ตอนที่แล้วเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 3 ดูซื่อสัตย์ไม่น้อย
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 5 ข้าคิดว่าด่านที่สามคือการทดสอบสติปัญญา

เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 4 นำมาให้ข้า!


เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 4 นำมาให้ข้า!

"ม่ายยย ขวานของข้า!" เมิ่งจิ่งโจวตะโกนราวกับอยากไปคว้าขวานตนเองกลับมา

วิญญาณแห่งแม่น้ำถือขวานสามเล่มขึ้นมาแล้วปรากฏตัวบนแม่น้ำ

“หนุ่มน้อย เจ้า…”

ป๋อม-

ก่อนที่วิญญาณแห่งแม่น้ำจะพูดจบ เขาก็เห็นเมิ่งจิ่งโจวเคลื่อนไหวอย่างกะทันหันและกระโดดลงแม่น้ำพร้อมกับสร้างฟองน้ำขนาดใหญ่กว่าตนเองขึ้นมา

เกิดอะไรขึ้น?

วิญญาณแห่งแม่น้ำตกตะลึง นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเผชิญกับสถานการณ์เช่นนี้

ฟองน้ำค่อย ๆ ลดลงจนหายไป พื้นผิวแม่น้ำสงบอย่างน่าขนลุก ยกเว้นลมหายใจของวิญญาณแห่งแม่น้ำ ซึ่งทำให้เกิดระลอกคลื่นเป็นวงกลมใต้ฝ่าเท้าของเขา

“เหตุใดไม่มีการเคลื่อนไหว เขาจะไม่จมน้ำใช่หรือไม่?” วิญญาณแห่งแม่น้ำพึมพำ เขาไม่ได้กังวลนักว่าเมิ่งจิ่งโจวจะจมน้ำจริง ๆ นี่เป็นภาพมายาและไม่มีใครจมน้ำได้

ก่อนที่วิญญาณแห่งแม่น้ำจะรู้ว่าเมิ่งจิ่งโจวต้องการทำอะไร การเปลี่ยนแปลงก็เกิดขึ้นอีกครั้ง!

ระลอกคลื่นบนพื้นผิวแม่น้ำกระเพื่อมบ่อยขึ้นเรื่อย ๆ และวิญญาณแห่งแม่น้ำก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาควบคุมความแข็งแกร่งของเขาไว้เป็นอย่างดี และระลอกคลื่นไม่ควรเกิดจากลมหายใจของเขา

เขาตอบสนอง "เจ้าเด็กคนที่กระโดดแม่น้ำเมื่อครู่ไม่ใช่หรือ!"

เขาเห็นร่องรอยรัศมีสีทองผสมอยู่ในแม่น้ำ และไอน้ำบนผิวน้ำก็ให้ความรู้สึกพิศวงอย่างมาก ราวกับว่ามีบางอย่างที่น่าสะพรึงกลัวอยู่ในก้นแม่น้ำ!

ตัวตนที่น่าสะพรึงทำให้ผู้คนรู้สึกใจสั่น!

มีน้ำพุสามแห่งปะทุออกมาในแม่น้ำ และมีขนาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ หมอกสีทองสาดกระเซ็นเต็มผิวแม่น้ำ ทำให้วิญญาณแห่งแม่น้ำไม่สามารถมองเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ชั่วขณะหนึ่ง

ลมไร้ทิศได้พัดพาหมอกสีทองให้จางหายไป

ร่างทั้งสามปรากฏขึ้น ทั้งหมดดูเหมือนเมิ่งจิ่งโจว แต่กลิ่นอายของพวกเขากลับมีอำนาจสั่นสะเทือนโลก

วิญญาณแห่งแม่น้ำสั่นเทา นี่เป็นปฏิกิริยาตามสัญชาตญาณจากส่วนลึกของจิตวิญญาณของเขา!

มนุษย์เมิ่งจิ่งโจว ผู้บำเพ็ญเซียนเมิ่งจิ่งโจว และเซียนเมิ่งจิ่งโจว!

นี่คือกฎดั้งเดิมของภาพมายา หากมีสิ่งใดตกลงไปในแม่น้ำ สิ่งนั้นจะมีการเปลี่ยนแปลงสามประการ ได้แก่ มนุษย์ วิญญาณ และเซียน

“เอาขวานมาให้ข้า” เมิ่งจิ่งโจวทั้งสามพูดพร้อมกันและหยิบขวานของตัวเองกลับมา

เมื่อมีเซียนเมิ่งจิ่งโจวปรากฏอยู่ไม่ห่าง วิญญาณแห่งแม่น้ำก็ไม่มีอำนาจที่จะต่อสู้กลับ และต้องมอบขวานของตนให้แก่ร่างทั้งสาม

เซียนเมิ่งจิ่งโจวได้รับอาวุธเซียน: ขวานเบิกสวรรค์

ผู้บำเพ็ญเซียนเมิ่งจิ่งโจวได้รับอาวุธวิญญาณ: ขวานเบิกภูผา

มนุษย์เมิ่งจิ่งโจวแกล้งวางมาด และใช้ประโยชน์จากความสับสนของวิญญาณแห่งแม่น้ำในการตอบสนองและได้รับขวานชำรุด

ด้วยขวานสามเล่มในมือ ภาพมายาก็พังทลายลง และเมิ่งจิ่งโจวก็ผ่านด่านนั้นไปได้

ผู้ที่ผ่านด่านที่สองจะหมดสติชั่วคราว ซึ่งเป็นกลไกการป้องกันตนเองของร่างกาย

...

ทุกคนในนิกายเหวินเต๋ามองไปที่ลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวที่ผ่านด่านที่สอง และนิ่งเงียบอยู่นาน

คนซื่อสัตย์ที่ว่าอยู่ที่ใดแล้ว?

อวิ๋นจื่อเงียบ นางมีลางสังหรณ์ว่าหากสองคนนี้เข้าสู่นิกายเหวินเต๋า นิกายเหวินเต๋าก็จะไม่มีวันสงบสุขอีกต่อไป

นางได้แต่หวังว่าลางสังหรณ์จะผิด

วิญญาณแห่งแม่น้ำที่แท้จริงปรากฏขึ้น เขาถือขวานทองคำและขวานเงินสองเล่ม จากนั้นก็พุ่งเข้าหาลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวอย่างน่าสะพรึงกลัว

ในฐานะวิญญาณผู้พิทักษ์ของนิกายเหวินเต๋า เขาไม่เคยได้รับความอับอายและความอัปยศอดสูเช่นนี้มาก่อน

“อย่าหยุดข้า วันนี้ข้าต้องสอนบทเรียนให้เจ้าสารเลวน้อยสองคนนี้ ตัดมือและเท้าของพวกเขาเพื่อเป็นการทำโทษ!” เมื่อเห็นสิ่งนี้ ศิษย์ของนิกายเหวินเต๋าก็รีบรุดหน้าหยุดยั้งวิญญาณแห่งแม่น้ำที่โกรธแค้นอย่างรวดเร็ว

“ผู้อาวุโสวิญญาณแห่งแม่น้ำท่านทำเช่นนั้นไม่ได้ขอรับ!”

“ผู้อาวุโสวิญญาณแห่งแม่น้ำโปรดสงบใจก่อนขอรับ”

“หากผู้ที่มาทดสอบได้รับอุบัติเหตุ สิ่งนี้จะทำให้ชื่อเสียงนิกายเหวินเต๋าของเราแพร่สะพัดอย่างเน่าเฟะได้นะขอรับ!”

ในท้ายที่สุด ไต้ปู้ฝานก็ก้าวออกมาข้างหน้า และหยุดวิญญาณแห่งแม่น้ำที่กำลังโกรธแค้น

“ผู้อาวุโสวิญญาณแห่งแม่น้ำ ไม่ต้องกังวล การทดสอบด่านที่สามออกแบบโดยข้า ไต้ปู้ฝาน และข้าจะสอนบทเรียนให้กับสองคนนั้นอย่างแน่นอน”

เมื่อเห็นไต้ปู้ฝานให้คำมั่น ในที่สุดวิญญาณแห่งแม่น้ำก็ยอมแพ้

ด่านที่สามคือด่านสุดท้าย และมีสองข้อเสนอ ข้อเสนอหนึ่งเสนอโดยอวิ๋นจื่อ ซึ่งอ่อนโยนกว่าสิ่งที่ไต้ปู้ฝานเสนอ ซึ่งค่อนข้างโหดร้าย ทั้งสองสามารถทดสอบจิตใจได้ และหลังจากหารือกัน พวกเขาก็ได้ข้อเสนอสุดท้าย

แผนของอวิ๋นจื่อนั้นอ่อนโยนเกินไป และจะไม่มีการลงโทษแม้ว่าจะล้มเหลว หากพวกเขาต้องการสงบความโกรธของวิญญาณแห่งแม่น้ำ พวกเขาทำได้เพียงเลือกแผนของไต้ปู้ฝานเท่านั้น

อวิ๋นจื่อไม่ได้คัดค้านเรื่องนี้

เป็นการดีที่จะปล่อยให้เด็กน้อยสองคนนี้ต้องทนทุกข์ทรมานบ้างเล็กน้อย

ด่านที่สองได้คัดกรองผู้คนออกไปจำนวนมาก เมื่อเผชิญกับการล่อลวงของขวานทั้งสาม หลายคนได้ทำตามความปรารถนาภายในของตน และหลอกวิญญาณแห่งแม่น้ำให้มอบขวานเบิกสวรรค์และขวานเบิกภูผา

หลังจากถูกคัดออก พวกเขาทั้งหมดบ่นว่าด่านที่สองนั้นยากเกินไป

แต่ไม่ใช่ทุกคนที่บ่นว่ามันนั้นยากเกินไป เนื่องจากคนที่ผ่านด่านที่สองนั้นไม่ได้บ่น

...

"ด่านที่สองนั้นค่อนข้างง่าย" หมานกู่พูด

"เพียงแค่พูดความจริงก็ผ่านแล้ว"

ทุกคนที่กำลังเฝ้ารอด่านที่สามพยักหน้า ดังที่หมานกู่พูด

“อะไรกัน พวกเขาไม่ได้ให้เรากระโดดลงแม่น้ำแล้วแย่งชิงขวานจากวิญญาณแห่งแม่น้ำหรอกหรือ?” เมิ่งจิ่งโจวตะโกน เหตุใดคนอื่นถึงใช้วิธีอื่นต่างจากเขา?

ลู่หยางกลอกตาไปที่เมิ่งจิ่งโจว และรู้สึกว่าอีกฝ่ายช่างโง่เขลาเสียจริง

"หากวิญญาณแห่งแม่น้ำไม่ใช่ภาพมายา แต่มีตัวตนจริง นั่นจะไม่ใช่การรนหาที่ตายหรอกหรือ?"

"เจ้าควรทำเหมือนข้า โดยการให้วิญญาณแห่งแม่น้ำมอบขวานทั้งสามเล่มให้จับดูก่อน จากนั้นจึงโยนพวกมันทั้งหมดลงในแม่น้ำอีกที ฉะนั้นจึงถือได้ว่าเราทำขวานทั้งสามหล่นลงแม่น้ำ”

ทันใดนั้นเมิ่งจิ่งโจวก็ตระหนักได้ "เจ้ายังฉลาดเช่นเดิม"

ทุกคนมองดูลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวอย่างเงียบ ๆ และสรุปประสบการณ์ของพวกเขาและเริ่มสงสัยว่าพวกเขาคิดผิดหรือไม่?

หมานกู่พยักหน้าเบา ๆ พ่อของเขาเคยบอกไว้ว่า หากเผ่าพันธุ์หมานเย่อหยิ่งและทำตัวโง่เขลา ใจแคบ พวกเขาจะต้องตายอย่างแน่นอน

ในฐานะทายารุ่นต่อไป เขาต้องเอาชนะข้อบกพร่องนี้ และเรียนรู้จากผู้อื่นด้วยจิตใจที่เปิดกว้าง

หมานกู่รู้สึกว่าเขาได้พบคนให้เรียนรู้แล้ว

ในขณะที่ทุกคนกำลังพูดคุยถึงวิธีที่ถูกต้องในการผ่านด่าน อวิ๋นจื่อ ไต้ปู้ฝาน และศิษย์นิกายเหวินเต๋าคนอื่น ๆ ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น

ไต้ปู้ฝานเผยรอยยิ้ม เขาพลิกฝ่ามือ และภูเขาขนาดเท่าฝ่ามือก็ปรากฏขึ้น ภูเขาตั้งตระหง่านตามสายลม และเพียงไม่กี่ลมหายใจมันก็สูงถึงร้อยจั้ง

ทุกคนอุทานด้วยเสียงต่ำ แม้ในหมู่ผู้บำเพ็ญเซียนก็ยากที่จะทำเช่นนี้

ภูเขามีป่าไม้หนาทึบและเขียวชอุ่มราวกับภูเขาของจริง ด้านหนึ่งของภูเขามีบันไดยาวทอดยาวไปสู่ขุนเขาโดยตรง

“สิ่งประดิษฐ์นี้เรียกว่าภูเขาเวิ่นซิน[1] มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่ข้าขอให้ผู้อาวุโสหลอมสร้างมัน บนภูเขาเวิ่นซิน ผู้บำเพ็ญเซียนและมนุษย์ทุกคนล้วนเท่าเทียมกัน สิ่งที่พวกเจ้าต้องทำคือปีนภูเขาเวิ่นซิน ยิ่งปีนสูงเท่าไรก็ยิ่งมั่นคงมากขึ้นเท่านั้นเท่านั้น หน้าที่ของพวกเจ้าคือปีนจนถึงบันไดขั้นที่ 50 เช่นนั้นเจ้าก็จะผ่านไปได้”

มีคนถามว่า "เช่นนั้นหมานกู่จะไม่ได้เปรียบกว่าผู้อื่นหรอกหรือขอรับ?"

หมานกู่อายุสิบห้าปี ทว่ามีร่างกายราวกับอายุยี่สิบก็มิปาน เช่นนั้นเขาก็ย่อมมีข้อได้เปรียบ เพียงก้าวเดียวก็นำหน้าคนอื่นไปสองก้าวแล้ว

ไต้ปู้ฝานยิ้มและกล่าวว่า "ไม่ต้องกังวล ภูเขาเวิ่นซินจะทำให้สมรรถภาพทางกายของทุกคนอยู่ในระดับเดียวกัน ไม่ว่าพวกเขาจะเป็นมนุษย์หรือผู้บำเพ็ญเซียน พวกเขาทั้งหมดจะกลายเป็นมนุษย์ในภูเขาเวิ่นซินของข้า

“มีเวลาจำกัดหรือไม่ขอรับ?” อีกคนถาม

“ไม่มี”

ทุกคนดีใจกันใหญ่ เนื่องจากไม่จำกัดเวลา หมายความว่าหากพยายามย่อมผ่านได้ไม่ใช่หรือ? เหตุใดจะต้องกังวลอีก

หรือว่าด่านที่สามเป็นเพียงพิธีการบังหน้า?

“เราสามารถใช้อาวุธวิเศษได้หรือไม่ขอรับ?” พวกเขามีอาวุธวิเศษที่ตระกูลมอบให้ ซึ่งสามารถใช้ได้โดยไม่อาศัยปราณใด ๆ

ไต้ปู้ฝานยิ้มอย่างยินดี "ได้แน่นอน"

[1] ภูเขาเวิ่นซิน(问心山) แปลว่า ภูเขาถามหัวใจ

0 0 โหวต
Article Rating
1 Comment
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด