ตอนที่แล้วเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 13 นำปราณเข้าสู่ร่าง
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 15 โถงภารกิจ

เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 14 ศิษย์พี่หญิงพูดถูกขอรับ


เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 14 ศิษย์พี่หญิงพูดถูกขอรับ

ในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน ผู้บำเพ็ญเพียรเกือบทั้งหมดอยู่ในระดับฝึกปราณ ดังนั้น ผู้บำเพ็ญเพียรจึงแบ่งขั้นแยกย่อยของระดับฝึกปราณออกไปจากขั้นที่ 1 ถึงขั้นที่ 9 แต่ละขั้นจะมีระดับย่อยอยู่สามระดับคือต้น กลาง และปลาย

นิกายเหวินเต๋านั้นแตกต่างจากที่อื่น ๆ การมีตบะในระดับฝึกปราณเป็นเพียงเกณฑ์สำหรับศิษย์นิกายเหวินเต๋าที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ฉะนะย่อมไม่มีเหตุจำเป็นต้องจำแนกเกณฑ์ออกเป็นระดับต่าง ๆ มากมาย

นิกายเหวินเต๋ามีเพียงระดับฝึกปราณเท่านั้น ไม่มีระดับย่อยใด ๆ

“คนอื่นนำปราณเข้าสู่ร่างเช่นนี้หรือ?”

ลู่หยางสงสัย หากทุกคนฝึกฝนเช่นนี้ เหตุใดความก้าวหน้าของเขาถึงช้าที่สุด?

อวิ๋นจื่อส่ายหัว “วิธีที่เจ้าบำเพ็ญนั้นเป็นวิธีดั้งเดิมเหมือนของบรรพบุรุษ เขาสามารถสัมผัสได้ถึงธรรมชาติของโลกใบนี้ ธรรมชาติและมนุษย์ที่เป็นหนึ่งเดียวกันนำปราณวิญญาณเข้าสู่ตัวเอง และกลายเป็นผู้บำเพ็ญเพียร”

โดยธรรมชาติแล้ว การบำเพ็ญเพียรครั้งแรกไม่จำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากผู้อาวุโสหรือใช้เคล็ดใด ๆ ในบ้างเรื่องจำเป็นต้องลองผิดลองถูก

“ส่วนเรื่องเส้นลมปราณ เมื่อเจ้าแช่ตัวในอ่างโอสถ เส้นลมปราณของเจ้าจะถูกเปิดออกจนหมด ทำให้ปราณวิญญาณไหลเวียนได้อย่างไร้อุปสรรค เมื่อเจ้าอยู่ในสภาวะที่ธรรมชาติและมนุษย์เป็นหนึ่งเดียวกัน ปราณวิญญาณก็จะไหลเวียนในร่างกายเช่นกัน สิ่งนี้เหมาะกับเจ้ายิ่งกว่าเคล็ดวิชายุทธ์ใด ๆ”

โลกแห่งการบำเพ็ญเซียนแบ่งเคล็ดวิชายุทธ์ออกเป็นห้าระดับได้แก่ ระดับเหลือง, เร้นลับ, ปฐพี, สวรรค์ และเซียน อย่างไรก็ตาม สำหรับอวิ๋นจื่อ เคล็ดวิชายุทธ์มีเพียงสองอย่างเท่านั้น นั่นคือเคล็ดวิชายุทธ์ที่เหมาะสม และเคล็ดวิชายุทธ์ที่ไม่เหมาะสม

“ไม่มีเคล็ดวิชายุทธ์ใดที่ถูกออกแบบมาเพื่อให้เจ้าบำเพ็ญเพียรตั้งแต่ครั้งแรก มีเคล็ดวิชายุทธ์มากมายที่เหมาะสำหรับรากวิญญาณกระบี่ ข้ามีเคล็ดวิชายุทธ์เช่นนั้นอยู่ในมือ แต่ไม่มีอันใดที่เหมาะกับเจ้า”

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ข้าจะช่วยเจ้าสร้างเคล็ดวิชายุทธ์ด้วยตนเอง” แน่นอนว่าสิ่งที่อวิ๋นจื่อพูดเกี่ยวกับการสร้างเคล็ดวิชาด้วยตัวเองไม่ใช่การปล่อยให้ลู่หยางทำตามลำพัง นางจะให้คำแนะนำเขา แต่ถึงกระนั้น ใคร ๆ ก็ย่อมสามารถจินตนาการได้ว่ามันยากเพียงใด

การสร้างเคล็ดวิชายุทธ์เป็นสิ่งที่มีเพียงผู้อาวุโสในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียนเท่านั้นที่สามารถทำได้

มุมปากของลู่หยางกระตุก “ผู้อาวุโสที่สร้างเคล็ดวิชายุทธ์นั้นยิ่งใหญ่มาก พวกเขาต้องมีความรู้และความเข้าใจในเรื่องต่าง ๆ อยู่ในระดับที่สูงส่ง พวกเขาจึงจะมีคุณสมบัติสร้างเคล็ดวิชา ข้า ผู้เยาว์ที่เพิ่งนำปราณเข้าสู่ร่างสามารถสร้างเคล็ดวิชายุทธ์ได้ด้วยหรือขอรับ...”

อวิ๋นจื่อขัดจังหวะลู่หยาง “การสร้างเคล็ดวิชายุทธ์นั้นไม่ได้ยากอย่างที่เจ้าคิด”

“เจ้ารู้หรือไม่ว่านิกายเหวินเต๋ามีกฎให้ศิษย์ทุกคนที่บรรลุขอบเขตก่อตั้งรากฐานต้องทำภารกิจจากโถงภารกิจให้สำเร็จ?”

ลู่หยางพยักหน้า เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้

นิกายอื่น ๆ ก็มีกฎที่คล้ายกัน นั่นคือการกำหนดให้ศิษย์ทำภารกิจให้เสร็จสิ้น อย่างไรก็ตาม นิกายต่าง ๆ ไม่สนับสนุนคนเกียจคร้าน ผู้ที่สร้างผลงานเท่านั้นที่ควรค่าจะกล่าวถึง

แต่ห้านิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ทั้งนั้นแตกต่างไป พวกเขาต้องการให้ศิษย์รู้จักทำงาน ไม่ใช่เพื่อสนับสนุนนิกาย แต่เพื่อให้เดินในเส้นทางที่ถูกต้อง

การกล่าวว่าห้านิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ชักนำศิษย์ไปยังทางที่ถูกต้องนั้นไม่ใช่คำพูดที่โป้ปด

“ภารกิจทั่วไปต้องลงภูเขาจากไปสังหารอสูรและมาร ขับไล่ภูติผี และอื่น ๆ ข้าไม่ชอบบรรยากาศของโลกมนุษย์เลยเลือกทำภารกิจอื่น”

“มันคืออะไรหรือขอรับ?”

“มีภารกิจที่คงที่ในโถงหลัก ภารกิจคัดลอกเคล็ดวิชายุทธ์ที่ยังไม่ได้ถูกบันทึกในนิกายเหวินเต๋าก็ถือว่าเป็นภารกิจเช่นกัน”

“หากเป็นเช่นนั้น ศิษย์พี่หญิง ท่าน…” ลู่หยางมีความคิดไร้สาระ

“ดังนั้น เพื่อที่จะรับมือกับมัน...เพื่อทำภารกิจให้สำเร็จ ข้าจึงสร้างเคล็ดวิชามากมาย แล้วโกหกพวกเขาว่าพบมันในซากปรักหักพัง”

“น่าเสียดายที่ถูกพวกเขาจับได้ในภายหลัง”

“พวกเขารู้แล้วหรือขอรับ?” ลู่หยางถาม

“เพราะตามภารกิจที่ข้ารายงาน ข้าได้ไปเข้าไปยังซากปรักหักพังทั้งหมดแล้ว ข้าไม่รู้ว่าครั้งต่อไปควรไปสำรวจซากปรักหักพังที่ใด”

“เจ้าเห็นหรือไม่ การสร้างเคล็ดวิชาไม่ใช่เรื่องยาก” อวิ๋นจื่อกล่าว จากประสบการณ์ที่นางผ่านพ้นมา มันก็ดูสมเหตุสมผลดี

ลู่หยางเปิดปากและอยากจะพูดว่า ‘ศิษย์พี่หญิง ข้าคิดว่าท่านจะเป็นคนซื่อสัตย์ ข้าไม่ได้คาดคิดเลยว่าท่านจะเป็นคนฉ้อโกงเช่นกัน’

ศิษย์พี่หญิง ความสามารถและสติปัญญาของท่านนั้นเกินกว่าคนธรรมดาอย่างพวกเรา แต่แทนที่จะบอกว่าสร้างมันด้วยตนเอง เรียกว่าสร้างขึ้นอย่างมั่ว ๆ ดีกว่าหรือไม่

เมื่อลู่หยางสบตาเย็นชาของอวิ๋นจื่อ คำพูดนับพันที่เขามีก็เหลือเพียงประโยคเดียว

“ศิษย์พี่หญิงพูดถูกขอรับ”

“ถึงแม้เจ้าจะเป็นผู้บำเพ็ญเพียรแล้ว แต่เจ้าก็ยังห่างไกลจากการเป็นมือกระบี่ที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ตำราเล่มนี้เหมาะกับเจ้า”

ศิษย์พี่หญิงมอบตำราโบราณเล่มหนึ่งซึ่งทำมาจากหนังของอสูรลึกลับ มันมีขนาดใหญ่ หนา และหนัก

“ดินแดนอสูร?” ลู่หยางเปิดตำราโบราณ ปราณอาฆาตก็พุ่งสู่ใบหน้าของเขา ภาพอสูรต่าง ๆ ปรากฏบนกระดาษ เขายังคงได้ยินเสียงอสูรคำรามในหูอย่างคลุมเครือ

ตำราโบราณเล่มนี้ประเมินค่าไม่ได้อย่างแน่นอน!

ลู่หยางคิดอย่างรอบคอบ การฝึกฝนกระบี่ต้องใช้เจตนากระบี่ เขาเพิ่งฝึกปราณจะฝึกเจตนากระบี่ได้อย่างไร?

เขาได้ยินมาว่าผู้บำเพ็ญกระบี่โบราณตระหนักถึงเจตนากระบี่ครั้งแรกในขณะที่ต่อสู้กับอสูรท่ามกลางความเป็นและความตาย และเผชิญกับเจตนาชั่วร้ายของอสูร

หากเป็นเช่นนั้น คำตอบก็ชัดเจนแล้ว เขาต้องเห็นภาพของอสูร เข้าใจปราณอาฆาตของอสูร และตระหนักถึงเจตนากระบี่

แม้ว่าเคล็ดวิชายุทธ์นี้จะยากเย็น แต่ก็เหมาะกับรากวิญญาณกระบี่ของเขา

เห็นได้ชัดว่าศิษย์พี่หญิงมีความคาดหวังกับเขาสูงเพียงใด

“ข้าเข้าใจแล้วขอรับ” ลู่หยางพยักหน้าและเข้าใจว่าศิษย์พี่หญิงต้องการจะสื่ออะไร

อวิ๋นจื่อเหลือบมองลู่หยางและสงสัยว่าเขาเข้าใจอะไร อวิ๋นจื่อโบกมือและหุ่นเชิดก็เข็นรถลากเกวียนเต้าหู้อีกคันออกมา

“ในเมื่อเจ้าเข้าใจก็ดี”

“เพื่อที่จะเป็นผู้บำเพ็ญกระบี่ เจ้าต้อง 'แม่นยำ' รับกระบี่ปลายมรกตนี้ไป สิ่งต่อไปที่เจ้าต้องทำคือใช้ปลายกระบี่แกะสลักเต้าหู้ให้เป็นรูปร่างของอสูร รูปร่างหน้าตาของอสูรทั้งหมดอยู่ในตำราเล่มนี้”

อวิ๋นจื่อหยิบกระบี่อันเฉียบคมที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกออกมาจากมิติเก็บของ โดยมีคำว่า ‘ปลายมรกต’ สลักอยู่บนด้าม

ลู่หยางเงียบงัน

เต้าหู้อีกแล้วหรือ?

เป็นไปได้หรือไม่ว่าสิ่งที่เขาฝันในคืนนั้นไม่ใช่แค่ฝันร้ายธรรมดา แต่เป็นความฝันที่บอกเป็นนัยว่าเขาจะถูกขนานนามว่าจ้าวสวรรค์เต้าหู้ในอนาคต

ลู่หยางรีบขจัดความคิดนี้ออกจากหัวอย่างรวดเร็ว

เมื่อเขาหยิบกระบี่ปลายมรกต ความประทับใจแรกของเขาคือมันเป็นกระบี่ที่เบาอย่างมาก

อันที่จริง ไม่ใช่ว่ากระบี่ปลายมรกตนั้นเบาเกินไป ตรงกันข้าม กระบี่ปลายมรกตไม่ได้เหมาะสมกับผู้บำเพ็ญเพียรระดับฝึกปราณขั้นที่ 3 แม้แต่น้อย กระบี่นี้หนักเกินไปสำหรับผู้บำเพ็ญเพียร

ลู่หยางนั้นแตกต่างออกไป หลังจากฝึกฝนถือถังน้ำแล้ว เขาก็แข็งแกร่งมากจนแม้แต่ตนเองก็ยังไม่รู้ ตอนนี้เขาไม่ต้องการเคล็ดวิชายุทธ์ใด ๆ เพียงหมัดเดียวเขาก็สามารถเอาชนะผู้ที่มีตบะระดับฝึกปราณขั้นที่ 3 ได้

...

บางทีเมื่อเขาเข้าสู่ระดับฝึกปราณแล้ว พรสวรรค์ในด้านกระบี่ของเขาอาจค่อย ๆ ปรากฏขึ้น เขาสามารถควบคุมแรงได้แล้ว ลู่หยางเริ่มประทับใจกับกระบี่ปลายมรกต

ในเวลาเพียง 10 วัน ลู่หยางก็สามารถแกะสลักเต้าหู้ให้เป็นรูปร่างของอสูรได้ เช่นเดียวกับรูปร่างของตนเองและศิษย์พี่หญิง เขายังสามารถแกะสลักขุนเขาทั้งเก้าของนิกายเหวินเต๋าได้อีกด้วย

หลังจากกลายเป็นนักแสดงปาหี่เล่นถังน้ำ สลักเต้าหู้แล้ว ลู่หยางก็ได้เรียนรู้เคล็ดใหม่ ๆ

เขาต้องเร่งทำให้เสร็จ เขาไม่ต้องการทานเต้าหู้อีกแล้ว

หลังจากที่ลู่หยางเสร็จสิ้น ศิษย์พี่หญิงก็ปรากฏตัวขึ้น นางหยิบงาขาวออกมา

“ผู้บำเพ็ญกระบี่ยังคงต้องฝึกสายตา ตอนนี้ข้าจะโยนเมล็ดงานี้ลงในกากเต้าหู้ เจ้าต้องค้นหาเมล็ดงานี้ให้เร็วที่สุด” ลู่หยางทรุดตัวลงและคุกเข่ากับพื้น

“ศิษย์พี่หญิง ได้โปรดฝึกอย่างอื่นได้หรือไม่!”

ศิษย์พี่หญิงมองไปที่ลู่หยางที่กำลังขอความเมตตาด้วยดวงตาที่สงบ

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด