ตอนที่แล้วบทที่ 399: หญิงลึกลับนอกประตู
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 401: เฟิงเฉิงค้นหาเผ่าตัวเอง

บทที่ 400: กอดข้าไว้ถ้าเจ้ากลัว


เมื่อเฟิงเฉิงเห็นว่าหูชิงซานยังคงยืนนิ่งอยู่ที่เดิม นางก็เลิกคิ้วถามด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า

“เจ้าบอกว่าจะพาข้าไปที่ไหนสักแห่งไม่ใช่หรือ? จะไปหรือไม่ไป ถ้าไม่ไปแล้ว ข้าจะได้ไปทำอย่างอื่น”

วินาทีนั้นสติของจิ้งจอกหนุ่มถูกเรียกกลับมาทันที ก่อนที่เขาจะเขาพยักหน้าแรง ๆ

“ไป! ไปเดี๋ยวนี้แหละ!”

ต่อมา เขารีบเปลี่ยนร่างเป็นจิ้งจอกขาวและเดินมาหาหมอผีสาวพร้อมกับส่งสัญญาณให้นางขึ้นมาบนหลังตน

ทางด้านเฟิงเฉิงมองไปยังสุนัขจิ้งจอกสีขาวที่อยู่ข้างหน้าอย่างลังเลครู่หนึ่งแล้วจึงปีนขึ้นไป

นี่เป็นครั้งที่ 2 ที่หญิงสาวได้สัมผัสร่างสัตว์ที่อ่อนนุ่มของอีกคน

เนื่องจากขนสุนัขจิ้งจอกมีความหนานุ่ม เมื่อนางเอามือไปจับมัน มือของนางก็จมลงไปในกลุ่มขนทันที มันนุ่มมากจนทำให้นางเผลอลูบขนของเขาตลอดโดยไม่รู้ตัว

“เจ้านั่งให้ดี ๆ นะ” หูชิงซานกลับมายืนตัวตรงก่อนจะจงใจก้าวไปข้างหน้าช้า ๆ  2 ก้าวเพื่อให้เวลาคนที่อยู่บนหลังปรับตัว

“ถ้าเจ้ากลัว...ก็แค่กอดข้าไว้”

เฟิงเฉิงที่ได้ยินเช่นนั้นก็ก้มลงมองคนพูด

ใครกลัวกัน?

ภูตจิ้งจอกคนนี้คิดว่านางเป็นผู้หญิงบอบบางหรือไง?

ไม่ใช่ว่านางไม่เคยสัมผัสร่างกายของภูตชายมาก่อนสักหน่อย

ขณะนั้นหมอผีสาวจับขนจิ้งจอกด้วยมือทั้ง 2 ข้างพลางนั่งตัวตรงและถอนหายใจ ทว่าในวินาทีต่อมา ร่างของจิ้งจอกขาวก็พุ่งออกไปอย่างรวดเร็วจนนางแทบจะปลิวไปกับสายลม

“!!!”

นี่เจ้ากำลังคิดว่าตัวเองกำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดจากศัตรูอยู่หรือไง!

เมื่อเฟิงเฉิงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่ไม่ทันได้ตั้งตัว นางก็ไม่มีทางเลือกนอกจากต้องก้มตัวลงจนร่างกายท่อนบนแนบชิดกับขนสุนัขจิ้งจอก และนางก็อ้าแขนออกเพื่อกอดร่างใหญ่ไว้

มันเหมือนกับว่าจู่ ๆ เขาก็ระเบิดพลังออกมา

มีใครสามารถบอกนางได้บ้างว่าสุนัขจิ้งจอกตัวนี้จะวิ่งเร็วไปไหน?

ภูตจิ้งจอกวิ่งได้รวดเร็วขนาดนี้เลยหรือ!?

“เฟิงเฉิง เรามาถึงแล้ว”

เมื่อหูชิงซานมาถึงที่หมาย เขาก็ย่อตัวปล่อยให้เฟิงเฉิงลงจากหลังตน

แล้วเขาหันไปด้านหลังก็พบว่าใบหน้าของอีกฝ่ายซีดกว่าปกติเล็กน้อย

“เจ้าเป็นอะไรไป ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า?”

ทางด้านเฟิงเฉิงลูบขมับตัวเองเบา ๆ พลางเหลือบมองคนถามที่ทำหน้ากังวล พอนางตรวจสอบให้แน่ใจแล้วว่าเขาไม่ได้ตั้งใจ นางก็หันศีรษะไปมองทางอื่น

“ที่นี่ที่ไหน บ้านเจ้าหรือ?”

หมอผีสาวถามขณะชี้ไปยังบ้านหินที่ตั้งอยู่ไม่ไกล

บ้านหินหลังนี้ไม่เหมือนกับบ้านหินหลังอื่น ๆ ในเผ่า เพราะภายนอกไม่มีหิมะเกาะราวกับว่ามันถูกใครสักคนทำความสะอาดทุกวัน

อีกทั้งยังมีพืชสีเขียวเติบโตไปตามกำแพงอยู่นอกบ้านหิน มันดูมีชีวิตชีวาซึ่งขัดกับโลกสีขาวโพลนโดยรอบ

ภาพตรงหน้าทำให้ดวงตาที่เย็นชาของเฟิงเฉิงมีประกายแสงขึ้นมา

เขาพานางมาที่นี่ทำไม?

“ไม่ใช่” จิ้งจอกหนุ่มเดินนำหมอผีสาวไป “นี่คือบ้านของเจ้า”

“???”

ผู้ชายคนนี้พูดแบบไม่ให้โอกาสนางแม้แต่จะปฏิเสธด้วยซ้ำ!

“อันที่จริงบ้านหินของเจ้าสร้างเสร็จตั้งแต่เมื่อไม่กี่วันก่อน ข้าได้ยินมาว่าเจ้าไม่ชอบความวุ่นวายแต่ชอบต้นไม้ ดังนั้นข้าจึงจัดการมันแบบเร่งด่วน”

หูชิงซานพิจารณาคำพูดของตัวเองอย่างรอบคอบ

และเขาก็ไม่ลังเลที่จะออกไปต่อสู้กับพวกภูตเร่ร่อนเพื่อแย่งชิงพืชพรรณสีเขียวขจีมา

“เข้าไปดูสิ” ชายหนุ่มยืนอยู่ข้างหลังหญิงสาวพูดกระตุ้นอีกฝ่าย

เฟิงเฉิงจึงพยักหน้าก่อนจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อเปิดประตูบ้าน

จากนั้นอากาศที่ออกมาต้อนรับหมอผีสาวคือกลิ่นของดอกไม้และสมุนไพรที่มีกลิ่นหอม ซึ่งหาได้ยากในฤดูอันหนาวเย็นเช่นนี้

มันทำให้หญิงสาวตกใจ แล้วนางก็สอดสายตามองหาที่มาของกลิ่นดังกล่าว

นางเห็นว่าข้างในไม่ใช่บ้านหินว่างเปล่า ซึ่งภายในห้องมีโต๊ะ เก้าอี้ รวมถึงม้านั่งครบครัน มันได้รับการตกแต่งอย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีตู้เล็ก ๆ ที่นางไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ประกอบกับมีต้นไม้หลากสีวางอยู่บนนั้นโดยที่พวกมันถูกเลี้ยงไว้ในกระถางหินใบเล็ก

ยามนี้ดอกไม้กับต้นไม้ในกระถางหินเติบโตอย่างแข็งแรง อีกทั้งบางชนิดเป็นสมุนไพรหายากด้วยซ้ำ

ของตกแต่งทั้งหมดช่วยขับให้บ้านหินทั้งหลังดูอบอุ่นและสวยงาม

แน่นอนว่ามันเป็นแบบที่เฟิงเฉิงชอบ

“นี่… เจ้าทำทั้งหมดนี้เองหรือ?” หมอผีสาวหันหน้าไปมองจิ้งจอกหนุ่มด้วยความประหลาดใจ

“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าชอบดอกไม้และต้นไม้ ช่วงนี้ข้างนอกอากาศหนาว ข้าเลยขุดมันมาปลูกไว้ในบ้าน น้องสาวของข้าบอกว่าตราบใดที่เตาถ่านยังอยู่ในบ้าน ดอกไม้และต้นไม้เหล่านี้จะไม่แข็งตาย”

หูชิงซานพยักหน้าตอบกลับ

“จริง ๆ แล้ว ข้าไม่ได้ทำเองทั้งหมด ต้องขอบคุณน้องเล็กของข้าที่สอนข้า ไม่อย่างนั้นข้าคงปลูกพวกมันไม่รอด”

เมื่อเฟิงเฉิงมองไปที่สีหน้าจริงจังของเขา นางก็รู้สึกนิ่งอึ้งไปชั่วขณะ

ทั้งที่ก่อนหน้านี้อีกฝ่ายยังพยายามหลบหน้านางอยู่เลย

ในหัวของเขากำลังคิดอะไรอยู่กันแน่?

เขาไม่เพียงช่วยนางสร้างบ้านหินเท่านั้น แต่ยังรู้ถึงความชอบของนางด้วย

แต่เห็นได้ชัดว่านางไม่เคยบอกใครว่าตนชอบอะไร แล้วเขาจะรู้ได้อย่างไร?

เวลาต่อมา เฟิงเฉิงเดินชมไปรอบ ๆ บ้านหินขณะถือไม้เท้าไว้ในมือแน่น ยิ่งนางกวาดตามองทุกซอกทุกมุมเท่าไหร่ นางก็ยิ่งสัมผัสได้ถึงความตั้งใจของหูชิงซาน

ตั้งแต่เด็กจนโต นางไม่เคยใช้ชีวิตเพื่อความชอบของตัวเองเลยแม้แต่วันเดียว

แต่ทันใดนั้นก็มีภูตคนหนึ่งจดจำความชอบของนางไว้ในใจของเขา

“ถ้าเจ้าไม่ชอบ ข้าจะเอามันออกไปและทำให้บ้านหินกลับคืนสู่สภาพเดิม” จิ้งจอกหนุ่มเดินตามหลังหญิงสาวไปพลางพูดอย่างไม่มั่นใจ

“ข้าชอบมันมาก” เฟิงเฉิงหยุดเดินพร้อมกับเว้นจังหวะพูดชั่วคราว “เจ้าจัดบ้านหินหลังนี้ได้งดงามมาก”

จากนั้นเจ้าของเรือนผมสีฟ้าหันกลังกลับมาและเงยหน้าขึ้นมองชายร่างสูงที่ยืนอยู่ข้างหลัง

เป็นครั้งแรกที่นัยน์ตาเย็นชาฉายแววอ่อนโยน แล้วรอยยิ้มจาง ๆ ก็ปรากฏบนใบหน้าของหมอผีสาว

“ขอบคุณนะ หูชิงซาน”

แม้ว่าเฟิงเฉิงจะเป็นคนที่เย็นชากับทุกคน ทว่านางก็ยังคงดูสง่างามไร้ที่ติ

รอยยิ้มนี้ราวกับสามารถละลายธารน้ำแข็งได้จนสิ้น

มันทำให้หูชิงซานมีความสุขมาก

“ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าชอบก็ดีแล้ว ข้าแค่กังวลว่าเจ้าจะไม่ชอบ”

นางชอบมัน

ข้ามีความหวังแล้ว!

“งั้นข้าจะไปเอาเสบียงมาให้ และในอนาคตข้าจะส่งเสบียงมาให้เจ้าทุกวัน” จิ้งจอกหนุ่มพูดพร้อมตั้งท่าจะเดินออกไปจากบ้าน

“ช้าก่อน”

เฟิงเฉิงเรียกอีกฝ่ายไว้ “เจ้ายุ่งมามากแล้ว เจ้าไปพักผ่อนเถอะ”

“ไม่เป็นไร ข้าไม่เหนื่อย” หูชิงซานอดไม่ได้ที่จะเบิกบานใจ

เฟิงเฉิงเป็นห่วงข้า!

นางมีข้าอยู่ในใจ!

บัดนี้หัวใจของชายหนุ่มเต้นโครมครามอย่างห้ามเอาไว้ไม่อยู่

ขณะเดียวกัน เฟิงเฉิงมองดูใบหน้าหล่อเหลาที่สว่างสดใสของเขาแล้วบังคับตัวเองให้เสมองไปทางอื่น ในระหว่างที่นางแอบขยับมือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อกว้างแล้วเอาไปลูบกระถางหินใบหนึ่ง 2-3 ครั้ง

“มานี่ ช่วยข้าดูหน่อยว่านี่คืออะไร”

เมื่อหูชิงซานได้ยินดังนั้นก็เดินเข้าไปหานางอย่างรวดเร็ว

“โอ้ นี่คือดอกเหมย น้องสาวของข้าบอกว่าดอกไม้ชนิดนี้จะบานสวยงามกว่าดอกไม้ชนิดใดในฤดูที่หนาวเย็น” ชายหนุ่มเหลือบมองไปยังกระถางหินที่หญิงสาวกำลังชี้ไป ซึ่งในนั้นมีดอกเหมยสีแดง 2-3 ช่ออยู่

“ทำไมมันถึงมีกลิ่นแปลก ๆ ล่ะ?” เฟิงเฉิงขมวดคิ้วพลางใช้แขนเสื้อปิดจมูก

“มีด้วยหรือ? ข้าไม่เห็นได้กลิ่นเลย” หูชิงซานเดินเข้าไปใกล้ ๆ ดอกไม้ด้วยความสงสัยก่อนจะสูดดมเข้าไปเต็มปอด “ข้าไม่ได้กลิ่นแปลก ๆ นะ มันค่อนข้างหอมด้วยซ้ำ”

ชายหนุ่มเกาหัวพร้อมกับมีสีหน้างุนงง ไม่นานเขาก็พูดสรุปว่า

“ถ้าเจ้าคิดว่ามันมีกลิ่นเหม็น งั้นข้าจะย้ายมันออกไป”

เขาไม่อยากทำให้หมอผีสาวรู้สึกไม่สบายใจ

ขณะที่หูชิงซานกำลังพูด จู่ ๆ เขาก็รู้สึกว่ามีภาพซ้อนของเฟิงเฉิงปรากฏข้างหน้าตน

เฟิงเฉิง 1 คน, เฟิงเฉิง 2 คน, เฟิงเฉิง 3 คน...

ไม่นานก็มีหมอผีสาวนับไม่ถ้วนลอยอยู่รอบตัวเขา ก่อนที่ดวงตาของจิ้งจอกหนุ่มจะค่อย ๆ สูญเสียการมองเห็น และในที่สุดเขาก็ล้มลงไปข้างหน้า

วินาทีนั้นเฟิงเฉิงเห็นว่าศีรษะของเขาจะไปฟาดเข้าใส่หินที่ยื่นออกมาพอดี ดังนั้นนางจึงรีบเข้าไปรับร่างสูงใหญ่เอาไว้

แล้วชายร่างสูงกำยำก็ล้มลงกดหัวนางไว้ใต้อกเขา

หัวของจิ้งจอกหนุ่มไม่ได้กระแทกใส่หินก็จริง แต่หัวของเธอกำลังกระแทกเข้ากับหน้าอกของเขาอยู่

“โอ๊ย...”

“ผู้ชายคนนี้ หน้าอกของเขาทำด้วยหินหรือไงกัน”

เฟิงเฉิงจับหน้าผากตัวเองพลางพยายามสูดอากาศเย็น ๆ เข้าปอดขณะถูกคนตัวสูงทับ

จากนั้นนางใช้แรงมหาศาลในการผลักหูชิงซานออกไป เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายหมดสติแล้ว แววตาของหญิงสาวก็มืดลง

“ข้าขอโทษ หูชิงซาน ถ้าข้าสามารถช่วยคนของข้าได้ ข้าจะกลับมาที่นี่อีกแน่นอน”

ในเวลานั้น นางจะไม่มีสมบัติของเผ่าและนางจะไม่ได้เป็นหมอผีอีกต่อไป

ไม่ว่าหูชิงซานจะไม่ชอบนางหรือผิดหวังในตัวนางไหม ถึงอย่างไรหญิงสาวก็จะกลับมาตอบแทนเขาอย่างแน่นอน

หลังจากที่เฟิงเฉิงพูดจบ นางก็มองดูชายที่หมดสติเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะคว้าห่อหนังสัตว์กับไม้เท้าที่หล่นลงบนพื้นแล้วหันหลังเดินออกจากบ้านหินไป

--------------------------------------------------

พูดคุยท้ายตอนกับเสี่ยวเถียว: ไม่น้าาาา แม่หมออย่าทำแบบนี้ อย่าเพิ่งไปปป

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด