เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 3 ดูซื่อสัตย์ไม่น้อย
เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 3 ดูซื่อสัตย์ไม่น้อย
"อืม... เหตุใดชื่อสามัญถึงเหมือนชื่อทางการมากกว่าชื่อทางการเสียอีก" ลู่หยางกระซิบอยู่ข้างหลัง
"เพราะผู้อาวุโสคนแรกที่มีรากวิญญาณหยางบริสุทธิ์ถูกเรียกว่าเรียกรากวิญญาณเดียวดาย” ตบะของอวิ๋นจื่อนั้นสามารถรับรู้การกระซิบของลู่หยางได้ไม่ต่างจากการตะโกน นางได้ยินอย่างชัดเจน
อวิ๋นจื่อหยุดเอ่ยชั่วคราวและกล่าวว่า "โลกแห่งการบำเพ็ญเซียนมักจะเคารพผู้อาวุโสที่โดดเดี่ยว"
ดูเหมือนว่าการพูดประโยคดังกล่าวจะสามารถเพิ่มการโน้มน้าวใจได้เล็กน้อย
เมิ่งจิ่งโจวผ่านด่านแรกโดยธรรมชาติ จากนั้นก็คราของลู่หยาง
"หืม? รากวิญญาณเดียวดายอีกอันหรือ?!" ไต้ปู้ฝานมึนงง เขาเพิ่งบ่นว่าไม่ได้พบกับรากวิญญาณมาเกือบทั้งวัน ไฉนตอนนี้กลับโผล่มาสองคนติดต่อกัน
"ข้ามีรากวิญญาณเดียวดายรึ?" ลู่หยางชี้ใบหน้าตัวเองอย่างมีนงง หัวใจของเขาเต้นแรงราวมีคนตีกลองอยู่ภายในก็มิปาน ทว่าใบหน้ากลับเผยรอยยิ้มขึ้นมา
"รากวิญญาณเดียวดายของเจ้ากลายพันธุ์เป็นรากวิญญาณกระบี่” ไต้ปู้ฝานพยักหน้า บ่งบอกว่าตนมั่นใจในการตรวจสอบรากกระดูกเต็มสิบส่วน
รากวิญญาณกระบี่กลายพันธุ์ มันคือรากวิญญาณกระบี่ที่แหลมคมและรุ่งโรจน์อย่างถึงที่สุด!
ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นจื่อเหลือบมองลู่หยางด้วยความประหลาดใจเล็กน้อย นางเพียงแค่เหยียบขึ้นรถม้าอย่างสบายใจ แต่นางไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองคนในรถม้ากลับกลายเป็นอัจฉริยะในการบำเพ็ญเพียร
สายตาของทุกคนเริ่มกระตือรือร้นมากขึ้นเรื่อย ๆ ส่วนหญิงสาววัยเดียวกับลู่หยางก็กระตือรือร้นที่จะลักพาตัวเขาเข้าไปในคฤหาสน์ของตน
เขาต่างจากเมิ่งจิ่งโจวที่มีตระกูลเมิ่งหนุนหลัง เห็นได้ชัดว่าลู่หยางเป็นเพียงปุถุชนธรรมดา ไร้คนคุ้มกะลาหัว
หากมีความสามารถ ทว่าไม่มีอํานาจ เขาก็เป็นเพียงเป้าหมายที่ดีที่สุดในการผูกมัดเข้ามาในตระกูลหรือขุมอำนาจของพวกเขา
สิ่งที่สําคัญที่สุดคือเขายังสามารถแต่งงานและมีลูกได้!
ลู่หยางรู้สึกว่าทุกคนมองเขาอย่างแปลกประหลาด ฉะนั้นจึงย่ำเท้าไปยังด่านที่สองเร็วไว
ด้านหลังไต้ปู้ฝานเป็นป่าไผ่ เป็นสถานที่ใช้ทดสอบด่านที่สอง
"เป็นอย่างไรบ้าง เจ้ามีรากวิญญาณชนิดใดหรือ?" เมิ่งจิ่งโจวปล่อยวางเรื่องวิญญาณเดียวดายอย่างรวดเร็ว และไถ่ถามลู่หยาง
รากวิญญาณเดียวดายนั้นทำให้เขาไม่สามารถมีอิสตรีผู้ใดเดินเคียงข้าง ทว่าเขาไม่ต้องการสตรี!
ในทางตรงกันข้าม ลู่หยางอาจมีเพียงรากวิญญาณคู่ และอาจถือเป็นเพียงอัจฉิรยะธรรมดา
ในฐานะอัจฉริยะที่ไม่มีใครเทียบได้ที่มีรากวิญญาณเดียวดาย เขาไม่ควรใส่ใจเกี่ยวกับอัจฉริยะธรรมดา
"รากวิญญาณกระบี่"
"ท่านย่าเจ้าเถอะ!"
"อะไรรึ?" ลู่หยางสับสน
หลังจากนั้นอีกครึ่งวัน คนที่อยู่เบื้องหลังเส้นก็เข้าสู่ด่านที่สองทีละคน ไต้ปู้ฝานคัดผู้คนที่ต่ำกว่ามาตรฐานออกไป
เมื่อฟังการสนทนาของคนที่อยู่เบื้องหลังได้ไม่นาน ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นจื่อก็ปรากฏตัวต่อหน้าทุกคนและเอ่ยประโยคเบา ๆ
หมอกหนาปรากฏราวกับควันไฟ และคลื่นที่กว้างใหญ่ก็ได้ปกคลุมทั่วป่าไผ่
ทุกคนต้องการต่อต้าน แต่คิดแล้วตนก็คงทำอะไรไม่ได้ พวกเขาอ่อนแอเกินไป จากนั้นสติทุกคนก็จมดิ่งลง
นี่คือป่าไผ่มายา เป็นอาณาเขตของผู้พิทักษ์นิกาย ฉะนั้นคนเหล่านี้จะต้านทานได้อย่างไร?
อวิ๋นจื่อวาดวงกลมเพื่อปัดเป่าม่านหมอก และสั่งให้ศิษย์นิกายเหวินเต๋ายืนอยู่ข้างหลังนาง
ไต้ปู้ฝานกล่าวด้วยรอยยิ้ม “การตกอยู่ในป่าไผ่มายาจะทําให้พวกเขาหลงลืมตัวตน หลงลืมการทดสอบ หลงลืมทุกอย่าง และเผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ข้าไม่รู้ว่าจะมีกี่คนที่สามารถผ่านด่านที่สองได้ในครานี้”
"ข้าหวังว่าพวกเขาจะผ่านไปได้ มีต้นกล้าที่ดีหลายต้นในรอบนี้ คงน่าเสียดายหากพวกเขาถูกคัดออกในด่านที่สอง"
อวิ๋นจื่อไม่ได้ขับไล่เมิ่งจิ่งโจวและลู่หยางออกจากการทดสอบ เพราะคําถามที่เมิ่งจิ่งโจวได้รับมานั้นไม่ใช่ของปีนี้ แต่เป็นเมื่อยี่สิบปีก่อน
"ข้าไม่รู้ว่าศิษย์น้องผู้ใดขายมัน"
"ศิษย์น้องไต้ เจ้าคิดว่าใครจะผ่านด่านที่สองไปได้"
"โดยธรรมชาติแล้วควรเป็นชายหนุ่มจากเผ่าพันธุ์หมาน เผ่าพันธุ์หมานล้วนเป็นคนที่มีจิตใจเรียบง่ายและแน่วแน่”
"ข้ายังมองว่าคนที่มีรากวิญญาณเดียวดายและรากวิญญาณกระบี่นั้นดูซื่อสัตย์ไม่น้อย พวกเขาน่าจะผ่านได้เช่นกัน"
อวิ๋นจื่อนึกถึงฉากที่ลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวคุยกันถึงวิธีการโกงบนรถม้าและรู้สึกว่าทั้งสองคนไม่ตรงกับคำว่า ‘ซื่อสัตย์’ แม้แต่น้อย
...
"ข้าอยู่ที่ไหน" ชายหนุ่มจากเผ่าพันธุ์หมานนามว่าหมานกู่มองไปรอบ ๆ อย่างสงสัยโดยหลงลืมไปว่าเกิดอะไรขึ้น
เขาถือขวานที่ชํารุดทรุดโทรมและยืนอยู่ริมแม่น้ำ ซึ่งเปล่งประกายอย่างสวยงาม
มือของหมานกู่โยนขวานตกลงไปในแม่น้ำ ทว่าไม่นานก็มีเซียนปรากฎขึ้นมาจากแม่น้ำ
"ชายหนุ่ม ข้าคือวิญญาณแห่งแม่น้ำ เจ้าทำขวานชำรุดเล่มนี้หล่น หรือว่าขวานวิญญาณเบิกภูผาเล่มนี้ หรือเป็นขวานเซียนเบิกสวรรค์เล่มนี้"
ขวานวิญญาณเบิกภูผาและขวานเซียนเบิกสวรรค์เหล่านี้เป็นขวานที่มีชื่อเสียงในทวีปจงหยาง แม้ว่าพวกเขาจะเป็นมนุษย์ที่ไม่มีความสามารถ หากพวกเขาได้รับขวานทั้งสองนี้พวกเขาสามารถทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า และกลายเป็นตัวตนทรงอำนาจได้ในบัดดล
หมานกู่พูดออกมา "ขวานชํารุด"
วิญญาณแห่งแม่น้ำเผยรอยยิ้ม "เจ้าเป็นชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์ ข้าจะมอบขวานทั้งสามนี้ให้เจ้า"
หมานกู่ผ่านด่านที่สอง
"ดูสิ ข้าบอกแล้วว่าชายเผ่าพันธุ์หมานจะสามารถผ่านด่านที่สองได้อย่างแน่นอน ข้าจะคอยดูว่ารากวิญญาณเดียวดายและรากวิญญาณกระบี่จะเลือกอย่างไร” ไต้ปู้ฝานรับชมด้วยความสนใจ
ด่านที่สองคือการทดสอบความซื่อสัตย์และมาตรฐานสําหรับการผ่านด่านคือการได้รับขวานสามเล่ม
วิญญาณแห่งแม่น้ำไม่ใช่ภาพมยา เขาเกิดในแม่น้ำสายเล็ก ๆ ที่ล้อมรอบป่าไผ่ และเขาเป็นสิ่งมีชีวิตตามธรรมชาติ
เขาได้ใช้งานอาณาเขตพลังภาพมายา และทดสอบทุกคนมาหลายชั่วอายุคน
วิญญาณแห่งแม่น้ำชอบคนที่ซื่อสัตย์ และมีวิธีเดียวที่จะผ่านด่านที่สอง นั่นคือการตอบคําถามของวิญญาณแห่งแม่น้ำอย่างตรงไปตรงมา และทำให้วิญญาณแห่งแม่น้ำมอบขวานทั้งสามเล่มให้
...
"ขวานตกลงไปในแม่น้ำได้อย่างไรกัน?" ลู่หยางฉงนใจเล็กน้อย เขารู้สึกว่าเหมือนมีพลังที่อธิบายไม่ได้ที่บังคับเขาให้โยนขวานลงไปในแม่น้ำ
วิญญาณแห่งแม่น้ำปรากฏตัวอีกครั้งและถามลู่หยางเบา ๆ “หนุ่มน้อย ข้าคือวิญญาณแห่งแม่น้ำ เจ้าทิ้งขวานที่ชำรุดเล่มนี้ไว้ หรือว่าขวานวิญญาณเบิกภูผาเล่มนี้ หรือจะเป็นขวานเซียนเบิกสวรรค์เล่มนี้?”
ลู่หยางนั่งยอง ๆ พร้อมจ้องมองไปที่ขวานสามเล่มที่แตกต่างกันและเงยหน้าขึ้นมองวิญญาณแห่งแม่น้ำ ราวกับว่ากำลังมองคนปัญญาอ่อนอย่างเวทนา “ขวานสองเล่มจะต้องเป็นของท่าน ท่านไม่รู้หรือว่าขวานเล่มใดเป็นของท่าน แล้วท่านจะมาถามข้าทำไมกัน?”
รอยยิ้มของวิญญาณแห่งแม่น้ำพลันแข็งทื่อ เขาไม่รู้ว่าจะพูดอะไรตอบโต้ ดังนั้นเขาจึงไหลตามคําพูดของลู่หยางและพูดว่า “ข้าไม่รู้จริง ๆ ว่าขวานเล่มใดเป็นของข้า”
ลู่หยางมองวิญญาณแห่งแม่น้ำอย่างวอกแวก “หากข้าเลือกขวานไปสักเล่ม ท่านก็คงจะฟื้นความทรงจำกลับมา และจดจําได้ว่าขวานเล่มใดเป็นของท่านใช่หรือไม่”
"ไม่ใช่เช่นนั้นอย่างแน่นอน” วิญญาณแห่งแม่น้ำพูดอย่างมั่นใจ
"นำขวานทั้งสามเล่มมาให้ข้าดูใกล้กว่านี้ได้หรือไม่"
วิญญาณแห่งแม่น้ำมอบขวานทั้งสามเล่มให้ลู่หยาง
ลู่หยางพลันโยนขวานทั้งหมดลงไปในแม่น้ำ “เมื่อครู่ท่านถามว่ากระไรหรือ?”
วิญญาณแห่งแม่น้ำถามอย่างช้ำใจว่า “เจ้าทำขวานที่ชำรุดเล่มนี้หล่น หรือว่าขวานวิญญาณเบิกภูผาเล่มนี้ หรือจะเป็นขวานเซียนเบิกสวรรค์เล่มนี้?”
ลู่หยางเผยรอยยิ้มบนใบหน้าของเขา “ขออภัย ข้าทํามันหล่นทั้งสามเล่ม”
วิญญาณแห่งแม่น้ำ "..."
เขากัดฟันและพูดว่า "ช่างเป็นชายหนุ่มที่ซื่อสัตย์ ข้าจะมอบขวานทั้งสามนี้ให้เจ้า"