บทที่ 400: กอดข้าไว้ถ้าเจ้ากลัว
เมื่อเฟิงเฉิงเห็นว่าหูชิงซานยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม นางก็เลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า
“เจ้าบอกว่าจะพาข้าไปที่ไหนสักแห่งไม่ใช่หรือ? จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปแล้ว ข้าจะได้ไปทำอย่างอื่น”
วินาทีนั้นสติของจิ้งจอกหนุ่มถูกเรียกกลับมาทันที ก่อนที่เขาจะเขาพยักหน้าแรง ๆ
“ไป! ไปเดี๋ยวนี้แหละ!”
ต่อมา เขารีบเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกขาวและเดินมาหาหมอผีสาวพร้อมกับส่งสัญญาณให้นางขึ้นมาบนหลังตน
ทางด้านเฟิงเฉิงมองไปยังสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่อยู่ข้างหน้าอย่างลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงปีนขึ้นไป
นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่หญิงสาวได้สัมผัสร่างสัตว์ที่อ่อนนุ่มของอีกคน
เนื่องจากขนสุนัขจิ้งจอกมีความหนานุ่ม เมื่อนางเอามือไปจับมัน มือของนางก็จมลงไปในกลุ่มขนทันที มันนุ่มมากจนทำให้นางเผลอลูบขนของเขาตลอดโดยไม่รู้ตัว
“เจ้านั่งให้ดี ๆ นะ” หูชิงซานกลับมายืนตัวตรงก่อนจะจงใจก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ 2 ก้าวเพื่อให้เวลาคนที่อยู่บนหลังปรับตัว
“ถ้าเจ้ากลัว...ก็แค่กอดข้าไว้”
เฟิงเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มลงมองคนพูด
ใครกลัวกัน?
ภูตจิ้งจอกคนนี้คิดว่านางเป็นผู้หญิงบอบบางหรือไง?
ไม่ใช่ว่านางไม่เคยสัมผัสร่างกายของภูตชายมาก่อนสักหน่อย
ขณะนั้นหมอผีสาวจับขนจิ้งจอกด้วยมือทั้ง 2 ข้างพลางนั่งตัวตรงและถอนหายใจ ทว่าในวินาทีต่อมา ร่างของจิ้งจอกขาวก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนนางแทบจะปลิวไปกับสายลม
“!!!”
นี่เจ้ากำลังคิดว่าตัวเองกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดจากศัตรูอยู่หรือไง!
เมื่อเฟิงเฉิงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว นางก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องก้มตัวลงจนร่างกายท่อนบนแนบชิดกับขนสุนัขจิ้งจอก และนางก็อ้าแขนออกเพื่อกอดร่างใหญ่ไว้
มันเหมือนกับว่าจู่ ๆ เขาก็ระเบิดพลังออกมา
มีใครสามารถบอกนางได้บ้างว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้จะวิ่งเร็วไปไหน?
ภูตจิ้งจอกวิ่งได้รวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ!?
“เฟิงเฉิง เรามาถึงแล้ว”
เมื่อหูชิงซานมาถึงที่หมาย เขาก็ย่อตัวปล่อยให้เฟิงเฉิงลงจากหลังตน
แล้วเขาหันไปด้านหลังก็พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายซีดกว่าปกติเล็กน้อย
“เจ้าเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”
ทางด้านเฟิงเฉิงลูบขมับตัวเองเบา ๆ พลางเหลือบมองคนถามที่ทำหน้ากังวล พอนางตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ นางก็หันศีรษะไปมองทางอื่น
“ที่นี่ที่ไหน บ้านเจ้าหรือ?”
หมอผีสาวถามขณะชี้ไปยังบ้านหินที่ตั้งอยู่ไม่ไกล
บ้านหินหลังนี้ไม่เหมือนกับบ้านหินหลังอื่น ๆ ในเผ่า เพราะภายนอกไม่มีหิมะเกาะราวกับว่ามันถูกใครสักคนทำความสะอาดทุกวัน
อีกทั้งยังมีพืชสีเขียวเติบโตไปตามกำแพงอยู่นอกบ้านหิน มันดูมีชีวิตชีวาซึ่งขัดกับโลกสีขาวโพลนโดยรอบ
ภาพตรงหน้าทำให้ดวงตาที่เย็นชาของเฟิงเฉิงมีประกายแสงขึ้นมา
เขาพานางมาที่นี่ทำไม?
“ไม่ใช่” จิ้งจอกหนุ่มเดินนำหมอผีสาวไป “นี่คือบ้านของเจ้า”
“???”
ผู้ชายคนนี้พูดแบบไม่ให้โอกาสนางแม้แต่จะปฏิเสธด้วยซ้ำ!
“อันที่จริงบ้านหินของเจ้าสร้างเสร็จตั้งแต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่ชอบความวุ่นวายแต่ชอบต้นไม้ ดังนั้นข้าจึงจัดการมันแบบเร่งด่วน”
หูชิงซานพิจารณาคำพูดของตัวเองอย่างรอบคอบ
และเขาก็ไม่ลังเลที่จะออกไปต่อสู้กับพวกภูตเร่ร่อนเพื่อแย่งชิงพืชพรรณสีเขียวขจีมา
“เข้าไปดูสิ” ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวพูดกระตุ้นอีกฝ่าย
เฟิงเฉิงจึงพยักหน้าก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูบ้าน
จากนั้นอากาศที่ออกมาต้อนรับหมอผีสาวคือกลิ่นของดอกไม้และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ซึ่งหาได้ยากในฤดูอันหนาวเย็นเช่นนี้
มันทำให้หญิงสาวตกใจ แล้วนางก็สอดสายตามองหาที่มาของกลิ่นดังกล่าว
นางเห็นว่าข้างในไม่ใช่บ้านหินว่างเปล่า ซึ่งภายในห้องมีโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงม้านั่งครบครัน มันได้รับการตกแต่งอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีตู้เล็ก ๆ ที่นางไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ประกอบกับมีต้นไม้หลากสีวางอยู่บนนั้นโดยที่พวกมันถูกเลี้ยงไว้ในกระถางหินใบเล็ก
ยามนี้ดอกไม้กับต้นไม้ในกระถางหินเติบโตอย่างแข็งแรง อีกทั้งบางชนิดเป็นสมุนไพรหายากด้วยซ้ำ
ของตกแต่งทั้งหมดช่วยขับให้บ้านหินทั้งหลังดูอบอุ่นและสวยงาม
แน่นอนว่ามันเป็นแบบที่เฟิงเฉิงชอบ
“นี่… เจ้าทำทั้งหมดนี้เองหรือ?” หมอผีสาวหันหน้าไปมองจิ้งจอกหนุ่มด้วยความประหลาดใจ
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบดอกไม้และต้นไม้ ช่วงนี้ข้างนอกอากาศหนาว ข้าเลยขุดมันมาปลูกไว้ในบ้าน น้องสาวของข้าบอกว่าตราบใดที่เตาถ่านยังอยู่ในบ้าน ดอกไม้และต้นไม้เหล่านี้จะไม่แข็งตาย”
หูชิงซานพยักหน้าตอบกลับ
“จริง ๆ แล้ว ข้าไม่ได้ทำเองทั้งหมด ต้องขอบคุณน้องเล็กของข้าที่สอนข้า ไม่อย่างนั้นข้าคงปลูกพวกมันไม่รอด”
เมื่อเฟิงเฉิงมองไปที่สีหน้าจริงจังของเขา นางก็รู้สึกนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ
ทั้งที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังพยายามหลบหน้านางอยู่เลย
ในหัวของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?
เขาไม่เพียงช่วยนางสร้างบ้านหินเท่านั้น แต่ยังรู้ถึงความชอบของนางด้วย
แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยบอกใครว่าตนชอบอะไร แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร?
เวลาต่อมา เฟิงเฉิงเดินชมไปรอบ ๆ บ้านหินขณะถือไม้เท้าไว้ในมือแน่น ยิ่งนางกวาดตามองทุกซอกทุกมุมเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของหูชิงซาน
ตั้งแต่เด็กจนโต นางไม่เคยใช้ชีวิตเพื่อความชอบของตัวเองเลยแม้แต่วันเดียว
แต่ทันใดนั้นก็มีภูตคนหนึ่งจดจำความชอบของนางไว้ในใจของเขา
“ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าจะเอามันออกไปและทำให้บ้านหินกลับคืนสู่สภาพเดิม” จิ้งจอกหนุ่มเดินตามหลังหญิงสาวไปพลางพูดอย่างไม่มั่นใจ
“ข้าชอบมันมาก” เฟิงเฉิงหยุดเดินพร้อมกับเว้นจังหวะพูดชั่วคราว “เจ้าจัดบ้านหินหลังนี้ได้งดงามมาก”
จากนั้นเจ้าของเรือนผมสีฟ้าหันกลังกลับมาและเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลัง
เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตาเย็นชาฉายแววอ่อนโยน แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของหมอผีสาว
“ขอบคุณนะ หูชิงซาน”
แม้ว่าเฟิงเฉิงจะเป็นคนที่เย็นชากับทุกคน ทว่านางก็ยังคงดูสง่างามไร้ที่ติ
รอยยิ้มนี้ราวกับสามารถละลายธารน้ำแข็งได้จนสิ้น
มันทำให้หูชิงซานมีความสุขมาก
“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าชอบก็ดีแล้ว ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะไม่ชอบ”
นางชอบมัน
ข้ามีความหวังแล้ว!
“งั้นข้าจะไปเอาเสบียงมาให้ และในอนาคตข้าจะส่งเสบียงมาให้เจ้าทุกวัน” จิ้งจอกหนุ่มพูดพร้อมตั้งท่าจะเดินออกไปจากบ้าน
“ช้าก่อน”
เฟิงเฉิงเรียกอีกฝ่ายไว้ “เจ้ายุ่งมามากแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”
“ไม่เป็นไร ข้าไม่เหนื่อย” หูชิงซานอดไม่ได้ที่จะเบิกบานใจ
เฟิงเฉิงเป็นห่วงข้า!
นางมีข้าอยู่ในใจ!
บัดนี้หัวใจของชายหนุ่มเต้นโครมครามอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่
ขณะเดียวกัน เฟิงเฉิงมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่สว่างสดใสของเขาแล้วบังคับตัวเองให้เสมองไปทางอื่น ในระหว่างที่นางแอบขยับมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้างแล้วเอาไปลูบกระถางหินใบหนึ่ง 2-3 ครั้ง
“มานี่ ช่วยข้าดูหน่อยว่านี่คืออะไร”
เมื่อหูชิงซานได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปหานางอย่างรวดเร็ว
“โอ้ นี่คือดอกเหมย น้องสาวของข้าบอกว่าดอกไม้ชนิดนี้จะบานสวยงามกว่าดอกไม้ชนิดใดในฤดูที่หนาวเย็น” ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังกระถางหินที่หญิงสาวกำลังชี้ไป ซึ่งในนั้นมีดอกเหมยสีแดง 2-3 ช่ออยู่
“ทำไมมันถึงมีกลิ่นแปลก ๆ ล่ะ?” เฟิงเฉิงขมวดคิ้วพลางใช้แขนเสื้อปิดจมูก
“มีด้วยหรือ? ข้าไม่เห็นได้กลิ่นเลย” หูชิงซานเดินเข้าไปใกล้ ๆ ดอกไม้ด้วยความสงสัยก่อนจะสูดดมเข้าไปเต็มปอด “ข้าไม่ได้กลิ่นแปลก ๆ นะ มันค่อนข้างหอมด้วยซ้ำ”
ชายหนุ่มเกาหัวพร้อมกับมีสีหน้างุนงง ไม่นานเขาก็พูดสรุปว่า
“ถ้าเจ้าคิดว่ามันมีกลิ่นเหม็น งั้นข้าจะย้ายมันออกไป”
เขาไม่อยากทำให้หมอผีสาวรู้สึกไม่สบายใจ
ขณะที่หูชิงซานกำลังพูด จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีภาพซ้อนของเฟิงเฉิงปรากฏข้างหน้าตน
เฟิงเฉิง 1 คน, เฟิงเฉิง 2 คน, เฟิงเฉิง 3 คน...
ไม่นานก็มีหมอผีสาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบตัวเขา ก่อนที่ดวงตาของจิ้งจอกหนุ่มจะค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็น และในที่สุดเขาก็ล้มลงไปข้างหน้า
วินาทีนั้นเฟิงเฉิงเห็นว่าศีรษะของเขาจะไปฟาดเข้าใส่หินที่ยื่นออกมาพอดี ดังนั้นนางจึงรีบเข้าไปรับร่างสูงใหญ่เอาไว้
แล้วชายร่างสูงกำยำก็ล้มลงกดหัวนางไว้ใต้อกเขา
หัวของจิ้งจอกหนุ่มไม่ได้กระแทกใส่หินก็จริง แต่หัวของเธอกำลังกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขาอยู่
“โอ๊ย...”
“ผู้ชายคนนี้ หน้าอกของเขาทำด้วยหินหรือไงกัน”
เฟิงเฉิงจับหน้าผากตัวเองพลางพยายามสูดอากาศเย็น ๆ เข้าปอดขณะถูกคนตัวสูงทับ
จากนั้นนางใช้แรงมหาศาลในการผลักหูชิงซานออกไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสติแล้ว แววตาของหญิงสาวก็มืดลง
“ข้าขอโทษ หูชิงซาน ถ้าข้าสามารถช่วยคนของข้าได้ ข้าจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน”
ในเวลานั้น นางจะไม่มีสมบัติของเผ่าและนางจะไม่ได้เป็นหมอผีอีกต่อไป
ไม่ว่าหูชิงซานจะไม่ชอบนางหรือผิดหวังในตัวนางไหม ถึงอย่างไรหญิงสาวก็จะกลับมาตอบแทนเขาอย่างแน่นอน
หลังจากที่เฟิงเฉิงพูดจบ นางก็มองดูชายที่หมดสติเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะคว้าห่อหนังสัตว์กับไม้เท้าที่หล่นลงบนพื้นแล้วหันหลังเดินออกจากบ้านหินไป
--------------------------------------------------
พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ไม่น้าาาา แม่หมออย่าทำแบบนี้ อย่าเพิ่งไปปป