ตอนที่แล้วเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 15 โถงภารกิจ
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 17 รู้จักเซียนกระบี่ปฐพีหรือไม่

เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 16 พรสวรรค์ของอวิ๋นจื่อ


เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 16 พรสวรรค์ของอวิ๋นจื่อ

ศิษย์พี่ข้างลู่หยางก็สังเกตเห็นภารกิจนี้และหัวเราะเบา ๆ  "ทุกครั้งที่ข้าเห็นภารกิจระยะยาวนี้ ข้ามักจะนึกถึงความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ของศิษย์พี่หญิงเสมอ"

อีกคนยังกล่าวอีกว่า "ในเวลานั้น หลังจากที่ศิษย์พี่หญิงถูกเปิดโปงเหตุการณ์รวบรวมเคล็ดวิชายุทธ์ และแสร้งทำเป็นได้มาจากถ้ำโบราณถูกเปิดเผย มันก็ได้สร้างความเดือดร้อนมากมาย”

“ข้าได้ยินท่านอาจารย์บอกว่ามีถ้ำโบราณแห่งหนึ่งในทิศอุดรเรียกว่าถ้ำสุราบายา สมบัติล้ำค่าที่สุดในถ้ำคือ เคล็ดวิชายุทธ์ ‘วิชาลับรุ่งอรุณแห่งปฐมโกลาหล’”

“ศิษย์พี่หญิงเคยโกหกว่านางพบตำราเคล็ดวิชายุทธ์ ‘วิชาลับรุ่งอรุณแห่งปฐมโกลาหล’ ในถ้ำสุราบายา หากหมั่นเพียรฝึกฝน ว่ากันว่าสามารถฝ่าฝันความโกลาหลและเข้าใจความจริงทั้งหมดในโลกได้”

หลังจากที่คำโกหกของศิษย์พี่หญิงถูกเปิดเผย ผู้คนก็ยอมผ่านอุปสรรคอันตรายมากมาย และไปถึงถ้ำสุราบายา ซึ่งได้รับเคล็ดวิชายุทธ์ ‘วิชาลับรุ่งอรุณแห่งปฐมโกลาหลง’

"ผลที่ตามมาหลังจากที่อาจารย์นิกายเปรียบเทียบแล้ว พวกเขาก็ค้นพบวิชาที่แท้จริง”

“วิธีการฝึกฝนนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่ศิษย์พี่หญิงว่าไว้ และผลสุดท้ายของการฝึกฝนนั้นท้าทายสวรรค์อย่างมาก”

“หลังจากนั้น วิชาลับมากมายก็ถูกค้นพบภายในถ้ำซากปรักหักพัง เคล็ดวิชายุทธ์ทั้งหมดที่มีชื่อเหมือนกันไม่สามารถเทียบกับฉบับของศิษย์พี่หญิงได้ด้วยซ้ำ เคล็ดวิชายุทธ์ของนางมีอำนาจมหาศาล หลังจากที่ผู้อาวุโสรู้เรื่องนี้แล้ว พวกเขาก็เงียบไปหลายวัน”

ลู่หยาง "..."

ลู่หยางไม่เคยเห็นเคล็ดวิชายุทธ์ของอวิ๋นจื่อในศาลาคัมภีร์ เขาคิดว่าวิชายุทธ์ของศิษย์พี่หญิงท้าทายสวรรค์เกินไป และถูกเก็บไว้ที่ชั้นสูงสุดของศาลาคัมภีร์ ไม่มีใครได้รับอนุญาตให้อ่านและฝึกฝนโดยไม่มีอำนาจพิเศษ

เป็นที่รู้จักกันทั่วไปว่านี่คือข้อห้าม

“ศิษย์พี่หญิงมีความสามารถอย่างมาก ชั่วชีวิตยากจะพบเจอ นางมีความเข้าใจโลกอย่างลึกซึ้ง มิฉะนั้นทุกคนคงจะไม่เห็นด้วยกับการให้ศิษย์พี่หญิงดำรงตำแหน่งประมุขนิกายชั่วคราว”

“ข้าได้ยินข่าวลือว่าศิษย์พี่หญิงต้องการแย่งชิงตำแหน่งประมุข และกักขังประมุขนิกายไว้ นางต้องการที่จะเป็นประมุขนิกายที่แท้จริง นางยังได้รับการสนับสนุนจากผู้อาวุโสทั้งแปด ผู้อาวุโสไม่กล้าขัดขืน มีคนได้ยินเสียงครวญครางบนขุนเขาประตูสวรรค์ในตอนกลางคืน ซึ่งหมายความว่าประมุขนิกายถูกกักขังไว้ และมีเสียงดังมาจากข้างในนั้น!”

"ฮ่าฮ่าฮ่า นี่คงเป็นเรื่องไร้สาระ เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้เลยแม้แต่น้อย"

ลู่หยางไม่เคยได้ยินเสียงครวญครางของประมุขนิกายในขุนเขาประตูสวรรค์ เขาไม่ได้ใส่ใจและค้นหาภารกิจต่อไป

ในที่สุดเขาก็พบภารกิจที่เหมาะสม

“ตามคำบอกเล่าของชาวเมืองไท่ผิง, มณฑลฉู่เหอ มีนกชนิดหนึ่งปรากฏขึ้นในเมืองนี้ มันพูดภาษามนุษย์ ไม่ทราบประเภทจำเพาะ ไม่มีบันทึกการทำร้ายผู้คนหรือการใช้เคล็ดวิชายุทธ์อสูร ซึ่งมีคนได้ร้องขอประมุขนิกายเหวินเต๋าให้จัดการกับสัตว์อสูรนกตัวนี้”

ลู่หยางคิดสักครู่ก่อนที่จะยอมรับภารกิจนี้

ดูจากคำอธิบายแล้วดูเหมือนว่ามันจะเป็นสัตว์อสูรบางชนิดที่พลัดหลงเข้าไปในอาณาเขตของเผ่าพันธุ์มนุษย์หรือไม่ก็อาณาเขตของสัตว์อสูร ซึ่งบังเอิญได้เปิดสติปัญญาโดยไม่ได้ตั้งใจ ตบะของสัตว์อสูรชนิดนี้ย่อมไม่เกินระดับก่อตั้งรากฐาน ความดุดันอาจไม่สูงนัก อาจเป็นสัตว์อสูรที่อยู่ใกล้ชิดกกับมนุษย์ ซึ่งเหมาะที่สุดสำหรับผู้มาใหม่เช่นเขา

และรางวัลที่มอบให้โดยโถงภารกิจก็ยืนยันเรื่องนี้เช่นกัน

ภารกิจนี้มอบรางวัล 30 แต้มผลงาน

นี่คือรางวัลภารกิจขั้นต่ำ

รางวัลภารกิจนั้นคำนวณโดยบุคคลที่ผู้เชี่ยวชาญ­ของนิกาย และมีผู้ตรวจสอบซ้ำอีกครา ภายใต้การพิจารณาทั้งสองขั้นตอน สิ่งนี้ย่อมมีข้อผิดพลาดน้อยมาก

ยิ่งรางวัลภารกิจต่ำ ภารกิจก็จะง่ายขึ้น

ลู่หยางเดินมาที่แผนกต้อนรับ "ศิษย์พี่ ข้าจะรับภารกิจจัดการกับสัตว์อสูรนกขอรับ"

"ข้าจะรับภารกิจจัดการกับสัตว์อสูรนกเจ้าค่ะ" อีกเสียงหนึ่งดังขึ้นเกือบจะในเวลาเดียวกันกับที่ลู่หยางเปิดปาก

เจ้าของเสียงเป็นหญิงสาวตัวน้อย สวมชุดสีชมพูอ่อน นางมีใบหน้าปกติ และผิวขาวราวดอกท้อที่บานสะพรั่ง ดูทรงมีเสน่ห์อย่างมาก

นางมีรูปร่างหน้าตาที่อ่อนหวานและอยู่ในระดับก่อตั้งรากฐานเช่นเดียวกับลู่หยาง เหมือนว่าตัวตนของนางพร้อมที่จะปรากฏแล้ว

“ศิษย์น้องหญิงเถาเหยาเย่ ช่างบังเอิญยิ่งนัก” ลู่หยางพูดด้วยรอยยิ้ม เขาเห็นเถาหยาเย่ในครั้งแรกที่มาทดสอบเป็นศิษย์เพียงครั้งเดียว หลังจากนั้นเขาก็ฝึกฝนอยู่ที่ขุนเขาประตูสวรรค์เป็นเวลาหนึ่งปี และแทบไม่ได้พบคนนอกเลย

ลู่หยางนั้นผ่านการทดสอบเป็นคนแรก จากนั้นเขาก็ได้รับการจัดอันดับใหม่ และกลายเป็นศิษย์พี่ของรุ่นนี้

อันที่จริง ไม่ใช่เรื่องบังเอิญที่เถาเหยาเย่เลือกภารกิจนี้ มีภารกิจไม่มากนักที่เหมาะกับระดับก่อตั้งรากฐาน เพื่อให้ภารกิจครั้งนี้สำเร็จ พวกเขาจึงมีตัวเลือกอันน้อยนิด

“ศิษย์พี่ลู่เองหรือ? ขอแสดงความยินดีกับการบรรลุระดับก่อตั้งรากฐาน เนื่องจากภารกิจมีไม่มากนัก ท่านต้องการร่วมมือกับข้าทำภารกิจด้วยกันแล้วแบ่งปันรางวัลกันครึ่งหนึ่งหรือไม่” เถาเหยาเย่ยิ้มหวานเล็กน้อย นางอยากรู้อยากเห็นเกี่ยวกับศิษย์พี่ลู่คนนี้ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวเป็นอย่างมาก

ลู่หยางเห็นด้วยทันที

พวกเขาไม่ได้สนใจรางวัลนัก แต่พวกเขาต้องการได้รับประสบการณ์ในกระบวนการทำภารกิจ

"มณฑลฉู่เหอไม่ได้อยู่ใกล้ที่นี่ เรานั่งเรือเหาะไปดีหรือไม่?"

...

"ศิษย์น้องหญิงเถาเหยาเย่รู้หรือไม่ว่าเผ่าพันธุ์มนุษย์ของเราเป็นเผ่าพันธุ์ที่ค่อนข้างขัดแย้งในตัวเอง ผู้คนมักจะหวาดกลัวและชื่นชมบางสิ่งบางอย่างไปพร้อม ๆ กัน"

"คำกล่าวในสมัยโบราณว่ากันว่า เมื่อมารอสูรออกอาละวาด ภัยพิบัติทางธรรมชาติยังคงปรากฏเช่นเดิม เผ่าพันธุ์มนุษย์อ่อนแอและพยายามดิ้นรนเพื่อเอาชีวิตรอดในถิ่นทุรกันดาร”

“อสูรผู้ยิ่งใหญ่เหล่านั้นอาศัยสายเลือดบรรพบุรุษ ร่างกายที่แข็งแกร่ง และพลังศักดิ์สิทธิ์โดยกำเนิดออกอาละวาดในถิ่นทุรกันดาร”

“เผ่าพันธุ์มนุษย์หวาดกลัวอสูรผู้ยิ่งใหญ่ ข้ารู้สึกได้ว่าอสูรผู้ยิ่งใหญ่เป็นเหมือนภัยพิบัติทางธรรมชาติที่ไม่อาจต้านทานได้

“ในขณะเดียวกันข้าก็บูชาอสูรผู้ยิ่งใหญ่ และหวังว่าจะได้รับพลังของอสูรผู้ยิ่งใหญ่”

“ด้วยเหตุนี้ บรรพบุรุษโบราณจึงได้พัฒนาวิธีการบำเพ็ญเพียร และเอาชนะความยากลำบากมากมายด้วยพลังศักดิ์สิทธิ์ที่ได้เรียนรู้จากเส้นลมปราณของสัตว์อสูร และได้ยืนอยู่บนจุดสูงสุดของทวีป เบิกทางใหม่สำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ ชีวิตนิรันดร์ของเผ่าพันธุ์มนุษย์นั้นได้เริ่มต้นจากสิ่งนี้!”

"อีกตัวอย่างหนึ่งคือลม, ฝน, สายฟ้า, ฟ้าร้อง แม้ว่าบรรพบุรุษโบราณจะหวาดกลัวสิ่งเหล่านี้ แต่พวกเขาก็โหยหามันเช่นกัน นี่คือพลังอำนาจของธรรมชาติ มันเป็นเจตจำนงธรรมชาติที่มิอาจต้านทาน!"

"เผ่าพันธุ์มนุษย์โหยหาสิ่งเหล่านรี้ และต้องการได้รับพลังอำนาจธรรมชาติ บรรพบุรุษโบราณถามคำถาม 9 ข้อเกี่ยวกับฟ้าดิน เผชิญหน้ากับสายฟ้า ทำความเข้าใจลมฝน และตระหนักว่า มนุษย์คล้อยตามโลก โลกคล้อยตามสวรรค์ สวรรค์คล้อยตามเต๋า และเต๋าคล้อยตามธรรมชาติ และนี่คือวิถีของลัทธิเต๋า!”

“บรรพบุรุษค้นพบว่าความคิดนี้กลายเป็นองค์ประกอบสำคัญสำหรับเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่จะกลายเป็นจ้าวเหนือหัวของทวีป!”

“อีกตัวอย่างหนึ่งคือท้องฟ้า มนุษย์โหยหาท้องฟ้า หวังที่จะโผบินอย่างอิสระบนท้องฟ้าเหมือนนก พวกเขายังเคารพท้องฟ้าและรู้สึกว่าท้องฟ้านั้นลึกลับยากจะคาดเดา ความหวาดกลัวเช่นนี้ไหลเวียนอยู่ในสายเลือด และเป็นความคิดที่เผ่าพันธุ์มนุษย์ทุกคนมี ไม่ว่าจะมองเห็นหรือซ่อนเร้นก็ตาม...”

บนเรือเหาะ หัวใจของลู่หยางกำลังพองโต เมื่อเขาเริ่มรู้สึกตื่นเต้น เขาก็รีบลุกขึ้นยืน และวางมาดใหญ่โตพูดโอ้อวดเสียงดัง

เถาเหยาเย่คิดอย่างสงบครู่หนึ่งก่อนจะขัดจังหวะการพูดชักแม่น้ำทั้งห้าอันยาวนานของลู่หยาง

“นี่คือเหตุผลว่าทำไมท่านจึงกลัวความสูงรึ?”

“ใช่”

เถาเหยาเย่ “...”

ทั้งสองนั่งอยู่ในกระท่อมเรือเหาะที่บินอยู่ท่ามกลางมวลเมฆ ท้ายเรือเหาะถูกสลักด้วยค่ายกลสมดุลที่ติดตั้งโดยปรมาจารย์ค่ายกล แม้จะเกิดพายุรุนแรง ผู้คนภายในเรือเหาะนั้นก็ไม่สามารถรับรู้ได้ว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงแม้แต่น้อย

ในเวลานี้ ท้องฟ้าโดยรอบแจ่มใสอย่างมาก ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการรับแสงตะวัน นั่งสมาธิ ชมทิวทัศน์

เถาเหยาเย่เอ่ยชวนลู่หยางออกไปเดินเล่นบนดาดฟ้า แต่ไม่คาดคิดว่าลู่หยางไม่ยอมตกลงไปกับนาง

เถาเหยาเย่อยากรู้อยากเห็นมากกว่าคนทั่วไป หลังจากถามคำถามจู้จี้ซ้ำแล้วซ้ำเล่า ลู่หยางก็เริ่มร่ายยาวมหากาพย์ประวัติศาสตร์โบราณ เพื่ออธิบายว่าทำไมเขาถึงกลัวความสูง

เขาได้อ้างอิงตำราจากแหล่งอื่น และพ่นน้ำลายอย่างมีวาทศิลป์เพื่อพิสูจน์ว่าการกลัวความสูงนั้นไม่ใช่เรื่องน่าอับอาย ทั้งยังบอกว่ามันทำให้เผ่าพันธุ์มนุษย์เจริญก้าวหน้าอีกด้วย

โชคดีที่เถาเหยาเย่ไม่เชื่อลู่หยางแม้แต่คำเดียว

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด