ตอนที่แล้วบทที่ 12 การบ้าน
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 14 เจียเจี๋ยอวี้ได้รับความลำบาก

บทที่ 13 ความขัดแย้งในสวนดอกไม้หลวง


วันต่อมา เมื่อฉินชิงตื่นขึ้นก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายของนางจะแหลกสลาย นางไม่ควรให้ฝ่าบาททำอะไรตามอำเภอใจเพราะเห็นแก่ความอ่อนโยนเมื่อคืนนี้ของเขา ผิดพลาดๆ อ่อนโยนอะไรกัน โกหกทั้งเพ

เขาต้องหลอกนางอย่างแน่นอน พอนางเผลอเขาก็จับนางกินไม่เหลือแม้แต่ชิ้นเดียว เหมือนเมื่อคืนนี้ นางทำได้เพียงร้องขอชีวิต โชคไม่ดีที่เขาไม่ยอมปล่อย บดขยี้นางนานจนกระทั่งดึกดื่นค่อนคืน

วันนี้ฉินชิงตื่นขึ้นมา หยินผิงที่อยู่ข้างๆ ก็มาถามฉินชิงว่าอยากทานอาหารเลยหรือไม่ ตอนยังไม่พูดถึงเรื่องกินข้าวก็ยังดีๆ อยู่ ฉินชิงยังไม่รู้สึกหิวมากนัก แต่พอพูดถึงกินข้าวเท่านั้น ฉินชิงพลันรู้สึกว่าเซลล์ทุกเซลล์ในร่างกายของนางมันร้องประท้วงว่าหิว

เมื่อวางอาหารกลางวันลงบนโต๊ะฉินชิงก็หิวมากจนทนไม่ไหวแล้ว นางมองไปที่หมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริก ปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหู ไก่ขอทาน เต้าหู้ผัดซอส ผัดผักตามฤดูกาล ผัดเห็ดสามสหาย อาหารอร่อยๆ ทุกอย่างบนโต๊ะทำให้นิ้วโป้งอดขยับไม่ได้

นางชิมหมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริกก่อน รสชาติเปรี้ยวๆ หวานๆ ระเบิดในปากของนาง หมูเส้นลื่นๆ นุ่มๆ แทบลื่นลงคอโดยที่ไม่ต้องกลืนเลย

หลังจากกินหมูเส้นผัดกระเทียมใส่พริก ฉินชิงก็อยากกินเนื้อปลา นางจึงหยิบตะเกียบขึ้นมาและหยิบปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหูขึ้นมา สีของปลานึ่งราดซอสเปรี้ยวหวานทะเลสาบซีหูเป็นสีแดง  เนื้อปลานุ่มๆ และมีเนื้อเยอะ มีกลิ่นปูผสมมาเล็กน้อย รสชาติเปรี้ยวหวานมีเอกลักษณ์ รสชาติเปรี้ยวหวานนี้ดึงเอาแมลงที่ตะกละในใจของฉินชิงออกมา

และกลิ่นหอมของไก่ขอทานก็โชยเข้าจมูกของนาง แน่นอนว่าฉินชิงจะไม่ขัดใจต่อกระเพาะของตัวเอง คีบเนื้อไก่ขึ้นมาและใส่เข้าไปในปาก เนื้อไก่กรอบนอกนุ่มใน คงใช้กำลังไฟที่พอดีในการทำ

หลังจากรับประทานอาหารเสร็จฉินชิงก็นอนอยู่บนเตียง ลืมเลือนความเจ็บปวดในร่างกายของตัวเองไปจนหมดสิ้น ดื่มด่ำกับความพอใจในอาหารเลิศรสเหล่านั้น ทำให้จิตใจของนางมีความสุขยิ่งนัก

ฉินชิงถอนหายใจอย่างอดไม่ได้ กินๆ ดื่มๆ นอนๆ ชีวิตช่างสุดแสนวิเศษ

ในตอนนี้ ตำหนักเซวียนเจิ้งก็ส่งคนมา

“ถวายพระพรพระสนมเจา บ่าวนามว่าเสี่ยวเซี่ยจื่อ การบ้านภาพวาดของท่านต่อจากนี้ให้ส่งมอบให้บ่าว บ่าวรับประกันว่าจะส่งถึงมือของฝ่าบาทแน่นอน บ่าวจะมาที่ตำหนักจงชุ่ยทุกสามวัน และขอพระสนมมอบภาพวาดที่ใช้เวลาทั้งสามวันในการวาดให้กับบ่าวในแต่ละครั้ง”

จะมีอะไรที่เลวร้ายไปยิ่งกว่าการได้ฟังเรื่องนี้ นางต้องเริ่มทำการบ้านทุกวันแล้ว

ในเมื่อนางต้องทำการบ้านทุกวัน ฉินชิงก็รู้สึกว่าตารางประจำวันของนางควรจะเปลี่ยน นางไม่อาจหยอกล้อนางกำนัลในทุกเช้าได้แล้ว ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเศร้ามาก

หัวใจของฉินชิงยิ่งรู้สึกขมขื่นมาก เดิมทีนางก็ไม่มีเพื่อนในวัง ตอนนี้แม้แต่ความสนุกก็ต้องหายไป เกิดอาการหดหู่อยู่ครู่หนึ่งฉินชิงก็ไปฝึกวาดภาพต่อ

ทันทีที่ตื่นขึ้นมานางก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง ตอนกลางวันก็งีบหลับไม่ได้เลย จะดีกว่าหากนางเปลี่ยนจากความโศกเศร้ามาเป็นพลังแห่งการต่อสู้ เมื่อฮ่องเต้คิดว่านางมีทักษะการวาดภาพที่ดีขึ้นแล้ว นางก็จะไม่ต้องมาทำการบ้านที่แสนทรมานนี่ทุกวัน

ดวงอาทิตย์คล้อยลงไปทางทิศตะวันตก ฉินชิงอยู่ในห้องหนังสือตลอดทั้งบ่าย ในที่สุดก็วาดภาพที่ตัวเองพอใจออกมาได้แล้ว ดังนั้นจึงให้นางกำนัลเก็บไว้ให้ดี นี่คือการบ้านของนางสำหรับวันนี้

ฉินชิงออกจากห้องหนังสือไปอย่างรีบร้อน เพราะต้องการการปลอบโยนจากอาหารอันเลิศรส การทำการบ้านอะไรเช่นนั้นมันน่ารำคาญสิ้นดี

อาหารเย็นวันนี้มีอาหารหนึ่งอย่างที่รสชาติอร่อยมาก นั่นก็คือเต้าหู้ผัดซอส

พูดถึงเต้าหู้ผัดซอส มีภาษิตแปดคำ แบ่งเป็น ชา เผ็ด ร้อน หอม เปรี้ยว นุ่ม สด ใหม่

ฉินชิงกินอาหารจานนี้ กินข้าวไปเกือบหมด กระทั่งเกิดความสงสัยว่าพ่อครัวคนไหนเป็นคนทำ ถึงได้ทำอาหารออกมาได้อร่อยขนาดนี้ ดังนั้นนางจึงส่งเสี่ยวหนิงจื่อไปถามที่ห้องเครื่อง เสี่ยวหนิงจื่อวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักก็นำข่าวกลับมา

พ่อครัวคนนี้แซ่หลี่ ชื่อเต็มว่าหลี่เต๋อหรง ได้รับคัดเลือกเข้าห้องเครื่องเมื่อครึ่งปีที่แล้ว เป็นคนซีซวน [1] และเป็นพ่อครัวที่มีชื่อเสียงในบ้านเกิด อยู่ในห้องเครื่องมาครึ่งปี พระสนมในวังส่วนใหญ่ไม่ชอบกินเผ็ด เขาจึงทำอาหารที่ตนไม่ถนัดมาตลอด

ครั้งนี้เป็นเพราะคนในห้องเครื่องรู้ว่าฉินชิงชอบลองอาหารอร่อยๆ และชอบกินเผ็ด จึงให้เขาลองทำดู

เมื่อฉินชิงรู้เรื่องนี้ก็ย่อมรู้สึกว่าชีวิตถูกเติมเต็ม เต้าหู้ผัดซอสอร่อยมากขนาดนี้ อาหารซีซวนก็ต้องอร่อยเช่นกัน พอคิดถึงหมูตุ๋น ไก่ผัดพิทักษ์วัง ชิ้นส่วนปอดของสามีและภรรยา [2] เนื้อวัวต้ม หัวปลานึ่งพริกสับ ไก่เสียบไม้ราดซอส ฉินชิงก็น้ำลายไหลแล้ว

ดังนั้นจึงให้เสี่ยวหนิงจื่อนำถุงแดงไปมอบให้กับหลี่เต๋อหรง และถือโอกาสมอบถุงแดงให้เสี่ยวหนิงจื่อด้วย ฉินชิงยังคงใจกว้างกับการมอบรางวัลเสมอ หากต้องการให้ม้าวิ่งก็ต้องให้หญ้าม้ากิน

“เจ้าไปบอกเขา ข้าชอบกินอาหารซีซวน ให้เขาทำหนึ่งหรือสองจานมาส่งให้ข้าทุกวัน”

“พ่ะย่ะค่ะ พระสนม” เสี่ยวหนิงจื่อรับรางวัลไปก็รู้สึกว่ามีเรี่ยวแรงขึ้นมาทั้งตัว ก่อนจะวิ่งไปอย่างรวดเร็ว

เมื่อหลี่เต๋อหรงในห้องเครื่องเห็นเสี่ยวหนิงจื่อกำลังมาเขาก็รู้สึกตื่นเต้นมาก เขารู้ว่าพระสนมเจาส่งคนมาสอบถามเขา

“หนิงกงกง พระสนมเจามีสิ่งใดจะสั่งหรือ?”

“วันดีๆ ของเจ้ามาแล้ว พระสนมชอบกินอาหารซีซวน และขอให้เจ้าทำอาหารซีซวนสักอย่างสองอย่างไปส่งที่ตำหนักจงชุ่ย นี่เป็นรางวัลที่พระสนมให้เจ้า ตั้งใจทำงาน พระสนมเป็นคนใจกว้าง จะให้เจ้าอีกไม่น้อย”

เสี่ยวหนิงจื่อมอบถุงเงินให้หลี่เต๋อหรง เมื่อหลี่เต๋อหรงชั่งน้ำหนักถุงแดงดู ก็รู้สึกว่ามันมีจำนวนมากกว่าเงินเดือนครึ่งปีที่เขาทำในห้องเครื่องเสียอีก

ไม่เคยมีใครในวังให้เงินเขา และเขาก็ใช้ชีวิตอยู่ในวังอย่างอัตคัด เหตุใดครั้งนี้เขาถึงเลือกเต้าหู้ผัดซอส? ก็เพราะว่าเต้าหู้มันมีราคาถูก เนื้อดีๆ เหล่านั้นล้วนถูกแบ่งไปให้พ่อครัวที่ทำงานในห้องเครื่องมาสิบกว่าปี ไม่มีวัตถุดิบดีๆ แน่นอนว่าก็ไม่สามารถทำอาหารที่มีเอกลักษณ์และอร่อยๆ ออกมาได้

แต่ในที่สุดครั้งนี้เขาก็มีโอกาส เขาตัดใจใช้เงินซื้อเต้าหู้เนื้อดีและมีคุณภาพสูงชิ้นเล็กๆ มาทำเต้าหู้ผัดซอส ระหว่างที่รอ ในใจของเขาก็กระสับกระส่ายอย่างมาก

ความคิดที่ดีที่สุดของหลี่เต๋อหรงคือพระสนมคิดว่าอาหารจานนี้ไม่เลว และเขาก็จะทำอาหารสองสามอย่างไปที่ตำหนักจงชุ่ย ไม่ต้องถึงกับทำเป็นหม้อใหญ่ๆ เผื่อขันทีและนางกำนัล

พระสนมชอบอาหารที่เขาทำ สำหรับพ่อครัวคนหนึ่งเป็นเรื่องที่น่ายินดีอย่างยิ่ง หลี่เต๋อหรงดีใจกับข่าวที่คาดไม่ถึง ก่อนจะเอ่ยกับเสี่ยวหนิงจื่อ

“พระสนมชื่นชมข้า ดังนั้นข้าจะต้องทำอาหารให้พระสนมอย่างสุดความสามารถ จะไม่ทำให้พระสนมผิดหวัง หนิงกงกงวางใจได้”

หลังจากฉินชิงกินเสร็จแล้ว นางกลับได้ยินบางอย่างที่น่าสนใจ

เจิ้งกุ้ยเฟยและสนมโหลวมีความขัดแย้งกันในสวนดอกไม้หลวง และยังมีคนคอยผสมโรงอย่างเจียเจี๋ยอวี้และฟางกุ้ยอี้

เรื่องก็มีอยู่ว่า เจิ้งกุ้ยเฟยเดินทางเดียวกับสนมโหลวและบังเอิญเกี้ยวชนกันพอดี ทางเดินในสวนดอกไม้หลวงค่อนข้างแคบ เดินผ่านได้แค่เกี้ยวเดียวเท่านั้น โดยทั่วไปมีคนไม่กี่คนที่เดินอยู่บนถนนเส้นนี้เพราะมันแคบ ดังนั้นเกี้ยวของเจิ้งกุ้ยเฟยและสนมโหลวจึงเลือกถนนสายแคบนี้

กว่าสนมโหลวจะหาโอกาสกดขี่เจิ้งกุ้ยเฟยได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แน่นอนว่าไม่อยากปล่อยโอกาสนี้ไป ดังนั้นจึงใช้เรื่องที่ฟางกุ้ยอี้ตั้งท้องมาบีบบังคับให้เจิ้งกุ้ยเฟยหลีกทางไป

และเมื่อเจิ้งกุ้ยเฟยได้ยินดังนั้นก็ไม่ได้หลีกทางให้ มีอย่างที่ไหนให้สนมตำแหน่งสูงกว่าหลีกทางให้สนมตำแหน่งต่ำกว่า โดยทั่วไปแล้วหากสนมคนอื่นๆ เห็นกุ้ยเฟยนั่งเกี้ยวผ่าน ตามกฎแล้วก็ต้องหลีกทางให้ ต่อให้จะเป็นสนมหรงที่ได้รับความโปรดปรานที่สุดก็ยังต้องทำตามกฎ แล้วการตั้งครรภ์ของฟางกุ้ยอี้จะเป็นข้อยกเว้นได้หรือ? เช่นนี้ต่อไปในอนาคตวังหลังก็คงยุ่งเหยิงไร้กฎระเบียบแล้ว

ทั้งสองไม่ยอมอ่อนข้อกันอยู่นาน ใครก็ไม่ยอมใคร เวลานั้นเจียเจี๋ยอวี้ก็นั่งเกี้ยวมาพอดี เจิ้งกุ้ยเฟยจึงให้เจียเจี๋ยอวี้วิเคราะห์

เจียเจี๋ยอี้เข้าร่วมความขัดแย้งอย่างช่วยไม่ได้ ช่วยเจิ้งกุ้ยเฟยล่วงเกินสนมโหลว ช่วยสนมโหลวล่วงเกินเจิ้งกุ้ยเฟย จะถอยก็ถอยได้ยากแล้ว

ในฐานะสนมใหม่ สุดท้ายเจียเจี๋ยอวี้ก็ต้องเข้าข้างเจิ้งกุ้ยเฟย สนมโหลวทำได้เพียงหลีกทางให้ เจียเจี๋ยอวี้ได้ล่วงเกินสนมโหลวในครั้งนี้อย่างรุนแรง

และมันยังทำให้ในใจของสนมโหลวยิ่งไม่สมดุลมากขึ้น รู้สึกว่าเพราะนางไม่ได้รับความโปรดปราน ไม่มีตำแหน่ง ไม่มีชาติกำเนิด แม้แต่เจียเจี๋ยอวี้ก็ยังรังแกนาง

สถานการณ์นี้ในที่สุดก็สิ้นสุดลงแล้ว และความขัดแย้งระหว่างสนมโหลวและเจียเจี๋ยอวี้ก็จบลง ตอนที่อวี้เถาเล่าเรื่องนี้ให้ฉินชิงฟัง นางก็เลียนแบบสีหน้าของสนมโหลว ใบหน้าถมึงทึงของนางกำนัลทำให้คนรู้สึกไม่สบายใจเมื่อได้มอง

แต่ทำให้ฉินชิงหัวเราะเสียงดังออกมา

-----------------------------------------

(1) ซีซวน หมายถึง เสฉวน

(2) ชิ้นส่วนปอดของสามีและภรรยา คือ อาหารเนื้อวัว / ผ้าขี้ริ้ว / ลิ้นวัวในซอสพริก เป็นอาหารซีซวนหรือเสฉวน

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด