บทที่ 394: พวกมันทำร้ายข้าจริง ๆ ข้าไม่ได้โกหก!
หลงเหยาทำหน้ามุ่ยมองหยินชางพร้อมกับบ่นพึมพำไม่หยุด
ต่อมา เขาถอนหายใจเหมือนชายชรา ส่ายหัวน้อย ๆ แล้วเปลี่ยนคำพูดในที่สุด
“ช่างเถอะ ๆ ยังไงเสี่ยวเหยาก็ถูกตีอยู่ดี วันนี้เสี่ยวเหยาเอาคืนมามากพอแล้ว อย่างแย่ที่สุด ท่านปู่แค่จะตีเสี่ยวเหยาเท่านั้นแหละ”
อย่างไรเสียเขาก็ได้ระบายความโกรธในใจออกมาแล้ว ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่านี้อีก
ไม่นานเด็กน้อยก็มีความสุข
ส่วนหยินชางยังไม่ทันได้บอกอะไร คนตัวเล็กก็พูดครบทุกคำแล้ว
คนเป็นพี่ชายจึงส่ายหัวแบบเอือมระอา ก่อนที่เขาจะเอื้อมมือไปจับมือเล็กและยืนอยู่ที่นั่นอย่างเงียบ ๆ เพื่อดู ‘การแสดง’ ของลู่หลี
ปัจจุบันหัวหน้าเผ่ากำลังจะเดินทางกลับ แต่ระหว่างทางเขานึกขึ้นได้ว่ามีอีกอย่างที่เขาลืมบอกเซี่ยหมาน เขาจึงกลับมาทางเดิมพร้อมกับคนของตน
แต่ชายชราไม่คาดคิดว่าเขาจะได้เจอกับลู่หลีที่ร้องโหยหวนวิ่งเข้ามาหาเขา
“เจ้าเป็นอะไรไป?”
ผู้อาวุโสถามพร้อมขมวดคิ้ว
ตอนนี้ความน่าเชื่อถือของเจ้าลูกกวางมันแทบไม่หลงเหลืออยู่แล้ว
ทางด้านลู่หลีล้มลงกับพื้นพลางคลานเข้าไปกอดต้นขาของท่านผู้เฒ่า และใบหน้าของเขาเปื้อนน้ำหูน้ำตาดูน่าเกลียดน่าขยะแขยงมาก
“ท่านผู้เฒ่า หลงเหยาจะฆ่าข้า มันบอกว่าจะฆ่าข้าแล้วโยนศพของข้าออกไปนอกเผ่า!”
“ละ-แล้วหยินชาง มันเพิ่งหักมือหักเท้าของข้า แค่นั้นไม่พอ พวกมันยังรุมทำร้ายข้าด้วย ดูสิ ข้าเจ็บไปหมดทั้งตัวแล้ว...”
กวางหนุ่มพูดพร้อมชี้ไปทางเด็กจอมโหดเหี้ยม 2 คน
เขาร้องไห้จนน้ำมูกและน้ำตาไหลอาบแก้ม
ครั้งนี้เขาถูกทำร้ายมาจริง ๆ!
“ท่านผู้เฒ่า รีบจับพวกมันไปโยนถ้ำหมื่นอสรพิษสิ เร็วเข้า!”
ลู่หลีพูดในขณะที่ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังผู้อาวุโส ในยามนี้ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความกลัวและตื่นตระหนก คล้ายคนที่กำลังคลุ้มคลั่ง
หลังจากคนเป็นหัวหน้าเผ่าได้ยินคำให้การของผู้ร้องทุกข์ เขาก็มองไปที่หยินชางกับหลงเหยา
ตอนนี้ทั้งคู่ยังคงมีท่าทีปกติ พวกเขาเป็นเด็กที่มีความประพฤติดีและรู้ความมาโดยตลอด ไม่น่าเป็นไปได้ที่อีกฝ่ายจะทำอะไรที่โหดร้ายอย่างที่ลู่หลีบอก
“ท่านปู่ พวกเรา...” หลงเหยาจับชายเสื้อตัวเองแน่น ในขณะที่เขากำลังเปิดปากจะยอมรับความผิดของตัวเอง
ท่านแม่บอกว่า การเป็นเด็กดีไม่ควรพูดโกหก
ในเมื่อเขาเป็นเด็กดี ดังนั้นเขาจึงคิดว่าเขาไม่ควรโกหก
ส่วนหยินชางยังคงนิ่งเฉยเหมือนกับว่าก่อนหน้านี้เขาไม่เคยทุบตีทำร้ายใครมาก่อนเลย
ก่อนที่คนตัวเล็กจะพูดจบ สีหน้าของผู้อาวุโสก็ขุ่นมัว ก่อนที่เขาจะผลักลู่หลีออกไปอย่างแรง
“ลู่หลี! พอแล้ว เจ้าจะสร้างปัญหาอีกนานแค่ไหน!”
บัดนี้ใบหน้าของชายชราเต็มไปด้วยความโกรธขณะสายตาที่เขาใช้มองกวางหนุ่มนั้นฉายแววผิดหวัง
“ท่านผู้เฒ่า ข้าพูดความจริง ทำไมท่านไม่เชื่อข้า?” ฝ่ายที่ถูกทำร้ายรู้สึกตกใจกับท่าทีของท่านผู้เฒ่า
“ข้าไม่ได้โกหกท่าน ท่านดูบาดแผลบนร่างกายของข้าสิ พวกมัน 2 คนเป็นคนทำทั้งหมด!” เขาอธิบายพร้อมกับมีอาการกระวนกระวาย
กวางหนุ่มพยายามชี้ให้ชายสูงวัยดูศีรษะ มือ เท้า และเอวของเขาตามลำดับ
ทว่าจุดที่เขาชี้กลับไม่พบรอยแผลเลยแม้แต่น้อย
ที่สำคัญ...
พอลู่หลีลองขยับมือและเท้า เขาก็ตัวแข็งทื่อไปทันที
เมื่อกี้นี้เจ้าเด็กนั่นหักมือและเท้าของเขาไปแล้วไม่ใช่หรือ?
ก่อนหน้านี้เขาเจ็บปวดแทบตาย
ทำไมจู่ ๆ มันถึงกลับมาเป็นปกติได้ล่ะ?
หลังจากหัวหน้าเผ่าเห็นการเคลื่อนไหวเหมือนตัวตลกของเด็กสติไม่ดี สีหน้าของเขาก็ยิ่งย่ำแย่ลงมากขึ้นเรื่อย ๆ จนในที่สุดเขาก็ทนไม่ไหวจึงยกมือตบหน้าเด็กหนุ่มฉาดใหญ่
เพี้ยะ!
“หุบปาก! เจ้าเจ็บตรงไหนมิทราบ!?”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะโกหกข้าเรื่องอื่น ข้าก็ไม่เคยถือสาเจ้า แต่ในวันนี้เจ้ากลับโกหกเพื่อใส่ร้ายหยินชางกับหลงเหยา ข้าผิดหวังในตัวเจ้ามาก!”
“ตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป เจ้าจะไม่มีวันได้ออกมาเดินข้างนอกแบบนี้อีก ข้าจะเป็นคนสั่งสอนเจ้าเอง หัวสมองของเจ้าจะได้ไม่ผิดเพี้ยนอีก”
ในเมื่อเด็กทำตัวไม่ดี เขาก็ต้องสั่งสอนให้อีกฝ่ายเป็นเด็กดีให้ได้ เพราะนี่มันเป็นความรับผิดชอบของเขา
พอชายชราเห็นลู่หลีทำตัวเหลวแหลกเช่นนี้ เขาก็รู้สึกว่าไม่สามารถปล่อยปละละเลยเด็กหนุ่มได้อีกต่อไป
“ไม่ ไม่!”
“ครั้งนี้ข้าไม่ได้โกหก สิ่งที่ข้าพูดคือความจริง เมื่อกี้หยินชางหักมือข้าจริง ๆ!”
“ข้าไม่ได้โกหก ท่านผู้เฒ่า ท่านต้องเชื่อข้า...”
กวางหนุ่มส่ายหัวซ้ำ ๆ พร้อมกับพยายามอธิบายอย่างกระวนกระวายใจ
แต่เขาลืมไปว่าตัวเองไม่มีความเชื่อถือในสายตาของหัวหน้าเผ่าอีกต่อไป
สำหรับภูตคนอื่น เขาเป็นแค่เด็กขี้โกหกคนหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าตอนนี้เขาจะพูดความจริงจนปากเปียกปากแฉะก็ไม่มีใครเชื่อเขาแล้ว
“มานี่!”
“พาลู่หลีกลับไป และเฝ้าเขาเอาไว้อย่างเข้มงวด อย่าให้เขาได้เดินออกไปหาเรื่องใส่ร้ายใครอีก!”
ผู้อาวุโสโมโหมาก เขาไม่อยากได้ยินคำพูดเลอะเลือนของเด็กคนนี้อีก
ส่วนภูตที่ยืนอยู่ข้างหลังไม่กล้าพูดอะไร เพราะพวกเขารู้ว่าท่านผู้เฒ่ากำลังโกรธมาก
เมื่อสิ้นเสียงคำสั่ง ภูตชาย 2 คนก็ก้าวไปประกบลู่หลีซ้ายขวาแล้วล็อกแขนลากเขาออกไป
“ท่านผู้เฒ่า ข้าไม่ได้โกหก!”
“พวกมันตีข้าจริง ๆ ข้าไม่ได้โกหก...”
ไม่นานเสียงของกวางหนุ่มก็ทอดยาวออกไปไกลเรื่อย ๆ
ก่อนที่เขาจะหายลับไปจากสายตาของทุกคน ในตอนนั้นเขาก็ยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น และเรื่องราวมันกลายเป็นแบบนี้ได้อย่างไร
ทางด้านหลงเหยาเบิกตากว้าง ดวงตาสีแดงทับทิมของเขาเต็มไปด้วยความสงสัย
เกิดอะไรขึ้น?
ทำไมมือเท้าที่ถูกหักของลู่หลีจู่ ๆ ก็กลับมาต่อกันเหมือนเดิมได้ทันเวลา?
จากนั้นคนตัวเล็กเอียงศีรษะมองไปที่หยินชางโดยไม่รู้ตัว
ตอนนี้สีหน้าท่าทางของเด็กหนุ่มยังคงนิ่งเฉยเหมือนคนไม่รู้เรื่องอะไรเลย
ส่วนชายสูงวัยนวดหว่างคิ้วและใช้เวลาชั่วครู่เพื่อสงบสติอารมณ์
ต่อมา เขาเดินไปหาหยินชางกับหลงเหยาพร้อมกับแสดงสีหน้าละอายใจ
“หยินชาง หลงเหยา เมื่อครู่นี้เขาทำให้พวกเจ้าตกใจหรือเปล่า? ปู่ไม่คิดว่าลู่หลีจะใส่ร้ายพวกเจ้า ปู่สัญญาว่าเรื่องแบบนี้จะไม่เกิดขึ้นอีก”
หลงเหยากะพริบตามองท่านผู้เฒ่าปริบ ๆ หลังจากได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย
เขายืนมึนงงอยู่ครู่หนึ่ง แล้วในที่สุดเขาก็เรียกสติตัวเองกลับมาได้ก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าอกเบา ๆ แล้วพยักหน้ารับแบบจริงจัง
“เฮ้อ! เสี่ยวเหยาตกใจเกือบตาย!”
ยามนี้การเคลื่อนไหวและการแสดงออกของเด็กน้อยเกินจริงไปมาก
มันทำให้หยินชางเม้มริมฝีปากพลางส่ายหัวอย่างเอือมระอา
เจ้าลู่หลีคนนั้นไม่คู่ควรพอที่จะทำให้เขาตกใจด้วยซ้ำ
ในสายตาของท่านผู้เฒ่า การกระทำที่เจ้ามังกรน้อยแสดงออกก็เพื่อปกปิดความหวาดกลัวของเจ้าตัว
ทันใดนั้นคนเป็นหัวหน้าเผ่าก็รู้สึกผิดมากขึ้น
“เจ้า 2 คนเป็นเด็กดี มา ตามปู่มา ปู่จะเอาอาหารให้พวกเจ้าเอาไปไว้กินกัน”
ปัจจุบันในเผ่ามีเด็กมากขึ้น เขาจึงได้ทำการเตรียมของโปรดสำหรับพวกเด็ก ๆ เอาไว้มากมาย
ในใจของชายชราหวังแค่ว่าเหล่าเด็กน้อยจะเติบโตแข็งแรงสมบูรณ์ตามวัย
จังหวะนั้นดวงตาของหลงเหยาเป็นประกายทันทีที่ได้ยินคำว่าอาหาร “มันคืออะไรหรือ!?”
เนื่องจากท่านปู่ไม่ใช่คนนอก ดังนั้นเขาสามารถกินอาหารของท่านปู่ได้โดยไม่ขัดคำสั่งท่านแม่
ถัดมา เจ้าตัวเล็กจับมือของพี่ชายเดินตามหลังชายสูงวัยไปทันที
ไม่นานท่านผู้เฒ่าก็มีเด็กทั้ง 2 ติดสอยห้อยตามไปไหนมาไหนด้วยทั้งวัน
…
ในเวลาเดียวกัน
ภายในถ้ำของหมอหนู
ขณะนี้หลงหลิงเอ๋อกำลังอุ้มกระต่ายที่ถูกจับมาจากกรงกระต่ายของเผ่า
และกระต่ายน้อยก็ดูเหมือนจะรู้ถึงชะตากรรมของตัวเอง แม้ว่ามันจะถูกมัดอย่างแน่นหนา แต่มันก็พยายามเตะขาหลังแรง ๆ เพื่อหาทางเอาชีวิตรอด
“เจ้ากระต่ายน้อย ใจเย็น ๆ นะ ไม่เป็นไร หลิงเอ๋อจะช่วยต่อกระดูกให้ มันไม่เจ็บหรอก แค่นิดเดียวเท่านั้น...” เด็กหญิงหรี่ตาพลางลูบหัวกระต่ายน้อยแผ่วเบา
ทว่าเสียงหวาน ๆ กลับทำให้สัตว์ตัวเล็กตกใจยิ่งกว่าเดิม
มันยังคงดิ้นรนพร้อมกับส่งเสียงแปลก ๆ ในลำคอต่อไป
พอหลงหลิงเอ๋อจับขาหลังของกระต่ายบิดเล็กน้อย มันก็ไม่สามารถขยับได้อีก แล้วมันก็เป็นอัมพาตนอนนิ่งอยู่บนพื้น
บัดนี้ดวงตาสีแดงอันแสนน่าสงสารรื้นไปด้วยน้ำตา
ส่วนหมอหนู 2 คนที่ยืนอยู่ด้านข้างเฝ้าดูทุกการเคลื่อนไหวของลูกศิษย์พากันขนลุกขนชันโดยไม่มีเหตุผล
นี่มันคือการทรมานกระต่ายชัด ๆ
ทำไมนางถึงทำเหมือนเป็นเรื่องปกตินัก...
ขณะที่ทั้งคู่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หลงหลิงเอ๋อได้ต่อขาของกระต่ายกลับเข้าไปใหม่แล้ว
ต่อมานางก็ปล่อยเชือกที่มัดกระต่ายเอาไว้ แล้วสัตว์ที่โดนทรมานก็กระโดดวิ่งหนีไปยังมุมหนึ่งก่อนจะใช้ขาหน้าขุดดินไม่หยุด
มันต้องการหนีไปจากที่นี่!
วันนี้มันโดนหักขาไปสิบกว่ารอบแล้ว!
เด็กผู้หญิงน่ากลัวคนนี้ทรมานมันอยู่ทั้งวัน การกระทำอันโหดเหี้ยมของนางน่ากลัวยิ่งกว่าความตายเสียอีก!!