ตอนที่แล้วเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 1 วันนี้เป็นวันดี
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปเซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 3 ดูซื่อสัตย์ไม่น้อย

เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 2 รากวิญญาณเดียวดาย


เซียนกระบี่นอกรีต ตอนที่ 2 รากวิญญาณเดียวดาย

ลู่หยางและเมิ่งจิ่งโจวมีความคิดเดียวในใจเท่านั้น ‘มันจบลงแล้ว พวกเขาพูดคุยกันถึงวิธีการฉ้อโกงต่อหน้าผู้ตรวจสอบ’

ราวกับว่านางไม่รู้เกี่ยวกับแผนการฉ้อโกงของทั้งสอง ศิษย์พี่หญิงอวิ๋นจื่อเหลือบมองพวกเขาและเริ่มจัดการการทดสอบ

เห็นได้ว่านางยังคงมีชื่อเสียงมากในหมู่ศิษย์นิกายเหวินเต๋า และสามารถออกคำสั่งได้เช่นกัน

ศิษย์นิกายเหวินเต๋าเหล่านี้ล้วนแต่เป็นผู้มีอิทธิพลในโลกภายนอก พวกเขาเป็นที่ต้องการของผู้อื่น และเป็นความภาคภูมิใจของสวรรค์

ทว่าศิษย์ที่มีความสามารถเหล่านี้กลับเชื่อฟังคำสั่งของนางโดยไม่ฝ่าฝืนหรือเกียจคร้าน สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงสถานะอันสูงส่งของศิษย์พี่หญิงอวิ๋นจื่อ

“รากกระดูกเป็นด่านแรกบนเส้นทางของการบำเพ็ญเซียน หากรากกระดูกไม่เพียงพอ ไม่ว่าจะทุ่มเททรัพยากรลงไปจำนวนเท่าใด ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะบรรลุเป็นเซียน การทดสอบด่านแรกคือรากกระดูก”

“ทุกคนจะต้องก้าวไปข้างหน้าตามลำดับ หากผู้ใดไม่มั่นใจในรากกระดูกของตนก็เดินออกไปเสีย”

แน่นอนว่าไม่มีผู้ใดก้าวออกไป

ผู้ที่มารับการทดสอบของนิกายเหวินเต๋าย่อมรู้พื้นฐานของตนเอง มีเพียงไม่กี่คนเฉกเช่นลู่หยาง ที่มานิกายเหวินเต๋าเพื่อเสี่ยงโชคเพราะเพียงอยู่ใกล้บ้านเท่านั้น

การคัดเลือกของนิกายเหวินเต๋าด่านแรกนี้คือการป้องกันผู้ที่ไม่ตรงตามข้อกำหนดของนิกาย และต้องการแอบแฝงเข้ามาในนิกายเหวินเต๋า

โดยทั่วไปแล้ว รากกระดูกนั้นจะถูกทดสอบโดยใช้รากกระดูกของจริง ซึ่งมีขนาดใหญ่มากและมองเห็นได้ชัดเจน เมื่อพิจารณาจากพื้นที่ว่างหน้านิกายเหวินเต๋า เห็นได้ชัดว่านิกายเหวินเต๋าไม่มีความตั้งใจที่จะใช้รากกระดูกขนาดใหญ่นั้น

ศิษย์นิกายเหวินเต๋าที่นั่งคอยผู้ทดสอบอยู่ข้างหน้ามีนามว่าไต้ปู้ฝาน เคล็ดวิชาที่เขาฝึกฝนนั้นพิเศษมาก หากปราณวิญญาณไหลเวียนอยู่ในร่างกายของศัตรู เขาสามารถรับรู้ได้ว่ารากกระดูกของศัตรูคืออะไร และวิชายุทธ์อะไร ประตูแห่งชีวิตตั้งอยู่ที่ใด...

หากต้องต่อสู้ เขาก็เหมือนกับปลาได้น้ำ

ไต้ปู้ฝานก็เหมือนกับแพทย์จีนเฒ่าที่คอยสัมผัสชีพจร เพียงทาบสองนิ้วลงบนข้อมือก็สามารถรับรู้รากกระดูกของอีกฝ่ายได้อย่างแม่นยำ

“สามรากวิญญาณ ธาตุทองคำ น้ำ และไฟ ไม่เลว เจ้าผ่าน”

“รากวิญญาณน้ำและไฟ ไม่เลว ไม่เลว”

“รากวิญญาธาตุน้ำและไม้ ทั้งยังได้รับความเสียหายในอดีต เจ้าน่าจะได้รับบาดเจ็บสาหัสเมื่อเจ้าอายุ 12 ปี พูดตามหลักตรรกะแล้ว ควรมีอันตรายที่ซ่อนเร้นอยู่ภายในร่างกายเจ้า ทว่าเจ้ากลับพบยอดฝีมือ ยอดฝีมือผู้นั้นเมตตาและลงมือรักษาเจ้า ตอนนี้เจ้าหายดีแล้ว ทักษะแพทย์ของยอดฝีมือนั้นลึกซึ้ง ซึ่งช่วยเติมเต็มรากฐานของเจ้าให้ไม่สั่นคลอน”

ชายคนนั้นตกใจเล็กน้อย แต่เขาไม่คิดว่าไต้ปู้ฝานจะมองเห็นได้แม่นยำเพียงนี้ “ตอนที่ข้าอายุ 12 ปี แม่ของข้าได้เสียชีวิตด้วยอาการป่วย ทว่าข้ามีแม่เลี้ยง นางกลัวว่าข้าจะส่งผลต่อสถานะบุตรชายของนาง นางจึงวางแผนที่จะทำร้ายข้า ข้าได้รับบาดเจ็บสาหัส เมื่อข้าตื่นขึ้นมาอีกครั้งข้ากลับไม่เป็นอันใด พ่อบอกข้าว่ามียอดฝีมือคนหนึ่งผ่านทางมาช่วยข้าพอดี แต่เขากลับไม่ได้ทิ้งชื่อไว้ก่อนจะจากไป”

หลังจากที่ชายคนนั้นเดินจากไป ศิษย์ของนิกายเหวินเต๋าก็ก้าวไปข้างหน้าเพื่อแสดงความยินดีกับไต้ปู้ฝานเกี่ยวกับความก้าวหน้าในการฝึกฝนของเขา "เพียงแค่จับชีพจรก็สามารถสรุปเหตุและผลของเรื่องได้ ราวกับเห็นมาด้วยตาตนเองก็มิปาน ศิษย์พี่ไต้มีความก้าวหน้าในการฝึกฝน พวกเราขอแสดงความยินดีด้วยขอรับ!”

ไต้ปู้ฝานเอ่ยอย่างใจเย็น "อืม นี่เป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย ยอดฝีมือคนนั้นคือข้าเอง ข้ากำลังรีบเร่งจึงลืมทิ้งชื่อไว้หลังจากช่วยเหลือเขา"

“...”

ขณะที่เขาพูด ไต้ปู้ฝานโบกมือให้ผู้ทดสอบคนต่อไป "อายุ 18 ปี เจ้ามีอายุเกินแล้ว เจ้ากลับไปเสียเถอะ"

พระภิกษุน้อยผู้น่ารักน่าชังถูกนำมาโดยพระภิกษุใหญ่ พร้อมเดินเข้ามาหาไต้ปู้ฝานและทำความเคารพอย่างจริงจัง

ไต้ปู้ฝานเหลือบมองแล้วโยนพระภิกษุน้อยกลับไปหาพระภิกษุใหญ่ “พระภิกษุน้อยของวัดซวนคงมาทำอะไรที่นี่? เจ้ามีตราประทับเจ้าอาวาสของวัดซวนคงอยู่ในร่างกายของเจ้า กลับไปที่วัดซวนคงของเจ้าเสียเถอะ”

“ข้าจำได้ว่าวัดซวนคงเป็นหนึ่งในห้านิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ใช่หรือไม่?” ลู่หยางถามเมิ่งจิ่งโจวด้วยเสียงต่ำ

เมิ่งจิ่งโจวพยักหน้าและพูดอย่างจริงจัง "วัดซวนคงมีลูกศิษย์น้อยที่สุดในบรรดาห้านิกายเซียน อย่างน้อยก็มีเพียงอาจารย์และลูกศิษย์หนึ่งคน และมากที่สุดก็ไม่เกินสิบคน พระภิกษุน้อยผู้นี้ยังไม่ได้ปฏิบัติธรรม ทว่ากลับกลายเป็นศิษย์วัดซวนคงแล้ว เขาต้องมีความเข้าใจในพระธรรมที่ลึกซึ้งแน่แท้”

เมิ่งจิ่งโจวมองดูพระภิกษุน้อยจากวัดซวนคง รู้สึกราวกับว่าเขากำลังเผชิญหน้ากับศัตรูที่น่าเกรงขาม "ข้าคิดว่าเขาจะต้องกลายเป็นอัจฉิรยะในด้านพระธรรม ข้าไม่คิดเลยว่าจะยังมีคนที่มีคุณสมบัติจะเป็นคู่ต่อสู้ของข้าอีก”

ลู่หยางไม่รู้ว่าความมั่นใจของเมิ่งจิ่งโจวผุดมาจากไหน "เจ้าไม่กังวลเลยหรือว่าแม่นางอวิ๋นจื่อจะขับไล่เราออกไป"

“เจ้ากลัวอะไร เจ้าไม่คิดบ้างหรือว่าหากนางขับไล่เราแล้ว นี่ก็ย่อมเหมือนกับสิ่งที่เขียนไว้ในนิยาย นิกายใหญ่เหล่านั้นล้วนตาบอด ชอบกล่าวหา ใส่ร้าย และขับไล่อัจฉริยะออกจากนิกาย อัจฉริยะย่อมรู้สึกเสียดาย พวกเขาพยายามอย่างหนัก ออกผจญภัย และทะยานสู่ท้องฟ้า กลายเป็นสิ่งมีชีวิตที่หลายนิกายทำได้เพียงดูถู- แค่ก แหงนมองขึ้นไป”

ลู่หยางเงียบไปสักพักก่อนจะตักเตือน “แต่ดูเหมือนแม่นางอวิ๋นจื่อนั้นไม่จำเป็นต้องกล่าวหาพวกเราอย่างที่นิยายเขียน”

"เอ่อ นั่นก็จริง"

เมิ่งจิ่งโจวก็ตื่นตระหนกเช่นกัน

“ลมปราณในร่างกายของเจ้านั่นไร้ขอบเขต และไหลเวียนด้วยตนเอง เสื้อผ้าของเจ้าดูจะไม่ใช่คนที่มาจากตระกูลทรงอำนาจ เจ้าเผลอกินผลไม้เซียนไม้เขียวตอนที่เจ้ายังเด็กมาหรือไม่? เจ้าผ่าน”

“รูปร่างของเจ้าช่างน่าสนใจจริง ๆ” ไต้ปู้ฝานทาบนิ้วลงบนชายผู้มีผิวสำริดที่ดูแข็งแกร่ง ดวงตาของเขาเป็นประกาย

“ข้าไม่ได้เห็นสายเลือดเผ่าพันธุ์หมานโบราณมานานแล้ว”

เขาคือชายที่แข็งแกร่งมีรูปร่างสูงโปร่ง ศีรษะเป็นมันเงา ผิวหนังของเขาสะท้อนแสงแดดออกมา เมื่อพิจารณาจากรูปร่างหน้าตาของเขา บางคนอาจคิดว่าเขาอายุมีอายุยี่สิบค่อนปลาย ทว่าไต้ปู้ฝานไม่ได้สงสัยเรื่องอายุของเขา ซึ่งหมายความว่าเขายังอายุไม่ถึงสิบหกปี

ลู่หยางพูดได้เพียงว่าชายผู้นั้นมีพัฒนาการที่ดีมาก

ฝูงชนรู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อย ตำนานกล่าวไว้ว่าเผ่าพันธุ์หมานโบราณเคยชักภูเขาและแม่น้ำขึ้นมา กลืนกินดวงตะวันจันทรา เคยเจริญรุ่งเรืองจนสุดขั้ว จากนั้นก็หายไปในแม่น้ำสายแห่งกาลเวลา

ไม่มีสายเลือดเผ่าพันธุ์หนานโบราณในทวีปจงหยางมาเป็นเวลานาน ทุกคนคิดว่าสายเลือดโบราณนี้สูญหายไปแล้ว แต่ตอนนี้ หนึ่งในนั้นกลับปรากฏตัวโดยไม่คาดคิดในการทดสอบของนิกายเหวินเต๋า

ไต้ปู้ฝานหาววอด เขาตรวจสอบคนไปแล้วครึ่งหนึ่ง เหตุใดเขายังไม่เห็นรากวิญญาณเลยแม้แต่น้อย นิกายอื่นกินรวบไปหมดแล้วหรือ?

เมิ่งจิ่งโจวลุกขึ้นยืนอย่างอ่อนน้อม ทว่าไต้ปู้ฝานก็ยังดูไร้ความหวัง แต่เมื่อทาบนิ้วบนข้อมือของเมิ่งจิ่งโจว ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นพร้อมลุกขึ้นตะโกน "แม่เจ้า รากวิญญาณเดียวดาย…”

เมื่อได้ยินสิ่งที่ไต้ปู้ฝานพูด ฝูงชนก็แตกตื่น รากวิญญาณเดียวดาย!

การมีรากวิญญาณเพียงอย่างเดียวหมายความว่าอย่างไร? คอขวดในแต่ละระดับนั้นหละหลวมกว่าผู้อื่นมาก และถูกกำหนดให้เป็นผู้บำเพ็ญเพียรผู้ยิ่งใหญ่ในวิถีเซียน สามารถดำรงตำแหน่งสูงส่งในราชสำนัก ปกครองแผ่นดิน และกลายเป็นราชา!

ทุกคนเพ่งความสนใจไปที่เมิ่งจิ่งโจวด้วยสายตากระตือรือร้น การผูกมิตรกับคนเช่นนี้ล่วงหน้าย่อมไม่เสียหาย มีแต่ผลประโยชน์!

ผู้อาวุโสรีบบอกให้รุ่นเยาว์สร้างความสัมพันธ์ที่ดีกับเมิ่งจิ่งโจวเมื่อพวกเขาเข้าสู่นิกายเหวินเต๋า

ตระกูลเมิ่ง, รากวิญญาณเดียวกาย และลูกศิษย์ของนิกายเหวินเต๋า เขามีสามอัตลักษณ์รวมกัน แน่นอนว่าในอนาคตเขาจะกลายเป็นบุคคลที่ทรงอิทธิพลในนิกายเหวินเต๋า และผู้บำเพ็ญเซียนผู้ยิ่งใหญ่ที่จะต้องถูกจารึกในประวัติศาสตร์!

“รากวิญญาณเดียวดาย” ไต้ปู้ฝานพูดชื่อเต็มรากวิญญาณของเมิ่งจิ่งโจว

เมิ่งจิ่งโจวโกรธมาก รากวิญญาณเดียวดายหรือ? หมายความว่าอย่างไร? เขาจะต้องเป็นโสดไปตลอดชีวิตหรือไม่?

“ข้าไม่ได้เดียวดาย ท่านอย่าใส่ร้ายข้า!” เส้นเลือดของเมิ่งจิ่งโจวปูดโปนออกมา เขาโกรธเกรี้ยวอย่างมาก

“ศิษย์น้องไต้ อย่าเล่นตลกกับคนอื่น” เสียงใสราวกับเสียงเพรียกของเซียนดังออกมา อวิ๋นจื่อปรากฏตัวจากเมฆหมอกและจ้องมองที่ไต้ปู้ฝาน ซึ่งได้หดคอลงด้วยความรู้สึกผิด

จากนั้นเมิ่งจิ่งโจวก็สงบสติอารมณ์ลงเล็กน้อย ใช่แล้ว ไต้ปู้ฝานคงกำลังโกหกเขาอยู่

อวิ๋นจื่อพูดกับเมิ่งจิ่งโจว "แต่ศิษย์น้องไต้ไม่ได้โกหกเจ้า เจ้ามีรากวิญญาณเดียวดายจริง ๆ นี่คือชื่อทางการของมัน อย่างไรก็ตาม ในโลกแห่งการบำเพ็ญเซียน ทุกคนคุ้นเคยกับการเรียกมันด้วยชื่อสามัญว่า รากวิญญาณหยางบริสุทธิ์

เมิ่งจิ่งโจว "..."

ในที่สุดเขาก็รู้เหตุผลว่าทำไมผู้อาวุโสและผู้นำตระกูลไม่บอกเขาเกี่ยวกับรากวิญญาณของตน

เขาจะรู้เมื่อตนได้เข้าร่วมห้านิกายเซียนที่ยิ่งใหญ่ เห็นได้ชัดว่าพวกเขาเขินอายเกินกว่าจะบอกกล่าว!

ไม่น่าแปลกใจที่พ่อแม่ถามเขาว่า เขาต้องการน้องชายหรือน้องสาวหลังจากตรวจสอบรากวิญญาณเสร็จ

รากวิญญาณเดียวดายนั้นมีความสามารถหลากหลาย เป็นรากวิญญาณหยางบริสุทธิ์, มีธาตุหยางสุดขีด, เป็นปรปักษ์ต่อภูติผีปีศาจ

หากรักษาร่างกายหยางบริสุทธิ์ไว้ ตบะของเขาจะทะยานนับพันลี้ หากทำลายร่างกายหยางบริสุทธิ์ ตบะของเขาจะถดถอย

5 1 โหวต
Article Rating
2 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด