ตอนที่ 93 ฟ้ากำลังถล่มลงมา
เมื่อเห็นว่าเฉินเจียงไฮ่กำลังจะจ่ายเงิน จู้หยินหยินจึงรีบห้ามทันที
“พี่เฉิน ฉันไม่ต้องการมันจริงๆ ผักพวกนี้ปลูกในไร่ของฉันเองทั้งหมด มันไม่ได้ใช้เงินมากมายอะไร นอกจากนี้ ครั้งสุดท้ายที่พี่ช่วยฉัน แม้ว่าฉันจะชวนพี่ไปกินข้าวก็ตาม มันก็ยังคุ้มค่า พี่ไม่ต้องคิดมาก”
เฉินเจียงไฮ่ชำเลืองมองเธอ จากนั้นมองดูหนังสือในมือ ซึ่งเป็นหนังสือเรียนภาษาจีนระดับมอปลาย
“เธอ...อยากเข้ามหาลัยเหรอ”
จู้หยินหยินตกตะลึงไปชั่วขณะและฝืนยิ้มออกมา "ไม่ ฉันแค่อ่านเพื่อฆ่าเวลา ให้เวลามันผ่านไป"
เฉินเจียงไฮ่มองไปที่จู้หยินหยิน เขารู้ว่าสิ่งที่เธอพูดไม่ได้เหมือนกับสิ่งที่อยู่ในใจเธอ แต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรเพิ่มเติม
ทุกคนต่างมีความลับของตัวเอง
“เธอต้องรับเงินไว้ ไม่งั้นฉันจะไม่กินผักพวกนี้”
คำไหนเป็นคำนั้น ทัศนคติของเฉินเจียงไฮ่ก็ยังมั่นคงเช่นเดิม
เมื่อจู้หยินหยินได้รับคำตอบเช่านี้ เธอก็ไม่มีทางเลือกนอกจากรับเงินของเฉินเจียงไฮ่
ก่อนจากไป เฉินเจียงไฮ่อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้นมา "ถ้าเธอต้องการใช้เวลาเรียนมากกว่านี้ ฉันให้งานที่มั่นคงแก่เธอได้นะ"
เมื่อได้ยินคำพูดของเฉินเจียงไฮ่ ดวงตาของจู้หยินหยินก็เปล่งประกายขึ้นมา
แต่ดูเหมือนเธอจะคิดอะไรบางอย่างได้ สีหน้าของเธอก็เริ่มลังเลออกมา
"ลองกลับคิดดูละกัน ร้านของฉันเลขที่ 149 บนถนนโปซี ถ้าเธอต้องการก็มาหาฉันได้เลย"
เฉินเจียงไฮ่ไม่ได้รีบจะฟังคำตอบของอีกฝ่าย เขายิ้มออกมาเล็กน้อยและจากไปหลังจากพูดจบ
จู้หยินหยินในตอนนี้ทำให้เฉินเจียงไฮ่นึกถึงสารคดีที่เขาเคยดูในชีวิตที่แล้ว
สารคดีส่วนใหญ่เกี่ยวกับเด็กๆในหมู่บ้านบนภูเขา เป็นเรื่องยากหรือเป็นไปไม่ได้ที่จะหาเวลาอ่านหนังสือได้
สายตาของเด็กๆที่กระตือรือร้นในการเรียนรู้นั้นเหมือนกับของจู้หยินหยินในเวลานี้
ในเวลานั้นเอง เฉินเจียงไฮ่ก็รู้สงสารขึ้นมา
การพบกันคือพรหมลิขิต
หากเขาสามารถช่วยได้ เขาก็จะช่วย!
แน่นอนว่า เฉินเจียงไฮ่จะไม่ให้เงินกับจู้หยินหยินโดยตรง แต่จะให้โอกาสเท่านั้น
ส่วนเธอจะรับไว้หรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับการเลือกของเธอเอง
เมื่อเขากลับถึงบ้าน หลังจากที่เขาเก็บเนื้อสัตว์และผักไว้ที่บ้านแล้ว เขาก็ไปที่โกดังทันที
ทันทีที่เขามาถึงประตูโกดัง เขาเห็นคนมากมายล้อมรอบประตู เขาไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
เฉินเจียงไฮ่กังวลในตอนแรก แต่เมื่อเขาเห็น จ้าวฉางกุ่ยนั่งอยู่ที่หน้าประตู เขาก็รู้สึกโล่งใจ
ในเวลานี้เอง ทุกคนที่อยู่หน้าประตูก็เห็นเฉินเจียงไฮ่เช่นกัน พวกเขาจึงเบียดเสียดกันเข้ามา
"อาจารย์เฉิน เมื่อไหร่จะมีทีวีไว้สต๊อกเหรอ"
"ใช่! ฉันมาที่นี่ 2-3 ครั้งแล้ว ทำไมยังไม่มีของในสต๊อกอีก"
"น้องไอกั๋วได้รับเงินมัดจำของผมไปแล้ว เขาสัญญาว่าจะให้ทีวีกับผมก่อน!"
...
เมื่อได้ยินคำบ่นของทุกคน เฉินเจียงไฮ่ก็เข้าใจทันทีว่าพวกเขาทั้งหมดกำลังมารอทีวี
"ผมขอโทษที่ทำให้ทุกคนรอ แต่การประกอบทีวีเป็นงานด้านเทคนิค ผมกำลังทำงานล่วงเวลาอยู่"
เฉินเจียงไฮ่กล่าวขอโทษ
หลังจากพูดคุยและให้คำมั่นสัญญากับพวกเขาครู่หนึ่ง เขาก็สามารถเกลี้ยกล่อมทุกคนให้กลับไปได้
ไม่นานหลังจากที่กลุ่มคนออกไป ฝางไอกั๋วก็ปรากฏตัวขึ้นมา
“พี่ไฮ่ คนกลุ่มนี้ตาแดงก่ำ พวกเขาทำให้ผมกลัวแทบตาย!”
ฝางไอกั๋วพูดพร้อมกับตบหน้าอกของตัวเอง
เฉินเจียงไฮ่อดไม่ได้ที่จะทำหน้ามุ่ย "เฮ้ น้องชายของฉันเริ่มที่จะฉลาดขึ้นแล้ว นายรู้วิธีที่จะซ่อนตัวด้วย!"
เมื่อมองการแสดงของฝางไอกั๋ว เฉินเจียงไฮ่จึงรู้ว่าคนเหล่านี้ต้องเคยไปหาฝางไอกั๋วมาก่อน
ฝางไอกั๋วยิ้มอย่างเคอะเขิน "พี่ไฮ่ ผมทำอะไรไม่ได้ คนพวกนี้ตามหาผมมาหลายวันแล้ว พวกเขาเอาแต่จ้องไปที่สินค้าของผม"
"สักพักเดี๋ยวก็ดีขึ้นเอง"
เฉินเจียงไฮ่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้และถามออกมา "อย่าเพิ่งไปพี่เกวียงตอนนี้ รอปรับปรุงร้านเสร็จก่อน แล้วค่อยย้ายเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งหมดไปไว้ที่นั่น"
ฝางไอกั๋วเบิกตากว้างและถามด้วยความประหลาดใจ "พี่ไฮ่ พี่หาร้านได้แล้วเหรอ!"
“ใช่ ฉันได้ทำสัญญาไปแล้ว การตกแต่งร้านจะเริ่มพรุ่งนี้ พยายามย้ายของเข้าให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้” เฉินเจียงไฮ่พยักหน้าตอบ
ฝางไอกั๋วถามต่อ "พี่ไฮ่ พี่ประกอบทีวีได้กี่เครื่องแล้วในสองสามวันที่ผ่านมา"
เขาเพิ่งได้ยินสัญญาของพี่เจียงไฮ่กับคนกลุ่มนั้น
แม้ว่าคำสัญญานี้จะยังคลุมเครืออยู่เล็กน้อย แต่เขาก็ยังต้องการทราบความคืบหน้าเพื่อให้เขารู้สึกสบายใจขึ้น
เฉินเจียงไฮ่พูดติดตลก "อะไรกัน นายไม่ได้ขายทีวีมาสองสามวัน มือของนายก็เลยคันขึ้นมาเหรอ"
ฝางไอกั๋วเกาหัวและหัวเราะอย่างประชดประชัน "สิ่งสำคัญคือลูกค้าพวกนี้กำลังรอผมอยู่ ผมไม่ต้องการปล่อยเงินของพวกเขาไปโดยไม่ได้ทำอะไร"
เฉินเจียงไฮ่ตบไหล่อีกฝ่าย "น้องชาย ไม่ต้องกังวล จนกว่าร้านจะปรับปรุงเสร็จ ฉันจะอยู่ที่นี่และประกอบทีวีให้ได้มากที่สุด"
“ตกลง พี่ไฮ่ ผมจะรอทีวีจากพี่เอง!” ฝางไอกั๋วพูดอย่างตื่นเต้นและถูมือเข้าด้วยกัน
...
ไม่กี่วันต่อมา เฉินเจียงไฮ่อยู่ภายในโกดังตลอด เขาอุทิศตนให้กับการประกอบทีวีทั้งวัน
ฝางไอกั๋วกับจ้าวฉางกุ่ยก็ช่วยเช่นกัน
ภายใต้การฝึกของเฉินเจียงไฮ่ ทั้งสองคนได้เรียนรู้การถอดและประกอบเครื่องทีวี
อย่างไรก็ตาม การติดตั้งส่วนแกนภายในมีเพียงเขาเท่านั้นที่สามารถทำได้
แน่นอน เฉินเจียงไฮ่ไม่ได้คาดหวังว่าทั้งสองคนจะสามารถช่วยเหลือเขาในเรื่องนี้ แต่เขาก็รำพึงในใจ ‘ดูเหมือนว่าถ้ามีโอกาส เขาจะต้องรับเด็กฝึกงานมาหนึ่งหรือสองคนให้ได้’
ไม่งั้นถ้าพึ่งแต่มือเขาคงไม่มีเวลาทำอย่างอื่นแน่!
ในช่วงเวลานี้ เฉินเจียงไฮ่ไปที่โรงงานอะไหล่เพื่อหาซูตงและซื้อชิ้นส่วนจำนวนมากอีกครั้ง
มีเครื่องทีวีจำนวนมากเกินไปที่เขาจะประกอบเร็วๆนี้ และการสึกหรอของชิ้นส่วนภายในค่อนข้างรุนแรง
เขายังใช้ประโยชน์จากโอกาสนี้ บอกซูตงเกี่ยวกับการเปิดร้านของเขา
เมื่อซูตงรู้ว่าเขากำลังจะเปิดร้าน ซูตงก็แสดงความยินดีกับเขาครั้งแล้วครั้งเล่าและบอกว่าเขาต้องมาร่วมพิธีเปิดร้านแน่นอน
...
วันนี้ หลังจากที่เฉินเจียงไฮ่ทำงานในโกดังเสร็จ เขาก็รีบกลับบ้านไปทำอาหารทันที
แต่ทันทีที่เขาเข้าไปในบ้าน เขาก็พบว่าหลินว่านชิวกำลังนั่งอยู่ที่ประตู ดวงตาของเธอแดงก่ำ ราวกับว่าเธอพึ่งร้องไห้ไป
การแสดงออกของเฉินเจียงไฮ่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน เขาก้าวไปหาอย่างรวดเร็วและถามด้วยความกังวล "ว่านชิว เกิดอะไรขึ้น"
เมื่อหลินว่านชิวได้ยินเสียง เธอรีบเช็ดมุมตาของเธอและฝืนยิ้มออกมา "ไม่...ไม่เป็นไร"
“ไม่เป็นไร? คิดว่าผมไม่เห็นเหรอ เกิดอะไรขึ้น บอกผมมาเร็ว!”
เฉินเจียงไฮ่กล่าวอย่างกังวลใจ
หลินว่านชิวนั้นดีทุกเรื่อง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ไม่ดี นั่นคือเธอมักจะเก็บปัญหาไว้เพียงผู้เดียว
ในชีวิตที่แล้ว เธอต้องทนทุกข์มากมาย แต่เธอก็กัดฟันทนไว้ ไม่บ่นให้ใครสักคนฟัง
หลินว่านชิวส่ายหัว: "เจียงไฮ่ ไม่มีอะไรจริงๆ... "
ก่อนที่เธอจะพูดจบ เฉินเจียงไฮ่ก็คว้ามือของหลินว่านชิวและพูดทีละคำ
“ว่านชิว ผมเป็นคนของคุณ ถึงมันจะเป็นเรื่องใหญ่แค่ไหน ผมก็จะแบกมันไว้เอง อย่าเก็บมันไว้ในใจคนเดียว คุณแค่บอกผม เข้าใจไหม”
หลินว่านชิวมองไปที่เฉินเจียงไฮ่ หลังจากฟังสิ่งที่เฉินเจียงไฮ่พูด ในที่สุดน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอีกครั้ง
“เรื่องอะไร พูดออกมา มันมีทางออกเสมอ!”
เมื่อเห็นสิ่งนี้ เฉินเจียงไฮ่รู้สึกกังวลอย่างมาก เขากอดหลินว่านชิวและลูบผมของเธอเบาๆ
หลินว่านชิวซบบนไหล่ของเฉินเจียงไฮ่และพูดด้วยน้ำเสียงสะเอือน "ฉัน... งานของฉัน... อาจจะหายไป"
“อ่า? เรื่องแค่นี้เอง!”
เฉินเจียงไฮ่เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
ตอนแรกเขาคิดว่ามีเรื่องใหญ่อะไร แต่กลายเป็นเรื่องนี้นี่เอง
แน่นอนว่างานที่มั่นคงในตอนนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่สำหรับใครหลายๆคนอย่างไม่ต้องสงสัย
ถ้าคุณตกงาน ก็เหมือนฟ้าจะถล่มลงมา