บทที่ 399: หญิงลึกลับนอกประตู
ที่ผ่านมาหูเจียวเจียวคิดว่าหลงเหยาจะไม่อยากมีน้อง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ลูกภูตเติบโตมาในสภาพแวดล้อมที่จะต้องแข่งขันกับหลายสิ่งตลอดเวลา พวกเขาย่อมกลัวว่าเด็กคนอื่น ๆ จะมาแย่งความรักและทุกอย่างของพวกเขาไป
จิ้งจอกสาวยังคงกังวลเกี่ยวกับเรื่องนี้ เธอกำลังคิดว่าจะบอกลูก ๆ เกี่ยวกับเรื่องดังกล่าวให้เข้าใจอย่างไรก่อนที่เธอจะตั้งท้อง
“ท่านแม่ไม่ต้องกลัว ถ้าเสี่ยวเหยามีน้องชาย เสี่ยวเหยาจะมอบอาหารของตัวเองให้กับเขาทั้งหมด” หลงเหยายืดหลังตรงพลางเชิดหน้าพูดแบบมั่นใจ
“เสี่ยวเหยารู้ความจริง ๆ” แม่จิ้งจอกรู้สึกโล่งใจ
เมื่อคนตัวเล็กได้ยินคำชมของผู้เป็นแม่ เขาก็กัดฟันและฉีกยิ้ม
ในอนาคตเขาต้องให้อาหารน้องเยอะ ๆ เพื่อให้น้องโตไว ๆ
เพราะถ้าน้องชายของเขาแข็งแรงขึ้น เจ้าจิ้งจอกตัวเหม็นก็จะไม่สามารถรังแกเขาได้อีก
พี่น้องจะต้องช่วยกันจัดการกับคนที่มากลั่นแกล้งเรา!
มีสุขร่วมเสพ มีทุกข์ร่วมต้าน!
ท่านแม่เคยสอนเสี่ยวเหยาไว้!
“ท่านแม่ ในอนาคตข้าจะช่วยดูแลน้องชายด้วย หากเป็นน้องสาว ข้าจะพานางไปเรียนหมอด้วยกัน!” หลงหลิงเอ๋อก้าวไปข้างหน้าและกล่าวอย่างเชื่อฟัง
“ข้าสามารถสอนทักษะการล่าสัตว์ให้เขาได้เหมือนกัน!” หลงจงก้าวตามมาพร้อมกับกล่าวเสริมอีกคน
“ข้า...” หลงเซียวเปิดปากและตระหนักว่าตนดูเหมือนจะไม่มีความสามารถอะไร เขาจึงเลือกที่จะเงียบไป
พอหูเจียวเจียวเห็นความลำบากใจของลูกชายคนรอง เธอจึงเอื้อมมือไปลูบหัวของเขาแล้วพูดว่า
“ลูกทุกคนเป็นเด็กดีมาก แต่ถ้าแม่มีน้องชายและน้องสาวจริง ๆ พวกเจ้าไม่จำเป็นต้องดูแลพวกเขาเพราะมันเป็นหน้าที่ของแม่ พวกเจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ตามที่ใจอยากเลยนะ”
สิ่งที่หญิงสาวเกลียดที่สุดคือคำพูดที่บอกว่า 'เป็นพี่จะต้องเสียสละให้น้อง'
ทำไมเธอจะต้องเสียสละทุกอย่างให้น้องเพียงเพราะเธอเกิดมาก่อนด้วย?
ดังนั้นเธอควรปฏิบัติต่อลูกทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน และปล่อยให้ลูกของเธอทำอะไรเพื่อตัวเอง พวกเขาจะได้ไม่ต้องทนทุกข์ใจเหมือนที่เธอเคยเป็นทุกข์เมื่อสมัยยังเด็ก
คำพูดของแม่จิ้งจอกทำให้เด็กตระกูลหลงผงะไปชั่วขณะ
เหล่าเด็กน้อยสัมผัสได้ถึงความอ่อนโยนและความรักในดวงตาของคนเป็นแม่ ทันใดนั้นหัวใจของพวกเขาก็อบอุ่นขึ้นมา
เมื่อเด็กทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็ยิ่งตั้งใจที่จะมอบความรักให้แก่น้องที่ยังไม่เกิดในอนาคต
พวกเขาอยากจะสอนน้อง ๆ ในสิ่งที่ตนเคยเรียนรู้รวมถึงตอบแทนท่านแม่ด้วย!
“ท่านแม่ มีผู้หญิงอยู่ข้างนอก” จังหวะนั้นหูของหลงเซียวขยับกะทันหัน ก่อนที่เขาจะกระซิบเตือนแม่จิ้งจอกเสียงเบา
“พี่รอง ประตูปิดอยู่แล้วท่านก็มองไม่เห็น ท่านรู้ด้วยหรือว่ามีคนอยู่ข้างนอก แล้วยิ่งไปกว่านั้น ท่านรู้ได้ไงว่าเป็นผู้หญิง?” หลงหลิงเอ๋อหันศีรษะไปมองพี่ชายพลางถามอย่างประหลาดใจ
“ข้าสามารถแยกแยะได้ว่าฝีเท้านั้นเป็นของผู้หญิงหรือผู้ชาย” เด็กชายตอบเสียงเรียบ
“ท่านทำแบบนั้นได้ด้วยหรือ...” ดวงตาของสาวน้อยเบิกกว้างด้วยความเหลือเชื่อ
ส่วนหูเจียวเจียวมองไปที่หลงเซียวพร้อมกับมีสีหน้าประหลาดใจ ลูกคนที่ 2 ของเธอมีหูทิพย์หรือไม่?
“ท่านแม่ เราไปดูกันเถอะ” เด็กชายกล่าว
จิ้งจอกสาวจึงวางงานปักกับหนังสัตว์ในมือลงแล้วเดินออกไปข้างนอก
เมื่อเร็ว ๆ นี้ ภูตชายทุกคนในเผ่าไปช่วยกันสร้างอาวุธ อีกทั้งช่วงกลางวันหลงโม่ไม่ค่อยอยู่บ้าน ดังนั้นลูก ๆ จึงผลัดกันอยู่บ้านกับเธอแทน
พอหูเจียวเจียวเปิดประตูและพบกับคนที่อยู่ข้างนอก ความประหลาดใจก็ฉายผ่านดวงตาคู่สวย
“ท่านเองหรือ ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
...
“เฟิงเฉิง เจ้าจะไปแล้วงั้นรึ!?”
“ข้าไม่รู้ว่าครั้งต่อไปเราจะได้พบกันอีกเมื่อไหร่ ข้าคงคิดถึงเจ้าแย่เลย”
หู่จิงดึงมือเฟิงเฉิงมากุมไว้พลางกะพริบตาที่เปียกชื้นและเปล่งเสียงอันดังเหมือนแตร
“เจ้าต้องคิดถึงข้าด้วยนะ!”
เสือสาวพูดทั้ง ๆ ที่น้ำตาไหลออกมา นางจึงอดไม่ได้ที่จะใช้หลังมือของอีกคนเช็ดน้ำตาทั้ง 2 ข้าง
“...”
การกระทำของผู้หญิงตรงหน้าทำให้มุมปากของคนเป็นหมอผีกระตุก พร้อมกับที่นางพยายามดึงมือกลับมา
ทว่าหู่จิงกลับคว้ามือนางไปจับแน่นยิ่งขึ้น
“เฟิงเฉิง ทำไมเจ้าไม่อยู่ที่นี่กับข้าล่ะ จะไปที่อื่นทำไม ถ้าเจ้าไม่อยู่แล้ว หัวใจของข้าจะต้องว่างเปล่าแน่ ๆ...”
เสือสาวกล่าวพลางทำหน้าเศร้าสร้อย
ส่วนหูชิงหยวนตบหลังปลอบภรรยาด้วยความลำบากใจ “หู่จิง เจ้ายังมีข้าอยู่ที่บ้านทั้งคน มันจะว่างเปล่าได้ยังไง!”
ทางด้านเฟิงเฉิงสูดหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะตัดสินใจออกแรงดึงมือกลับมา
“ข้าพูดไปแล้ว”
“ข้าแค่จะเปลี่ยนที่อยู่ใหม่ และข้ายังไม่ตาย นี่เจ้ากำลังแช่งข้าอยู่หรือไง?” หญิงสาวพูดขณะมีสีหน้าเอือมระอา
หูชิงหยวนพยักหน้าสำทับ “ถูกต้อง หู่จิง บ้านหินหลังใหม่ของเฟิงเฉิงสร้างเสร็จแล้ว นางแค่จะต้องย้ายไปอยู่ที่บ้านใหม่แค่นั้น หลังจากหมดฤดูหนาวเจ้าก็ยังได้เจอนางทุกวัน”
“บ้านหินหลังนี้พี่ใหญ่เป็นคนสร้างขึ้นมาเอง เฟิงเฉิงไม่สามารถอาศัยอยู่ในบ้านเราไปได้ตลอด หากในอนาคตนางมีคู่ พวกเขาก็จะย้ายเข้ามาอยู่ในบ้านเราไม่ได้เช่นกัน!”
หลังจากหมอผีสาวได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึง
หูชิงซานเป็นคนสร้างบ้านหินของนางอย่างนั้นหรือ?
ผู้ชายคนนั้นหลบหน้านางทุกวัน แถมยังสร้างบ้านหินให้นางด้วย
ทั้งที่มีภูตชายตั้งมากมายในเผ่า แต่ทำไมถึงต้องเป็นเขาที่มาสร้างบ้านหินให้นาง?
ยามนี้การแสดงออกของเฟิงเฉิงค่อนข้างซับซ้อน
ในขณะที่หู่จิงตกตะลึงหลังจากได้ยินสิ่งที่สามีพูด
“นั่นสินะ” นางสูดจมูกและเช็ดน้ำมูกลวก ๆ
นับตั้งแต่ที่เสือสาวตั้งท้อง อารมณ์ของนางมักจะแปรปรวนขึ้น ๆ ลง ๆ
บางครั้งนางก็กลายเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวและไม่สามารถควบคุมน้ำตาตัวเองเอาไว้ได้
“ไม่ต้องร้องแล้ว เห็นเจ้าร้องไห้ข้าก็ทุกข์ใจไปด้วย” หูชิงหยวนเองก็พูดพลางเช็ดน้ำตาเช่นกัน
บัดนี้ทั้งคู่กลับเข้าสู่โลกส่วนตัวกัน 2 คนโดยไม่สนใจบุคคลที่ 3 อีกต่อไป
นั่นทำให้เฟิงเฉิงกลับมามีสติอีกครั้งในตอนที่พวกเขาทิ้งสัมภาระของนางไว้ที่ประตูแล้วพากันกลับไปที่ห้องของตน
“...”
ความสัมพันธ์ระหว่างภูตช่างเปราะบางยิ่งนัก
การที่นางเลือกจะจากไปจากที่นี่เป็นทางเลือกที่ถูกต้องที่สุดแล้ว
ถ้าหมอผีสาวยังอยู่ที่นี่อีก นางคงจะเป็นบ้าเข้าสักวัน
ครู่ต่อมา เฟิงเฉิงถอนหายใจก่อนจะหยิบห่อสัมภาระมาอย่างช่วยไม่ได้ และออกจากบ้านของหู่จิงกับหูชิงหยวนไปคนเดียว
ก่อนที่นางจะออกไปจากบ้านหลังนี้ นางก็ไม่ลืมที่จะปิดประตูให้เจ้าบ้าน
เนื่องจากสัมภาระติดตัวที่นางมีนั้นไม่มาก ซึ่งมันมีเพียงห่อผ้าหนังสัตว์ห่อเล็ก ๆ กับไม้เท้าเก่า ๆ อันเดียว
ตามปกติเฟิงเฉิงไม่ชอบมีปฏิสัมพันธ์กับภูตคนอื่นมากนัก ดังนั้นนางจึงไม่ได้ขอให้ใครมารับหรือมาช่วยขนของ นางรู้แค่ว่าท่านผู้เฒ่าจะส่งคนมาพาตนไปยังที่อยู่ใหม่แค่นั้น
พอหมอผีสาวปิดประตูลงแล้วนางก็หันกลับมาเห็นหูชิงซานยืนอยู่ตรงหน้า
“เจ้าคือคนที่ท่านผู้เฒ่าส่งมาหรือ?” เฟิงเฉิงตกตะลึง ดวงตาของนางที่เคยสงบนิ่งเป็นประกายด้วยความประหลาดใจ
ชายคนนี้ไม่ได้ซ่อนตัวจากนางทันทีที่เห็นนางหรือไง?
“ใช่...” จิ้งจอกหนุ่มพยักหน้า จากนั้นก็ส่ายหัวอย่างรวดเร็ว
ระหว่างนั้นเขากลืนก้อนเหนียว ๆ ลงคอจนลูกกระเดือกยกขึ้น ก่อนที่เขาจะยืดตัวตรงแล้วถามด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ข้ามาหาเจ้าเพราะข้าต้องการพาเจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง ข้าอยากรู้ว่าว่าเจ้ายินดีจะไปกับข้าไหม?”
หูชิงซานกล่าวในขณะที่รู้สึกไม่สบายใจ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้พูดคุยกับหมอผีสาวในช่วงเวลานี้ แต่เขาก็ได้สอบถามกับภูตจากฝั่งของเซี่ยหมานมาบ้างแล้ว
พวกเขาบอกว่าเฟิงเฉิงเป็นผู้หญิงที่ปฏิบัติต่อภูตอย่างเย็นชา
นางแทบไม่เคยยอมรับความช่วยเหลือจากใครเลย แล้วนับประสาอะไรกับการที่นางจะเอ่ยปากขอให้ภูตชายช่วย?
ช่วงเวลานี้บรรยากาศรอบข้างเงียบไปชั่วขณะหนึ่ง
ทางด้านเฟิงเฉิงหรี่ตามองไปยังภูตที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตนที่แสร้งทำเป็นสงบนิ่ง
อีกฝ่ายแสดงได้ไม่เนียนเลยจริง ๆ
เพราะความกังวลใจและความตึงเครียดในดวงตาของเขามันปิดไม่มิด ทำให้นางจับได้ทันที
จากข้อสังเกตทั้งหมดทั้งมวล นางแน่ใจว่าภูตผู้ซื่อสัตย์คนนี้ยังคงคิดถึงนางอยู่
แต่มันไม่ได้ทำให้นางรู้สึกรังเกียจ
เมื่อหูชิงซานเห็นว่าเฟิงเฉิงไม่ยอมตอบสักที เขาก็คิดไปเองว่านางไม่เต็มใจ จากนั้นร่องรอยของความผิดหวังก็ฉายชัดบนใบหน้าของเขา
ไม่นานเขาก็เปลี่ยนคำพูดตัวเอง “ไม่เป็นไร ถ้าเจ้าไม่ต้องการ—”
“ตกลง”
หมอผีสาวพูดขัดจังหวะขึ้นมาก่อนที่จิ้งจอกหนุ่มจะทันได้พูดจบ
“เจ้าพูดว่าอะไรนะ...” ชายหนุ่มตกตะลึงไปครู่หนึ่ง และเขายังตั้งตัวไม่ทัน
หูของเขาฝาดไปหรือเปล่า?
นางยอมตอบตกลงง่าย ๆ แค่นี้เลยหรือ?
“ข้า-ตก-ลง” เจ้าของเรือนผมสีฟ้ามองตาชายตรงหน้าแล้วตอบเน้นทีละคำ