ตอนที่แล้วบทที่ 394: พวกมันทำร้ายข้าจริง ๆ ข้าไม่ได้โกหก!
ทั้งหมดรายชื่อตอน
ตอนถัดไปบทที่ 396: ลูกข้า… ข้าเป็นพ่อเจ้า

บทที่ 395: วันนี้เขาโดนทำร้ายถึง 4 ครั้ง


“เจ้ากระต่ายน้อย กลับมานี่เร็ว ๆ หลิงเอ๋อจะช่วยต่อกระดูกให้เจ้าอีกครั้ง”

หลงหลิงเอ๋อยังคงมีความมุ่งมั่นขณะที่นางวิ่งไปยังมุมถ้ำเพื่อจับกระต่ายกลับมา

เมื่อหมอหนู 2 คนเห็นภาพนั้นก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น

แล้วพวกเขาก็พึมพำเสียงเบาว่า

“โชคดีที่ในตอนนี้เทพธิดาแห่งโรคระบาดยังอ่อนแอเกินกว่าจะไล่ต่อกระดูกภูตคนอื่น นางทำได้แค่ต่อกระดูกให้สัตว์ตัวเล็ก ไม่อย่างนั้นพวกเราคงจะถึงฆาตแล้วล่ะ”

“พอพูดถึงเรื่องนั้น ทำไมวันนี้เจ้าปีศาจน้อยนั่นถึงไม่มาเรียนด้วย? เขามีฝีมือต่อกระดูกดีกว่าหลิงเอ๋ออีก แล้วเขาก็กะแรงที่ใช้ได้แม่นยำมาก”

“อย่าพูดถึงเขาเลย ดีแล้วที่เขาไม่ทำเหมือนหลิงเอ๋อ!”

ในขณะที่หมอหนูทั้ง 2 พูดคุยกัน หลงหลิงเอ๋อก็จับกระต่ายตัวเดิมกลับมาแล้ว

ระหว่างที่นางกำลังเริ่มลงมือทำการ ‘รักษา’ สัตว์ตัวน้อยผู้น่าสงสารต่อไป ในเวลานั้น ผู้เป็นอาจารย์ก็ปิดปากเงียบทันทีและไม่พูดอะไรอีก

อีกด้านหนึ่ง

ลู่หลีถูกภูตคนสนิทของหัวหน้าเผ่าพากลับไปยังถ้ำที่ภูตชายอาศัยอยู่ ก่อนที่ทั้งคู่จะโยนเขาเข้าไปในถ้ำแล้วยืนเฝ้าอยู่ตรงปากถ้ำ

“ปล่อยข้าออกไปนะ ข้าจะไปชี้แจงกับท่านผู้เฒ่า!”

“ข้าไม่ได้โกหก พวกมันต่างหากที่กำลังโกหก ปล่อยข้า!”

กวางหนุ่มยังคงดื้อรั้นจะออกไปข้างนอก

นั่นทำให้ภูตชายคนหนึ่งหมดความอดทนจึงตบเขาไป 2 ฉาดใหญ่

ผัวะ! ผัวะ!

“หุบปาก! เก็บปากเจ้าไปเถอะ!”

ตอนนี้ลู่หลีไม่มีความน่าเชื่อถือในสายตาของพวกเขาแล้ว และความรู้สึกที่ทั้ง 2 คนมีต่ออีกฝ่ายก็เหลือแค่เพียงความขยะแขยง

ตามปกติภูตชายจะไม่อ่อนโยนกับเด็กเท่าภูตหญิง การเฆี่ยนตีดุด่าเพื่อสั่งสอนเด็กจึงเป็นเรื่องธรรมดาของเหล่าภูต

บัดนี้ฝ่ายที่ถูกตบตกตะลึงไปชั่วขณะ

เนื่องจากพละกำลังภูตชายโตเต็มวัยนั้นแข็งแกร่ง ในไม่ช้าใบหน้าของเด็กหนุ่มก็ปูดบวมขึ้น

แม้ว่าร่างกายของเขาจะเจ็บจากการถูกหยินชางกับหลงเหยาทำร้าย แต่ใบหน้าที่เพิ่งถูกตบเมื่อสักครู่เจ็บกว่าหลายเท่า

มันจึงส่งผลให้ลู่หลีตกใจกลัว เขาหยุดส่งเสียงดังก่อนจะจำใจเดินห่อเหี่ยวกลับเข้าไปในถ้ำ

ยามนี้ในใจของเด็กหนุ่มยิ่งรู้สึกเกลียดหลงเหยากับหยินชางมากขึ้น

พอเขาเดินไปไกลจนมองไม่เห็นภูตผู้เฝ้าทางเข้าออกทั้ง 2 คน เขาก็เตะหินข้างเท้าด้วยความโกรธ

“ให้ตายเถอะ ไอ้หลงเหยากับหยินชางนั่น ท่านผู้เฒ่าต้องปกป้องพวกมันเพราะเกรงใจหูเจียวเจียวแน่”

“พ่อแม่ของข้าตายไปแล้ว พวกมันทุกคนก็เลยรวมหัวกันกลั่นแกล้งข้า ข้าเกลียดพวกมัน!”

ตอนนี้สายตาของลู่หลีเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ทว่าเขาไม่ทันได้สังเกตเห็นเงาดำข้างหลังที่กำลังคืบคลานเข้ามาหาตน

วินาทีนั้นเงาดำแอบย่องเข้าไปโดยที่คนตรงหน้าไม่รู้ตัว ก่อนจะยื่นมือที่มีเล็บแหลมคมไปปิดปากของกวางหนุ่ม และลากเขาเข้าไปในความมืด

“อื้อ! อืออ... อ่อยอ๊ะ(ปล่อยนะ)...”

ฝ่ายที่ถูกจู่โจมแบบกะทันหันพยายามดิ้นรน ไม่นานเขาก็ถูกโยนลงกับพื้น

ก่อนที่เขาจะทันได้ลุกขึ้น คอของเขาก็ถูกบีบพร้อมกับที่เล็บแหลมจิกลงไปในเนื้อ ซึ่งมือนั้นบังคับให้เขาสบเข้ากับดวงตาสีแดงก่ำคู่หนึ่ง

“เจ้าเป็นใคร… เจ้าเป็นใคร!?”

ลู่หลีร้องถามด้วยสีหน้าตื่นตระหนก

หลังจากเด็กหนุ่มมองดูใกล้ ๆ เขาก็รู้ว่าคนที่จับตนเป็นภูตหญิงในเผ่า

ผู้หญิงคนนี้สติไม่ดี ผมของนางยุ่งเหยิง ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยขีดข่วน นางเหมือนกับคนที่จะคลุ้มคลั่งได้ตลอดเวลา ในขณะที่ดวงตาของนางฉายแววจงเกลียดจงชัง

เวลานี้ผู้หญิงบ้ากำลังบีบคอของลู่หลีแน่นจนเล็บแหลมแทงเข้าไปในเนื้อกลายเป็นรอยสีแดงสด กระทั่งเลือดไหลซึมออกมา

“เขามีความสัมพันธ์ยังไงกับหวงเยว่?”

“บอกข้ามา บอกข้าว่าหวงเทียนคือใคร...”

ปัจจุบันใบหน้าของกวางหนุ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงเนื่องจากขาดอากาศหายใจ ขณะที่เขาพยายามอ้าปากพูด

“ปละ-ปล่อย แล้ว… ข้า… จะบอก”

เขาเค้นคำพูดแต่ละคำออกมาอย่างยากลำบาก

จากนั้นภูตหญิงก็ปล่อยมือออก และคว้าคอเสื้อของเขาไว้แทนก่อนจะเขย่าตัวเขาแรง ๆ

“แค่ก ๆ! แค่ก...” ส่วนลู่หลีพยายามสูดอากาศเข้าปอดพร้อมกับไอหลายครั้ง

เวรเอ๊ย!

ทำไมวันนี้ข้าถึงเจอแต่คนบ้า!

นี่มันไม่ต่างจากการหนีเสือปะจระเข้เลย!

“ข้าพูดแล้ว! ข้าพูดแล้ว!” กวางหนุ่มรีบร้องประท้วง

ทันทีที่เขาพูดจบ ภูตหญิงตรงหน้าก็หยุดเคลื่อนไหว โดยที่ลูกตาสีแดงคู่หนึ่งกำลังจ้องเขาจนแทบจะถลนออกจากเบ้า ประหนึ่งว่าถ้าเขาไม่รีบตอบ นางจะกินเขาเข้าไป

“บอกข้ามาเร็ว ๆ ว่าเขาเป็นใคร!”

“หวงเทียนเป็นน้องชายของหวงเยว่ เขาเป็นน้องชายของหวงเยว่!”

พอหญิงสาวเสียสติได้รับคำตอบ นางก็ผลักลู่หลีออกอย่างแรง

เป็นผลให้เด็กหนุ่มล้มก้นจ้ำเบ้า

“อ๊าก!”

เขาร้องด้วยความเจ็บปวดเพราะเขารู้สึกว่าก้นของตัวเองแทบจะขาดเป็น 2 ท่อน

เมื่อลู่หลีลุกขึ้นยืนอีกครั้ง ผู้หญิงบ้าคนนั้นก็หายตัวไปแล้ว

ครู่ต่อมา เขายกมือขึ้นเช็ดบาดแผลที่คอพลางกัดฟันด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะพยุงร่างตัวเองพิงผนังและอดไม่ได้ที่จะสบถด่าคนแปลกหน้า

“อีบ้าเอ๊ย ให้ตายเถอะ!”

วันนี้ข้าโดนทำร้ายถึง 4 ครั้งเลยนะ!

ใครไม่โกรธก็บ้าแล้ว!

...

ขณะนี้หวงเทียนตามเป้าเฟิงกลับไปที่บ้านหินในเผ่า

“เสี่ยวเทียน เข้าไปดูบ้านใหม่ของเจ้าสิ” ชายหนุ่มเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์แล้วพูดกระตุ้นให้อีกคนเข้าไปข้างใน

“พี่ใหญ่ ในอนาคตเราจะอยู่ที่นี่กันหรือ?” หวงเทียนมองไปที่บ้านหินหลังงามตรงหน้า เขาแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาของตัวเองเลย

“เราไม่ได้อาศัยอยู่ในถ้ำหรอกหรือ?”

เด็กหนุ่มอดไม่ได้ที่จะถาม

ตอนที่เขากลับมาพร้อมกับเป้าเฟิง เขาคิดว่าจะได้ไปอาศัยอยู่ในถ้ำอีกแห่งหนึ่ง

“เราจะไปอาศัยอยู่ในถ้ำทำไม นี่คือบ้านของเจ้า จากนี้ไปเราจะอาศัยอยู่ที่นี่” เสือดาวหนุ่มกล่าวพลางตบไหล่สมาชิกใหม่ในครอบครัวแล้วพาอีกคนเข้าไปในบ้าน

นี่คือบ้านหินที่เขาสร้างให้หวงเยว่

ปัจจุบันคู่ของเขาจากไปแล้ว ทำให้บ้านหินกลายมาเป็นของเป้าเฟิง

ในช่วงเวลาก่อนหน้านี้ เนื่องจากเขาอยู่คนเดียว บ้านหินจึงไม่ได้ทำความสะอาด พอประตูถูกเปิดออกก็มีกลิ่นเหม็นอับรวมถึงกลิ่นอาหารบูดโชยมาจากข้างใน

หวงเทียนจึงยกมือขึ้นปิดจมูกตัวเองพร้อมถอยหลังไป 2-3 ก้าวโดยไม่รู้ตัว

บ้านพี่ใหญ่… กลิ่นเหม็นไปหน่อย!

“ข้าขอโทษ ข้าพาเจ้ากลับมาก่อนที่ข้าจะมีเวลาทำความสะอาด รอข้าเดี๋ยวนะ” เป้าเฟิงรู้สึกอับอายเล็กน้อย ก่อนจะรีบเข้าไปในบ้านเพื่อเก็บกองกระดูกและขยะไปโยนทิ้ง

ถัดมา ชายหนุ่มเปิดหน้าต่างแล้วไปหาอะไรมาพัดแรง ๆ เพื่อให้กลิ่นภายในกระจายออกไปข้างนอกให้เร็วที่สุด

“เสี่ยวเทียน บ้านค่อนข้างรกไปสักหน่อยนะ แต่ก็ยังพออาศัยได้อยู่  ถ้าเจ้าต้องการอะไรบอกพี่ใหญ่ได้เลยนะ พี่ใหญ่จะหามาให้ ต่อจากนี้ไป ที่นี่จะเป็นบ้านของเจ้า เจ้าไม่ต้องเกรงใจ” ขณะนั้นเสือดาวหนุ่มเดินวุ่นไปทั่วบ้าน ก่อนจะเดินกลับมาพูดกับน้องชาย

จากนั้นหวงเทียนก็เดินเข้าไปข้างในพลางมองไปรอบ ๆ บ้านและพบว่าหลังจากจมูกชินกับกลิ่นแล้ว ภายในบ้านก็ได้รับการตกแต่งอย่างดี ห้องกว้างขวางมีแสงสาดส่องทั่วถึงทำให้ห้องดูสว่างไสว ซึ่งมันแตกต่างจากถ้ำมืด ๆ ที่เขาเคยอาศัยอยู่มาก่อนอย่างสิ้นเชิง

ภาพตรงหน้าทำให้เด็กหนุ่มไม่แน่ใจว่าตนกำลังฝันไปหรือเปล่า

เขาจำได้ว่าก่อนออกจากเผ่าหมาป่า เขาสัญญากับพี่สาวว่าจะสร้างบ้านเป็นของตัวเองและอาศัยอยู่กับนาง

ตอนนี้เขามีบ้านแล้วก็จริง แต่พี่สาวไม่ได้อยู่เคียงข้างเขาอีกต่อไป…

“เสี่ยวเทียน มานี่สิ ห้องนี้เป็นของเจ้า พี่สาวของเจ้าและข้าเคยนอนด้วยกันที่นี่” เป้าเฟิงพาหวงเทียนไปที่ห้องของเขา

ชายหนุ่มวางแผนที่จะอาศัยอยู่ในห้องว่างด้านข้างแล้วให้อีกฝ่ายใช้ห้องที่หวงเยว่เคยอาศัยอยู่

เป้าเฟิงรู้ว่าหลังจากโตขึ้น พี่น้องจะอยู่ด้วยกันน้อยลงและค่อย ๆ ห่างกันไปเรื่อย ๆ ดังนั้นเขาจึงอยากให้หวงเทียนมีเวลาได้ใกล้ชิดกับพี่สาวของเขาให้มากที่สุด

“พี่สาวเคยอยู่ที่นี่ด้วยหรือ?” ในที่สุดดวงตาของเด็กหนุ่มก็สว่างขึ้น

“ใช่ ที่นี่ก็เป็นบ้านของนางเหมือนกัน”

เสือดาวหนุ่มตอบโดยไม่ต้องคิด

วินาทีนั้นม่านหมอกสีขาวปรากฏขึ้นในดวงตาของหวงเทียน

ปรากฎว่าพี่สาวของเขาได้ลองชีวิตแบบนี้กับพี่ใหญ่แล้ว

ในเมื่อเขาได้มาอาศัยอยู่ในบ้านหินที่พี่สาวเคยอาศัยอยู่ ดังนั้นความรู้สึกที่ได้รับคงจะเหมือนกับว่าเขาได้อยู่กับพี่สาวใช่ไหม?

ต่อมา คนเป็นพี่ใหญ่พาน้องชายไปเยี่ยมชมส่วนอื่น ๆ ของบ้านหินพลางกล่าวว่า “ถ้ามีอะไรที่เจ้าไม่ชอบ ข้าจะเปลี่ยนให้เอง”

หวงเทียนส่ายหัวขณะที่ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยอารมณ์ซับซ้อน “บ้านหลังนี้ดีมาก ข้าชอบที่นี่มาก”

หลังจากที่เขาเงียบไปชั่วคราว เขาก็กล่าวต่อว่า

“นี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้อาศัยอยู่นอกถ้ำ มันดีมาก ดีกว่าถ้ำที่ข้าเคยอยู่ ดีกว่าร้อยเท่าพันเท่า”

“นี่คือบ้านที่ดีที่สุดที่ข้าเคยเห็น!”

ถ้ำที่เด็กหนุ่มพูดถึงคือถ้ำในเผ่าหมาป่า

เมื่อเป้าเฟิงเห็นการแสดงออกที่จริงใจของหวงเทียน เขาก็รู้สึกเขินอายเล็กน้อย

“เจ้าหนู เจ้าก็พูดเกินไป”

“มาเถอะ พี่ใหญ่จะทำอาหารอร่อย ๆ ให้เจ้า! อยากกินอะไรบอกพี่ใหญ่มาได้เลย!”

เขาพูดพลางวางมือไว้บนไหล่ของน้องชาย แล้วทั้งคู่ก็เดินออกจากห้องไปอย่างมีความสุข

ในที่สุดบ้านหินที่เงียบเหงาก็กลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง

0 0 โหวต
Article Rating
0 Comments
Inline Feedbacks
ดูความคิดเห็นทั้งหมด