจะเชื่อว่าเขาเป็นอสูรที่ดี
บางทีอสูรนกตัวนี้อาจจะเช่นนั้น มันบินมาเพื่อเตือนชาวเมืองไท่ผิงว่าจางก้วนเจี๋เป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่ปลอมตัวมา
เมื่อพูดถึงสิ่งนี้ จ้าวเมืองก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย เขาไม่ต้องการหักล้างเซียนสาวจากนิกายเซียน แต่เขาไม่สามารถเพิกเฉยต่อข้อเท็จจริงและยืนยันว่าจางก้วนเจี๋ยเป็นอสูรได้
“จางก้วนเจี๋ยเติบโตที่เมืองไท่ผิงตั้งแต่เขายังเด็ก คนเฒ่าคนแก่ยืนยันได้ว่าเขายังมีน้องชายอีก 2 คน คือ จางก้วนยวี่ และจางก้วนปิ่ง พี่น้องทั้งสามมีความสัมพันธ์ลึกซึ้ง ตอนนี้เขาเปิดสถานบันในนามเอกชนเพื่อสั่งสอนเด็กน้อย สั่งสอนเกี่ยวกับเรื่องลัทธิขงจื๊อ และการบำเพ็ญเซียน เขาเป็นหนึ่งในอาจารย์ไม่กี่คนในเมืองไท่ผิง”
"หากเราบอกว่าเขาเป็นอสูรชั่วร้าย ข้าเกรงว่า..."
เถาเหยาเย่ไม่เห็นด้วยกับมุมมองของจ้าวเมือง "เผ่าพันธุ์อสูรมีอายุยืนยาว และอาจเกิดการเบื่อหน่าย หลังจากได้สัมผัสทิวทัศน์ของโลกมนุษย์ พวกเขาจึงได้ปล่อยให้ตัวเองแก่ช้า ๆ เฉกเช่นคนธรรมดา จากนั้นพวกเขาก็อาจแกล้งตายแล้วหลบหนีไป ลุกออกจากหลุมศพแล้วเริ่มต้นใหม่”
จ้าวเมืองอ้าปากพะงาบอยู่นาน เขาไม่มีประสบการณ์มากเท่าเถาเหยาเย่ และไม่รู้ว่าจะพูดอะไร
ลู่หยางส่ายหัวเล็กน้อยและชี้ให้เห็นข้อบกพร่องในการคาดเดาของเถาเหยาเย่ "หากจางก้วนเจี๋ยเป็นอสูร เขาต้องเป็นอสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่ปลอมตัวมา อสูรผู้ยิ่งใหญ่ที่ปลอมตัวมาจะทนต่อเรื่องไร้สาระของอสูรนกตัวน้อยได้อย่างไร ข้าเกรงว่าอสูรนกนั้นคงพูดเรื่องไร้สาระอยู่ ไม่เช่นนั้นอสูรนกคงถูกถูกจางก้วนเจี๋ยฆ่านานแล้ว”
เถาเหยาไม่ได้ปฏิเสธ สิ่งที่ลู่หยางพูดนั้นเป็นความจริงอย่างแน่นอน
ลู่หยางยืนขึ้น "ว่าแล้วข้าก็อยากเจอจางก้วนเจี๋ยผู้นี้เช่นกัน"
จ้าวเมืองรีบนำทาง “ท่านหัวหน้าเซียนทั้งสองโปรดตามข้ามาทางนี้ขอรับ”
ระหว่างทาง ลู่หยางได้แก้ไขสิ่งที่จ้าวเมืองเข้าใจผิด "ในฐานะผู้บำเพ็ญเซียน เป้าหมายของเราคือการเป็นอมตะ ไม่ต้องพูดถึงว่าเราสองคนอยู่ในระดับก่อตั้งรากฐานเท่านั้น แม้แต่ผู้ที่อยู่ในระดับผสานกายาหรือระดับทัณฑ์สวรรค์ที่ใกล้เคียงกับการเป็นเซียนก็ยังห่างไกลจากการถูกเรียกว่าหัวหน้าเซียน”
"จ้าวเมืองสามารถเรียกเราว่านักพรตเต๋าแทนได้"
จ้าวเมืองเอ่ยขอโทษ แต่เขาไม่กล้าที่จะปฏิบัติต่อลู่หยางและเถาเหยาเย่แย่ลง ผู้บำเพ็ญเซียนระดับก่อตั้งรากฐานมากกว่าหนึ่งในสิบส่วนสามารถบรรลุระดับแก่นทองคำได้ แม้แต่ศิษย์ธรรมดาของนิกายเหวินเต๋าก็ยังบรรลุระดับแก่นทองคำ เขานึกไม่ออกว่าความสำเร็จของพวกเขาจะสูงแค่ไหนในอนาคต
"ไม่มีใครกลายเป็นเซียนได้จริงหรือ? บางเรื่องอาจเป็นเพียงลมปากกระมัง"
ลู่หยางเพียงยิ้มเมื่อเขาได้ยินสิ่งนี้และไม่ได้พูดอะไรอีก
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสามคนก็มาถึงบ้านของจางก้วนเจี๋ย
“เฒ่าจาง มีคนมา โปรดเปิดประตู”
ไม่นานประตูไม้ก็เปิดออก จางก้วนเจี๋ยก็ยืนอยู่ด้านหลังประตูด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
"ให้ข้าแนะนำก่อน สองคนนี้เป็นศิษย์นิกายเหวินเต๋า พวกเขามาที่นี่เพื่อช่วยเรากำจัดอสูรนก"
หลังจากได้คำว่า "นิกายเหวินเต๋า" ท่าทางจางก้วนเจี๋ยก็เปลี่ยนไป และเขาก็พูดอย่างช่วยไม่ได้ "ข้าไม่ใช่อสูรชั่วร้าย ท่านไม่สามารถเชื่อสิ่งที่อสูรนกนั่นเรียกข้าได้ อสูรนกถึงกับตะโกนว่า "ลุงมาเล่นกันเถอะ" เหตุใดท่านไม่ปล่อยให้ลุงไปเล่นกับอสูรนกนั่น
จ้าวเมืองพูดอย่างเชื่องช้าว่า "พวกเราเพียงแค่เดินเล่นเท่านั้น บังเอิญผ่านบ้านเจ้าพอดี"
จ้าวเมืองนั้นมีคุณธรรมและทุกคนต่างก็บอกว่าเขาเป็นข้าราชการที่ดี เมื่อเขาพูดเช่นนี้ จางก้วนเจี๋ยก็ทำได้เพียงเปิดประตูต้อนรับแขกและให้ทั้งสามคนเข้าไป
บ้านของจางก้วนเจี๋ยเป็นบ้านที่มีทางเข้า 2 ทาง และทางออก 2 ทาง เขาอาศัยอยู่และดูโล่งอย่างมาก
จางก้วนเจี๋ยอายุเกิน 40 ปีแล้วและยังไม่ได้แต่งงาน
บทสนทนาไม่สามารถหลีกเลี่ยงจากอสูรนกได้ จางก้วนเจี๋ยพูดด้วยความโกรธ "ข้าไม่เคยเห็นอสูรนกตัวนั้นมาก่อน ข้าไม่รู้ว่าทำไมมันถึงเรียกชื่อข้า"
"ในชีวิตข้าไม่เคยออกจากเมืองไท่ผิง ข้าเคยไปไกลที่สุดคือมณฑลฉู่เหอ ข้าจะไปรู้จักอสูรนกได้อย่างไรกัน?"
“ทุก ๆ วัน เหล่านักเรียนจะถามข้าว่าท่านเป็นอสูรชั่วร้ายหรือไม่? ถามทุกวันราวกับว่าส่งการบ้านตรงเวลาตลอดก็ว่าได้”
“แม้แต่เพื่อนบ้านของข้าก็มาหาข้าและบอกว่าเขานั้นมีศัตรูระดับก่อตั้งรากฐานอยู่ในมณฑลฉู่เหอ และขอให้ข้าสังหารศัตรู พร้อมบอกว่าราคาต่อรองได้!” จางก้วนเจี๋ยกัดฟันขณะที่เขาพูด เขาต้องการสู้กับอสูรนกสามร้อยยกเพื่อกอบกู้ชื่อเสียงกลับมา
ในฐานะคนธรรมดา เขาสามารถเปลี่ยนกลายเป็นอสูรได้ด้วยเพียงลมปากของผู้อื่น ช่างไร้เหตุผลสิ้นดี!
หลังจากการสนทนา พวกเขาทั้งสามไม่ได้รับข้อมูลที่เป็นประโยชน์ใด ๆ พวกเขาแค่ฟังจางก้วนเจี๋ยบ่นเป็นเวลาหนึ่งชั่วยามว่าอสูรนกมีผลกระทบต่อชีวิตของเขามากแค่ไหน
โชคดีที่ลู่หยางและเถาเหยาเย่กล่าวอย่างรวดเร็วว่าพวกเขาจะต้องฆ่าอสูร กำจัดอันตรายสำหรับผู้คน ต้องรีบกำจัดสัตว์อสูรนกและมอบความยุติธรรมแก่จางก้วนเจี๋ยดังนั้น จางก้วนเจี๋ยจึงหยุดบ่นด้วยความพึงพอใจ
“อสูรนกมาแล้ว!” มีคนตะโกนแล้ววิ่งออกนอกบ้านหนีเอาชีวิตรอดจากอสูรนก
เมื่อลู่หยางและเถาเหยาเย่ได้ยินเสียงดังกล่าว พวกเขาก็เลิกนิสัยขี้เล่นทันที หยิบอาวุธวิเศษในบัดดล และเผชิญหน้ากับอสูรนก
“นักพรตเต๋าจากนิกายเหวินเต๋าทั้งสองโปรดระวัง!” จ้าวเมืองบอกชาวบ้านให้เงียบสงบ และอยู่ห่างจากสถานที่ที่อสูรนกปรากฏตัว
ลู่หยางจับด้ามกระบี่ ตราบใดที่อสูรนกมีเจตนาที่จะโจมตีผู้คนเพียงเล็กน้อย เขาก็พร้อมส่งริ้วกระบี่แยกมันเป็นสองส่วน
เถาเหยาเย่หยิบร่มกระดาษสีแดงซึ่งเป็นอาวุธวิเศษของนางออกมา นี่คือร่มพันพิศง เมื่อร่มกระดาษเปิดออกก็ราวกับตกอยู่ในห้วงความฝัน ทำให้ศัตรูจมอยู่ในภาพมายาโดยไม่รู้ตัว
ลู่หยางส่งท่าทางระมัดระวังเพื่อเข้าใกล้อสูร เถาเหยาเย่ก็พยักหน้า
อสูรนกร่อนลงในบ้าน ลู่หยางดูราวกับโจรลักขโมยที่กำลังย่องเบาก็มิปาน
ลู่หยางตื่นตัวเต็มที่ เกร็งกล้ามเนื้อ พร้อมที่จะชักกระบี่ตลอดเวลา
หากมองในแง่ดีแล้ว อสูรนกคงมีตบะระดับฝึกปราณขั้นที่ 7 หากในแง่ร้าย อสูรนกคงอยู่ในระดับก่อตั้งรากฐานขั้นปลาย การต่อสู้ย่อมไม่ใช่เรื่องงาย และต้องใช้ความพยายามพอสมควรเพื่อเอาชนะมัน
ในที่สุดเขาก็จะได้เห็นอสูรนกที่รบกวนเมืองไท่ผิงมาเป็นเวลา 20 วันแล้ว
ขนนกสีเขียวเข้มนั้นสว่างไสวส่องประกายอย่างมาก และมีปื้นสีแดงขนาดใหญ่ตั้งแต่หัวตาไปจนถึงคอ สลับกันระหว่างสีแดงและสีเขียวซึ่งค่อนข้างสะดุดตา
ลู่หยางจดจำต้นกำเนิดของอสูรนกได้อย่างรวดเร็ว อสูรนกมาจากส่วนลึกของป่าทึบ กินมะเดื่อและผลไม้ป่า และสามารถเลียนแบบคำพูดของมนุษย์ได้ดี
มันคือนกแก้ว!