เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 6 ศิษย์พี่ไต้ ท่านต้องใจเย็นลงก่อน
เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 6 ศิษย์พี่ไต้ ท่านต้องใจเย็นลงก่อน
ลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวนั่งยอง ๆ อยู่บนพื้น พวกเขาขุดหลุมด้วยกรีช ฝังบันไดไว้ในหลุมและกระทืบดินกลบ
ลู่หยางเตะบันได แต่บันไดนั้นไม่ขยับเขยื้อนทำให้เท้าขวาของเขาด้านชาเล็กน้อย
“มันมั่นคงแล้ว ข้าจะลองดูก่อน และหากทำสำเร็จ เจ้าก็ตามข้ามา”
“ไม่มีปัญหา” เมิ่งจิ่งโจวพยักหน้า
ลู่หยางถูมือ เขาเดินไปสามก้าว แล้วปีนขึ้นบันไดอย่างเรียบร้อย เมื่อเขาไปถึงมุมบันไดซึ่งมีความสูงขนานกับขั้นที่ 50 เขาก็แอบคิดเรื่องแผลง
ลู่หยางบังคับตนเองให้มองไปข้างหน้าแทนที่จะมองด้านล่าง เขาเหมือนกับหนอนผีเสื้อที่กำลังโค้งตัวไปข้างหน้า
ทุกคนบนขั้นบันไดเงยหน้าขึ้นมองลู่หยางที่กำลังเข้าใกล้ขั้นที่ 50 ด้วยความตกตะลึง
สิ่งที่พวกเขาเห็นคือบันไดขนาดใหญ่ปักติดอยู่บนพื้น บันไดงอได้เก้าสิบองศาและปลายอีกฝั่งคือขั้นที่ 50
ไม่ใช่ว่าทุกคนจะไม่เห็นลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวที่กำลังสร้างบันไดอยู่ด้านล่าง แต่พวกเขาไม่ได้คิดอะไรมากเกี่ยวกับเรื่องนี้
ในที่สุด พวกเขาก็มาถึงขั้นที่ 40 แล้ว ไม่มีเหตุอันใดให้ต้องสนใจว่าทั้งสองคนต้องการทำอะไร หากทำเช่นนั้น พวกเขาก็จะไม่มีแรงเหลือ และด่านนี้ก็คงจะล้มเหลวโดยสิ้นเชิง..
หมานกู่รวดเร็วที่สุดในหมู่ฝูงชน เขาถึงขั้นที่ 49 แล้ว แต่ขั้นที่ 50 นั้นเปรียบดั่งหนองน้ำซึ่งยากจะข้ามผ่าน เขารู้สึกราวกับแบกภูเขาไว้ก็มิปาน
จากนั้น เขาก็มองดูลู่หยางที่ผ่านตนเองไปจนถึงขั้นที่ 50
ลู่หยางผ่านด่านที่สามได้สำเร็จ
เมิ่งจิ่งโจวตามมาไม่ห่างและผ่านด่านที่สามได้สำเร็จเช่นกัน
อันดับหนึ่งและอันดับสองปรากฏตัวแล้ว
…
ในเวลาเดียวกัน นอกภูเขาเวิ่นซิน ศิษย์นิกายเหวินเต๋าต่างอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
“อย่าหยุดข้า วันนี้ข้าต้องสั่งสอนเจ้าสารเลวสองคนนี้ ข้าสัญญาว่าจะไม่ทุบตีพวกเขา!” กล้ามเนื้อของไต้ปู้ฝานปูดโปนด้วยความโกรธเกรี้ยวราวกับหมีที่ถูกขโมยน้ำผึ้งไป
เหล่าศิษย์รีบเร่งเข้ามาห้ามปรามอีกฝ่าย
“ศิษย์พี่ไต้ ท่านจะจัดการเขาไม่ได้!”
“ศิษย์พี่ไต้ ท่านต้องใจเย็นลงก่อน”
“หากมีบางอย่างเกิดขึ้นกับคนที่เข้าร่วมในการทดสอบ ข่าวจะแพร่สะพัดออกไป ชื่อเสียงของนิกายเหวินเต๋าจะเสื่อมเสีย”
“อย่ารังแกเด็กน้อยเลย มิฉะนั้น มันจะทำให้ท่านเสื่อมเสียชื่อเสียงได้!”
“ศิษย์พี่ไต้ โปรดอย่าลืม ด่านที่สามคือการทดสอบหัวใจในการแสวงหาเต๋า ท่านอย่าได้โกรธเกรี้ยวไปเลยขอรับ!”
ไต้ปู้ฝานสงบลงหลังจากได้ยินประโยคสุดท้าย
ถูกต้อง ด่านที่สามคือการทดสอบหัวใจในการแสวงหาเต๋า ความโกรธเกรี้ยวย่อมไม่ดีต่อการบำเพ็ญเพียรในอนาคต
“ไม่ถูกต้อง ด่านที่สามคือการทดสอบของพวกเขา ไม่ใช่ข้า!”
ศิษย์นิกายเหวินเต๋าตกอยู่ความสับสนวุ่นวายอีกครั้ง
เมื่อเห็นสิ่งนี้ วิญญาณแห่งแม่น้ำก็รู้สึกสงบขึ้น เขาจะไม่สร้างปัญหามากไปกว่านี้
…
ความร่วมมือและความสำเร็จของลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวได้กลายเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนกลับมาฮึกเหิมอีกครั้ง เหล่าศิษย์ที่เข้าร่วมในการทดสอบต่างกรีดร้องและในที่สุดก็มาถึงขั้นที่ 50
หมานกู่เป็นคนแรกที่ผ่านหลังจากทั้งสอง ตามมาด้วยคนที่ลู่หยางไม่รู้จัก พวกเขาทั้งหมดเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังลู่หยาง และลู่หยางก็ไม่รู้อะไรพิเศษเกี่ยวกับคนเหล่านี้
ในที่สุดก็มีคนที่มีรากวิญญาณคู่สองสามคนปรากฏ ลู่หยางได้เห็นพวกเขาทั้งหมดแล้ว
ที่เหลือพยายามต่อไปแต่ก็ไม่สามารถก้าวต่อไปได้ พวกเขาต้องการลงจากภูเขาและใช้บันไดที่ลู่หยางสร้างขึ้นเพื่อปีนขึ้นไปขั้นที่ 50 น่าเสียดายที่การลงจากภูเขานั้นมีแรงกดดันอย่างมากเช่นกัน ร่างกายของพวกเขาไม่สามารถขยับขึ้นหรือลงได้อีกต่อไป
“ด่านที่สามจบลงแล้ว ผู้ที่อยู่บนภูเขาจะถูกตัดสิทธิ์” อวิ๋นจื่อประกาศอย่างเย็นชาและขอให้ไต้ปู้ฝานพาผู้คนลงมา
ความสามารถของภูเขาเวิ่นซินทำให้ผู้คนกลายเป็นเพียงคนธรรมดา และจะสามารถปีนขึ้นไปบนภูเขาทีละขั้นภายใต้แรงกดดันของภูเขาเวิ่นซินเท่านั้น
ไต้ปู้ฝานจ้องไปที่ลู่หยางอย่างเดือดดาล ก่อนที่จะปีนขึ้นไปบนภูเขาเวิ่นซินด้วยสีหน้าสงบ เขาปีนขึ้นไปห้าสิบขั้นติดต่อกัน
ศิษย์ที่เพิ่งผ่านด่านที่สามเห็นว่าไต้ปู้ฝานดูสงบเพียงใดขณะที่อยู่ขั้นที่ 50 พวกเขาก็รู้สึกว่าช่องว่างระหว่างพวกเขานั้นกว้างใหญ่เกินไป
“ไม่มีอะไรยากที่จะเข้าใจ เจ้าอายุเพียงสิบสี่สิบห้าปี แม้ว่าจะได้รับการสนับสนุนจากตระกูลของเจ้า ทั้งยังบำเพ็ญเพียรตั้งแต่เนิ่น ๆ แต่เจ้าเป็นเพียงพระจันทร์ในเงาน้ำ ดอกไม้ในกระจกเงา เจ้าไม่สามารถเข้าใจว่าอะไรคือเต๋า และอะไรคือเซียน”
“การบำเพ็ญเซียนก็คือการบำเพ็ญสมาธิเช่นกัน เมื่อเจ้าประสบความสำเร็จในการบำเพ็ญสมาธิแล้ว การปีนภูเขาเวิ่นซินจะไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป”
ในตอนท้ายของคำอธิบาย อวิ๋นจื่อดูเหมือนจะจำบางสิ่งบางอย่างได้และกล่าวเสริม “ขอแสดงความยินดีที่ได้เป็นศิษย์ของนิกายเหวินเต๋า”
อวิ๋นจื่อโบกมือ ข้อมือของนางสั่นไหว หมอกน้ำลอยขึ้นมาก่อตัวเป็นก้อนเมฆที่ยกทุกคนขึ้นไป
ลู่หยางเหยียบบนก้อนเมฆและเห็นว่าระยะห่างจากพื้นดินเริ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ เขากลืนน้ำลายและกุมหัวใจของตนไว้แน่น
การบำเพ็ญเซียนช่างน่าตื่นเต้นยิ่งนัก
อวิ๋นจื่อยืนอยู่บนเมฆและพูดกับศิษย์น้องด้านล่างที่ทำงานเสร็จแล้ว “วันนี้พวกเจ้าทำงานหนักมามากแล้ว หลังจากทำความสะอาด พวกเจ้าก็ไปทำธุระตนเองต่อเถิด”
ศิษย์น้องและศิษย์น้องหญิงพูดพร้อมกันว่า “ขอรับ/เจ้าค่ะ” ก่อนจะรื้อบันไดที่ลู่หยางและอีกคนหนึ่งทำไว้
ลู่หยางไม่กล้าลืมตา แต่เมื่อได้ยินคนอื่นพูดชื่นชมทิวทัศน์ที่สวยงามอย่างตื่นเต้น เขาก็อดไม่ได้ที่จะลืมตาด้วยความอยากรู้อยากเห็น และตกใจกับภาพตรงหน้าทันที
ภูเขาลูกหนึ่งตั้งอยู่ใจกลางแนวภูเขา มีกำแพงสูงหลายร้อยจั้งที่ตั้งตระหง่านสู่ท้องฟ้า ทั้งสี่ด้านสูงชันเป็นแนวดิ่งราวกับกระบี่เซียนที่ประณีตนับร้อยเล่ม ภูเขาแปดลูกเต็มไปด้วยบรรยากาศพิเศษ บริเวณโดยรอบมีภูเขาอยู่ขอบนอกสุด และมีภูเขามากมายห้อมล้อมภูเขาหลักทั้งเก้า
ภูเขาซ้อนกันเป็นชั้น ๆ คล้ายดอกบัวที่เบ่งบานอย่างน่าหลงใหล!
เมฆหมอกปกคลุมภูเขาทั้งเก้าลูกทำให้ดูเร้นลับมากขึ้น
อวิ๋นจื่อกล่าวอย่างใจเย็น “มีขุนเขาเก้าลูกที่เป็นศูนย์กลางของนิกายเหวินเต๋า ขุนเขาตรงกลางคือสถานที่ซึ่งประมุขนิกายพักอยู่ ชื่อขุนเขาประตูสวรรค์ อีกแปดขุนเขานั้นอยู่ภายใต้การดูแลของผู้อาวุโสทั้งแปด ผู้อาวุโสทั้งแปดต่างก็มีจุดเด่นของตนเอง ดังนั้น หน้าที่ของขุนเขาทั้งแปดนี้ก็ย่อมแตกต่างกัน”
“นอกเหนือจากภูเขาเหล่านี้ บางแห่งยังเป็นสถานที่ทดลองของนิกาย บางแห่งเป็นส่วนขยายของขุนเขาผู้อาวุโส บางแห่งเป็นสถานที่ที่ใช้ในการสั่งสอนศิษย์ มีบางแห่งที่หากตบะไม่กล้าแกร่งพอ พวกเจ้าก็จะตาย ไม่สามารถอธิบายสิ่งเหล่านี้เป็นคำพูดได้ทั้งหมด... พวกเจ้าค่อยสำรวจต่อไปในอนาคต”
“การบำเพ็ญเซียนขึ้นอยู่กับโชคชะตา ก่อนเดือนหน้า พวกเจ้าสามารถเคลื่อนไหวในนิกายเหวินเต๋าได้อย่างอิสระ พวกเจ้าสามารถไปที่ภูเขา หรือไปที่ศาลาคัมภีร์และสอบถามอาจารย์ ศิษย์พี่ และผู้อาวุโสได้”
“หลังจากหนึ่งเดือน พวกเจ้าต้องเลือกผู้อาวุโสเป็นอาจารย์ แน่นอนว่าผู้อาวุโสต้องตกลงรับเจ้าเป็นศิษย์ของเขาเสียก่อน”
หมานกู่ถาม “เลือกได้แค่ผู้อาวุโสเท่านั้นหรือขอรับ เป็นไปได้หรือไม่ที่จะเลือกประมุขนิกายเป็นอาจารย์”
“สิ่งนั้นก็เป็นไปได้เช่นกัน แต่ประมุขนิกายไม่ชอบที่จะสั่งสอนศิษย์ ความน่าจะเป็นที่จะเป็นศิษย์ของเขานั้นมีน้อยมาก”
แม้อวิ๋นจื่อจะพูดเช่นนี้ แต่ก็ยังมีคนจำนวนมากที่ต้องการบำเพ็ญเพียรภายใต้ร่มเงาของประมุขนิกาย
นิกายเหวินเต๋าเป็นหนึ่งในห้านิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ในทวีปจงหยาง สถานะและความแข็งแกร่งของประมุขนิกายนั้นอยู่เหนือจินตนาการ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเขามีคู่ต่อสู้เพียงไม่กี่คนในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน การเป็นศิษย์ของประมุขนิกายผู้มากฝีมือเช่นนี้ย่อมเป็นประโยชน์อย่างเห็นได้ชัด!
“จะมีคนพาเจ้าไปที่ถ้ำของเจ้าในภายหลัง”
“ลู่หยาง เมิ่งจิ่งโจว พวกเจ้าสองคนอยู่ที่นี่ก่อน”