ตอนที่แล้วเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 14 ศิษย์พี่หญิงพูดถูกขอรับ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 16 พรสวรรค์ของอวิ๋นจื่อ

เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 15 โถงภารกิจ


เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 15 โถงภารกิจ

ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ชีวิตของลู่หยางก็ค่อนข้างเติมเต็ม ในตอนเช้า เขานั่งอยู่บนขุนเขา แหงนมองท้องฟ้า อาบน้ำท่ามกลางแสงอรุณยามเช้า

ในช่วงเช้า เขาได้ฝึกฝนเคล็ดวิชายุทธ์กระบี่และเจตนากระบี่ ตอนเที่ยง นอนเอนกายอยู่บนต้นไม้ หรี่ตามองอยู่ครึ่งชั่วยาม ยามบ่าย เขามีจิตใจเบิกบาน เล่นกับหุ่นเชิด ยามเย็นก็มีหุ่นเชิดป้อนอาหารเย็น อ่านตำราภายใต้แสงเทียนในตอนกลางคืน และทำการบ้านที่ศิษย์พี่หญิงมอบหมายให้เสร็จ

หนึ่งปีผ่านไปเช่นนี้ และตบะของลู่หยางก็แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง

...

“ดูนั่นสิ ชายคนนั้นคือศิษย์คนที่สี่ของประมุขนิกาย รากวิญญาณกระบี่ ลู่หยางใช่หรือไม่”

ในห้องโถงภารกิจ ลู่หยางสวมชุดคลุมสีขาวพร้อมแววตาที่สดใส เขามีกระบี่แหน็บอยู่บนเอวพร้อมกับปลายพู่สีแดงเด่นสะดุดตาเป็นพิเศษ

ใคร ๆ ต่างก็อิจฉาชายหนุ่มผู้นี้

ศิษย์นิกายเหวินเต๋าส่วนใหญ่นั้นรู้จักกัน โดยเฉพาะในสถานที่เช่นโถงภารกิจ หากพบคนแปลกหน้า พวกเขาก็จะพูดถ้อยคำประหลาดอยู่เสมอ

ลู่หยางเป็นคนแรกที่ผ่านการทดสอบและมีรากวิญญาณกระบี่ เขายั่วยุวิญญาณแห่งแม่น้ำและไต้ปู้ฝาน

เขากลายเป็นศิษย์ของประมุขนิกายและได้รับการฝึกจากศิษย์พี่หญิงเป็นการส่วนตัว เหตุผลทั้งหมดนี้รวมกันทำให้เขากลายเป็นคนมีชื่อเสียงมากในหมู่ศิษย์นิกายเหวินเต๋า

แม้แต่เถาเหยาเย่ที่มีกายาเซียนก็ไม่ทัดเทียมลู่หยาง

“ลู่หยางคนนั้นที่ได้รับการฝึกฝนจากศิษย์พี่หญิงเป็นการส่วนตัวหรือ?”

“ข้าได้ยินมาว่าเขาเข้าร่วมนิกายได้หนึ่งปี และบรรลุระดับก่อตั้งรากฐานเมื่อไม่กี่วันก่อน”

“เขาอยู่ในระดับก่อตั้งรากฐาน ไม่น่าแปลกใจที่เขามาที่โถงภารกิจ ดูเหมือนว่าเขาต้องการทำภารกิจและเคี่ยวเข็นตัวเอง”

ลู่หยางไม่แปลกใจกับสายตาจากรอบตัวเขาอีกต่อไป ราวกับว่าคนเหล่านั้นกำลังมองดูแพนด้าก็ว่าได้

อีกฝ่ายพูดถูก เขาบรรลุระดับก่อตั้งรากฐานเมื่อเจ็ดวันก่อนและใช้เวลาอีกเจ็ดวันในการทำให้ตบะมั่นคง จากนั้นเขาก็ออกมาจากการปิดด่านอย่างเป็นทางการ จากคำแนะนำของศิษย์พี่หญิง เขาจึงออกมาข้างนอก

ในโถงภารกิจ ลู่หยางรู้สึกประหลาดใจที่ได้เห็นภารกิจนานาประเภท ตั้งแต่การสังหารอสูรเฒ่าในภูเขาซากศพและทะเลโลหิต ไปจนถึงการช่วยตามหาแมวและสุนัข

ตัวอย่างเช่น งานที่ลู่หยางกำลังดูอยู่คือการขอเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่ ซึ่งถือว่ายากเป็นอย่างมาก

เคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่มีสองประเภท เป็นทางการและนอกรีต ไม่จำเป็นต้องพูดมากเกี่ยวกับเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่ประเภทเป็นทางการ ไม่มีอะไรมากไปกว่าการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างชายหญิง และการหลอมรวมหยินหยาง

ไม่ต้องพูดถึงเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่นอกรีต

ผู้ออกภารกิจคืออสูรจิ้งจอกที่ลงทะเบียนในนิกายเหวินเต๋า

แม้ว่าหน้าที่ของนิกายเหวินเต๋าจะรวมถึงการปราบอสูรและมาร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสังหารอสูรตามอำเภอใจ สำหรับอสูรที่มีตัวตนที่บริสุทธิ์และไม่มีเจตนาที่เป็นอันตราย นิกายเหวินเต๋าจะไม่ยอมทำเช่นนั้น ในทางกลับกัน อสูรดังกล่าวจะถูกจดทะเบียนและได้รับสถานะทางกฎหมาย

นี่เป็นกรณีของอสูรจิ้งจอกตัวนี้

อสูรจิ้งจอกมีนามว่าซูเหยียน นางเป็นจิ้งจอกตัวเล็กธรรมดที่อาศัยอยู่ในภูเขาลึกและป่าโบราณ เมื่อนางเดินเล่นก็ดันไปติดกับดักของนักล่าในภูเขา โชคดีที่ศิษย์ของตระกูลขุนนางกำลังออกท่องป่าอยู่บนภูเขาและช่วยเหลือซูเหยียนได้สำเร็จ

ต่อมา ซูเหยียนได้กินผลไม้แปลงร่างในถ้ำลับแห่งหนึ่ง นางเปิดใช้งานสายเลือดที่ซ่อนอยู่ในร่างและกลายเป็นอสูรจิ้งจอก

ซูเหยียนรู้ว่าต้องตอบแทนความเมตตาของอีกฝ่าย นางกลายร่างเป็นมนุษย์เพื่อตอบแทนศิษย์ของตระกูลขุนนางนั้น

ในเวลานี้ ศิษย์ของตระกูลขุนนางเป็นผู้นำตระกูลคนปัจจุบันแล้ว เขาเคยเห็นหญิงสาวมามากมาย แต่ก็ไม่มีใครสวยเทียบเท่ากับซูเหยียน

ทั้งสองแต่งงานกันในทันที

แต่ทันใดนั้น ปัญหาก็ปรากฏ

อสูรจิ้งจอกเกิดมาพร้อมกับกายาเสน่ห์หาที่ดูดซับปราณหยางอย่างควบคุมไม่ได้ เมื่อทั้งคู่มีเพศสัมพันธ์ สามีจะเป็นผู้ที่ถูกดูดปราณหยาง

โชคดีที่ปราณหยางสามารถฟื้นคืนได้และไม่เป็นอันตรายถึงชีวิต ทั้งสองทำได้เพียงลดความถี่ในการมีเพศสัมพันธ์

พวกเขาทั้งสองคือข้าวใหม่ปลามัน ดังนั้น ทั้งสองคนจึงไม่เต็มใจที่จะทำเช่นนี้

ทั้งสองมีเพศสัมพันธุ์กันถี่ขึ้น สามีของนางเริ่มซีดเซียวมากขึ้น สิ่งนี้ทำให้นางถูกนินทา

ด้วยเหตุนี้ ซูเหยียนจึงหวังที่จะฝึกฝนเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่เพื่อควบคุมกายาเสน่ห์หาของนาง

ภารกิจนี้มีมานานแล้ว แต่ไม่มีใครที่รับมันไป

ไม่ใช่ว่าเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่นั้นหายากนัก เพียงแต่ใครก็ตามที่ทำภารกิจสำเร็จนั้นหมายถึงเขาต้องเคยใช้เคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่มาก่อน ผู้คนจะสงสัยว่าอีกฝ่ายมีเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่นอกรีตหรือไม่

หากลู่หยางกลับไปถามศิษย์พี่หญิงว่าอีกฝ่ายมีเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่บ้างหรือไม่ ศิษย์พี่หญิงจะคิดอย่างไรกับเขา?

“นี่เป็นภารกิจที่ดี ข้าจะรับไว้เอง”

คนที่อยู่เบื้องหลังลู่หยางพูด เมื่อฟังจากน้ำเสียง เขาก็รู้ว่าอีกฝ่ายคือเมิ่งจิ่งโจ

เมิ่งจิ่งโจวเป็นคนที่เหมาะสมที่สุดที่จะรับภารกิจนี้ ในฐานะสมาชิกของตระกูลเมิ่ง เขาไม่มีปัญหาการฝึกฝนเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่อย่างแน่นอน และเนื่องจากเขามีรากวิญญาณหยางบริสุทธ์ เขาย่อมไม่ใช้เคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่นอกรีตอย่างแน่นอน

เมิ่งจิ่งโจวจ้องมองเคล็ดวิชาบำเพ็ญคู่อย่างอ้างว้าง

เมิ่งจิ่งโจวบรรลุระดับก่อตั้งรากฐานก่อนลู่หยาง นี่คือภารกิจที่สามที่เขาทำ

“เจ้าบรรลุระดับก่อตั้งรากฐานแล้วหรือ?” เมิ่งจิ่งโจวพูดด้วยรอยยิ้ม ทั้งสองมีรากวิญญาณเดียวดายเช่นกัน และความสามารถในการฝึกฝนของพวกเขาก็ไม่ได้แตกต่างกันมากนัก ทว่าลู่หยางกลับบรรลุระดับก่อตั้งรากฐานช้ากว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่เขาคาดไม่ถึงเล็กน้อย

เมื่อนึกถึงประสบการณ์ของเขาที่ถูกศิษย์พี่หญิงทรมานในปีนี้ ลู่หยางก็ถอนหายใจ “ท้ายที่ที่สุดข้าก็บรรลุระดับก่อตั้งรากฐานได้”

“เมื่อภารกิจนี้เสร็จสิ้น เรามาทานอาหารดี ๆ กันดีกว่า ข้าจะเลี้ยงเจ้าเอง”

เมิ่งจิ่งโจวมีหินวิญญาณมากมาย

หลังจากที่เมิ่งจิ่งโจวจากไปแล้ว ลู่หยางยังคงดูภารกิจที่แปะไว้บนผนังต่อไป

“พบร่องรอยของมารที่อุดรทิศ ต้องการให้ผู้บำเพ็ญเพียรระดับแก่นทองคำหรือสูงกว่านั้นไปตรวจสอบ รางวัลภารกิจคือ 400 แต้มผลงาน หากพบร่องรอยเพิ่มเติม รางวัลจะเพิ่มขึ้น”

“สัตว์เลี้ยงของลี่หงหายไปที่ด่านซานไห่[1] จำเป็นต้องส่งคนไปตามหามัน”

ลู่หยางหยุดชั่วคราวโดยคิดว่าภารกิจนี้นั้นค่อนข้างดี ไม่มีอันตรายในการตามหาลูกแมวและลูกสุนัข จากนั้นเขาก็มองย้อนกลับไป

“สัตว์เลี้ยงของข้าหายไปมันคือ พยัคฆ์เหินเวหา มันอยู่ระดับก่อกำเนิดขั้นกลาง ต้องการให้ค้นหามัน รางวัลภารกิจ 5,000 แต้มผลงาน”

ลู่หยางหดคอของเขา สัตว์อสูรระดับก่อกำเนิด ทั้งยังเป็นพยัคฆ์เหินเวหาที่มีสายเลือดโบราณ และเป็นที่มาของคำว่า “พยัคฆ์ติดปีก” เขาไม่มีคุณสมบัติแม้แต่จะเป็นอาหารรองท้องให้อสูรระดับนี้ด้วยซ้ำ

“มีปราณวิญญาณผันผวนอย่างแปลกประหลาดในภูเขาคุนเฉียน[2] ทั้งกลางวันและกลางคืน คาดว่ามีถ้ำที่ยังไม่ถูกค้นพบ เราจำเป็นต้องสำรวจ ต้องการผู้บำเพ็ญเพียรระดับก่อกำเนิดขั้นปลายหรือสูงกว่านั้น รางวัลภารกิจ 8,000 แต้มผลงาน หากถ้ำมีสมบัติ รางวัลจะเพิ่มขึ้น

มันเป็นภารกิจที่ลู่หยางยังเอื้อมไม่ถึง

หากอยู่ในโลกภายนอก คนผู้หนึ่งสามารถท่องโลกและถูกขนานนามว่าเป็นยอดฝีมือในขณะที่อยู่ระดับฝึกปราณ ทั้งยังสามารถปกครองอาณาเขตเล็ก ๆ และมีชีวิตยืนยาวนับหลายร้อยปี หากบรรลุระดับแก่นทองคำ คนผู้นั้นก็จะสามารถก่อตั้งนิกายขนาดกระจ่อยร่อยขึ้นมาได้

แต่ในนิกายเหวินเต๋า หากนักพรตพเนจรระดับแก่นทองคำโจมตีมา แม้แต่ศิษย์ธรรมดาของนิกายก็สามารถโจมตีอีกฝ่ายกลับได้

ศิษย์ของนิกายเหวินเต๋าล้วนเป็นหัวกระทิที่ถูกคัดเลือกมาจากหนึ่งในพันคน ก่อนที่ศิษย์ใหม่อย่างลู่หยางจะปรากฏตัว นิกายเหวินเต๋าไม่มีแม้แต่ศิษย์ระดับฝึกปราณหรือระดับก่อตั้งรากฐาน ตบะระดับต่ำที่สุดสำหรับศิษย์คือระดับแก่นทองคำ

ไม่ว่าโลกภายนอกจะเจริญรุ่งเรืองมากเพียงใด แต่เมื่ออยู่ต่อหน้านิกายเหวินเต๋า พวกเขาก็ต้องประพฤติตนให้ดี

ดังนั้นจึงมีภารกิจสำหรับระดับก่อตั้งรากฐานไม่มากนัก ลู่หยางมองดูภารกิจ พวกมันต้องการตบะระดับแก่นทองคำหรือแม้แต่ระดับก่อกำเนิดเป็นอย่างน้อย

เขายังสังเกตเห็นภารกิจพิเศษอีกด้วย

“ภารกิจระยะยาว รวบรวมเคล็ดวิชายุทธ์ที่ไม่ได้รวมอยู่ในนิกายเหวินเต๋า รางวัลขึ้นอยู่กับเนื้อหาของเคล็ดวิชายุทธ์”

“นอกจากนี้ ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นจื่อโปรดอย่ารับภารกิจนี้ ศาลาคัมภีร์ได้เปิดเขตอวิ๋นจื่อแล้ว ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นจื่อสามารถวางเคล็ดวิชายุทธ์ได้โดยตรงในบริเวณนั้น”

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด